เพลิงพิโรธสวรรค์ Fury towards the burning heaven - บทที่ 671 เจ๊ใหญ่กระพรวนกังวาน
- Home
- เพลิงพิโรธสวรรค์ Fury towards the burning heaven
- บทที่ 671 เจ๊ใหญ่กระพรวนกังวาน
หลังจากที่ข้อมูลนี้ถูกรายงานกลับไปยังเมืองอัสนีฟ้ากระจ่าง เมืองทั้งเมืองก็ตกอยู่ในความโกลาหล แม้แต่ยอดฝีมือทั้งสองของตระกูลลู่เองก็ยังได้รับข้อมูลนี้
แต่ยอดฝีมือของตระกูลลู่ก็เพียงแค่เหลือบมองและไม่ได้สนใจเรื่องนี้นัก ตระกูลลู่มีกฎของตระกูลอยู่และตราบใดที่มันไม่ได้มีความวุ่นวายเกิดขึ้น พวกเขาก็จะไม่เข้าไปยุ่งกับเรื่องนี้ แม้ว่าหัวหน้าทั้งสิบของเมืองจะถูกสังหารหรือทาสจะถูกสังหารไปครึ่งหนึ่ง พวกเขาก็ไม่สนใจเช่นกัน
มันมีเหตุผลว่าทำไมตระกูลที่ยิ่งใหญ่เหล่านี้สามารถอยู่มาได้หลายแสนปี มีหลักการหลายประการที่พวกเขาจะไม่ละเมิด อย่างที่ผู้บัญชาการลู่ตี๋ที่อยากได้เฟิ่งหลวนและเจียงเสี่ยวนู๋มาครอง แต่เขาจะบอกใบ้อย่างลับๆและคิดหาวิธีอื่นเพื่อให้ได้พวกนางมาโดยไม่ละเมิดกฎของตระกูล พวกเขาจะละเมิดกฎตระกูลไม่ได้ ไม่เช่นนั้นพวกเขาจะต้องเผชิญกับความตาย และคนในครอบครัวของพวกเขาเองก็จะตายไปโดยที่ไม่มีหลุมศพเช่นกัน
หากตระกูลที่ยิ่งใหญ่ต้องการจะรักษาความรุ่งเรืองต่อไปชั่วนิรันดร์ พวกเขาจะต้องรักษาสมดุลเอาไว้เพื่อให้เหล่าจอมยุทธที่อยู่ใต้การปกครองของพวกเขารับใช้พวกเขาด้วยความเชื่อถือและไม่กล้าจัดตั้งพันธมิตรเพื่อโค่นการปกครองของพวกเขา ไม่เช่นนั้นหากเกิดความโกลาหลและหากมีจอมยุทธที่สร้างเรื่องต่อสาธารณะขึ้นมา ผู้คนบนเกาะแห่งบาปอาจจะก่อจลาจลซึ่งอาจทำให้ทั้งสิบสามตระกูลล่มสลายได้
หัวหน้าหลายคนต่างกระอักกระอ่วนกันแล้ว พวกเขาอาจเพิกเฉยต่อความขุ่นเคืองที่เจียงอี้มีกับป้าเตาและหัวหน้าหลงได้ แต่ตอนนี้เจียงอี้ล้ำเส้นไปแล้ว หินอัสนีที่ภูเขาอัสนีเป็นของพวกเขา และทุกๆวัน ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเทียนจุนทั้งห้าสิบคนเหล่านั้นจะมอบหินอัสนีครึ่งหนึ่งให้กับหัวหน้าหลังจากที่พวกเขารวบรวมมันได้
บัดนี้เจียงอี้กำลังแย่งอาหารจากปากเสือ หากเจียงอี้ไม่ได้ทำอะไรที่กระทบกับผลประโยชน์ของพวกเขา พวกเขาก็คงไม่สนใจ แต่เมื่อเขาทำมันไปแล้ว พวกเขาก็จำเป็นต้องเข้ามาเอี่ยว ไม่เช่นนั้นทุกคนก็จะหิวโหยและคนของพวกเขาจะเสียความมั่นใจในความกล้าหาญของหัวหน้าไปได้
หัวหน้าทั้งสี่ส่งคำเตือนออกไปและสาบานว่าจะสังหารเจียงอี้ในขณะที่หัวหน้าอีกสี่คนยังคงเงียบอย่างประหลาด และในบรรดาสี่คนนั้น มีหัวหน้าที่อยู่ในสามอันดับแรกรวมอยู่ด้วย!
