เพลิงพิโรธสวรรค์ Fury towards the burning heaven - บทที่ 663 การใช้แต้มความดีความชอบ
- Home
- เพลิงพิโรธสวรรค์ Fury towards the burning heaven
- บทที่ 663 การใช้แต้มความดีความชอบ
ชื่อเสียงของหมาป่าเดียวดายกลายเป็นที่รู้จักไปทั่วเมืองอัสนีฟ้ากระจ่างภายในคืนเดียว แม้แต่เหล่าหัวหน้าต่างๆก็เริ่มสังเกตเห็นเขา ยังไงเสีย ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเทียนจุนของป้าเตาและหัวหน้าหลงก็ไม่ได้อ่อนแอและหากเจียงอี้สังหารพวกมันได้ มันก็บ่งบอกถึงความแข็งแกร่งของเขาแล้ว
การต่อสู้นอกประตูเมืองทางตะวันออกได้แพร่กระจายไปและข่าวลือก็มาจากปากทหารตระกูลลู่เอง เมื่อไม่มีใครรู้ถึงเรื่องราวที่แท้จริงในการต่อสู้ มันจึงทำให้ยิ่งดูน่าลึกลับมากขึ้น โดยเฉพาะเรื่องที่กลิ่นอายของเจียงอี้ยังคงเป็นผู้เชี่ยวชาญขอบเขตจินกังขั้นที่สอง มันยิ่งทำให้ดูลึกลับขึ้นไปอีก
แน่นอนว่า….
หัวหน้าที่เหลือก็เพียงแค่สนใจเล็กน้อยเท่านั้น พวกเขาคนใดบ้างที่อยู่ในตำแหน่งหัวหน้าในเมืองอัสนีฟ้ากระจ่างแห่งนี้โดยไม่ได้ผ่านการรบราฆ่าฟันและพบกับการนองเลือดมาก่อนบ้าง? พวกเขาคนไหนบ้างที่ไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญที่แท้จริงและบ้าเลือดในสงคราม?
ในคืนเดียวกัน ป้าเตาและหัวหน้าหลงก็บอกให้ทุกคนรู้ว่าพวกเขาจะสังหารเจียงอี้แน่ๆ ดังนั้น หัวหน้าที่เหลือจึงไม่ส่งใครไปรับเจียงอี้เข้าพวกและเพียงแต่คอยดูอยู่นอกสนามอย่างสนุกสนาน หัวหน้าคนหนึ่งยังเป็นแม้กระทั่งเจ้ามือเดิมพันว่าเจียงอี้จะอยู่รอดได้กี่เดือนเลยด้วยซ้ำ
….
หลังจากที่เจียงอี้กลับมา เขาก็เปิดใช้งานข้อจำกัดของเขาและอยู่ข้างในโดยไม่สนใจความวุ่นวายที่เกิดขึ้นภายนอกเลย
เขาให้ทุกคนออกมา และเรื่องที่เขามีสิ่งประดิษฐ์ห้วงมิติน่าจะเป็นที่รู้กันดีอยู่แล้ว มันจึงไม่สำคัญว่าจะมีใครเจาะผ่านข้อจำกัดมาตรวจสอบเขา
เจียงอี้นำหินอัสนีทั้งหมดที่เขาได้ออกมาทั้งหมดซึ่งมันทำให้ทุกคนรู้สึกปลอดภัยและอารมณ์ดีมาก แค่ออกไปข้างนอกเพียงครั้งเดียว เจียงอี้ก็ได้หินอัสนีมามากกว่าพันสี่ร้อยก้อนแล้ว พวกเขาจะต้องส่งหินอัสนีเก้าก้อนต่อวันซึ่งจะเท่ากับสองร้อยเจ็ดสิบก้อนต่อเดือน ดังนั้นพวกเขาจึงต้องการหินอัสนีอีกสามพันสองร้อยกว่าก้อนเพื่อให้อยู่ที่นี่ได้ตลอดทั้งปี
หรือกล่าวอีกนัยหนึ่งคือ….เจียงอี้หาหินอัสนีเกือบครึ่งปีมาได้ภายในหนึ่งวัน นั่นก็หมายความว่า พวกเขาจะอยู่ที่เมืองอัสนีฟ้ากระจ่างได้อย่างสงบสุขไปเกือบครึ่งปี ในครั้งต่อไปที่พวกเขาจะออกไปอีก พวกเขาก็จะหาหินอัสนีมาให้ได้มากพอที่จะทำให้พวกเขาอยู่ที่นี่ได้อย่างราบรื่นและทำให้พวกเขาสามารถอาศัยอยู่บนเกาะแห่งบาปได้ต่อไป
