เพลิงพิโรธสวรรค์ Fury towards the burning heaven - บทที่ 638 รีบออกจากที่นี่
บรึฟ!
ร่างของเขาสว่างไปด้วยแสงสีแดงเพลิงขณะที่เกราะเมฆาอัคคีปรากฏขึ้นบนร่างของเขาและปิดกั้นการโจมตีที่น่ากลัวเหล่านั้นไปได้
ตูม!
ส่วนดาบวิญญาณก็สลายดวงจิตวิญญาณของผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเทียนจุนไปได้อย่างง่ายดายกลิ่นอายของคนผู้นั้นค่อยๆอ่อนลงและร่างของเขาก็ตกลงมากระแทกพื้นโดยไม่เหลือเรี่ยวแรงใดๆ
“คนต่อไป!”
ใบหน้าของเจียงอี้เปื้อนไปด้วยเขม่าและดวงตาของเขาก็เต็มไปด้วยจิตสังหารที่เย็นชา
“ฆ่าฆ่า ฆ่า!”
จักรพรรดิมังกรวารีสีทองถูกผู้เชี่ยวชาญทั้งสองคนนี้ไล่ล่าในช่วงสองวันที่ผ่านมาอย่างไม่หยุดหย่อนและเกือบถูกสังหารตายอยู่หลายครั้งและเมื่อมันเห็นเจียงอี้สังหารผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเทียนจุนคนหนึ่งไปอย่างรวดเร็ว มันก็ฮึดสู้ขึ้นมาทันที ฝ่ามือของมันเปล่งแสงสีทองในขณะที่ทะเลรอบเกาะก็ลอยขึ้นมาก่อนที่จะกลายเป็นมังกรวารีนับหมื่นที่พุ่งไปยังผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเทียนจุน
“ตายย!”
เสื้อคลุมลายฟีนิกซ์หลากสีของเฟิ่งหลวนกระพือเสียงดังท่ามกลางสายลมที่รุนแรงนางกวัดแกว่งฝ่ามือของนางและเดินอยู่กลางอากาศอย่างงดงาม ในขณะที่ร่างของนางเคลื่อนไหว ท้องฟ้าก็ถูกปกคลุมไปด้วยความมืดอีกครั้ง
สามต่อหนึ่ง!
ไม่จำเป็นต้องพูดถึงบทสรุปของเรื่องนี้และเจียงอี้ไม่จำเป็นต้องใช้ดาบวิญญาณของเขาด้วยซ้ำพวกเขาทั้งสามสามารถทำลายโล่ศักดิ์สิทธิ์และบดขยี้ศัตรูให้กลายเป็นผุยผงได้โดยไม่ต้องใช้ความพยายามใดๆ แต่ครั้งนี้เจียงอี้ต้องการจับตัวเขาไว้เป็นๆและคอยตรวจสถานการณ์ที่เกิดขึ้น มันจึงเป็นเรื่องที่ลำบากอยู่เล็กน้อย
เจียงอี้ได้พัฒนาร่างจำแลงคณานับไปมากอยู่ซึ่งมันทำให้เขาสร้างร่างแยกได้เกือบพันร่างและควบคุมมันได้พร้อมๆกันเขาให้พวกมันพุ่งไปทางผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเทียนจุนซึ่งมันทำให้ร่างของเขาสั่นสะท้านไปด้วยความกลัว
และด้วยความที่ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเทียนจุนผู้นั้นกำลังว้าวุ่นใจอยู่กับเจียงอี้มันจึงทำให้เฟิ่งหลวนและจักรพรรดิมังกรวารีสีทองมีเวลาโจมตีได้ง่ายขึ้น จักรพรรดิมังกรวารีโจมตีด้วยมังกรวารีอย่างต่อเนื่องในขณะที่เฟิ่งหลวนใช้รูปแบบเต๋าราตรีเพื่อปล่อยลำแสงสีดำออกมาซึ่งทุกสิ่งจะปะทะเข้าสู่โล่ศักดิ์สิทธิ์ของผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเทียนจุน
ในทางตรงกันข้ามผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเทียนจุนผู้นี้ได้กลายเป็นคนที่หูหนวกและมองไม่เห็นไปเพราะรูปแบบเต๋าราตรี เขาไม่มีทางเลือกอื่นแล้วนออกจากต้องดิ้นรนและอดทนอย่างขมขื่นในขณะที่รอคอยเวลาที่โล่ศักดิ์สิทธิ์ของเขาแตกสลายและกลายเป็นผุยผงไป
ส่วนเจียงอี้ไม่ได้โจมตีต่อและใช้ร่างแยกเพื่อคอยรบกวนคนผู้นี้เป็นครั้งคราวแล้วทำให้เขากลัวจากนั้นเขาก็เพ่งสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ไปที่คนผู้นั้นและส่งข้อความว่า “เจ้าเพียงแค่ตอบข้ามาสักสองสามคำถามแล้วข้าจะไว้ชีวิตเจ้า ว่ายังไงล่ะ?”
