เพลิงพิโรธสวรรค์ Fury towards the burning heaven - บทที่ 688 เสี่ยงดู!
จี๊! จี๊!
ร่างของเจียงอี้ยังคงปลดปล่อยเปลวเพลิงอัสนีออกมาเรื่อยๆ ในเกาะแห่งนี้มีเปลวเพลิงอัสนีมากมาย เขาจึงไม่กังวลว่ามันจะหมดไป และมันก็ไม่มีอะไรต้องคิดมากแม้ว่าเขาจะใช้เปลวเพลิงอัสนีทั้งหมดในไข่มุกวิญญาณเพลิงไปกับการต่อสู้ครั้งนี้
ขณะที่หนีไปด้วยความเร็ว เจียงอี้ก็ห่อหุ้มตัวเองด้วยเปลวเพลิงอัสนีด้วยซึ่งมันมีรัศมีสามสิบเมตรรอบตัวเขา ในเวลาเดียวกันเขาก็จะปลดปล่อยทักษะการต่อสู้แบบผสานทุกอย่างออกไปอย่างไม่ยั้งและปล่อยเปลวเพลิงอัสนีออกไปพร้อมกับการโจมตีเหล่านั้นด้วย
เจียงอี้ไม่กล้าให้หัวหน้าเหลิ่งเข้าใกล้เขา ใครจะรู้ว่าเขามีการโจมตีที่น่าสะพรึงแบบไหนอีก? จนถึงตอนนี้ เขาทำได้เพียงแค่เลือกที่จะสู้แบบยาวนาน เขาไม่เชื่อว่าหัวหน้าเหลิ่งจะทนต่ออุณหภูมิเช่นนี้ได้
“บ้าเอ้ย!”
อันที่จริงแล้ว หัวหน้าเหลิ่งไม่สามารถต้านทานมันไหวอีกต่อไป เขาอยู่ห่างจากเจียงอี้ไม่กี่กิโลเมตร และแม้ว่าเขาจะมีแก่นแท้พลังที่ทรงพลังและมีสิ่งประดิษฐ์ศักดิ์สิทธิ์แฝงอยู่ในเสื้อคลุมของเขาที่ช่วยให้โล่ศักดิ์สิทธิ์ของเขาแข็งแกร่งกว่าผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเทียนจุนที่อยู่ระดับเดียวกับเขาได้หลายเท่า แต่ความร้อนนี้ก็ยังสูงและน่ากลัวเกินไป แก่นแท้พลังของเขารั่วออกไปราวกับน้ำหลากและกลัวว่าโล่ศักดิ์สิทธิ์จะแตกสลายไปและจะทำให้เขาถูกแผดเผาทั้งเป็น
“ตายซะ!”
ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยกลิ่นอายสังหาร เด็กตัวน้อยๆ ผู้ที่อยู่ขอบเขตจินกังมีวิธีที่ทำให้เขารู้สึกว่าชีวิตกำลังถูกข่มขู่ได้จริงๆ มันจะไม่ให้เขาโกรธได้อย่างไร? อีกอย่างเขายังโลภในสมบัติที่ตัวเจียงอี้ด้วย ไม่จำเป็นต้องพูดก็รู้ว่าเกราะสีแดงเพลิงนั่นเป็นสิ่งประดิษฐ์ศักดิ์สิทธิ์แฝงอย่างแน่นอน และเมื่อเขาสังหารเจียงอี้และได้สมบัติของเจียงอี้มาแล้ว ความแข็งแกร่งในการต่อสู้ของเขาก็จะเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว
จี๊! จี๊!
เขาเพ่งเป้าไปยังเจียงอี้ที่กำลังหนีอยู่ขณะที่เขาฟาดฝ่ามือออกไปอย่างกะทันหัน ฝ่ามือนั้นส่งเสียงแหลมออกมาและทำให้พื้นที่รอบๆผันผวนอีกครั้ง
ฟรึ่บ! ฟรั่บ!
ในเวลาเดียวกัน หัวหน้าเหลิ่งก็ปลดปล่อยฝ่ามือขึ้นไปบนฟ้าอีกฝ่ามือหนึ่ง เห็นได้ชัดว่ามันเป็นรูปแบบเต๋าห้วงมิติผสาน พอมันถูกปลดปล่อยออกมา วินาทีถัดมามันก็ปรากฏขึ้นเหนือเจียงอี้สามร้อยเมตรแล้ว และกระแทกลงมาเหมือนภูเขากำลังทับลงมา
“หัวหน้าเหลิ่งนี่กำลังจะขยี้ข้าจนแหลกเป็นผุยผง”
เจียงอี้บ่นอุบ ห้วงอากาศผันผวนอยู่เบื้องหลังเขาได้คืบคลานเข้ามาแล้ว เจียงอี้รู้สึกราวกับว่าร่างของเขาตกลงไปในคลื่นทะเลและรู้สึกเหมือนว่าร่างของเขากำลังหมุนไปมา มันทำให้ความเร็วของเจียงอี้ลดลงอย่างมาก ในขณะเดียวกัน รอยฝ่ามือด้านบนก็ส่งเสียงออกมาและเขาเองก็ไม่สามารถหลบหนีได้อีกต่อไปแม้ว่าเขาจะอยากหนีก็ตาม
“เร็วเข้าสิ!”