หนึ่งวันที่ผ่านมา ทุกคนค่อนข้างไม่สบายใจและกังวลว่าพวกเขาอาจถูกสังหารได้ทุกเมื่อ แต่ด้วยการเดินทางเพียงครั้งเดียวของเจียงอี้มันก็สามารถแก้ไขปัญหาเหล่านั้นได้ทั้งหมด เฟิ่งหลวนหยิบไวน์ชั้นดีออกมาสองสามขวดจากแหวนแก่นแท้ศักดิ์สิทธิ์ของนางเพื่อเฉลิมฉลองกัน และทุกคนก็ดื่มกันจนเมา เมื่อเห็นว่าเป็นโอกาสที่หาได้ยากสำหรับเจียงอี้ที่จะได้ผ่อนคลาย เขาจึงสังสรรค์กับจ้านอู๋ซวงและเฉียนว่านก้วนก่อนที่พวกเขาทั้งหมดจะหลับใหลไป
เจียงอี้ตื่นขึ้นมาในเช้าวันรุ่งขึ้นและพาทุกคนกลับเข้าไปในราชวังจักรพรรดิเพื่อให้พวกเขาฝึกฝนกันอย่างสงบ เขาจะไม่ออกไปข้างนอกและตั้งใจจะฝึกฝนอยู่ในเมืองอัสนีฟ้ากระจ่าง แต่เขาจะต้องไปส่งหินอัสนีเสียก่อน
เขาออกจากลานบ้านและมุ่งไปยังตำหนักเจ้าเมืองและขึ้นไปยังบันไดหิน
“หยุดอยู่ตรงนั้น!”
มีทหารตระกูลลู่สองนายที่ทางเข้าของชั้นสองกำลังขัดขวางเจียงอี้อยู่และพูดว่า “ป้าย”
เจียงอี้นิ่งไปชั่วขณะแต่ก็นึกได้อย่างรวดเร็วและหยิบป้ายลานบ้านของเขาออกมาซึ่งเมื่อทหารคนนั้นมองมา เขาก็โบกมือให้ “เข้ามาได้ ห้องโถงแรกมีไว้สำหรับมอบหินอัสนี ห้องโถงที่สองเอาไว้สำหรับแลกคะแนนของเจ้า หากเจ้ากล้าเข้าไปยังห้องโถงด้านหลัง เจ้าจะถูกฆ่าโดยไม่ปรานี”
เจียงอี้เดินผ่านประตูไปอย่างเชื่อฟังและเห็นตรอกยาวๆ เขาเห็นประตูโค้งหลายประตูที่ด้านหนึ่งของตรอกนั้นและเขาก็มุ่งไปยังประตูแรกทันที
ประตูไม่ได้ปิดอยู่และมีห้องโถงอยู่ข้างใน ไม่มีอะไรอยู่ในห้องโถงนั้นนอกจากโต๊ะยาวซึ่งมีผู้อาวุโสตระกูลลู่ที่สวมชุดเกราะนั่งอยู่ข้างหลังโต๊ะนั้น เขากำลังก้มอ่านตำราอยู่และไม่ได้เงยหน้าขึ้นมาในตอนที่เจียงอี้เข้ามาเลย
“หมาป่าเดียวดายคารวะท่านใต้เท้า”
เจียงอี้คำนับและป้องมือ คนผู้นั้นก็ยังไม่เงยหน้าขึ้นมา เขาเพียงแค่ยื่นมือออกมาและพูดว่า “ป้าย, จำนวนวันที่จะส่ง, หินอัสนี!”.ไอรีนโนเวล.
เจียงอี้มอบป้ายและนำหินอัสนีเก้าร้อยก้อนออกมา “ข้าสามารถมอบหินอัสนีของหนึ่งร้อยวันในคราเดียวได้หรือไม่?”
ในที่สุดผู้อาวุโสผู้นั้นก็เงยหน้าขึ้นมา แต่เขาไม่ได้สนใจเจียงอี้เลยและเพียงแค่หมุนเวียนแก่นแท้พลังไปรอบๆป้ายนั้นในขณะที่มืออีกข้างก็เก็บหินอัสนีไว้ในแหวนแก่นแท้ศักดิ์สิทธิ์โบราณของเขา ป้ายนั้นสว่างวาบขึ้นอีกครั้ง จากนั้นเขาก็โยนป้ายให้เจียงอี้และพูดว่า “เรียบร้อย อีกร้อยวันจงกลับมาส่งหินอัสนีอีกที”
เจียงอี้รับป้ายกลับมาและกระพริบตาด้วยความงงงวย มันเรียบร้อยแล้วหรือ? ไม่ต้องบันทึกอะไรเลยหรือ? แล้วถ้าหากว่ามันผิดพลาดล่ะ? เขาลังเลอยู่ครู่หนึ่งจนผู้อาวุโสผู้นั้นหันไปมองเจียงอี้และถามด้วยน้ำเสียงที่หงุดหงิดว่า “มีอะไรอีก?”