ทำข้อตกลง?
ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเทียนจุนผู้นี้ตกอยู่ในสภาพที่สิ้นหวังไปแล้วและเมื่อเจียงอี้ส่งข้อความมาหาเขามันทำให้เขารู้สึกยินดีขึ้นมา แต่เขาก็ตะโกนกลับไปด้วยความระแวง “ฮึ่ม หากเจ้าอยากจะฆ่าข้า ก็ฆ่าข้าซะ ข้าไม่หลงกลเจ้าหรอก เจ้าคิดว่าข้าโง่เง่ารึไงกัน?”
“ฮ่าฮ่า!”
เจียงอี้หัวเราะอยู่นานและตอบว่า“สหายเจ้าถูกข้าสังหารในกระบวนท่าเดียว เจ้าคิดว่าข้าจะต้องใช้อุบายอะไรด้วยหรือหากว่าข้าจะฆ่าเจ้าน่ะ? ไร้สาระ แค่ตอบคำถามข้า และข้าสาบานว่าจะไม่ฆ่าเจ้า แล้วหากเจ้ากล้าที่จะพูดอะไรออกมาอีก ข้าจะส่งเจ้าไปลงนรกซะ! คำถามแรก ใครส่งเจ้ามาที่นี่?”
ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเทียนจุนกำลังดิ้นรนและเขารู้สึกว่าโล่ของเขานั้นแตกสลายได้ทุกเมื่อและเมื่อกลิ่นอายแห่งความตายห้อมล้อมเขาเอาไว้ เขาก็ได้แต่กระพริบตาและตอบว่า “ข้าเป็นสมาชิกทหารตระกูลจักรพรรดิแห่งหมู่มาร ข้าได้รับคำสั่งให้ตามนายน้อยเฟยมาเพื่อไล่ล่าและสังหารเจ้า”
เสียเฟย?…Aileen-novel
คำตอบนี้อยู่ในสิ่งที่เจียงอี้คาดเอาไว้เขาพยักหน้าและถามอีกครั้ง “เจ้ารู้ได้อย่างไรว่าข้าอยู่ในทะเลราตรีสีเลือด? เจ้าพบข้าเร็วขนาดนี้ได้เช่นไร? หรือว่ามีความสามารถในการติดตามผู้คนที่ยอดเยี่ยมหรือ?”
เจียงอี้มีวิชาหลีกสวรรค์และสามารถไปทุกที่ที่เขาต้องการจะไปได้แม้กระทั่งกลับไปยังทวีปเทียนชิงหรือทะเลลึกทางตะวันออกของทวีปจักรพรรดิบูรพาก็ได้
นอกจากนี้ทะเลราตรีสีเลือดกว้างใหญ่เพียงใด ทำไมเสียเฟยจึงหาเขาเจอได้ในเวลาสั้นๆ? ดังนั้นเขาจึงสงสัยในความสามารถในการติดตามคนขึ้นมา
ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเทียนจุนผู้นั้นตกตะลึงเมื่อพบว่าเจียงอี้ไม่รู้เรื่องนักโหราศาสตร์และปรมาจารย์ขบวนทัพศักดิ์สิทธิ์เขาลังเลขึ้นมาและไม่กล้าพูดมากไปกว่านี้ หากเสียเฟยรู้ว่าเขาเป็นคนทำให้ข้อมูลรั่วไหลแก่ศัตรู เขาก็ยังต้องตายอยู่ดีหลังจากที่กลับไปยังเมืองจักรพรรดิแห่งหมู่มาร
“ฮึ่ม!”