ดาบมังกรเพลิงของเจียงอี้สว่างขึ้นขณะที่เขาปลดปล่อยทักษะการต่อสู้แบบผสานมากมายออกไปเหนือท้องฟ้าพร้อมกับปลดปล่อยเปลวเพลิงอัสนีออกมาอย่างต่อเนื่อง รอยฝ่ามือของหัวหน้าเหลิ่งรุนแรงเกินไป ตราบใดที่เขาสามารถผลาญพลังงานบางส่วนจากฝ่ามือเช่นนี้ได้ มันก็จะไม่มีทางบดขยี้เขาจนตายได้
จี๊! จี๊!
กระแสไฟฟ้าภายในเปลวเพลิงอัสนีพุ่งไปยังฝ่ามือยักษ์อย่างต่อเนื่องและมันถูกกระแสไฟฟ้าทำให้ฝ่ามือเล็กลงอย่างรวดเร็วและเหลือเพียงหนึ่งในสามส่วนของขนาดเดิมก่อนที่จะปะทะเข้ากับเปลวเพลิงอัสนีรอบตัวเจียงอี้
ตูม!
รอยฝ่ามือกระแทกกับยอดเขาอย่างหนัก ทำให้หินนับไม่ถ้วนแตกกระจายออกมาขณะที่ฝุ่นก็คลุ้งไปทั่ว และมันยังมีรอยฝ่ามือขนาดยักษ์ที่กระแทกเข้ากับเจียงอี้ซึ่งมันลึกมากและดูไร้ก้นบึ้งหุบเหว
ฟรึ่บ!
เจียงอี้ทลายภูเขาออกมาและหนีไปเรื่อยๆ มีคราบเลือดติดอยู่ที่มุมปากของเขาซึ่งมันเห็นได้ชัดว่าเขาได้รับบาดเจ็บ หากไม่ใช่เพราะเกราะเมฆาอัคคีและร่างกายที่ถูกปฏิรูปโดยหญ้ามังกรยาจกที่ทำให้เขาแข็งแกร่งขึ้นสิบเท่า เขาก็คงจะตายอย่างน่าสยดสยองไปแล้ว
“ฮึ่ม ข้าจะดูซิว่าเจ้าจะขวางการโจมตีได้สักกี่ครั้งกัน!”
หัวหน้าเหลิ่งขมวดคิ้ว ดวงตาของเขาเย็นชาอย่างน่าขนลุกขณะที่ไล่ตามเจียงอี้อย่างไม่รีบร้อนและไม่กล้าเข้าไปใกล้มากเกินไป เขาใช้ฝ่ามือฟาดออกไปเพื่อทำให้ห้วงอากาศสั่น และเมื่อเจียงอี้หนีไม่ได้ เขาก็จะปล่อยฝ่ามือกระแทกเจียงอี้อย่างหนัก
ตูม! ตูม! ตูม!
ทุกๆการโจมตีแต่ละครั้ง มันจะทำให้เจียงอี้ลอยลงมา และยอดเขารอบๆตัวเขาก็ถล่มลงมา, แตกไป หรือพังทลายไป เสียงระเบิดดังก้องอย่างต่อเนื่องขณะที่ฝุ่นมากมายคลุ้งขึ้นไปบนฟ้าขณะที่ก้อนหินที่แตกลอยออกไปทั่วทุกสารทิศ ฉากนั้นบีบหัวใจมาก
“อั๊กก!”
เจียงอี้กระอักเลือดออกมาอย่างต่อเนื่อง อวัยวะภายในของเขาบาดเจ็บหนักจากการถูกกระทบหลายครั้งและความเร็วของเจียงอี้ก็ลดลงไปมาก ผิวของเขาซีดลงเช่นกัน ไม่มีใครทนต่อการบาดเจ็บจากการถูกโจมตีอย่างต่อเนื่องได้ โชคดีที่ร่างของเจียงอี้กำลังรักษาตัวเองอัตโนมัติ ไม่เช่นนั้นเขาคงทนมันได้ไม่นานนัก
เจียงอี้หยิบยาออกมาแล้วโยนเข้าปากไป ซึ่งเขากลืนมันลงไปพร้อมกับเลือดของเขา เขากินยาฟื้นฟูไปหลายเม็ดแล้ว แต่ประสิทธิภาพของยาก็ยังไม่แพร่กระจายไปมากเท่าใดนัก และถึงแม้ว่ามันจะกระจายไปในส่วนต่างๆของร่างกาย แต่มันก็ยังต้องใช้เวลาเพื่อพักฟื้นอยู่ดี แต่ทว่าการโจมตีของหัวหน้าเหลิ่งก็ยังคงดำเนินต่อไปอย่างไม่จบไม่สิ้น
“ไม่ได้การล่ะ หากเป็นเช่นนี้ต่อไป ข้าจะต้องโดนบดขยี้ทั้งเป็น!”
