เพลิงพิโรธสวรรค์ Fury towards the burning heaven - บทที่ 627 ไสหัวไปซะ
ยิ่งใกล้บริเวณเขตแดนทวีปก็จะมีเกาะมากมายส่วนในทะเลลึกนั้นจะมีเกาะน้อยกว่า มันเป็นเรื่องยากที่จะพบเกาะที่อยู่ห่างจากทวีปเฟยหม่ามากเช่นนี้ มันก็เป็นเรื่องปกติอยู่แล้วที่เจียงอี้จะไม่ต้องการปล่อยให้ที่ซ่อนดีๆเช่นนี้หลุดมือไป
เพียงแต่ว่า…..มีจักรพรรดิอสูรอยู่ในทะเลนี่สิ!“
มันทำให้เจียงอี้ตะกุกตะกักไปเล็กน้อยแต่เขาก็ตอบสนองเร็วมาก ทันใดนั้น เกราะเมฆาอัคคีก็ปรากฏขึ้นบนร่างของเขา เขาแผ่สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ออกไปในทะเลเพื่อดูความแข็งแกร่งของอสูรตนนี้เพื่อที่เขาจะได้ตัดสินใจในภายหลัง
เขาไม่ใช่คนไร้เดียงสาอีกต่อไปแล้วกระจกนิรันดร์สามารถป้องกันการโจมตีจากผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเทียนจุนขั้นที่ห้าได้และเกราะเมฆาอัคคีเองก็เป็นสิ่งประดิษฐ์ศักดิ์สิทธิ์แฝงอีกด้วย เจียงอี้จึงมั่นใจได้ว่าเขาจะไม่ได้รับบาดเจ็บจากการโจมตีธรรมดา ยิ่งไปกว่านั้น…..เขายังรู้วิชาหลีกสวรรค์และสามารถหนีได้ตลอดเวลาอีกด้วย นอกจากเขาจะมีสมบัติและวิชาเวทย์มากมายเพื่อเอาไว้ป้องกันตนเอง เขายังมีความกล้าหาญมากขึ้นอีกด้วย
“เจ้าคงเหนื่อยที่จะมีชีวิตอยู่แล้วสินะ!”
เสียงร้องดังก้องอยู่ใต้ทะเลเจียงอี้ยังไม่เจอตัวจักรพรรดิอสูรแต่น้ำทะเลรอบๆตัวเขาเริ่มเป็นระลอกคลื่นขึ้นมา คลื่นนับล้านกลายเป็นมังกรวารีและพุ่งตรงมายังเจียงอี้ ซึ่งมังกรวารีนั้นมีกำลังมากนับล้านกิโลกรัม หากผู้เชี่ยวชาญปกติทั่วไปถูกคลื่นนี้ปะทะเข้าไป พวกเขาคงจะตายอย่างแน่นอน
“ฮึ่ม!”
ร่างของเจียงอี้ส่องแสงและเขาก็หายลับไปทันทีจึงทำให้มังกรวารีกว่าสิบร่างปะทะเข้าหากันเองและพวกมันทั้งหมดก็กลายเป็นคลื่นกระทบกันและทำให้เกิดพายุฝนจากท้องฟ้าในทันใด
บรึฟ!
ราชวังจักรพรรดิบนมือของเจียงอี้เปล่งประกายและเฟิ่งหลวนก็ปรากฏขึ้นบนท้องฟ้าชิงหยีนั้นอ่อนแอเกินกว่าจะต่อกรกับจักรพรรดิอสูรได้ เจียงอี้จึงไม่ได้นำนางออกมาด้วย และตัวเขาเองก็ไม่ได้ใช้วิชาหลีกสวรรค์เดินทางมาไกลมากนัก ร่างกายของเขาจึงไม่ได้รับบาดเจ็บใดๆ แต่มันก็ยังปลอดภัยกว่าที่จะเรียกเฟิ่งหลวนออกมาเพราะอาคมของนางอาจช่วยต่อสู้กับศัตรูได้มาก
“นายน้อย!”
