เพลิงพิโรธสวรรค์ Fury towards the burning heaven - บทที่ 704 ธุรกิจใหญ่
เจ๊ใหญ่กระพรวนกังวานไม่ได้พาลูกน้องเข้ามาด้วยและนางเดินเข้ามาพร้อมกับเสี่ยวหงเท่านั้น วันนี้นางสวมชุดผ้าไหมสีดำ มันทำให้นางดูสง่างามและทรงเสน่ห์มากยิ่งขึ้น
นางเดินเข้ามาพร้อมกับยิ้มที่มุมปากบางๆราวกับเป็นโสเภณีของโรงเตี๊ยมร้อยบุปผา แต่ก็ไม่มีผู้ใดกล้าเผยความชั่วร้ายใดๆออกมาและพากันยืนขึ้นเพื่อต้อนรับนาง
“เจ๊ใหญ่กระพรวนกังวาน!”
หัวหน้าเหลิ่งยิ้มออกมาขณะที่คนอื่นๆป้องกำปั้นคำนับนาง เจียงอี้ยืนขึ้นมาและพูดว่า “เจ๊ใหญ่กระพรวนกังวาน เชิญนั่งก่อน”
“ไม่เป็นไร ขอบใจมาก”
นางยิ้มกว้างออกมา ดวงตาที่งดงามของนางกวาดตามองในห้องโถงนั้นและพูดด้วยน้ำเสียงที่นุ่มนวลว่า “ข้ามาที่นี่เพื่อลงคะแนนให้เสี่ยวตงจือ เขาติดตามข้ามานานหลายปีแล้วและเขาอาจไม่ได้บ่มเพาะพลังก้าวหน้ามากนัก แต่ในเรื่องของศีลธรรมของเขาก็ยังใช้ได้”
“เอาล่ะ พวกเจ้าเริ่มกันต่อเถอะ ข้าเพียงแค่ผ่านมาเท่านั้น ข้าเพิ่งจะคลุกคลีอยู่กับเจ้าเมืองมาเป็นชั่วโมงแล้วและเหนื่อยนิดหน่อย ข้าขอตัวกลับก่อนล่ะ”
เมื่อนางพูดจบ นางก็พยักหน้าให้เจียงอี้และหยางตงก่อนจะเดินออกไป และเมื่อนางเดินไปถึงหน้าประตู นางก็นึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้พร้อมกับกวาดตามองหัวหน้าอิงก่อนจะพูดว่า “อ้อใช่….ตอนที่ข้าพูดคุยกับท่านเจ้าเมืองมา ดูเหมือนว่าจะมีผู้บัญชาการบางคนที่อาจถูกย้ายไปภายในสองวันนี้ด้วย ผู้บัญชาการลู่หานและลู่ตี๋จะถูกย้ายไปยังเมืองวารีขาว เกิดอะไรขึ้นกับพวกเขาทั้งสองกันนะ? หรือพวกเขาทำอะไรให้เจ้าเมืองขุ่นเคืองหรือเปล่า?”
จากนั้นเจ๊ใหญ่กระพรวนกังวานก็กลับออกจากห้องโถงไปและปล่อยให้ทุกคนตกตะลึง โดยเฉพาะหัวหน้าเหลิ่งและคนอื่นๆที่กำลังจ้องแผ่นหลังเจ๊ใหญ่กระพรวนกังวานอย่างว่างเปล่าราวกับวิญญาณหลุดลอยไปแล้ว
ผู้บัญชาการลู่ตี๋กำลังจะถูกย้าย? ทำให้เจ้าเมืองขุ่นเคือง?