ดวงตาของเจียงอี้สั่นไหว เมื่อเขาได้รับบาดเจ็บสาหัส ปฏิกิริยาและความเร็วของเขาก็จะค่อยๆช้าลง จากสถานการณ์ตอนนี้ หากหัวหน้าเหลิ่งอยู่ต่อไปเช่นนี้อีกสักครึ่งวันหรือนานกว่านั้นมันก็จะไม่เป็นปัญหาอะไรต่อเขาเลย….ในขณะที่เจียงอี้คงอยู่ได้ไม่เกินกว่าหนึ่งชั่วโมงเท่านั้น
“เสี่ยงดูก็ได้วะ!”.ไอรีนโนเวล.
ร่องรอยของความบ้าคลั่งปรากฏขึ้นในดวงตาของเจียงอี้ เขาไม่ได้คิดจะปล่อยเฟิ่งหลวนและคนอื่นๆออกมา มันไม่มีประโยชน์ที่จะพึ่งพาในเรื่องจำนวนคนเมื่อต้องเผชิญกับยอดฝีมือเช่นนี้ เขาจึงทำได้เพียงแค่เสี่ยงชีวิตของเขาเท่านั้น
ทันใดนั้น เขาก็หันกลับมาราวกับมังกรคลั่งและพุ่งเข้าหาหัวหน้าเหลิ่งทันที เขาปล่อยเปลวเพลิงอัสนีออกจากร่างของเขาสุดกำลังขณะที่ดาบมังกรเพลิงของเขากลายเป็นลำแสงสีแดงนับหมื่นขณะที่เขาตวัดดาบไปทางหัวหน้าเหลิ่งกะทันหัน
“เอ่อ….”
หัวหน้าเหลิ่งหรี่ตาลง เขารู้สึกว่าอุณหภูมิรอบตัวเขาเพิ่มขึ้นหลายเท่า เขาจึงรีบถอยกลับไปในขณะที่ชุดคลุมสีดำของเขาพลิ้วไหว ลวดลายอักขระนับไม่ถ้วนพุ่งออกมาขณะที่มันซึมเข้าไปในโล่ศักดิ์สิทธิ์ของเขาทำให้แสงบนโล่สว่างขึ้น
“ความพยายามเฮือกสุดท้าย?”
เขาสงบสติลงขณะที่ล่าถอยอย่างรวดเร็ว ความเร็วของเจียงอี้ด้อยกว่าเขามากนักซึ่งโดยปกติแล้ว มันเป็นไปไม่ได้ที่เจียงอี้จะพุ่งเข้ามาใกล้เขาได้ขณะที่เขาปลดปล่อยฝ่ามือออกไปอีกครั้ง เจียงอี้จะยังกล้าพุ่งเข้าหาเขาอีกหรือไม่? หากเป็นเช่นนั้นมันคงไม่ต่างจากการรนหาที่ตาย!
ทันใดนั้นเอง เมื่อเขาปลดปล่อยฝ่ามือออกมา เจียงอี้ก็หายไปกลางอากาศในยามที่ห้วงอากาศแทบจะยังไม่ผัวผวน ไม่มีผู้ใดกล้าแผ่สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ในสันเขาอัสนีแห่งนี้ ดังนั้นหัวหน้าเหลิ่งจึงได้แต่กระพริบตาและรู้สึกว่าเขาตีความสิ่งที่เขาเพิ่งจะเห็นผิดไป แต่เมื่อเขากวาดสายตาไปรอบๆ เขาก็เห็นพื้นที่ที่ห่างออกไปประมาณหนึ่งกิโลเมตรก่อนที่มันจะผันผวนและทันใดนั้น ก็มีเงาปรากฏขึ้น
“อ๊ะ?”
หัวหน้าเหลิ่งหวาดผวาขึ้น เขาหนีไปทันที ตอนที่เจียงอี้ปรากฏตัวออกมา เปลวเพลิงอัสนีก็หลั่งไหลออกมาราวกับกระแสน้ำหลากในทันที คลื่นความร้อนอันน่าสะพรึงปกคลุมไปทั่วและทำให้บรรยากาศโดยรอบเริ่มมอดไหม้
“เด็กเวรนี่ใช้ศาสตร์แปรผันดวงจิตได้ด้วยหรือ?”
