เพลิงพิโรธสวรรค์ Fury towards the burning heaven - บทที่ 702 มีใครบ้างที่ไม่ยอมรับ
- Home
- เพลิงพิโรธสวรรค์ Fury towards the burning heaven
- บทที่ 702 มีใครบ้างที่ไม่ยอมรับ
“นายหญิง ไม่ใช่ว่าท่านบอกว่าท่านจะออกจากที่นี่และไปยังเมืองมังกรขาวในครึ่งปีหรือเจ้าคะ? เหตุใดท่านถึงพยายามช่วยเขานักเจ้าคะ?”
ในลานบ้านเล็กๆอันหรูหราที่ตั้งอยู่ทางตะวันออกของเมือง เสี่ยวหงถามอย่างงุนงง
นางติดตามเจ๊ใหญ่กระพรวนกังวานมาหลายปีแล้วและรู้ดีถึงนิสัยของเจ๊ใหญ่กระพรวนกังวาน นางเป็นคนเงียบๆและไม่ชอบการแย่งชิงอำนาจ นางแข็งแกร่งมากและเป็นที่โปรดปรานของเจ้าเมือง หากนางต้องการจะยึดครองเมืองอัสนีฟ้ากระจ่างนี้จริงๆ นางคงได้ครองเมืองนี้ไปนานแล้ว แต่นางไม่ได้ทำเช่นนั้นมาหลายปี ในคราวนี้นางกำลังจะละไว้เป็นข้อยกเว้นเพราะเจียงอี้
เมื่อเห็นเจ๊ใหญ่กระพรวนกังวานไม่พูดอะไร เสี่ยวหงก็มองนางด้วยความอยากรู้อยากเห็นก่อนจะทำหน้าตาล้อเลียน “หรือว่านายหญิงจะชอบหัวหน้าเจียงเจ้าคะ? ท่านกำลังคิดจะให้เขามาเป็นหนุ่มน้อยของท่านหรือเปล่าเจ้าคะ? ฮิฮิ!”
ในที่สุดเจ๊ใหญ่กระพรวนกังวานก็ตอบสนอง ใบหน้าของนางมีความโกรธเล็กน้อยขณะที่นางสาดสายตาอันชั่วร้ายไปที่เสี่ยวหงและพูดออกมาด้วยความรำคาญใจ “ไร้สาระ! หากเจ้ากล้าพูดไม่คิดอีก ก็ตบตัวเองซะ!”
“ฮิฮิ!” เสี่ยวหงไม่ได้กลัวเลย นางแลบลิ้นปลิ้นตาออกมาและมีสีหน้าเจ้าเล่ห์
“เฮ้อ….”
เจ๊ใหญ่กระพรวนกังวานถอนหายใจเบาๆ “มันถึงเวลาที่ข้าจะต้องกลับไปแล้ว ความแค้นในเมืองมังกรขาวจะได้จบลงเสียที ไม่ใช่ว่าพวกเจ้าคือเหตุผลที่ข้าคอยช่วยหัวหน้าเจียงหรือไงล่ะ?”
นางถอนหายใจอย่างเศร้าสร้อย “หัวหน้าเหลิ่งและผู้บัญชาการลู่ตี๋นั้นมีสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน คนอื่นอาจไม่รู้…แต่ข้ารู้เรื่องนี้ดี พวกเขาทั้งสองร่วมมือกันลักลอบขนหินอัสนีไปและพวกเขาก็ได้ผลประโยชน์มหาศาล ทำไมคนอย่างหัวหน้าหลี่และหัวหน้าอิงถึงได้อยู่เคียงข้างหัวหน้าเหลิ่งเช่นนี้ล่ะ? ไม่ใช่เพราะว่าผู้บัญชาการลู่ตี๋เรียกพวกเขามาหรอกหรือ? ครึ่งปีให้หลัง หัวหน้าเหลิ่งจะคิดแผนการรวมเมืองทั้งเมืองทันทีที่ข้าไม่อยู่ แล้วเจ้า, เสี่ยวตงและคนอื่นๆก็จะต้องทนทุกข์ทรมาน….”
“อ๊ะ?”
เมื่อเสี่ยวหงได้ยินคำพูดนั้น สีหน้าของนางก็เปลี่ยนไปมาก ใจที่ไร้เดียงสาของนางไม่ได้คิดอะไรมากมายและนางก็ถามด้วยความตื่นตระหนกว่า “นายหญิง ท่านจะไม่พาข้าไปด้วยหรือเจ้าคะ? ท่านจะทิ้งเสี่ยวหงไปหรือเจ้าคะ?”
“ไม่ใช่ว่าข้าอยากทำแบบนี้ แต่ถ้าเจ้าตามมามันจะอันตรายกว่านี้!”