เจียงอี้กระแอมในขณะที่เขาส่งเสียงไปอีกครั้ง“เจ้าควรจะคิดให้ดีก่อนนะ หากเจ้าไม่พูด เจ้าจะต้องตายตอนนี้ และหากเจ้าพูด มันคงมีเพียงสวรรค์, โลก, เจ้าและข้าที่รู้เรื่องนี้ หากข้าไม่พูด เสียเฟยจะรู้ได้อย่างไร? บอกมาซะ!”
คำพูดสุดท้ายทำให้ดวงจิตวิญญาณของผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเทียนจุนผู้นั้นสั่นสะท้านเขากัดฟันและพูดว่า “นายน้อยเฟยได้นำนักโหราศาสตร์และปรมาจารย์ขบวนทัพศักดิ์สิทธิ์มาด้วย ตราบใดที่ดวงจิตวิญญาณของเจ้าปรากฏขึ้น นักโหราศาสตร์จะจับตำแหน่งที่อยู่ของเจ้าได้ และปรมาจารย์ขบวนทัพศักดิ์สิทธิ์สามารถเดินทางข้ามห้วงอากาศเพื่อไล่ล่าเจ้าได้ มันจึงทำให้เรามาที่นี่ได้เร็วเช่นนี้…”
“นักโหราศาสตร์?ท่าไม่ดีแล้ว นายน้อย!”
เมื่อเฟิ่งหลวนได้ยินนางก็อธิบายและส่งข้อความถึงเขา “ตระกูลเฟิ่งมีบันทึกของนักโหราศาสตร์และปรมาจารย์ขบวนทัพศักดิ์สิทธิ์อยู่ ข้าเองยังคิดว่าพวกเขานั้นเป็นเพียงตำนานและไม่ได้คิดว่ามีอยู่จริงๆ นายน้อย เราต้องหนีแล้วเจ้าค่ะ ไม่เช่นนั้น….ผู้เชี่ยวชาญกลุ่มใหญ่จะเดินทางข้ามมาที่นี่เป็นแน่”
“หืม?”
ดวงตาของเจียงอี้กลับกลายเป็นความเย็นชาแต่เขาก็ไม่ได้ตื่นตระหนกอะไร จากนั้นเขาก็ส่งข้อความไปว่า “นายน้อยเฟยของเจ้าอยู่ห่างจากที่นี่มากขนาดไหน? พวกเขาจะใช้เวลานานแค่ไหนถึงจะมาที่นี่ได้? มีทั้งหมดกี่คน? แล้วความแข็งแกร่งของพวกเขาเป็นเช่นไร?”
ในเมื่อผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเทียนจุนพูดเรื่องนักโหราศาสตร์และปรมาจารย์ขบวนทัพศักดิ์สิทธิ์ไปแล้วเขาจึงไม่กลัวอะไรอีกต่อไปและรีบตอบว่า “เรามีผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเทียนจุนกว่าหกสิบคนพร้อมด้วยผู้อาวุโสศักดิ์สิทธิ์หนึ่งคนที่อยู่ขอบเขตเทียนจุนขั้นสูงสุด เมื่อนายน้อยเฟยได้ข้อมูลแล้ว นักโหราศาสตร์จะใช้เวลาประมาณหนึ่งชั่วโมงในการจับตำแหน่งนี้ในขณะที่ปรมาจารย์ขบวนทัพศักดิ์สิทธิ์จะต้องใช้เวลาอีกชั่วโมงในการมาที่นี่ กองทัพอาจจะมาถึงในอีกประมาณหนึ่งชั่วโมง อ้อใช่แล้ว…ในระหว่างนี้เราพบผู้เชี่ยวชาญตระกูลเจี้ยนอีกมากมายและพวกเขาก็ตามหาเจ้าเช่นกัน พวกเขามีนักโหราศาสตร์และปรมาจารย์ขบวนทัพศักดิ์สิทธิ์ด้วย ข้าพูดทุกอย่างออกไปแล้ว นายน้อยเจียงโปรดทำตามสัญญาและไว้ชีวิตข้าด้วย”
“ดีมาก!”