ป้าเตาเร่งมืออย่างอุกอาจและติดต่อกับหัวหน้าคนอื่นๆเพื่อตัดสินถึงเรื่องนี้กัน พวกเขาทั้งหมดออกไปจากเมืองพร้อมกับกลุ่มผู้เชี่ยวชาญขณะที่พวกเขาพุ่งไปยังภูเขาอัสนีด้วยกลิ่นอายที่พุ่งพล่านออกมา
หัวหน้าหกคนและผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเทียนจุนเกือบหนึ่งร้อยคนมาถึงภูเขาอัสนีซึ่งมันสร้างความหวาดกลัวให้แก่จอมยุทธที่อยู่ใกล้ๆ พวกเขาหลายคนคุกเข่าลงอย่างหวาดกลัวในขณะที่หัวหน้าทั้งหกคนนั้นไม่ได้สนใจและบินตรงไปยังสันเขาอัสนีด้านหลังภูเขาอัสนีทั้งสิบลูกนั้นทันที
แกร๊ง!
เมื่อพวกเขาจากไป ภูเขาอัสนีก็อยู่ในความโกลาหล มีหลายคนที่กำลังถกกันอย่างดุเดือดและมีการเดิมพันว่าเจียงอี้จะทนได้นานแค่ไหนก่อนที่จะถูกสังหาร
แต่อย่างไรก็ตาม!
ครึ่งวันต่อมา หัวหน้าทั้งหกก็กลับมาด้วยสีหน้าที่มืดหม่นขณะที่ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเทียนจุนที่อยู่ด้านหลังดูสยดสยองยิ่งกว่า หัวหน้าทั้งหกบินกลับไปที่เมืองอัสนีฟ้ากระจ่างเงียบๆและปล่อยให้ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเทียนจุนเกือบร้อยคนกระจายกันออกไปและคอยคุ้มกันอยู่ที่ภูเขาอัสนี
“พวกเขาไล่ล่าล้มเหลวงั้นหรือ?”
ในใจของทุกคนปรากฏผลลัพธ์ขึ้น หากพวกเขาสังหารเจียงอี้ได้ แล้วหัวหน้าทั้งหกจะมีสีหน้าที่มืดหม่นเช่นนี้เชียวหรือ? และผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเทียนจุนทั้งหมดเหล่านี้คงไม่มาอยู่ที่นี่ด้วยเช่นกัน
“เด็กนั่นต้องเข้าไปยังส่วนที่ลึกที่สุดของสันเขาอัสนีเป็นแน่ หัวหน้าทั้งหกอาจน่าเกรงขามมาก แต่พวกเขาก็ไม่สามารถต้านอุณหภูมิได้นานเช่นนั้น!”
“หืม หืม….เด็กนั่นน่าเกรงขามขนาดนั้นเลย? นี่เขาไม่กลัวเปลวเพลิงอัสนีรึไง?”
“ไอ้โง่! หากมันกลัวเปลวเพลิงอัสนี มันจะอยู่ข้างนอกมาสองคืนได้ไหมล่ะ?”
“มันจะต้องมีสมบัติที่กันความร้อนแน่ๆ มันเป็นสมบัติประเภทไหนกันนะ?”
“เด็กนั่นกำลังจะรวยแล้ว เขาจะมาเก็บหินอัสนีที่นี่ได้ทุกเช้า และในไม่กี่เดือน มันก็จะได้หินอัสนีไปนับแสนก้อน!”
“นั่นคงเป็นแค่ฝัน สุดท้ายแล้วเขาก็ต้องเข้าไปส่งหินอัสนีในเมืองใช่ไหมล่ะ? ข้าจำได้ว่าพวกเขามีทั้งหมดเก้าคนและหากพวกนั้นไม่ส่งหินอัสนี กลุ่มผู้บังคับบัญชาในเมืองจะไล่ล่าเขาอย่างแน่นอน กลุ่มผู้บังคับบัญชาเองก็มีสมบัติกันไฟและพวกเขาก็จะกำจัดเขาได้อย่างง่ายดาย!”