เจียงอี้จึงกัดฟันถามออกไปว่า “ท่านใต้เท้า เราไม่ต้องส่งหินอัสนีให้ในร้อยวันนี้แล้วใช่ไหมขอรับ?”
สีหน้าของผู้อาวุโสมืดหม่นลงในขณะที่เขาพูดด้วยความเย็นชา “หูเจ้าเป็นอะไร? ไม่ใช่ว่าข้าบอกให้กลับมาอีกในหนึ่งร้อยวันรึไงล่ะ? ออกไปได้แล้ว!”
“โอ้”
เจียงอี้ถูจมูกของเขาอย่างเขินอายและเดินออกไป เขาหยุดอยู่ตรงหน้าประตูและมองไปยังห้องโถงที่สองจนในที่สุดเขาก็อดอยากรู้อยากเห็นไม่ได้จึงได้เดินเข้าไปในนั้น
ลู่ถงและหูซานกล่าวว่าแต้มความดีความชอบมีประโยชน์มากในเผ่าเทพประทาน แต่พวกนั้นไม่ได้อธิบายอย่างชัดเจน และเมื่อหัวข้อนั้นถูกตัดออกไปก่อนจะได้รู้เรื่องราวมันจึงยิ่งทำให้เขาสนใจมากขึ้น
ภายในนั้นไม่เหมือนกับห้องโถงแรกเลย แต่มีหญิงชราที่ยิ้มแย้มคนหนึ่งเงยหน้าขึ้นมาและยิ้มทันทีเมื่อเจียงอี้เดินเข้ามาและนางก็เริ่มถามว่า “หนุ่มน้อย เจ้าต้องการแลกแต้มความดีความชอบรึเปล่า?”
ทันใดนั้น เจียงอี้ก็รู้สึกเหมือนว่าตัวเขาเป็นที่รักของที่นี่ ตั้งแต่ที่เข้ามาที่นี่จนถึงตอนนี้ ตระกูลลู่ทุกคนล้วนแต่ไร้อารมณ์, เย็นชาและเอาแต่ใจ แต่เขาก็ไม่สามารถทำให้คนพวกนั้นขุ่นเคืองได้ แต่เมื่อเห็นว่าหญิงชราผู้นี้ต่างออกไปมันก็ทำให้เขาอารมณ์ดีขึ้นและรีบพูดพร้อมป้องกำปั้นว่า “ท่านใต้เท้า ข้าอยากจะเข้าใจเพิ่มเติมเกี่ยวกับการใช้แต้มความดีความชอบก่อนที่จะตัดสินใจว่าจะแลกมันหรือไม่”
“ฮึฮึ!”
หญิงชรายิ้มเล็กน้อยและกล่าวว่า “ในเผ่าเทพประทาน สิ่งที่มีการหมุนเวียนมากที่สุดนั้นไม่ใช่ศิลาสวรรค์..แต่เป็นแต้มความดีความชอบน่ะ หนุ่มน้อย ดูเหมือนเจ้าจะไม่คุ้นเคยกับเผ่าเลยใช่ไหม?”
“ใช่ขอรับท่านใต้เท้า” เจียงอี้พยักหน้าและกล่าวว่า “นี่เป็นครั้งแรกของข้าที่เข้ามาที่นี่และที่ข้ามารับใช้เผ่านี้เป็นเพราะว่าข้ามีศิลาสวรรค์ไม่พอ”
“เป็นเช่นนี้นี่เอง…”
หญิงชรายิ้มและอธิบายว่า “ภูมิประเทศของเผ่าเทพประทานเป็นรูปร่างมังกรเก้าตัวที่กำลังฉกชิงมุก ซึ่งตรงกลางคือเกาะเทพประทานและมีค่ายกลเก้ามังกรสยบเทพขนาดยักษ์อยู่ในเผ่าเทพประทาน ค่ายกลนี้ไม่เพียงแต่จะปกป้องและสังหารศัตรูเท่านั้น แต่มันมีความสามารถลี้ลับอยู่…ซึ่งนั่นคือการรวบรวมแก่นพลังฟ้าดิน!”