เจียงอี้พยักหน้าอย่างพอใจและพูดว่า“เฟิ่งเอ๋อร์, มังกรวารีสีทอง ทำให้เขาพิการและไว้ชีวิตเขาซะ!”
จี๊!จี๊!
เมื่อเขาพูดจบการโจมตีของเฟิ่งหลวนและมังกรวารีสีทองก็โหมกระหน่ำอย่างโหดร้าย โล่ที่เกือบจะแตกสลายไปก็พลันแตกสลายในทันใดและระเบิดร่างของเขาออกไปจนตัวของคนผู้นั้นเต็มไปด้วยเลือด และมีบางส่วนของร่างกายคนผู้นั้นที่แผลลึกมากจนมองเห็นกระดูกของเขา
ฟรึ่บ!
พลังดัชนีของเฟิ่งหวนพุ่งไปยังผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเทียนจุนและเจาะเข้าไปยังตันเทียนของเขาจนเขาคร่ำครวญออกมาด้วยความเจ็บปวดและคำรามใส่เจียงอี้ด้วยความเคียดแค้น“เจ้ามันคนน่ารังเกียจนัก ไม่ใช่ว่าเจ้าบอกว่าจะไว้ชีวิตข้าหรอกหรือ? เจ้าไม่รักษาสัญญาของเจ้า!”
“ไอ้งั่ง!”
เจียงอี้กวาดตามองเขาอย่างไม่แยแสและพูดว่า“ข้าบอกว่าจะไว้ชีวิตเจ้า แต่ไม่ได้บอกว่าจะไม่ทำให้เจ้าพิการเสียหน่อย ไม่ใช่ว่าเจ้ายังมีชีวิตอยู่หรอกหรอ?”
ในขณะที่เจียงอี้พูดเขาก็เดินไปข้างหน้าและจับคนผู้นั้นเข้าไปในราชวังจักรพรรดิ เขาจะไม่ปล่อยคนผู้นี้ไปง่ายๆและต้องหาข้อมูลเพิ่มเติม เจียงอี้จะปล่อยเขาไปหรือ? เขาไม่ใช่คนโง่เง่า ทำไมเขาจึงต้องปล่อยให้คนคนนี้ไปนัดเจอเสียเฟยและยอมให้พวกเขามาไล่ล่าเขาด้วยล่ะ?
การเมตตาศัตรูคือการไม่ปรานีตนเองเจียงหยุนไฮ่สอนเขาตั้งแต่ยังเด็กว่าจะต้องไร้ปรานีต่อศัตรูเพื่อไม่ให้เกิดปัญหาในอนาคต
ฟรึ่บ!
ร่างของเจียงอี้พุ่งไปยังผู้เชี่ยวชาญอีกคนและถอดชุดเกราะทั้งหมดออกเขาเก็บหอกและแหวนแก่นแท้ศักดิ์สิทธิ์โบราณของคนผู้นั้นเอาไว้ จากนั้นเขาก็ใช้ดาบมังกรเพลิงทิ้งคำเอาไว้บนพื้นพร้อมกับโบกมือให้เฟิ่งหลวนและจักรพรรดิมังกรวารีสีทองขณะที่พูดว่า “รีบออกจากที่นี่กันเถอะ!”