เพลิงพิโรธสวรรค์ Fury towards the burning heaven - บทที่ 657 มีอะไรอยู่ในภูเขา
“สู้หรือบินไป?”
นี่เป็นปัญหาอีกอย่างหนึ่ง มีผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเทียนจุนระดับต่ำอยู่สี่คน หากเจียงอี้ปล่อยมังกรวารีสีทอง, เฟิ่งหลวนและเจียงเสี่ยวนู๋ออกมา และรวมเขาด้วยก็จะเป็นสี่คนซึ่งความสามารถของทุกคนก็เทียบได้กับผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเทียนจุนระดับต่ำ ส่วนเรื่องใครจะชนะการต่อสู้ในครั้งนี้มันก็ยังเร็วไปที่จะรู้ได้
ปัญหาก็คือเจียงอี้ไม่กล้าเสี่ยง!
เฟิ่งหลวนและเจียงเสี่ยวนู๋สำคัญเกินไปสำหรับเขา หากมีใครในนี้ตกตายไป เขาจะใช้ชีวิตอยู่กับความรู้สึกผิดตลอดไป ดังนั้นเขาจึงตัดสินใจที่จะหนีก่อนและจะต่อสู้หากจำเป็นจริงๆ
และเขาก็ไม่เสี่ยงที่จะใช้วิชาหลีกสวรรค์ด้วย เขาเป็นทาสอยู่และหากเขาออกจากเกาะอัสนีฟ้ากระจ่างโดยไม่ได้รับอนุญาต เขาอาจจะถูกตระกูลลู่ไล่ล่าและจากนั้นเขาก็จะไม่มีสิทธิ์อยู่บนเกาะแห่งบาปอีก ยิ่งไปกว่านั้น มันจะต้องมีเปลวเพลิงอัสนีอยู่ใกล้ๆนี้อีกมากแน่ๆ หากวิชาหลีกสวรรค์สั้นเกินไป เขาอาจจะถูกเปลวเพลิงอัสนีโจมตีก็ได้
ดังนั้นเขาจึงพยายามอย่างดีที่สุดที่จะบินไปข้างหน้า ความเร็วของเขาในตอนนี้นั้นเร็วไม่ต่างกับการย้ายร่างฉับพลันซึ่งมันจะต้องเสียเวลากับการรอเวลาย้ายร่างอีกครั้งด้วย
ฟรึ่บ!
เขากำลังวิ่งตรงไปยังลูกไฟเปลวเพลิงอัสนี ซึ่งอุณหภูมิของเปลวเพลิงอัสนีนั้นสูงมากและน่าจะสูงกว่าเปลวเพลิงอเวจีด้วย แม้แต่เฟิ่งหลวนเองก็ยังไม่สามารถทนความร้อนได้ เขาก็ไม่เชื่อว่าผู้เชี่ยวชาญทั้งสี่ที่อยู่เบื้องหลังเขาจะทนได้เช่นกัน
ปัง!
หลังจากวิ่งไปได้ไม่กี่กิโลเมตรก็มีเปลวเพลิงสีน้ำเงินปรากฏขึ้นที่ภูเขายักษ์ที่อยู่ห่างจากเจียงอี้ไปหลายสิบกิโลเมตร เปลวเพลิงนั้นป่าเถื่อนมากและมันส่องสว่างขึ้นไปบนท้องฟ้าใกล้ๆ จากนั้นเปลวเพลิงอัสนีลูกยักษ์นั้นก็ถูกแยกออกเป็นลูกไฟขนาดเล็กหลายๆลูกซึ่งลอยอยู่รอบๆมันทันทีที่ปรากฏขึ้น คนทั้งสี่คนด้านหลังเจียงอี้นิ่งงันและหยุดอยู่กลางอากาศทันที
“บ้าเอ้ย…”
เจียงอี้เองก็ตกใจเช่นกัน ทำไมภูเขาที่นี่ถึงพ่นลูกไฟออกมาได้กัน? หากลูกไฟเปลวเพลิงอัสนีพุ่งออกมาจากเทือกเขาที่อยู่ข้างล่างเขา ไม่ใช่ว่าเขาเองก็จะถูกสายฟ้าในเปลวเพลิงอัสนีผ่าเอาหรอกหรือ?