ร่องรอยของความหนักใจปรากฏขึ้นในดวงตาเจ๊ใหญ่กระพรวนกังวานและนางก็ถอนหายใจ “หลายปีก่อน มีคนร่วมมือกันไล่ข้าออกมาจากเมืองมังกรขาว พวกมันสังหารแม้กระทั่งน้องสาวตัวน้อยของข้าไปด้วย ข้าทนทุกข์อยู่เงียบๆและมายังเมืองอัสนีฟ้ากระจ่างเพื่อฝึกฝนวิชาวิญญาณทัณฑ์อสูรของข้าให้ไปถึงขั้นบรรลุ และหลังจากที่ข้าทะลวงขั้นบรรลุในอีกไม่กี่เดือน ข้าจะกลับไปแก้แค้น หัวหน้าเจียงเป็นคนดีนะ เมื่อข้าจากไปแล้ว พวกเจ้าทั้งหมดควรติดตามเขา ครั้งนี้ที่ข้ากำลังยื่นมือเข้าช่วยหัวหน้าเจียงเพื่อให้เขาตั้งหลักมั่นคงในเมืองนี้ได้ ไม่ใช่ว่าข้าทำเพื่อพวกเจ้าอยู่หรือไง….?”
“นายหญิง!”
ดวงตาของเสี่ยวหงเริ่มแดงก่ำและเสียงสะอื้นของนางนั้นเบามากจนไม่ได้ยิน นางรู้ดีว่าเจ๊ใหญ่กระพรวนกังวานจะไม่โกหกและหากนางไม่ต้องการพาทุกคนไปกับนางด้วย มันก็หมายความว่าเมืองมังกรขาวอันตรายกว่ามาก แต่มันคงเป็นเรื่องปกติ….เพราะเมืองมังกรขาวเป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุดในหมู่เกาะมังกรขาว ที่นั่นมียอดฝีมือมากกว่า มีอิทธิพลมากกว่ามากนัก
…
ราตรีเริ่มคืบคลานเข้ามาและในเมืองก็เงียบมาก มีคนอยู่ที่จัตุรัสไม่มากนักและมันแปลกจริงๆ
มันสงบเพียงแค่ภายนอกเท่านั้น แต่ภายในต่างพุ่งพล่านกันเงียบๆ สิ่งที่เจียงอี้ทำกับปู้เหอและผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเทียนจุนทั้งสี่สิบคนที่ภูเขาอัสนีได้แพร่ไปทั่วเมืองแล้ว คำเชิญที่เขาส่งมามันเป็นเหมือนเครื่องหมายแห่งความตายที่อยู่บนหัวของผู้คนมากมาย
“ผู้ที่ไม่มาร่วมงานจะต้องรับผลที่ตามมา”
ประโยคนี้เป็นการกดหัวกันอย่างมากซึ่งมันทำให้หัวหน้าเหลิ่งและคนอื่นๆโกรธแค้นอีกครั้ง ในขณะเดียวกันก็ทำให้สมาชิกทั้งสองตระกูลที่เข้ามาใหม่พากันตื่นตระหนก แล้วยิ่งเป็นคนเกือบหมื่นคนที่มาพร้อมกับปู้เหอเองก็กังวลกันมากจนไม่รู้จะทำเช่นไร ทันทีที่ปู้เหอตาย พวกเขาก็เหมือนถูกลอยแพ ไม่มีผู้ใดรู้ได้ว่าพวกเขาจะต้องประสบชะตากรรมเช่นไร
หัวหน้าเหลิ่งและคนอื่นๆเคลื่อนไหวกันอย่างรวดเร็ว พวกเขาไปเยี่ยมแม่ทัพใหญ่ทั้งสิบคนในเมือง อย่างไรก็ตามแต่ นอกจากผู้บัญชาการลู่ตี๋ที่พบหัวหน้าเหลิ่งแล้วก็ไม่มีผู้บัญชาการคนใดเข้ามาพบพวกเขาเลย สิ่งนี้ทำให้หัวหน้าคนอื่นๆตื่นตระหนกขณะที่พวกเขาทั้งหมดพากันไปโรงเตี๊ยมร้อยบุปผาเพื่อรอเจียงอี้กันอย่างเชื่อฟัง
ผู้คนจากทั้งสองตระกูลที่ถูกเนรเทศจากเมืองมังกรขาวที่เคยไปยั่วยุหัวหน้าเหลิ่งและคนอื่นๆจนสุดท้ายก็หงอไปเอง พวกเขาก็ได้มาถึงโรงเตี๊ยมนานแล้ว
ลูกน้องของปู้เหอที่อยู่ขอบเขตเทียนจุนเหลือรอดอยู่สี่คน และหนึ่งในนั้นถูกไล่ให้ไปเป็นตัวแทนของกลุ่มโจรภูเขา ทุกคนตื่นตระหนกจนตัวแข็งทื่อ หากคืนนี้พวกเขาไม่ไปปรากฏตัว พวกเขาคงจะไม่สามารถออกจากเมืองได้และจะถูกสังหารไปทีละคนทันทีที่พวกเขาออกจากเมือง ไอลีนโนเวล
หัวหน้าเหลิ่งก็มาที่นี่เช่นกันและมีสีหน้าที่มืดมน เจ๊ใหญ่กระพรวนกังวานหนุนหลังเจียงอี้อย่างเปิดเผยและทำให้ทุกคนปั่นป่วนกับเรื่องนี้ เพียงแค่เจียงอี้ก็ยากที่จะรับมือแล้ว และตอนนี้ยังมีเจ๊ใหญ่กระพรวนกังวานเข้ามาร่วมด้วยอีก?
