เพลิงพิโรธสวรรค์ Fury towards the burning heaven - บทที่ 699 สับพวกมันให้สิ้นซาก!
- Home
- เพลิงพิโรธสวรรค์ Fury towards the burning heaven
- บทที่ 699 สับพวกมันให้สิ้นซาก!
ปู้เหอถูกเป่าหูมาจริงๆ
เขานำคนนับหมื่นมายังเกาะอัสนีฟ้ากระจ่างและถูกตระกูลลู่ตัดสินให้เป็นทาสเป็นเวลาสามสิบปีมันจึงเป็นธรรมดาที่เขาอยากจะขึ้นเป็นหัวหน้าในเมืองนี้ ด้วยหนทางนี้มันจะทำให้เขาอยู่ได้อย่างสงบสุข ไม่เช่นนั้นคนของเขาทั้งหมดก็จะต้องตายอย่างอนาถหรือไม่ก็กลายเป็นผู้ใต้บัญชาของคนอื่นและทำให้คนอื่นๆควบคุมพวกเขาได้
หัวหน้าเหลิ่ง, หัวหน้าหลี่และหัวหน้าอิงเป็นที่รู้จักกันมานานและเมื่อพวกเขาเผชิญกับกองกำลังภายนอก พวกเขาก็มักจะร่วมมือกันขับไล่ผู้บุกรุก หากปู้เหอจะยั่วยุหัวหน้าคนใดคนหนึ่ง หัวหน้าคนอื่นๆก็จะส่งคนของพวกเขาไปเข้าร่วมเพื่อขับไล่เขาไป
หากปู้เหอต้องการจะเป็นหัวหน้าในเมือง เขาจะต้องสังหารคนและสร้างอำนาจของตนเองขึ้นมา เขาจะต้องปล่อยให้หัวหน้าในเมืองเห็นความแข็งแกร่ง, ความน่าเกรงขามของพวกเขาและยอมรับเขาว่าเป็นหนึ่งในหัวหน้า
ปู้เหอไม่สามารถแตะต้องหัวหน้าเหลิ่งและคนอื่นๆได้ และยังไม่กล้าไปยุ่งกับเจ๊ใหญ่กระพรวนกังวานอีกด้วย
ดังนั้น คนเดียวที่เขาพอจะยุ่งได้คือเจียงอี้ที่เพิ่งได้เลื่อนตำแหน่งมาไม่กี่เดือนและผู้ใต้บัญชาของเขาก็ยังไม่ได้ภักดีต่อเขานัก ฉะนั้นเมื่อเกิดการต่อสู้ครั้งใหญ่ขึ้น มันก็เป็นไปได้ว่าพวกนั้นอาจเสียเปรียบ ดังนั้น การกำจัดเจียงอี้จะเป็นทางเดียวเท่านั้นที่ปู้เหอจะเลื่อนขั้นให้ตัวเองได้
แต่แน่นอนว่า!
ข้อมูลที่ปู้เหอได้มาถูกหัวหน้าเหลิ่งและคนอื่นๆจงใจเผยแพร่ไปให้ ไม่เช่นนั้นปู้เหอจะไม่ได้ข้อมูลมาแม้แต่นิดเดียว เมื่อตอนที่เจียงอี้เพิ่งเข้ามาในเมืองแรกๆ หูซานบอกว่าเขาจะเป็นคนคนเดียวเท่านั้นที่จะบอกข้อมูล หากผู้ใดกล้าเปิดเผยข้อมูลออกมา พวกนั้นจะต้องตายอย่างแน่นอน
ซึ่งหัวหน้าเหลิ่งและคนอื่นๆจงใจเผยแพร่ข้อมูลบางอย่างไปให้ปู้เหอ แต่พวกเขาปกปิดข้อเท็จจริงอื่นๆ อย่างการที่เจียงอี้สังหารป้าเตา, หัวหน้าหลงและพี่เหิงหรือไม่ว่าจะเป็นความสัมพันธ์ระหว่างเจียงอี้และเจ๊ใหญ่กระพรวนกังวาน
ปู้เหอมาที่นี่เยี่ยงคนโง่เขลา แต่เขาก็ไม่มีทางเลือกอื่นเช่นกันเพราะเขาต้องการหินอัสนี
หากไม่มีหินอัสนี คนของเขาก็จะถูกสังหารไปทั้งหมด เขาใช้ศิลาสวรรค์ซื้อหินอัสนีไว้มากมายแล้ว และหากมันยังเป็นเช่นนี้ต่อไป สมบัติทั้งหมดของพวกเขาก็จะถูกขายไปหมดและพวกเขาก็ยังต้องถูกคนอื่นควบคุมอีก