คลื่นพายุใหญ่ซัดอยู่ในใจหัวหน้าเหลิ่ง ความเร็วของเขาได้มาถึงจุดสูงสุดแล้ว ในขณะที่อักขระสีดำจากชุดคลุมสีดำของเขาซึมเข้าไปในโล่ศักดิ์สิทธิ์และคอยต้านความร้อน หลังของเขาเปียกโชกจากเหงื่อที่เย็นเยียบ หากเจียงอี้ย้ายร่างฉับพลันเข้าไปใกล้กว่านี้อีกนิด เขาคงจะตายไปแล้ว
แต่แน่นอนว่า…
อันที่จริงแล้วสัญชาตญาณของเชาสัมผัสได้ตั้งแต่เมื่อครู่แล้ว หากเขาปล่อยการโจมตีทันที เจียงอี้ก็จะถูกระเบิดตายก่อนที่ร่างของเจียงอี้จะปรากฏขึ้น แต่เขาไม่สามารถแผ่สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ออกมาในบริเวณนี้ได้ นี่เป็นปัญหาใหญ่สำหรับเขาเพราะความเร็วในการตอบสนองของเขาจะช้าลงมากหากต้องพึ่งพาสายตาของตัวเอง
ฟรึ่บ!
เจียงอี้ไล่ล่าหัวหน้าเหลิ่งไปอย่างดุเดือด เขาตวัดดาบมังกรเพลิงออกไปอย่างต่อเนื่อง ขณะที่มันเกิดคลื่นความร้อนอย่างต่อเนื่องทำให้อุณหภูมิรอบๆหัวหน้าเหลิ่งสูงขึ้น เจียงอี้จะย้ายร่างฉับพลันเรื่อยๆ พักหนึ่งเขาจะย้ายไปทางซ้ายก่อนที่จะไปปรากฏตัวทางขวา เขาโจมตีออกมาอย่างหมดหนทางและไม่สนใจจำนวนของเปลวเพลิงอัสนีที่เหลืออยู่เลย เขายังไม่สนใจถึงความปลอดภัยของตัวเองด้วยเช่นกันและเพียงแค่ไม่ให้หัวหน้าเหลิ่งได้มีเวลาพักหายใจ
เปลวเพลิงอัสนีของเจียงอี้อยู่ทั่วทุกหนแห่ง แล้วจะให้หัวหน้าเหลิ่งแผ่สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ออกมาได้อย่างไร? หากเขาถูกกระแสไฟฟ้าในเปลวเพลิงอัสนีปะทะเข้า สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของเขาก็จะถูกกำจัดออกไปและมันจะทำให้ดวงจิตวิญญาณของเขาบาดเจ็บ จากนั้นเขาก็จะต้องตายอยู่ที่นี่อย่างเลี่ยงไม่ได้
เจียงอี้เองก็ยังคงย้ายร่างฉับพลันขณะที่หัวหน้าเหลิ่งใช้ได้เพียงแค่ดวงตาของเขาคอยมองสภาพแวดล้อมเท่านั้น เขาจะคอยมองหาที่ที่เจียงอี้จะย้ายร่างฉับพลันไปเพื่อหลีกเลี่ยงเจียงอี้ ซึ่งความแตกต่างของการใช้ดวงตากับสัมผัสศักดิ์สิทธิ์นั้นต่างกันมาก ทุกครั้งที่เจียงอี้ปรากฏขึ้นอีกครั้ง มันก็จะสายเกินไปที่หัวหน้าเหลิ่งจะโจมตีได้ และเจียงอี้ก็จะปล่อยเปลวเพลิงอัสนีในทันที ซึ่งทำให้อุณหภูมิรอบๆสูงขึ้นมาก หากเขาไม่ถอย โล่ศักดิ์สิทธิ์ของเขาก็คงจะแตกเป็นเสี่ยงๆและเมื่อถึงตอนนั้น คงมีเพียงความตายเท่านั้นที่รอเขาอยู่
“ข้าไม่เชื่อหรอกว่าเปลวเพลิงอัสนีของเขาไม่มีวันหมด”
ดวงตาของหัวหน้าเหลิ่งเย็นชาลง เขาไม่สามารถคิดวิธีโจมตีใดๆได้และเน้นไปที่การหลบเลี่ยงขณะที่รอให้เจียงอี้ใช้เปลวเพลิงอัสนีอย่างเต็มที่ และเมื่อถึงเวลานั้น ก็จะเป็นเวลาที่เขาจะกำจัดเจียงอี้
…