คำถามทั้งสองข้อนี้อยู่ในจิตใจของหัวหน้าเหลิ่งและคนอื่นๆ เจ๊ใหญ่กระพรวนกังวานอาจพูดประโยคเหล่านี้ออกมาเฉยๆ แต่สำหรับพวกเขามันเหมือนกับมีสายฟ้าฟาดลงมา หากเจ๊ใหญ่กระพรวนกังวานพูดความจริง หัวหน้าเหลิ่งก็จะสูญเสียผู้สนับสนุนที่มีอำนาจมากที่สุดของเขาไป
แล้วคนอย่างเจ๊ใหญ่กระพรวนกังวานจะโกหกทำไม? นางจะกล้าเผยแพร่ข่าวลือที่เป็นเท็จเช่นนี้หรือ? หากเรื่องนี้ไปถึงหูเจ้าเมือง นางจะต้องตายโดยไม่มีหลุมฝังศพตัวเองอย่างแน่นอน
แต่ก็…
เรื่องนี้จริงแท้แน่นอนและเจ๊ใหญ่กระพรวนกังวานก็ได้มาขัดจังหวะในเวลาที่พอดีเป๊ะ คำพูดของนางนั้นเป็นข้อความบอกชัดเจนว่า ผู้หนุนหลังที่ใหญ่ที่สุดของพวกเจ้าถูกข้าปัดไปแล้ว และข้าเป็นผู้บงการของเมืองอัสนีฟ้ากระจ่างอย่างแท้จริง!
หัวหน้าเหลิ่งและคนอื่นๆใช้ประโยชน์จากการปรากฏตัวของผู้บัญชาการลู่ตี๋ แต่เจ๊ใหญ่กระพรวนกังวานก็มาพลิกสถานการณ์ และขจัดผู้หนุนหลังของพวกเขาไป ก่อนหน้านี้พวกเขากำลังได้ใจ แต่ตอนนี้คงอวดดีต่อไปไม่ได้แล้ว
เจียงอี้, หนิวเติงและหยางตงหัวเราะออกมา ทีแรก พวกเขาคิดว่าคืนนี้พวกเขาคงแพ้อย่างราบคาบแล้ว แต่พวกเขาไม่คาดคิดมาก่อนว่าเจ๊ใหญ่กระพรวนกังวานจะทำเรื่องเช่นนี้ และหากไร้การหนุนหลังจากลู่ตี๋ เจียงอี้และเจ๊ใหญ่กระพรวนกังวานก็จะร่วมมือกันเล่นงานทุกคนและปกครองทุกคนได้อย่างง่ายดาย
มุมปากของหัวหน้าอิงกระตุก เดิมทีเขาเพียงต้องการให้เจ๊ใหญ่กระพรวนกังวานออกไปก่อนที่จะคัดค้านการเลื่อนตำแหน่งของหยางตง แต่ในตอนนี้ เขาไม่รู้จะทำเช่นไรจริงๆ
“ฮิฮิ!”
เจียงอี้หัวเราะเบาๆและพูดว่า “หัวหน้าอิง ตอนนี้คะแนนเสียงเป็นสองต่อสองแล้ว เรื่องทั้งหมดนี้ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของท่านแล้ว!”
หยางตงขัดจังหวะด้วยน้ำเสียงเย็นชา “เหมือนว่าหัวหน้าอิงจะดูแคลนหยางตงอยู่ใช่ไหม? ข้าเดาว่าเขาคงจะคัดค้านอย่างแน่นอน!”
“ข้า…”
หัวหน้าอิงรู้สึกอยากตายมาก หากเขากล้าคัดค้านและเมื่อถึงเวลาที่ผู้บัญชาการลู่ตี๋ย้ายไปแล้ว เขาก็จะเป็นคนแรกที่ตายอย่างแน่นอน
เขากลืนน้ำลายขณะที่เหลือบมองหัวหน้าเหลิ่ง และเห็นว่าหัวหน้าเหลิ่งเองก็มีสายตาที่ว่างเปล่าเช่นกัน หัวหน้าอิงไม่มีทางเลือกนอกจากกัดฟันตอบว่า “หัวหน้าหยางหยอกล้อข้าแล้ว ข้าสนับสนุนเจ้าอยู่แล้ว ข้าเห็นด้วยกับการเลื่อนตำแหน่งให้หัวหน้าหยาง”
สามต่อสอง!