เจียงอี้บินขึ้นฟ้าไปอย่างรวดเร็วก่อนที่จะมุ่งไปข้างหน้าต่อ ส่วนอีกสี่คนที่ตามเขามาก็ต่างพากันตกตะลึงด้วย แต่พวกเขาก็กัดฟันตามเจียงอี้มา
แม้ว่าพวกนั้นจะมีโล่ศักดิ์สิทธิ์คอยคุ้มกันร่างกายของพวกเขา แต่แก่นแท้พลังของพวกเขาก็ถูกใช้ไปอย่างรวดเร็วด้วยความร้อนที่รุนแรง หากเกิดสิ่งใดผิดพลาด โล่ศักดิ์สิทธิ์ของพวกเขาอาจแตกสลายได้และพวกเขาก็จะถูกเปลวไฟที่ร้อนระอุแผดเผาจนตาย
“มันไม่มีโล่ศักดิ์สิทธิ์แต่ทำไมมันถึงได้ทนความร้อนขนาดนี้ได้?”
เมื่อเปลวเพลิงอัสนีที่อยู่ด้านหน้าเริ่มเข้าใกล้พวกเขามากขึ้นเรื่อยๆ ทั้งสี่คนก็เริ่มสงสัย จนมีคนหนึ่งกวาดสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ไปทั่วเจียงอี้และพูดว่า “ไม่นะ มันมีสมบัติบางอย่างที่กันไฟได้แน่นอน พวกเจ้าเห็นมั้ย….มันไม่มีเหงื่อไหลออกมาเลย เห็นได้ชัดว่ามันไม่กลัวความร้อนเลย!”
“จู่โจม! หยุดมันซะ!”
เฟ่ยกั๋วคำรามออกมา จากนั้นกระสวยก็ปรากฏขึ้นบนมือเขาและเขาก็เทแก่นแท้พลังลงไปในนั้นและเขวี้ยงไปข้างหน้า เสียงของมันดังเจาะผ่านอากาศและพุ่งไปยังหลังของเจียงอี้ซึ่งมันเร็วมากและไปถึงตัวเขาในพริบตา
“อั๊ก!”
ก่อนที่กระสวยจะถึงตัวเจียงอี้ เขาก็รู้สึกว่ามีอากาศถูกทะลวงมาทางเขาซึ่งมันทำให้เขาบาดเจ็บ จากนั้นเกราะเมฆาอัคคีที่ซ่อนอยู่ในร่างกายของเขาปรากฏขึ้นมาเพื่อปกป้องเขาในทันที และแสงสีขาวก็ส่องสว่างขึ้นมารอบตัวเขาก่อนที่เขาจะหายลับไป
“ศาสตร์แปรผันดวงจิต?”
ทั้งสี่คนตกตะลึง และทันใดนั้นดวงตาของพวกเขาก็สว่างขึ้นเมื่อเห็นเกราะเมฆาอัคคี แสงสีแดงนั้นส่องสว่างออกมาจนมองไม่เห็นและกลิ่นอายของเกราะเมฆาอัคคีก็แผ่ออกมาจนพวกเขาร้องออกมาพร้อมกันว่า “สิ่งประดิษฐ์ศักดิ์สิทธิ์แฝง!”
“ตามไป!”
พวกเขาคลั่งขึ้นมาเพราะสิ่งประดิษฐ์ศักดิ์สิทธิ์แฝงประเภทป้องกันนี้และกลายเป็นสัตว์ประหลาดตาแดงสี่ตนที่คอยไล่ตามเจียงอี้อย่างบ้าคลั่ง พวกเขาปลดปล่อยศาสตร์เวทย์, การโจมตีรูปแบบเต๋าและสมบัติทุกชนิดที่พวกเขามีอยู่ออกมา
ฟรึ่บ! ฟั่บ! ฟรึ่บ!
เจียงอี้หลับตาลงและเข้าสู่สภาวะมนุษย์ประสานสวรรค์ซึ่งมันทำให้เขาเลี่ยงการโจมตีล่วงหน้าได้ แต่แน่นอนว่าตัวเขาเองก็ยังคงช้าเกินไปที่จะหนีจากการโจมตีที่รุนแรงนี้ไปได้ โชคดีที่เขายังมีเกราะเมฆาอัคคีซึ่งมันทำให้การโจมตีไม่มีผลกับเขาอย่างสิ้นเชิง
ตูม! ตูม! ตูม!