เฟิ่งหลวนรีบพุ่งไปอยู่ข้างๆเจียงอี้นางอุ้มเขาและบินขึ้นไป จากนั้นนางก็ตรวจสอบข้างล่างด้วยตาและสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของนาง และในไม่ช้า ทั้งนางและเจียงอี้ก็ต้องมีสีหน้าที่มืดมนลง เพราะพวกเขาพบกลิ่นอายที่ทรงพลังยิ่งกว่าจักรพรรดิอสูรเงือก แต่มันก็ยังอ่อนแอกว่าจักรพรรดิอสูรชือ
“จะสู้หรือหนี?”
เจียงอี้คิดระหว่างสองทางนี้เขาอุตส่าห์เจอพื้นที่ที่เหมาะสมแล้วและมันคงน่าเสียดายที่จะยอมแพ้ไปในตอนนี้ ท้ายที่สุดแล้วดวงตาของเขาก็เปลี่ยนไปและตัดสินใจขึ้นมา ทะเลราตรีสีเลือดนี้อาจเป็นดินแดนของจักรพรรดิอสูร ไม่ว่าเขาจะไปที่ใดเขาก็อาจจะต้องเจอจักรพรรดิอสูรและไม่ว่ายังไงเขาก็ต้องจัดการเรื่องนี้อยู่ดี
“เฟิ่งเอ๋อร์ช่วยข้าดูสถานการณ์ที ข้าจะไปทดสอบพลังของเกราะเมฆาอัคคีหน่อย”
เจียงอี้ตะโกนออกมาและบินลงไปส่วนเฟิ่งหลวนก็พยักหน้า นางมั่นใจในชุดเกราะเมฆาอัคคี หากจักรพรรดิอสูรตนนี้ทำลายเกราะเมฆาอัคคีได้ง่ายๆ มันก็ไม่สมกับเป็นสิ่งประดิษฐ์ศักดิ์สิทธิ์แฝงแล้ว
ตูม!ตูม! ตูม!
น้ำทะเลด้านล่างพัดกระหน่ำอีกเช่นเคยและมังกรวารีนับไม่ถ้วนก็พวยพุ่งขึ้นมาและพุ่งเข้าใส่เจียงอี้
“ฮึ่ม!”
ครั้งนี้เจียงอี้ไม่ได้หลีกหนีอะไรเขาหมุนเวียนแก่นแท้พลังไปยังชุดเกราะและมันก็เป็นประกายสีแดงไปทั่วท้องฟ้าในทันที แม้แต่เฟิ่งหลวนก็ยังไม่กล้ามองไปที่เจียงอี้ในตอนนี้ นางรู้สึกราวกับว่ามีดวงอาทิตย์ลุกโชนอยู่ตรงนั้นและกลิ่นอายที่ทรงพลังก็แผ่ออกมาจากเจียงอี้ซึ่งทำให้เฟิ่งหลวนสัมผัสได้ถึงความกดดัน
ตูม!ตูม! ตูม!
มังกรวารีกว่าสิบตัวพุ่งเข้าใส่เจียงอี้พวกมันทั้งหมดกลับกลายเป็นน้ำทะเลและสาดกระเซ็นไปทุกที่ แต่เจียงอี้ไม่ได้รับบาดเจ็บใดๆเลย เขาไม่แม้แต่จะปลิวถอยกลับไปเพราะแรงกระแทกเลยด้วย
“พลังป้องกันของเกราะเมฆาอัคคีนี้น่าประทับใจเสียจริงมันสมกับเป็นสิ่งประดิษฐ์ศักดิ์สิทธิ์แฝงแล้วล่ะ!”
ดวงตาที่งดงามของเฟิ่งหลวนสุกสกาวมากนางจ้องมองร่างนั้นด้วยความหลงใหล ความรักนั้นทำให้คนตาบอด ไม่ต้องพูดถึงความจริงที่ว่าเจียงอี้อยู่ในชุดเกราะที่งดงามและไร้ที่ติซึ่งเขาดูน่าหลงใหลเป็นอย่างยิ่ง
“เฟิ่งเอ๋อร์โจมตี!”