เจียงอี้ยิ้มขณะที่ยืนขึ้นและพูดว่า “เอาล่ะ การลงคะแนนเสร็จสิ้นลงแล้ว ด้วยคะแนนเสียงเห็นด้วยมากกว่าคะแนนคัดค้าน หยางตงจะขึ้นเป็นหัวหน้าตั้งแต่นี้เป็นต้นไป ยินดีด้วยนะหัวหน้าหยาง”
“ยินดีด้วยหัวหน้าหยาง!”
เสือยิ้ม, หัวหน้าหลี่ พี่ตงและคนอื่นๆต่างยืนแสดงความยินดีขึ้นมากันหมด
“ขอบคุณทุกท่าน!”
หยางตงยืนขึ้นมาเพื่อรับคำยินดีและป้องกำปั้นให้เจียงอี้ “ขอบคุณหัวหน้าเจียงมาก”
“ฮ่าฮ่าฮ่า!”
เจียงอี้อารมณ์ดีขึ้นมาก เขาเหลือบมองไปที่หัวหน้าเหลิ่งและเยาะเย้ย “หัวหน้าเหลิ่งดูไม่ค่อยรื่นเริงเลยนะ? ท่านเองก็ไม่ได้ยินดีกับการเลื่อนตำแหน่งของหัวหน้าหยาง?”
“….” ไอลีนโนเวล
ใบหน้าของหัวหน้าเหลิ่งกระตุกและฝืนยิ้มออกมาซึ่งมันเป็นรอยยิ้มที่ดูสยดสยองราวกับว่าพ่อของเขาเสียชีวิต เขาพูดพร้อมป้องกำปั้นว่า “หัวหน้าหยาง ยินดีด้วย”
หยางตงเป็นคนซื่อตรงขณะที่เขาไม่ได้ตอบกลับไปอย่างสุภาพและเพียงแค่ตอบไปด้วยความเย้ยหยัน ดวงตาของเจียงอี้ส่องประกายเย็นชาออกมาขณะที่เขาพูดอีกครั้ง “เมื่อเราได้ตำแหน่งหัวหน้าไปคนหนึ่งแล้ว เราก็น่าจะเลือกตำแหน่งหัวหน้าตำแหน่งสุดท้ายด้วยใช่ไหมล่ะ? ข้าแนะนำหนิวเติง ไม่จำเป็นต้องพูดถึงความแข็งแกร่งและศีลธรรมของเขาเลยเพราะทุกคนคงรู้อยู่แล้ว เรามาลงคะแนนตามกฎเดิมกันเถอะ!”
“เหอ?”
ทุกคนกลอกตา แม้แต่ปู้จวินและคนอื่นๆก็ไม่สามารถมองดูมันได้อีกต่อไป เจียงอี้จะไร้ยางอายได้มากกว่านี้อีกไหม…?
หนิวเติงมีความแข็งแกร่งเช่นไร? เขาเป็นเพียงผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเทียนจุนระดับต่ำ ซึ่งหาได้ตามโรงเตี๊ยมร้อยบุปผาได้เลย ใครจะพูดเรื่องศีลธรรมอย่างชัดแจ้งได้กัน? ลงคะแนนรึ? มันยังจำเป็นอีกหรือ เพราะตอนนี้ไม่มีผู้ใดกล้าต่อต้านแล้ว? เจียงอี้กล้าแนะนำหนิวเติงได้ขนาดนี้ แม้เขาจะแนะนำเจ้าอ้วนเฉียน ผลก็คงออกมาไม่ต่างกัน
“ทำไมไม่มีใครพูดอะไรเลยล่ะ?”
เจียงอี้พูดอย่างเย็นชา “ข้าจะลงคะแนนเสียงคนแรก ข้าเห็นด้วย หัวหน้าหยาง เจ้าคิดเช่นไรล่ะ?”
