เพลิงพิโรธสวรรค์ Fury towards the burning heaven - บทที่ 645 ข้าไม่มีหน้าให้กลับไปแล้ว
- Home
- เพลิงพิโรธสวรรค์ Fury towards the burning heaven
- บทที่ 645 ข้าไม่มีหน้าให้กลับไปแล้ว
บรึฟ!
ก่อนที่การต่อสู้จะเริ่มขึ้นมีความผันผวนเกิดขึ้นบริเวณทะเลใกล้ๆและแสงสว่างก็ขยายออกมาอย่างรวดเร็วและในไม่ช้ามันก็เผยทางเดินมิติโบราณขึ้น ชายชราอุ้มเด็กและรีบวิ่งออกมาในขณะที่ผู้เชี่ยวชาญอีกแปดสิบคนพากันวิ่งตามหลังมา
“ฮ่าฮ่าฮ่าเสียเฟย ทำไมเจ้าถึงอยู่ในสภาพที่น่าสมเพชเช่นนี้….?”
ไม่รู้ว่านักโหราศาสตร์หรือปรมาจารย์ขบวนทัพศักดิ์สิทธิ์ของเจี้ยนอู๋อิงอ่อนแอกว่าตระกูลเสียหรือเปล่าแต่พวกเขาจะปรากฏตัวหลังจากที่เสียเฟยโผล่มาไม่นาน และเจี้ยนอู๋อิงก็ปรากฏตัวขึ้นและเห็นสีหน้าที่มืดมนของเสียเฟยเมื่อเขากำลังถูกพาอุ้มหนีไปพร้อมกับซากศพปีศาจทะเลที่มีอยู่ทุกหนแห่ง มันจึงทำให้เจี้ยนอู๋อิงอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา
อย่างไรก็ตาม!
ก่อนที่รอยยิ้มของเจี้ยนอู๋อิงจะได้ยิ้มสุดขอบปากผู้เชี่ยวชาญที่อยู่ข้างๆเขาก็คว้าตัวเขาไว้ทันทีและหนีไปพร้อมกับคำรามออกมา “พวกเรา หนีเร็ว มีจักรพรรดิอสูรขั้นสูงสุดสองตนและจักรพรรดิอสูรระดับสูงสามตน ด้วยความแข็งแกร่งของพวกเจ้า พวกเจ้าทุกคนจะตายแน่ๆ!”
ในขณะที่เหล่าผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเทียนจุนคนอื่นๆต้องการที่จะหัวเราะออกมาเหมือนกันแต่เมื่อพวกเขาได้ยินคำพูดนี้ พวกเขาก็มีสีหน้าเปลี่ยนไปทันที มีกลิ่นอายที่ทรงพลังกำลังใกล้เข้ามาและพวกเขาสัมผัสได้ว่ามันเป็นของอสูรโบราณและเต็มไปด้วยความน่าหวาดผวา
ฟรึ่บ!ฟั่บ!
ขณะที่พวกเขากำลังจะบินหนีไปไกลก็มีคลื่นขนาดยักษ์จากน้ำทะเลสีดำด้านหน้าที่เต็มไปด้วยปีศาจทะเลทุกตัวที่กำลังวิ่งกรูเข้ามา อันที่จริงแล้วพวกมันกำลังตรงดิ่งมาจากทั่วทุกสารทิศเลยก็ว่าได้
ปีศาจทะเลส่วนใหญ่เป็นอสูรหนามแหลมแต่ก็ยังมีปีศาจทะเลแปลกๆอีกมากมาย กลิ่นอายที่แผ่ออกมาจากเขาของ โกวหงนั้น แท้จริงแล้วมันเป็นสัญญาณฉุกเฉิน จักรพรรดิอสูรที่ทรงพลังหลายตนสัมผัสได้ถึงสัญญาณนั้นและใช้วิธีการพิเศษที่ส่งคำสั่งลงไปยังปีศาจทะเลที่อยู่ใกล้ๆทันที
โศกนาฏกรรมที่ไม่สามารถเลี่ยงได้กลับเกิดขึ้นแล้ว!
ปีศาจทะเลนับไม่ถ้วนที่วิ่งเข้ามาจากทุกสารทิศพวกมันอาจเป็นปีศาจทะเลระดับสามและเป็นเหล่าราชันปีศาจ แต่ก็ไม่ควรมองข้ามไปเพราะปีศาจทะเลเหล่านี้ มีหลายตนที่มีวิชาอสูรพิเศษและหากมีคนไม่ระมัดระวัง พวกเขาจะต้องพินาศไปในที่แห่งนี้แน่นอน
แต่มันก็เท่านั้น….