เจียงอี้มีผู้ใต้บัญชาอยู่เพียงพันคน แต่เขากลับครอบครองภูเขาอัสนีไปทั้งลูก ส่วนภูเขาอัสนีลูกอื่นๆก็มีคนมากกว่าหนึ่งพันคน ปู้เหอเองก็เป็นคนขี้อิจฉาริษยาอยู่แล้ว แต่เขาไม่ได้โจมตีอย่างประมาทและเลือกที่จะใช้ความสันติก่อนที่จะใช้ความรุนแรง เขาให้คนไปส่งข้อความถึงเจียงอี้เพื่อนัดพบ แต่ใครจะไปรู้ว่าเจียงอี้ไม่ไว้หน้าเขาเลย? ปู้เหอจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากประกาศแบ่งเขตแดน
ปู้เหอไม่ได้นำคนมากับเขามากมายในวันนี้ เขานำผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเทียนจุนมาสี่สิบคนและขอบเขตจินกังขั้นสูงสุดมาอีกสามร้อยคน พวกเขายืนอยู่กลางอากาศห่างจากภูเขาอัสนีไปเพียงยี่สิบกิโลเมตรและรอให้เจียงอี้ปรากฏตัวขึ้นมา
คนของปู้เหอทั้งหมดต่างอิจฉาตาร้อนเมื่อมองภูเขาอัสนีที่มีหินอัสนีปะทุออกมาอยู่ตลอดเวลา ขณะที่ผู้คนด้านล่างได้หินอัสนีเหล่านั้นไปอย่างง่ายดาย โดยเฉพาะภูเขาอัสนีของเจียงอี้ที่มีคนเพียงไม่กี่ร้อยคน พวกเขาไม่ต้องช่วงชิงกันแม้แต่น้อยและคอยเก็บหินอัสนีได้อย่างสบายๆ
ตระกูลลู่ไม่สนใจว่าใครจะทำเช่นไร ตราบใดที่ไม่มีหินอัสนีมาให้ พวกเขาเหล่านั้นก็จะถูกสังหารไป เจ้าเมืองอัสนีฟ้ากระจ่างเป็นผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเทียนจุนขั้นสูงสุด จึงไม่มีผู้ใดกล้ากระทำสิ่งใดอย่างประมาทในเมือง ไม่เช่นนั้นพวกเขาคงอยากตาย
หลังจากที่รอไปประมาณสิบห้านาที…
ฝั่งของเจียงอี้ก็ยังคงไม่เคลื่อนไหวใดๆขณะที่สีหน้าของปู้เหอเผยความชั่วร้ายออกมา แก้มซ้ายของเขามีรอยแผลเป็นลึกขณะที่ดวงตาที่มืดมนและเย็นชาของเขากระพริบไม่หยุด ขณะที่มองไปยังราชวังจักรพรรดิที่ลอยอยู่แถบๆริมภูเขาอัสนี เขาก็โบกมือและกล่าวว่า “ไปรายงานหัวหน้าเจียง อีกหนึ่งชั่วโมง หากเขายังไม่แสดงตัวออกมา ข้าคงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องโจมตีเขา”
หนึ่งในผู้ใต้บัญชาขอบเขตเทียนจุนพยักหน้าและบินไปอย่างรวดเร็ว เขาบินอ้อมภูเขาอัสนีไปและเมื่อกำลังจะเข้าใกล้ราชวังจักรพรรดิ เขาก็ถูกลูกน้องของเจียงอี้ขัดขวางเอาไว้ ลูกน้องของปู้เหอถ่ายทอดข้อความของปู้เหอออกไปขณะที่ลูกน้องของเจียงอี้พูดว่า “หัวหน้าเจียงกล่าวว่าเขายังฝึกฝนอยู่และให้พวกเจ้ารอก่อน”
“ฮึ่ม”
ดวงตาของผู้ใต้บัญชาปู้เหอเป็นประกายด้วยแสงอันเยือกเย็นขณะที่เขาเหลือบมองราชวังจักรพรรดิก่อนที่จะกลับไป เมื่อเขากลับไปถึงปู้เหอแล้ว เขาก็รีบรายงานด้วยความเดือดดาลว่า “หัวหน้า หัวหน้าเจียงบอกว่าเขาจะมาที่นี่ในภายหลังขอรับ หากให้ข้าพูด…..เราเลิกรอเถอะขอรับและสังหารพวกนั้นให้หมดทุกคน ตราบใดที่เรากำจัดเขาได้ ท่านก็จะมาแทนที่เขาได้”
“ไม่ต้องรีบร้อนไป….”