โชคดีที่เมื่อพวกเขามาถึง พวกเขาก็พบว่าเจ๊ใหญ่กระพรวนกังวานไม่ได้เข้ามาร่วมงานเอง นางเพียงแค่ส่งหยางตงมาเท่านั้นซึ่งมันทำให้ทุกคนโล่งใจเล็กน้อย ไม่เช่นนั้นคืนนี้พวกเขาคงไม่กล้าแม้แต่จะผายลมและสิ่งที่เจียงอี้พูดนั้นจะไม่มีใครกล้าโต้ตอบอะไรเลย
“หัวหน้าเจียงมาแล้ว!”
หลังจากที่ทุกคนจิบชาถ้วยเล็กไป เจียงอี้ก็ค่อยๆปรากฏตัวขึ้น ในขณะที่การประกาศของหนิวเติงดังก้องกังวานไปทั่วฟ้า หยางตงผู้เป็นลูกน้องมือหนึ่งของเจ๊ใหญ่กระพรวนกังวานก็ลุกขึ้นมาเป็นคนแรกเพื่อต้อนรับเขา ปู้จวินผู้เป็นลูกน้องของปู้เหอและผู้อาวุโสทั้งสองที่ถูกเนรเทศออกจากตระกูล จางเทียนจี๋และเหมิงเถียนเองก็ลุกขึ้นยืนต้อนรับการมาถึงของเจียงอี้
แต่ฝั่งหัวหน้าเหลิ่งไม่มีผู้ขยับเขยื้อนเลย มีเพียงเสือยิ้มและหัวหน้าหลี่ที่มองไปยังทางเข้าด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มที่แสดงถึงความปรารถนาดีของพวกเขา
เจียงอี้ก้าวเข้ามาในห้องและไม่ได้มองใครเลย เขาเดินตรงไปยังที่นั่งเจ้าของงานก่อนที่จะนั่งลง ในที่สุดเขาก็กวาดตามองทุกคนและพูดว่า “เชิญนั่งกันเถิด”
“ขอบคุณหัวหน้าเจียง!” หยางตง, ปู้จวิน, จางเทียนจี๋และเหมิงเถียนป้องกำปั้นของพวกเขาก่อนที่จะนั่งลงไป
เจียงอี้มองไปที่หยางตงและหัวเราะ “หยางตง เจ้ามีคำว่า “ตง” อยู่ในชื่อของเจ้าด้วยนี่ หากในอนาคตเจ้ากลายเป็นหัวหน้า เราจะเรียกเจ้าว่าหัวหน้าหยางหรือหัวหน้าตงกันล่ะ?”
ฟรึ่บ! ฟรึ่บ! ฟรึ่บ!
ใบหน้าของพวกนั้นเปลี่ยนไปทันทีโดยเฉพาะพี่ตงที่เป็นหนึ่งในหัวหน้าซึ่งมีสีหน้าที่แย่ที่สุด ความหมายของเจียงอี้นั้นชัดเจนมาก เขาตั้งใจจะผลักดันให้หยางตงขึ้นมา หัวหน้าตง? นี่เขาไม่ได้กำลังกดดันพี่ตงอยู่หรือ?