“ใช่แล้ว หากมันกล้ากลับเข้าไปในเมือง มันจะต้องถูกฆ่าแน่ๆและหินอัสนีทั้งหมดก็จะตกเป็นของเหล่าหัวหน้า…”
ผู้คนนับหมื่นกำลังถกกันอยู่เช่นกัน มีทั้งผู้ที่อิจฉาริษยา, ผู้ที่เกลียดชังและผู้ที่สาปแช่งเจียงอี้อย่างโหดเหี้ยม
ไม่สามารถปฏิเสธได้เลยว่าตอนนี้เจียงอี้มีชื่อเสียงมากขึ้น ในช่วงปีที่ผ่านมา เจียงอี้เป็นเพียงคนเดียวที่สามารถทำให้หัวหน้าทั้งหกคนกลับมาด้วยความรู้สึกย่ำแย่ที่ล้มเหลว พวกเขาเองก็อยากจะรู้ว่าเจียงอี้จะทนได้นานเพียงใด
หลังจากผ่านวันที่อึกทึกไป ทุกคนก็ต้องกลับไปในช่วงค่ำ แม้แต่หัวหน้าทั้งหกเองก็ยังไม่กล้าอยู่ที่นี่ในตอนกลางคืนเพราะมันร้อนมากเกินไป ที่สำคัญที่สุดคือมีเปลวเพลิงอัสนีมากเกินไป จะเป็นเช่นไรหากถูกเปลวเพลิงอัสนีล้อมรอบทั่วทุกสารทิศ? เมื่อมันเกิดเรื่องเช่นนั้น คนผู้นั้นก็คงได้แต่รอความตายเท่านั้น
จะซ่อนอยู่บนฟ้าหรือใต้พื้นดิน?
มันก็คงเป็นไปไม่ได้เพราะเกาะอัสนีฟ้ากระจ่างมีค่ายกลกักอัสนีอยู่ มันเป็นไปไม่ได้ที่จะขุดลงไปอยู่ใต้ดินและหากบินสูงเกินไป พวกเขาก็จะถูกสายฟ้าฟาดเป็นแน่
เมื่อตกดึก บริเวณรอบๆก็ค่อยๆเงียบลง หนึ่งชั่วโมงต่อมา ร่างสีแดงเพลิงตะลอนออกมาจากในสันเขาอัสนี เจียงอี้กลับไปใกล้ๆภูเขาอัสนีอีกครั้ง
“ฮึฮึ!”
เจียงอี้มองรอบๆและหลังจากที่แน่ใจแล้วว่าไม่มีใครอยู่แถวนั้น เขาก็หาที่ที่ไม่มีเปลวเพลิงอัสนีและนั่งลง เขานำราชวังจักรพรรดิออกมาและใช้สัมผัสศักดิ์สิทธิ์มองเข้าไปข้างใน เขาพูดคุยกับคนข้างในและบอกว่าตอนนี้เจียงอี้ปลอดภัยมากแต่ตอนนี้พวกเขาไม่สามารถออกมาได้ แล้วเขาก็ขอให้คนอื่นๆอยู่ในราชวังจักรพรรดิอย่างสบายใจได้เลย
ในช่วงกลางวัน เขาต้องเข้าไปยังสันเขาอัสนีเพื่อเลี่ยงการถูกตามล่าในขณะที่ตอนกลางคืนก็มีเปลวเพลิงอัสนีอยู่ทั่วทุกหนทุกแห่ง ด้วยอุณหภูมิที่สูงเช่นนี้ มันจึงทำให้เจียงเสี่ยวนู๋และคนอื่นๆไม่สามารถทนต่อความร้อนเช่นนี้ได้อย่างแน่นอนหากพวกเขาออกมา เขาจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องอยู่ที่นี่เพียงลำพัง
เจียงอี้นั่งอยู่บนก้อนหินและเข้าสู่สภาวะมนุษย์ประสานสวรรค์เพื่อสัมผัสถึงรูปแบบเต๋าต่อไป หลังจากที่เขาพยายามเข้าถึงมันมาสองคืนแล้ว เขาก็ยังไม่พบอะไรเลย รูปแบบเต๋านี้ลึกลับเกินไป แต่หากใครเข้าถึงมันได้ พวกเขาก็จะเข้าใจมันได้อย่างรวดเร็ว แต่หากผู้ใดเข้าถึงมันไม่ได้ เช่นนั้นแล้วการใช้เวลาทั้งชีวิตก็ยังไม่พอที่จะเข้าใจมัน มันจึงไม่มีประโยชน์อันใดให้ต้องรีบร้อน
เมื่อเจียงอี้สามารถจับทางร่องรอยของรูปแบบเต๋าได้บ้าง มันก็พิสูจน์แล้วว่าเขามีโอกาสที่จะเข้าถึงรูปแบบเต๋านั้น ดังนั้นเขาจึงไม่รีบร้อนเช่นกัน หากเขาไม่เข้าใจภายในหนึ่งวัน เขาก็ยังใช้เวลาเข้าใจมันได้เป็นสิบวันหรือร้อยวันก็ได้!