“แผงกักปราณวิญญาณ?”
ดวงตาของเจียงอี้สว่างขึ้น สมบัติของการฝึกฝนทั้งหมดนั้นมีแผงกักปราณวิญญาณอยู่ในนั้น หากเกาะแห่งบาปทั้งหมดถูกปกคลุมด้วยแผงกักปราณวิญญาณ มันจะเป็นสิ่งที่ยิ่งใหญ่อย่างแท้จริง ผู้ที่สร้างค่ายกลเก้ามังกรสยบเทพขึ้นมาในสมัยก่อนนั้นจะต้องเป็นยอดอัจฉริยะอย่างแท้จริง
หญิงชราพยักหน้าและกล่าวว่า “เผ่าเทพประทานมีแก่นพลังฟ้าดินมากกว่าภายนอกนัก ยิ่งเจ้าเข้าใกล้เกาะเทพประทานมากเท่าใด ความเข้มข้นของแก่นพลังฟ้าดินก็จะยิ่งเพิ่มขึ้นเป็นสิบเท่า หากเจ้ามีสมบัติในการฝึกฝนพลังแล้ว ความเร็วในการบ่มเพาะพลังของเจ้าก็จะเพิ่มขึ้นเป็นหลายสิบ, หลายร้อย หรือแม้กระทั่งหลายพันเท่าเลย”
“บ้าไปแล้ว…”
ร่างของเจียงอี้สั่นเทา หากเขาต้องฝึกฝนและบ่มเพาะพลังบนเกาะและใช้ราชวังจักรพรรดิและร่างที่ไร้ที่ติของเขา เขาก็จะบ่มเพาะพลังได้เร็วกว่าคนธรรมดาในโลกภายนอกได้ถึงพันเท่าเลยไหมนะ? นี่มันความเร็วอะไรกัน? เกาะเทพประทานเป็นสถานที่หลบภัยของเหล่ายอดฝีมืออย่างแท้จริง
“ฮ่าฮ่า!”
หญิงชราเห็นท่าทีที่ดูหลงใหลของเจียงอี้และนางก็ยิ้มจางๆ “หนุ่มน้อย ข้ามีอีกอย่างที่จะบอกเจ้า บนเกาะเทพประทานนั้น มันเข้าถึงรูปแบบเต๋าง่ายกว่าโลกภายนอกมากนัก นี่ไม่ใช่เรื่องหลอกลวงและมีอยู่จริงๆ เราคำนวณมาตลอดหลายปีที่ผ่านมาและพบว่าเกาะเทพประทานสามารถสร้างผู้เชี่ยวชาญขอบเขตจินกังและขอบเขตเทียนจุนได้เพิ่มถึงสองในสิบส่วน”
ตึก ตัก….
เจียงอี้ใจเต้นรัว เกาะนี้เป็นสถานที่แห่งการบ่มเพาะพลังอย่างแท้จริง แม้แต่มังกรทั้งเก้าเองก็ต้องการที่จะช่วงชิงเพื่อให้ได้มาซึ่งไข่มุกนี้ เขาแอบตัดสินใจไปด้วยว่าจะหาทางเข้าไปในเกาะเทพประทานให้ได้ เขาขอเพียงแค่ได้อยู่ที่นั่นและเขามั่นใจว่าตนเองจะสามารถไปถึงขอบเขตจินกังขั้นสูงสุดได้ภายในหนึ่งหรือสองปีเท่านั้น
แต่น่าเสียดายที่คำพูดต่อไปของหญิงชราทำให้หัวใจของเจียงอี้ดับวูบลงไปทันที “หนุ่มน้อย หากเจ้าต้องการเข้าไปยังเกาะเทพประทาน ศิลาสวรรค์และความแข็งแกร่งนั้นไร้ประโยชน์! ทางเดียวที่จะเข้าไปที่นั่นได้คือแต้มความดีความชอบ เจ้าจะต้องใช้หนึ่งล้านแต้มเพื่อเข้าสู่เกาะและหากจะอยู่อาศัยในเมืองนั้น เจ้าจะต้องใช้หนึ่งร้อยล้านแต้ม โอ้ใช่สิ…ข้าลืมบอกเจ้าไป หินอัสนีหนึ่งก้อนนั้นแลกแต้มความดีความชอบได้เพียงหนึ่งแต้มนะ”
พรุบ!
ร่างของเจียงอี้สั่นเทาขณะที่เขาทรุดลงไปนั่งกับพื้นทันที