การโจมตีอันทรงพลังของพวกเขาทั้งสี่ทำให้ภูเขารอบตัวพวกเขาสนั่นไปทั่ว หนึ่งในนั้นถึงกับยิงร่างดาบออกไปนับร้อยเล่มและมันเจาะผ่านภูเขาด้านหน้าจนเป็นรูนับร้อยรูซึ่งทำให้ภูเขานั้นกลายเป็นเหมือนรังแตน แต่ภูเขาลูกนั้นก็ไม่ได้ถล่มลงมาซึ่งมันดูน่ากลัวและดูแปลกพิลึก.Aileen-novel
ยิ่งไปกว่านั้น กระสวยขนาดเล็กก็ได้พุ่งผ่านท้องฟ้ามาที่เจียงอี้ พวกมันเร็วมากจนเจียงอี้ไม่มีทางหนีไปได้หากไม่มีสภาวะมนุษย์ประสานสวรรค์ ที่ใดก็ตามที่กระสวยขนาดเล็กผ่านไป พื้นที่เหล่านั้นจะหลงเหลือเพียงรอยแตกร้าวซึ่งมันแทบจะจินตนาการไม่ได้เลยว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับคนที่ถูกกระสวยนั้นโจมตี
ส่วนเจียงอี้ยังคงหลับตาและบินอยู่บนท้องฟ้าอย่างรวดเร็ว เขาขึ้น ลง ไปทางซ้ายและไปทางขวาอย่างกะทันหัน บางครั้งเขาก็ดิ่งลงไปที่พื้นก่อนที่จะหักเลี้ยวและบินขึ้นสู่ท้องฟ้าอย่างกะทันหันอีก
เส้นทางของเขานั้นดูแปลกมาแต่เขาก็หลบหลีกการโจมตีของพวกนั้นได้ซ้ำแล้วซ้ำเล่า และเจียงอี้ก็ดูสงบนิ่งมากราวกับว่าเขากำลังเดินเล่นอยู่ในลานบ้านเล็กๆของเขาซึ่งมันทำให้ทั้งสี่คนสั่นสะท้านไปด้วยความโกรธแต่ก็ทำอะไรเจียงอี้ไม่ได้อยู่ดี
นั่นก็เพราะว่า!
อุณหภูมิสูงขึ้นมาเรื่อยๆ หากพวกเขาไม่อยากถูกเผาทั้งเป็น พวกเขาจะต้องหมุนเวียนแก่นแท้พลังไปที่โล่อยู่เรื่อยๆและพวกเขาก็จะต้องโจมตีเจียงอี้ในเวลาเดียวกัน ซึ่งปกติแล้วพวกเขาก็คงไม่สามารถเคลื่อนที่ได้เร็วนัก ไม่เช่นนั้นพวกเขาอาจตายอยู่ที่นี่ก่อนที่จะมีโอกาสได้สังหารเจียงอี้ก็ได้
ห้าร้อยเมตร, พันเมตร….พันห้าร้อยเมตร!
ในที่สุดพวกเขาก็ไม่กล้าไล่ตามไป เปลวเพลิงอัสนีนั้นว่ายเวียนอยู่รอบๆภูเขาด้านหน้า พวกเขาคงไม่สามารถทนต่อความร้อนได้อย่างแน่นอนหากเข้าไปใกล้กว่านี้ เมื่อพวกเขาเห็นสีหน้าของเจียงอี้ที่ไม่รู้ร้อนรู้หนาวกับความร้อนเลย พวกเขาก็จ้องไปที่เกราะเมฆาอัคคีอย่างกระหาย ในความคิดของพวกเขา มันน่าจะเป็นเพราะสิ่งประดิษฐ์ศักดิ์สิทธิ์แฝงอย่างแน่นอนที่ทำให้เขาทนต่อความร้อนที่สูงเช่นนี้ได้
ฟรึ่บ!
เจียงอี้ไม่ได้สนใจพวกเขาเลยและยังคงบินไปข้างหน้าต่อไป จากนั้นเขาก็หายไปจากสายตาของทั้งสี่คนนั้น
“พี่เฟ่ย เราจะทำเช่นไรกันต่อไปดี?”