หยางตงหัวเราะเจื่อน “หัวหน้าเจียง ท่านทำให้ข้าตกที่นั่งลำบากแล้ว ข้าคงเรียกตัวเองได้แค่เพียงลูกพี่หรือพี่ใหญ่เท่านั้น ข้า หยางตงนั้นยังไร้สามารถที่จะถูกเรียกว่าหัวหน้าได้”
“เหออ…”
เสียงประหลาดใจดังขึ้นในห้องโถงอีกครั้ง หากหยางตงอยากจะขึ้นเป็นหัวหน้าจริงๆเขาคงทำไปนานแล้ว ว่ากันว่าเขาไม่ชอบความเฉิดฉายและเพียงแค่ต้องการติดตามเจ๊ใหญ่กระพรวนกังวานไปตลอดชีวิตของเขา แต่พวกเขาทั้งหมดกำลังได้ยินอะไรอยู่นะ? เห็นได้ชัดว่าในตอนนี้เขาปรารถนาที่จะมีอำนาจขึ้นมา
เมื่อเห็นว่าสายตาที่แหลมคมหลายคู่นับไม่ถ้วนจ้องมองมาที่เขา หยางตงก็หัวเราะอย่างขมขื่นอีกครั้ง เขาไม่ได้ต้องการเป็นหัวหน้าจริงๆและต้องการฝึกฝนบ่มเพาะพลังอย่างสงบสุข แต่เจ๊ใหญ่กระพรวนกังวานเรียกหาเขาเมื่อราวๆสี่ชั่วโมงก่อนและบอกเขาว่านางจะไปจากที่นี่ในอีกครึ่งปี หากหยางตงต้องการจะอยู่อย่างสงบสุขจริงๆก็มีเพียงทางเดียวเท่านั้น และจะต้องได้เลื่อนตำแหน่งเป็นหัวหน้าและเป็นพันธมิตรกับเจียงอี้
“อะแฮ่ม!”
เจียงอี้กระแอมเบาๆและทุกคนก็เริ่มเงียบสงัดอีกครั้ง เขากวาดมองไปรอบๆก่อนจะพูดว่า “วันนี้ข้ารวมตัวทุกท่านมาเพื่อหารือเรื่องตำแหน่งของหัวหน้าสองตำแหน่ง ไม่ใช่ว่ามีกฏเกณฑ์ที่บอกว่าจะต้องมีหัวหน้าในเมืองสิบคนหรือ? ป้าเตา, หัวหน้าหลงและพี่เหิงก็ตายไปหมดแล้ว และยังเหลือที่อีกสองตำแหน่ง มันคงไม่ดีหากจะให้สองตำแหน่งนี้ว่างไปเช่นนี้ใช่ไหมล่ะ? พวกท่านมีใครในใจกันบ้างหรือไม่? ในความเห็นข้า หยางตงไม่ใช่ความคิดที่แย่เลยและข้าชื่นชมทักษะและศีลธรรมของเขานัก มีพี่น้องในเมืองนี้มากมายที่ยอมรับในตัวเขาเช่นกัน มีใครบ้างที่ไม่ยอมรับเขา? หากมีใครคิดเช่นนั้นก็ก้าวออกมาและแจ้งให้เราทราบที”
เงียบกริบ….หากเขา หัวหน้าเจียงได้ตัดสินใจไปแล้ว จะมีใครไม่เห็นด้วยหรือ?
ยังไม่พูดถึงเรื่องที่หยางตงมีเจ๊ใหญ่กระพรวนกังวานหนุนหลังอยู่ด้วย ใครจะกล้ามีปัญหากับเจ๊ใหญ่กระพรวนกังวาน?
หัวหน้าเหลิ่งและคนอื่นๆเริ่มมีสีหน้ามืดมน หากหยางตงขึ้นเป็นหัวหน้าจริงๆ ไม่เพียงแต่พวกเขาจะต้องยกภูเขาอัสนีให้หนึ่งลูก แต่ยังจะต้องจ้างลูกน้องเพิ่มอีกมากมายด้วย อย่างปู้จวินที่กำลังหาที่พักพิงใหม่ และทันทีที่มีหัวหน้าคนใหม่ปรากฏขึ้น เขาจะต้องการรับลูกน้องจำนวนมากแน่นอน
หากไม่มีใครพูดอะไรออกมา แสดงว่าพวกเขาเห็นด้วยและมันจะทำให้สถานการณ์แย่ลงไปอีก
หัวหน้าเหลิ่งก็เพียงแค่ส่งสัญญาณทางสายตาให้หัวหน้าหลี่และหัวหน้าอิง แต่หัวหน้าหลี่ก็แสร้งทำเป็นมองไม่เห็น ส่วนเสือยิ้มก็เอาแต่หัวเราะออกมาโดยไม่พูดอะไร ด้านหัวหน้าเฮยก็ดูเหมือนจะผล็อยหลับไป ส่วนพี่ตงก็เงียบเหมือนถูกมัดเอาไว้ หัวหน้าอิงเหลือบมองมาที่เขาและกัดฟันก่อนที่จะอ้าปากพูดว่า “หัวหน้าเจียง หัวหน้าคนใหม่นั้นต้องถูกเลือกด้วยคะแนนเสียงที่เห็นด้วยมากกว่าคะแนนที่ไม่เห็นด้วย เรามาลงคะแนนเสียงกันดีไหม?”