ด้วยปีศาจทะเลจำนวนมากพวกเขาจะต้องใช้เวลาสักพักก่อนที่จะสังหารมันหมดได้ใช่ไหม? โดยปกติแล้วการต่อสู้ระหว่างยอดฝีมือนั้นจะถูกตัดสินทันทีและหากล่าช้าไปเพียงนิดก็อาจจะถึงแก่ความตายได้
แต่เจ็ดจักรพรรดิอสูรนั้นมีสองตนอยู่ขั้นสูงสุดและสามตนอยู่ระดับสูง!
เมื่อเทียบกับความแข็งแกร่งในการต่อสู้โดยรวมแล้วมนุษย์ก็ยังคงได้เปรียบ แต่…พวกเขามีนายน้อยสองคน, ปรมาจารย์ขบวนทัพศักดิ์สิทธิ์อีกสองคนและนักโหราศาสตร์อีกสองคน มันคงจะไม่เป็นไรหากว่าผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเทียนจุนปกติตายไป แต่บุคคลทั้งหกนี้จะตายไม่ได้ ไม่เช่นนั้นมันจะถือว่าเป็นการสูญเสียครั้งใหญ่สำหรับตระกูลของพวกเขา
ชายชราผู้มีหนังหุ้มกระดูกของตระกูลเสียต้องการจะไปต้านจักรพรรดิอสูรให้เสียเฟยได้หนีไปแต่หลังจากที่เขาเห็นปีศาจทะเลอยู่ทั่วทุกทิศทาง เขาก็เริ่มตื่นตระหนกและกลัวว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นกับเสียเฟย
เขาจึงควบคุมหม้อให้ไปข้างหน้าขณะที่ร่างของเขาพุ่งถอยไปทางเสียเฟยเขารู้ดีว่าจักรพรรดิแห่งหมู่มารและพ่อของเสียเฟยอาจดูเข้มงวดไปบ้าง แต่ทั้งคู่ก็ชอบเสียเฟยมาก หากไม่มีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้น เสียเฟยก็จะกลายเป็นประมุขตระกูลคนต่อไปอย่างแน่นอน
ปัง!ปัง! ปัง! ตูม! ตูม! ตูม! จี๊! จี๊! จี๊!
ในขณะที่การต่อสู้ปะทุขึ้นผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเทียนจุนจากทั้งสองฝ่ายก็พยายามโจมตีและกวาดเส้นทางด้านหน้าให้เรียบร้อย ร่างของพวกเขาบินขึ้นสู่ผิวน้ำทะเลอย่างรวดเร็วในขณะที่จักรพรรดิอสูรทั้งเจ็ดกำลังไล่ตามมา หางเหล็กทั้งเจ็ดหางพุ่งผ่านทะเลและผู้เชี่ยวชาญที่อ่อนแอและเชื่องช้าที่สุดถูกโจมตีอย่างเลี่ยงไม่ได้
ปัง!
โล่ศักดิ์สิทธิ์ของผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเทียนจุนระดับต่ำแตกสลายทันทีที่หางเหล็กฟาดมาและร่างของเขาก็ถูกทุบแหลกเป็นชิ้นๆจักรพรรดิอสูรทั้งสองตรงหน้านี้มีพลังที่น่าสะพรึงมาก แล้วผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเทียนจุนระดับต่ำจะมีโอกาสต้านทานมันได้อย่างไร?
“ทหารจักรพรรดิแห่งหมู่มารจงฟังคำสั่ง! หยุดพวกนั้นซะ!”ไอรีนโนเวล
ดวงตาของชายชราผู้ผอมแห้งเบิกกว้างขณะที่เขากัดฟันตะโกนออกมาผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเทียนจุนขั้นสูงสุดซึ่งเป็นผู้นำกลุ่มตระกูลเจี้ยนเองก็มีสีหน้าที่หนักใจและให้ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเทียนจุนอยู่ข้างหลังพวกเขาและหยุดการโจมตีเอาไว้ด้วยเช่นกัน ไม่เช่นนั้น เสียเฟยและเจี้ยนอู๋อิงจะต้องตายอยู่ที่นี่แน่นอน
“ฆ่า!”
ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเทียนจุนจากตระกูลเสียและตระกูลเจี้ยนต่างก็พากันพุ่งไปยังจักรพรรดิอสูรทั้งเจ็ดพวกเขารู้ดีว่าพวกเขาต้องทิ้งชีวิตของพวกเขา แต่หากพวกเขาไม่ทำตามคำสั่ง ไม่เพียงแต่พวกเขาที่จะต้องตาย แต่ครอบครัวของพวกเขาเองก็ต้องตายไปกับพวกเขาด้วยเช่นกัน
“ไอ้ชั่วไอ้ชั่วเจียง!”
สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของเสียเฟยเห็นได้ว่าผู้เชี่ยวชาญของตระกูลเขาค่อยๆถูกจักรพรรดิอสูรสังหารไปทีละคนมีเสียงคำรามและเสียงอันแหลมคมที่ดังขึ้นจนทำให้น้ำทะเลปั่นป่วนและทำให้หลายๆคนรู้สึกเศร้าใจและเกิดความสิ้นหวังในใจพวกเขา
…
หนึ่งชั่วโมงต่อมาเสียเฟยและคนอื่นๆพากันหนีไปยังเกาะที่อยู่ห่างออกไปหลายแสนกิโลเมตรเพื่อรวมตัวกันใหม่ เมื่อเสียเฟยและเจี้ยนอู๋อิงเห็นว่าพวกเขาเหลือผู้ใต้บัญชาเพียงไม่กี่คน พวกเขาทั้งสองก็ร้องไห้ออกมาโดยไม่มีน้ำตา
เจี้ยนอู๋อิงเองก็ไม่เหลืออารมณ์จะเย้ยหยันเสียเฟยขณะที่เขาพิงต้นไม้ใหญ่และหายใจหอบเหนื่อยกลิ่นอายของจักรพรรดิอสูรขั้นสูงสุดทั้งสองตนทำให้เขาสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายของความตาย
นี่เป็นครั้งแรกที่เขาใกล้จะตายซึ่งมันทำให้ใบหน้าของเขาซีดเผือดไปหมดดวงตาของเขากระพริบก่อนที่จะยืนขึ้นด้วยความโกรธและจ้องไปที่เสียเฟยอย่างเย็นชา “เสียเฟย นี่พวกเจ้าทั้งหมดโง่หรือไง? ทำไมถึงได้ไปยั่วยุจักรพรรดิอสูรที่ทรงพลังเช่นนั้นกัน? หากเรื่องนี้ทำให้เจ้าอสูรภายในทะเลเลือดเดือดดาลขึ้นมา เราก็ไม่ต้องคิดว่าจะรอดกลับไปเลย”
“หุบปากไปซะ!”
เสียเฟยยังคงเดือดดาลอยู่เนื่องจากครั้งนี้เขาสูญเสียคนไปมากที่สุดเขารวบรวมคนได้กว่าห้าสิบคนเพื่อไล่ล่าเจียงอี้ แต่ตอนนี้กลับเหลือไม่ถึงสิบคน เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตัวเองจะกลับไปอธิบายให้พ่อของเขาฟังได้อย่างไร
เจี้ยนอู๋อิงเยาะเย้ยเขาอยู่หลายครั้งและเขาไม่สามารถทนได้อีกต่อไปเขาคำรามกลับไปด้วยตาที่แดงก่ำ “ข้าเชิญเจ้ามาที่นี่หรอ? เจ้าก็เป็นคนมาที่นี่เองนี่ เจ้าจะโทษใครได้สำหรับคนของเจ้าที่ตายไป? เจ้าไม่เห็นหรอว่าเราก็สูญเสียคนของเราไปด้วยเหมือนกัน? เจ้าเชื่อไหมว่าข้าจะอัดเจ้าให้เละ หากเจ้ายังพูดจาไร้สาระอีก!?”
เจี้ยนอู๋อิงมีความภาคภูมิ,หยิ่งผยองและไม่เคยกลัวปัญหา เมื่อเขาได้ยินเสียเฟยพูด เขาก็ลุกขึ้นและหัวเราะเยาะทันที “โอ้? นายน้อยเฟยคงน่าภาคภูมิใจมากสินะ เห๊อะ? ทำไมเจ้าไม่แสดงความกล้าหาญออกมาตอนที่สู้กับเหล่าจักรพรรดิอสูรล่ะ? เจ้าอยากอัดข้าหรอ? เจ้าแน่ใจหรอว่าจะทำมันได้ด้วยจำนวนคนที่เจ้าเหลืออยู่น่ะ? ทำไมไม่ลองดูล่ะ แล้วมาดูกันว่าใครจะฆ่าอีกฝ่ายได้ก่อน?”