ตอนนี้เจียงอี้ก็ไม่จำเป็นต้องไปขุดหาหินอัสนีในสันเขาอัสนีอีกต่อไปแล้วเช่นกัน เขาจะเก็บหินอัสนีได้ราวๆเจ็ดถึงแปดร้อยก้อนในทุกๆเช้า หากมันยังเป็นเช่นนี้ต่อไป เขาก็จะมีหินอัสนีมากกว่าสองหมื่นก้อนภายในหนึ่งเดือนและจะมีหินอัสนีมากกว่าแสนก้อนในห้าเดือน มันก็คงเพียงพอสำหรับพวกเขาแล้วที่จะอยู่ในเมืองอัสนีฟ้ากระจ่างได้อย่างสงบสุข
สิ่งที่เขาต้องทำตอนนี้คือเพิ่มความแข็งแกร่งของเขา
ไม่เช่นนั้น อีกห้าเดือนให้หลังเขาจะไม่สามารถเข้าไปในเมืองเพื่อส่งมอบหินอัสนีได้และเขาจะถูกสังหารอย่างไร้ความปรานี
ยามราตรีผ่านไปในชั่วพริบตา!
เจียงอี้ลืมตาขึ้นมาพร้อมความผิดหวังในขณะที่เขายังคว้าน้ำเหลวอยู่เช่นเคย ท้องฟ้าเริ่มสว่างแล้วและเปลวเพลิงอัสนีก็เริ่มพากันกลับเข้าไปในภูเขาอัสนีแล้ว มีหินอัสนีมากกว่าพันก้อนอยู่บนพื้นและยอดฝีมือจากเมืองอัสนีฟ้ากระจ่างคงกำลังพุ่งตรงมาที่นี่
ฟรึ่บ!
เจียงอี้พุ่งไปยังภูเขาอัสนีและเก็บหินอัสนีตามทาง เมื่อเขาเก็บได้ครึ่งทาง ร่างหลายร่างก็บินมาอย่างที่เขาคาดการณ์เอาไว้ จากนั้นเจียงอี้ก็รีบพุ่งกลับเข้าไปในสันเขาอัสนีราวกับสายลมและเมื่อยอดฝีมือมาถึงภูเขาอัสนี เขาก็หายเข้าไปในสันเขาอัสนีแล้ว.Aileen-novel.
“บ้าเอ้ย!”