ปู้เหอส่ายหัวและพูดว่า “เรายังไม่รู้เรื่องสถานการณ์ในเมืองอัสนีฟ้ากระจ่างและมีข้อมูลไม่มากนัก เราจะประมาทผู้ที่ได้ขึ้นเป็นหัวหน้าไม่ได้ มันจะเป็นการดีที่สุดถ้าจะเจรจาอย่างสงบสุขได้ ถ้าหัวหน้าเจียงผู้นี้มีสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นกับตระกูลลู่ในเมืองล่ะ? หากเป็นเช่นนั้น เราคงไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเราตายไปได้อย่างไร…..”
สิบห้านาทีต่อมา ราชวังจักรพรรดิก็หายลับไปขณะที่เจียงอี้ค่อยๆบินไปพร้อมกับผู้ใต้บัญชาขอบเขตเทียนจุน เมื่อเขาไปถึงภูเขาอัสนี เขาก็เหลือบมองลงไปข้างล่างขณะที่คนนับหมื่นคนทักทายเขาด้วยความเคารพ “หัวหน้าเจียง” ไอรีนโนเวล
ทุกคนรวมทั้งผู้นำจากกลุ่มอื่นๆต่างก็เคารพเจียงอี้อย่างสูง ส่วนผู้นำทั้งห้าที่เป็นคนของเจียงอี้ก็ทะยานขึ้นไปบนฟ้าและรวมตัวกันอยู่ข้างๆเจียงอี้ จากนั้นพวกเขาก็บินไปหาปู้เหอพร้อมกัน
เจียงอี้หยุดอยู่ห่างจากปู้เหอและคนของเขาประมาณสามกิโลเมตรขณะที่ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเทียนจุนทั้งหกต่างก็ระวังตัวเองโดยอยู่หลังเจียงอี้ไปสามกิโลเมตร เจียงอี้ไม่ได้ปลดปล่อยกลิ่นอายของตัวเองออกมา เขาเพียงแค่ยืนอยู่ตรงนั้นอย่างสงบและจ้องมองผู้คนหลายร้อยคนที่อยู่แต่ไกลและพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “ผู้ใดตามหาข้าอยู่?”
“ฮือฮา….”
เกิดความโกลาหลที่ด้านของปู้เหอ หลักๆแล้วมันเป็นเพราะเจียงอี้ยังเด็กเกินไป ไม่ว่าพวกเขาจะสำรวจอย่างไร ความแข็งแกร่งของเจียงอี้ก็ยังอยู่ขอบเขตจินกังเท่านั้น และนี่เขาเป็นหัวหน้าจริงๆหรือ? เขากล้าที่จะมากับผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเทียนจุนเพียงหกคนด้วย? ยิ่งไปกว่านั้น เขายังทำตัวโอหังทันทีที่ปรากฏตัวออกมาอีก?
มุมปากของปู้เหอกระตุกพร้อมกับแผลเป็นที่แก้มซ้ายทำให้มันดูน่ากลัวเป็นอย่างมาก คนที่คุ้นเคยกับเขาจะรู้ว่าเขาโกรธแล้วและมันก็น่ายกย่องมากแล้วที่เขาสามารถยับยั้งตัวเองไม่ให้ลงมือได้
ปู้เหอยกมือขึ้นเพื่อดับความโกลาหลข้างหลังเขาลง เขาฝืนยิ้มและป้องกำปั้นพูดว่า “คารวะหัวหน้าเจียง ข้ามีนามว่าปู้เหอ”
เจียงอี้ไม่ได้ทักทายกลับไปขณะที่มองปู้เหอด้วยสายตาเย็นชาและพูดว่า “เจ้ามาตามหาข้าทำไม?”