ครั้งนี้ตระกูลเจี้ยนได้นำผู้เชี่ยวชาญมามากมายและแม้ว่าพวกเขาจะเสียคนไปหลายสิบคนแต่พวกเขาก็ยังเหลือสมาชิกมากกว่ายี่สิบคน และพวกเขาก็มีจำนวนคนมากกว่าตระกูลเสียถึงสองเท่าและเจี้ยนอู๋อิงก็ไม่มีอะไรต้องกลัว
“เจ้าคงเหนื่อยที่จะมีชีวิตแล้วสิ!”
เสียเฟยโกรธมากและกำลังจะลงมือพร้อมกับกระดูกสัตว์ยักษ์ที่อยู่ในมือของเขาส่วนเจี้ยนอู๋อิงเองก็ถือขลุ่ยคล้องวิญญาณของเขาและไม่ยอมถอย จนทำให้สมาชิกทั้งสองตระกูลรีบพากันรั้งพวกเขาเอาไว้
จะต้องไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้นกับนายน้อยทั้งสองคนนี้และพวกเขาก็ไม่กล้าทำร้ายนายน้อยทั้งสองด้วยแม้ว่าเสียเฟยและเจี้ยนอู๋อิงจะออกคำสั่ง แต่พวกเขาก็ไม่กล้าลงมือและอย่างมากสุดก็จะทำร้ายผู้ใต้บัญชาของฝ่ายตรงข้าม
“นายน้อยเฟยตอนนี้เราตกอยู่ในสถานการณ์เช่นไรกัน? ท่านยังจะสู้กันเองอีกหรอ?”
ผู้อาวุโสศักดิ์สิทธิ์เตือนด้วยน้ำเสียงเย็นชา“จักรพรรดิอสูรอาจไล่ตามมาได้ตลอดเวลาและเราไม่มีเวลาแม้แต่จะมาสร้างทางเดินมิติโบราณด้วยซ้ำ นายน้อยเฟย ให้เรากลับไปยังทวีปจักรพรรดิบูรพากันก่อน ล้มเลิกการไล่ล่านี้หรือไม่ก็ให้ตระกูลส่งคนของเราไปไล่ล่าต่อ….”
“ล้มเลิก?”
เสียเฟยส่ายหัวทันทีที่ได้ยินเรื่องนี้เขากัดฟันและพูดว่า “หากข้าไม่ได้ฆ่าไอ้สารเลวนั่น ข้าจะไม่กลับไป ข้าไม่มีหน้าให้กลับไปแล้ว”
ตอนนี้การปล้นชิงสมบัติไม่ได้สำคัญกับเสียเฟยอีกต่อไปแล้วสิ่งที่เขาต้องการคือเขาต้องการชื่อเสียงคืนมา ในตอนที่เขาเริ่มตามล่าเจียงอี้ พ่อของเขาบอกเอาไว้ว่าอย่าให้ตระกูลเสียต้องอับอาย!
เขามาจากตระกูลเก้าจักรพรรดิหากพวกเขากลับไปโดยไม่ได้อะไรเลย สิ่งนี้จะทำให้เกิดเสียงนินทาครั้งใหญ่ในทวีปจักรพรรดิบูรพาได้ ชื่อเสียงของตัวเขาเองไม่ได้สำคัญอะไร แต่ตระกูลเสียจะต้องอับอายขายขี้หน้าไปพร้อมกับเขา สถานะของตระกูลเขาก็จะลดลงอย่างมากและนี่จะกลายเป็นความอัปยศอดสูไปชั่วชีวิตเสียเฟย!
เจี้ยนอู๋อิงนั้นยังเด็กและไม่มีใครสนใจเขาแต่เขา เสียเฟย เป็นบุคคลที่มีชื่อเสียงในทวีปจักรพรรดิบูรพา และตอนนี้เขากำลังจะถูกคนนิรนามโค่นอำนาจลง ซึ่งนี่เป็นสิ่งที่ทำให้เขาไม่อาจยอมรับได้