เสียงตะโกนของเจียงอี้ทำให้นางดึงสติกลับมาได้นางกวาดสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของนางและพบจักรพรรดิอสูรอย่างรวดเร็ว จักรพรรดิอสูรนั้นไม่ได้อยู่ในร่างเดิมแต่เปลี่ยนร่างเป็นมนุษย์แทน เขาเป็นชายวัยกลางคนที่มีผิวสีทองและมีเขาสองข้างอยู่บนศีรษะซึ่งดูเหมือนคนจากเผ่าพันธุ์เฟยหม่า ดวงตาของเขานั้นเต็มไปด้วยกลิ่นอายแห่งความเยือกเย็นและมันดูน่ากลัวเป็นอย่างยิ่ง
ในขณะที่เขาพุ่งขึ้นมาจากทะเลน้ำทะเลรอบตัวเขาก็รวมตัวกันเป็นมังกรวารีอีกครั้งซึ่งทำให้รูปลักษณ์ของเขาดูไม่ธรรมดา
“ตายยย!”
เขามองไปที่ชุดเกราะของเจียงอี้ด้วยความโลภมือที่เหมือนกรงเล็บของเขาก็กวัดแกว่งไปมาอย่างว่องไวและรวบรวมพลังงานสีทองทรงกลมไว้ที่ฝ่ามือและเพ่งเล็งไปที่เจียงอี้
ฟรึ่บ!ฟั่บ!
ในขณะที่เขาขยับมือมังกรวารีหลายสิบตัวก็พุ่งเข้าใส่เจียงอี้ และพวกมันก็ผุดขึ้นมาเต็มไปทั่วทุกหนทุกแห่งและทำให้ท้องฟ้าสนั่นสั่นไหว น้ำทะเลด้านล่างซัดกระหน่ำอย่างไม่หยุดหย่อนและระลอกคลื่นก็ขยายวงกว้างออกไปไกล
บรึฟ!
แต่เจียงอี้ไม่ได้สนใจเลยบางทีหากเป็นเขาคนเก่าก็คงจะรู้สึกหวาดกลัวอยู่บ้าง แต่ในตอนนี้ด้วยเกราะเมฆาอัคคี กลิ่นอายของจักรพรรดิอสูรตนนี้ไม่ได้มีผลอะไรกับเขาเลย และเขาก็ย้ายร่างฉับพลันได้อย่างง่ายดาย
“ย๊ากกก!”..ไอรีนโนเวล
เฟิ่งหลวนที่อยู่ด้านบนเจียงอี้ได้ปลดปล่อยรูปแบบเต๋าราตรีของนางออกมาท้องฟ้าด้านหลังของนางกลายเป็นความมืดและหมอกสีดำก็ปกคลุมไปทั่วท้องฟ้าในบริเวณนั้นอย่างรวดเร็ว และปกคลุมทั้งเจียงอี้และจักรพรรดิอสูรไป
“นายน้อยจักรพรรดิอสูรอยู่ห่างจากท่านไปทางซ้ายสามสิบสามกิโลเมตร!”
เมื่อเจียงอี้ย้ายร่างฉับพลันไปสายตาของเขาก็ถูกปกคลุมไปด้วยความมืดมิด แต่ในขณะที่เขาแผ่สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ออกไป เขาก็สัมผัสได้ถึงกลิ่นอายที่ทรงพลังสองก้อน จากนั้นเขาก็รู้สึกดีมากที่พบว่าดวงจิตวิญญาณของเขาพัฒนาขึ้นมา ดังนั้นรูปแบบเต๋าราตรีของเฟิ่งหลวนจึงออกฤทธิ์อ่อนลงเมื่อใช้กับเขา
ดาบมังกรเพลิงปรากฏขึ้นบนมือของเขาและทันใดนั้นเขาก็ฟาดไปทางซ้ายและมังกรเพลิงจิ๋วนับหมื่นตัวก็พุ่งออกไปพร้อมกับคาบเพลิงมังกรเก้าสวรรค์ไปสิบก้อน เขาไม่ได้ปลดปล่อยเปลวเพลิงอเวจีออกไปในครั้งนี้ เนื่องจากว่า…เขาเหลือเปลวเพลิงอเวจีอยู่เพียงไม่ถึงสิบก้อน
ปึง!ปัง!