ผู้คนนับไม่ถ้วนสบถออกมา แต่แม้แต่หัวหน้าทั้งหกคนเองก็ยังจนปัญญา แล้วพวกเขาจะทำอะไรได้? พวกเขาจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากรอให้หัวหน้าทั้งหกคิดหาทางหรือไม่ก็ให้หัวหน้าอีกสี่คนที่เหลือเข้ามาร่วมมือด้วย
ในบรรดาหัวหน้าทั้งสี่คนที่ไม่ได้เข้ามายุ่งกับเรื่องนี้ มีหัวหน้าสามคนที่แข็งแกร่งที่สุดอยู่ด้วย อย่างหัวหน้าของหูซาน หัวหน้าหลี่ผู้ถูกจัดให้เป็นผู้ที่แข็งแกร่งอันดับสามในเมือง ยังมีอันดับสอง, เหลิ่งอ้าวเทียนหรือหัวหน้าเหลิ่ง และอันดับที่หนึ่ง, เจ๊ใหญ่กระพรวนกังวาน
โดยเฉพาะเจ๊ใหญ่กระพรวนกังวานผู้ที่อายุยังไม่ถึงสามสิบปี แต่ความแข็งแกร่งของนางก็เพียงพอที่จะอยู่เหนือทุกคนแล้ว นางอาจอยู่ขอบเขตเทียนจุนขั้นที่หก แต่ความแข็งแกร่งในการต่อสู้ของนางนั้นเทียบได้กับผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเทียนจุนขั้นที่สูงกว่านาง นางสามารถกำจัดหัวหน้าอีกเก้าคนที่เหลือได้ด้วยตัวเองและแม้แต่ทหารตระกูลลู่ธรรมดาเองก็เคารพนางมาก
เจ๊ใหญ่กระพรวนกังวานไม่ใช่ชื่อของนางและไม่มีใครในเมืองนี้รู้จักชื่อของนาง พวกเขาเรียกนางว่าเจ๊ใหญ่กระพรวนกังวานเพราะที่คอของนางมีกระพรวนเล็กๆสีชมพูห้อยอยู่ กระพรวนเหล่านั้นเป็นสมบัติล้ำค่าที่สามารถปลดปล่อยการโจมตีดวงจิตวิญญาณได้ มันอาจเป็นสิ่งประดิษฐ์เหนืออิทธิฤทธิ์ก็จริง แต่เจ๊ใหญ่กระพรวนกังวานนั้นมีการโจมตีดวงจิตวิญญาณที่น่ากลัวอยู่แล้วซึ่งมันได้เพิ่มความแข็งแกร่งในการต่อสู้ของนางไปสู่ระดับที่น่ากลัวเป็นอย่างยิ่ง!
เมื่อสามปีก่อนตอนที่เจ๊ใหญ่กระพรวนกังวานมายังเกาะอัสนีฟ้ากระจ่าง หัวหน้าคนหนึ่งยืนกรานจะพานางไปเป็นทาสสาวของเขา จึงทำให้เจ๊ใหญ่กระพรวนกังวานเชิญหัวหน้าผู้นั้นไปสู้กับนางนอกเมือง นางกำจัดหัวหน้าและผู้ใต้บัญชาขอบเขตเทียนจุนกว่ายี่สิบคนเพียงลำพัง และเข้ารับตำแหน่งหัวหน้าคนใหม่ในทันที หลังจากนั้นก็มีหัวหน้าอีกคนที่ไม่เชื่อและถูกนางกำจัดเช่นเดียวกันในกระบวนท่าเดียว
“น้องเสี่ยวหง ไปรายงานเจ๊ใหญ่กระพรวนกังวานที บอกว่าพวกเราทั้งหกคนขอเข้าพบนาง!”
ทางทิศตะวันออกของเมือง, ด้านนอกลานบ้านอันสง่างาม ป้าเตา, หัวหน้าหลงและคนอื่นๆยืนอยู่ด้านนอกด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้มขณะที่พูดกับสาวใช้ที่งดงามด้วยความเคารพ
ความแข็งแกร่งของสาวใช้นั้นไม่น่าเกรงขามเท่าใดนักและอยู่เพียงขอบจินกังขั้นที่สาม แต่นางทำตัวหยิ่งผยองกับหัวหน้าทั้งหก นางสะบัดก้นอันยั่วยวนของนางและพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “พวกเจ้าทั้งหมดรออยู่ที่นี่ก่อน ข้าจะไปแจ้งนายหญิง”
พวกเขาทั้งหกคนไม่กล้าแม้แต่จะผายลมออกมาและรออยู่ด้านนอกอย่างเชื่อฟัง….เพราะพวกเขามาที่นี่เพื่อขอความช่วยเหลือจากเจ๊ใหญ่กระพรวนกังวาน นางเป็นเพียงคนเดียวที่สามารถสังหารเจียงอี้และชำระล้างความอัปยศของพวกเขาได้