ดวงตาของคนของปู้เหอร้อนกันไปหมดแต่ปู้เหอกลับสงบนิ่งมาก เจียงอี้ยังคงทำตัวโอหัง มันทำให้เขาเป็นคนที่แปลกมาก นอกจากนี้เขายังขึ้นเป็นหัวหน้าด้วยอายุและความแข็งแกร่งเพียงเท่านี้จริงหรือ? หรือว่ายอดฝีมือในเมืองอัสนีฟ้ากระจ่างจะตกตายไปกันหมด? หากมีบางสิ่งแปลกๆ มันก็จะต้องมีการจัดฉากบางอย่างขึ้น นั่นก็หมายความว่าเขาจะต้องทำเรื่องนี้ให้รอบคอบยิ่งขึ้น
ปู้เหอหายใจเข้าออกและยิ้มขณะที่กล้ามเนื้อบนใบหน้าของเขากระตุก “หัวหน้าเจียง พี่น้องของข้าไม่มีจะกินและเราอยู่ปลายเชือกแล้ว ดังนั้นเราจึงมาขอให้หัวหน้าเจียงให้อาหารแก่เราบ้าง ท่านดูสิว่าเขตแดนของท่านในภูเขาอัสนีนั้นกว้างใหญ่เพียงใด ทำไมไม่แบ่งสักครึ่งเขตแดนให้ข้าล่ะ? ข้ารับรองได้เลยว่าคนของข้าจะไม่บุ่มบ่ามและข้าจะมอบบรรณการให้ท่านเมื่อเรากลับไป ในภายภาคหน้า พี่น้องข้าเองก็จะเห็นท่านเป็นดั่งหัวหน้าด้วยเช่นกัน”
ปู้เหอพูดด้วยกิริยาที่ค่อนข้างดีเยี่ยมและเจตนาของเขาก็ชัดเจนมาก เขาเพียงแค่ต้องการหินอัสนีให้เพียงพอที่ลูกน้องของเขาจะไม่ถูกสังหาร พวกเขาอาจไม่ได้เต็มใจรับใช้เจียงอี้แต่ปู้เหอหมายความว่าพวกเขาจะยืนเคียงข้างเจียงอี้และรับคำสั่งของเขา
เจียงอี้ยังคงนิ่งเงียบอยู่ขณะที่ปู้เหอและคนอื่นๆรู้สึกประหม่า สายตานับร้อยจับจ้องไปที่เจียงอี้และรอการตัดสินใจจากเขา
หลังจากที่ครุ่นคิดมานานกว่าห้านาที เขาก็เงยหน้าขึ้นและพูดด้วยน้ำเสียงที่ไม่แยแสว่า “ขอโทษนะ อย่าว่าแต่แบ่งดินแดนให้เลย แม้ว่าพวกเจ้าต้องการจะรับใช้ข้า แต่ข้าก็จะไม่รับพวกเจ้าแม้แต่คนเดียว พวกเจ้าทุกคนจงกลับไปซะ และหากกล้าสร้างปัญหาอะไร….พวกเจ้าจะถูกสังหารอย่างไม่มีปรานี!”
“ฮือฮา!”
ทันทีที่เจียงอี้พูดจบ ปู้เหอและคนของเขาก็เดือดดาลขึ้นมา ลูกน้องขอบเขตเทียนจุนของเขาปลดปล่อยแก่นแท้พลังและโล่ศักดิ์สิทธิ์ออกมาขณะที่ชักศาสตราวุธออกมา พวกเขาเต็มไปด้วยกลิ่นอายสังหารและกำลังรอคำสั่งของปู้เหอเพื่อสู้
ปู้เหอเองก็เดือดดาลมากเมื่อเจียงอี้ทำให้เขาอับอาย อย่าว่าแต่คนที่อายุน้อยและอ่อนแอเยี่ยงเจียงอี้เลย แม้แต่หัวหน้าหลี่, หัวหน้าอิงหรือจะเป็นคนอื่นๆ ปู้เหอก็คงสติแตกเช่นกัน เขาปลดปล่อยโล่ศักดิ์สิทธิ์ขณะที่ง้าวปรากฏขึ้นในมือของเขาพร้อมกับตะโกนว่า “เช่นนั้น ปู้เหอคงต้องริ้มรสทักษะของหัวหน้าเจียงแล้ว ฆ่า…..”
ฟรึ่บ! ฟรั่บ! พรึ่บ!
ก่อนที่ปู้เหอจะตะโกนจบ เสียงแหวกอากาศก็ดังมาจากทางเมืองอัสนีฟ้ากระจ่าง หนิวเติงนำผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเทียนจุนเกือบร้อยคนมาที่นี่ราวกับเทพสังหาร จากนั้นหนิวเติงก็ตะโกนออกมาแต่ไกลว่า “คำสั่งจากหัวหน้าเจียง! สับพวกมันให้สิ้นซาก! และจะไม่มีใครถูกไว้ชีวิต!”