มังกรเพลิงปกคลุมไปทั่วฟ้าและปะทะเข้ากับจักรพรรดิอสูรที่หยุดนิ่งอยู่กลางอากาศเปลวเพลิงมังกรเก้าสวรรค์พุ่งเข้าใส่ร่างของเขาและก้อนพลังงานสีดำก็พุ่งไปที่จักรพรรดิเช่นกัน
ตูม!ตูม! ตูม! ตูม!
จักรพรรดิอสูรถูกส่งลอยออกไปแต่สิ่งที่ทำให้เฟิ่งหลวนและเจียงอี้ตกตะลึงเป็นอย่างมากก็คือ นอกจากผิวด้านนอกของเขาที่ไหม้เป็นสีดำด้วยเปลวเพลิงและเสื้อคลุมที่ถูกเผาไป เขาก็ไม่ได้รับบาดเจ็บใดๆเลย
แต่เขาก็แสยะยิ้มด้วยความเจ็บปวดขณะที่ร่างของเขาไหม้เกรียมจากนั้นเขาก็อ้าแขนและโจมตีวิชาอสูรสีทองด้วยความเดือดดาลทำให้น้ำทะเลโดยรอบเกิดคลื่นขนาดยักษ์ที่สูงถึงห้าพันกิโลเมตรและทะลุผ่านหมอกสีดำที่ปกคลุมทั่วท้องฟ้า
“ตายตาย ตายย!”
เขาตะโกนออกมาอย่างเกรี้ยวกราดน้ำทะเลด้านล่างพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้าและรวมตัวกันกลางอากาศเป็นมังกรวารีมากมายนับไม่ถ้วนซึ่งพุ่งไปที่เจียงอี้และเฟิ่งหลวน
มังกรทุกตัวมีความยาวนับสิบเมตรและมีกลิ่นอายที่น่าอัศจรรย์!นอกจากนี้มังกรเหล่านี้ยังได้รับพลังอสูรสีทองจากจักรพรรดิอสูรด้วย ในตอนนี้พวกมันดูไม่เหมือนกับมังกรวารีแต่ดูเหมือนมังกรที่มีร่างกายจริงๆ
มังกรทองนับหมื่นยังคงทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้าพวกมันแหวกว่ายอยู่บนท้องฟ้าและเสียงของพวกมันก็ดังสนั่น น้ำทะเลด้านล่างก็กระเพื่อมไม่หยุดและท้องฟ้าก็สนั่นสั่นไหว ฉากนี้เป็นฉากที่น่าสะเทือนขวัญและน่าสยดสยองเป็นอย่างยิ่ง
“เฟิ่งเอ๋อร์หนีไป!”
เจียงอี้อยู่ในชุดเกราะเมฆาอัคคีและไม่ได้กังวลกับการโจมตีแต่พลังป้องกันของเฟิ่งหลวนนั้นค่อนข้างอ่อนแอ แม้ว่านางจะเปิดใช้งานโล่ศักดิ์สิทธิ์ได้ แต่ก็ไม่มีผู้ใดรู้ว่านางจะสามารถต้านทานการโจมตีได้ขนาดไหน
ฟรึ่บ!
ใบหน้าของเฟิ่งหลวนซีดลงและแสงสีดำเปล่งประกายรอบๆตัวนางนางถูกห่อหุ้มไว้ในโล่สีดำซึ่งเห็นได้ชัดว่านางเปิดใช้งานโล่ศักดิ์สิทธิ์ ในขณะเดียวกันนางก็ถอยกลับไปอย่างรวดเร็วเท่าที่จะเร็วได้
การโจมตีคือการป้องกันที่ดีที่สุด!
เมื่อเจียงอี้เห็นเฟิ่งหลวนเปิดใช้งานโล่ศักดิ์สิทธิ์ดังนั้นนางน่าจะต้านทานได้สักพัก จากนั้นสายตาที่ไม่ลดละก็ปรากฏขึ้นในดวงตาของเขาขณะที่เขาหายตัวไป ในวินาทีถัดมา เขาก็ปรากฏขึ้นหลายร้อยกิโลเมตรใต้จักรพรรดิอสูรและตะโกนออกมาว่า “ตายซะ!”