ทั้งสี่คนนี้ตกอยู่ในสถานการณ์ที่อึดอัด มีคนหนึ่งหันไปถามเฟ่ยกั๋ว จากนั้นเขาจึงโบกมือและพูดว่า “เราไปอีกทางกันเถอะ ไปดักรอมันข้างหน้ากัน ข้าจะเอาสิ่งประดิษฐ์ศักดิ์สิทธิ์แฝงนั่นมา ตราบใดที่ข้าได้มันมาครอง ข้าก็จะกลายเป็นใต้เท้าของเมืองอัสนีฟ้ากระจ่างอันดับที่สิบเอ็ด และจากนั้นเราจะครองเทือกเขาอัสนีและเสวยสุขกัน!”
“ได้เลย!”
ชายอีกสามคนต่างตื่นเต้น พวกเขาสนิทสนมกับเฟ่ยกั๋วมาก ความแข็งแกร่งของเขาอ่อนแอกว่าป้าเตาเล็กน้อยและเมื่อเขาได้สิ่งประดิษฐ์ศักดิ์สิทธิ์แฝงมาครอง ความแข็งแกร่งของเขาก็จะเทียบได้กับผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเทียนจุนระดับกลางอย่างแน่นอน และเมื่อเขากลายเป็นใต้เท้าผู้ยิ่งใหญ่อันดับสิบเอ็ดของเมืองนี้ พวกเขาทั้งสามก็จะได้สถานะที่สูงขึ้นเช่นกัน
พวกเขาทั้งหมดกลับไปและอ้อมผ่านเปลวเพลิงอัสนีไปทันทีในตอนที่อุณหภูมิของมันไม่ได้ร้อนนัก
ฟรึ่บ!
เจียงอี้นั้นช้าลงเรื่อยๆเมื่อเขาเข้าใกล้เปลวเพลิงอัสนี เขาไม่เสี่ยงปล่อยสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ออกมาในตอนนี้และเพียงสังเกตจากไกลๆและเขาก็รู้สึกทึ่งมากที่ได้เห็นเปลวเพลิงอัสนีวนเวียนอยู่รอบๆภูเขา
“ทำไมเปลวเพลิงอัสนีถึงไม่หายไปกันนะ? ทำไมมันถึงวนเวียนอยู่รอบๆภูเขาพวกนี้ล่ะ? หรือพวกมันมีชีวิต? ไม่เช่นนั้นมันจะวนเวียนเองได้อย่างไรกัน? หรือมันเป็นผลมาจากเขตพิเศษแถบนี้? เหมือนว่ามันจะมีเขตที่ฟ้าผ่าอยู่ใกล้ๆนี่นา”
ดวงตาของเจียงอี้เป็นประกายขึ้นมา เขาคิดว่าเขานั้นอยู่ไกลมากและเปลวเพลิงอัสนีไม่สามารถปล่อยสายฟ้ามาที่เขาได้ จากนั้นเขาก็หยุดบินและยืนสังเกตเปลวเพลิงอัสนีใกล้ๆ
ในไม่ช้า เขาก็ค้นพบรูปแบบของมัน ลูกไฟเหล่านี้ยังคงวนเวียนไปรอบๆภูเขาลูกเล็กๆห้าลูก มันไปๆมาๆอยู่แบบนี้ แต่ไม่เคยห่างออกจากภูเขาเหล่านี้เลย
“มีอะไรอยู่ในภูเขาพวกนั้นกันนะ?”
เจียงอี้รู้สึกเสียดายเล็กน้อยที่เขาไม่ได้ถามวิธีที่จะขุดหินอัสนีจากหูซานมา เขามีสัญชาตญาณที่บอกเล่าออกมาไม่ได้แต่รู้เพียงว่าเปลวเพลิงอัสนีนั้นมีอะไรเกี่ยวข้องกับหินอัสนี หรือบางทีมันอาจจะมีหินอัสนีอยู่ในภูเขาเหล่านั้น!
“แล้วถ้าใช้ญาณศักดิ์สิทธิ์สำรวจดูล่ะ?”
ดวงตาของเจียงอี้เป็นประกายขึ้นมาและเขาก็ไม่สามารถตัดสินใจได้ แม้ว่าเขาจะเห็นว่าเปลวเพลิงอัสนีจะข้ามไปที่ภูเขาลูกอื่นและอยู่ห่างจากเขาพอตัวอยู่ แต่ความรู้สึกที่ถูกทำลายสัมผัสศักดิ์สิทธิ์มันแย่มากซึ่งจนถึงตอนนี้ตัวเจียงอี้เองก็ยังคงหวาดกลัวมันอยู่