“ข้าเห็นด้วยกับพี่หนิว!”
“พี่หู่?”
“ข้าเห็นด้วย!”
“พี่ตง?”
“ข้าเห็นด้วย..”
“หัวหน้าหลี่?”
“ข้าเห็นด้วย!”
“…..”
มันไม่มีความจำเป็นต้องถามคนอื่นต่อแล้วด้วยซ้ำเพราะมีคนเห็นด้วยห้าคนแล้ว และมันก็ไร้ประโยชน์แม้ว่าหัวหน้าเหลิ่งและคนอื่นที่เหลือจะคัดค้าน และเมื่อหนิวเติงได้เลื่อนขึ้นเป็นหัวหน้าและได้รับคำแสดงความยินดีแล้ว หนิวว่างผู้เป็นลูกพี่ลูกน้องของเขาก็ยิ้มจนปากแทบจะฉีก
หนิวเติงอาจเป็นหัวหน้าที่เป็นหุ่นเชิด แต่เขาก็ยังคงเป็นหัวหน้าใช่ไหมล่ะ? เขาติดตามเจียงอี้มานานกว่าหนึ่งเดือนและได้เปลี่ยนจากลูกน้องมาเป็นหัวหน้า
“ทุกอย่างเรียบร้อยแล้วใช่ไหม? หัวหน้าเจียง ข้ายังมีเรื่องต้องไปจัดการ เช่นนั้นข้าขอตัวก่อน!”
ในงานเลี้ยงนั้นมีบางคนที่มีความสุขขณะที่บางคนไม่มีความสุขเอาเสียเลย ในตอนที่หัวหน้าเหลิ่งเดินออกไป ใบหน้าของหัวหน้าเหลิ่งดำมืดยิ่งกว่าหัวหน้าเฮยเสียอีก เขาต้องการรีบกลับไปตรวจสอบว่าลู่ตี๋ถูกย้ายไปจริงหรือไม่ หากเป็นเช่นนั้นจริง เขาจะต้องรีบหาคนหนุนหลังเขาใหม่ ไม่เช่นนั้น เขาจะถูกเจียงอี้ริบอำนาจไปทีละนิด
หัวหน้าหลี่และคนอื่นๆก็ทยอยกันกลับไป เหลือปู้จวินและผู้อาวุโสจากทั้งสองตระกูล พวกเขาทั้งสามมองหน้ากันและยืนขึ้นและคำนับเจียงอี้ “หัวหน้าเจียง เรายินดีรับใช้ท่านตราบใดที่เรามีอาหารกินและอยู่รอดไปได้”
ตอนนี้มีหัวหน้าครบทั้งสิบตำแหน่งแล้วและพวกเขาไม่มีคุณสมบัติที่จะขึ้นเป็นหัวหน้า พวกเขาจึงสลัดความคิดนั้นทิ้งไป เพราะปู้เหอและผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเทียนจุนสี่สิบคนพร้อมกับขอบเขตจินกังขั้นสูงสุดอีกสามร้อยคนถูกขจัดไปเมื่อบ่ายวันนี้
เมื่อพวกเขาไม่สามารถขึ้นเป็นหัวหน้าได้ พวกเขาจึงต้องให้คำมั่นว่าจะจงรักภักดีต่อกลุ่มใหญ่ๆ ซึ่งเจียงอี้และเจ๊ใหญ่กระพรวนกังวานคือตัวเลือกที่ดีที่สุดอย่างไม่ต้องสงสัย
เจียงอี้พยักหน้าและชี้ไปที่หยางตงและหนิวเติงพร้อมกับพูดว่า “ในภายภาคหน้า พวกเขาจะเป็นหัวหน้าพวกเจ้าทั้งสาม ตราบใดที่พวกเจ้ายังเชื่อฟัง ข้าก็รับประกันความปลอดภัยของพวกเจ้าได้ แต่หากพวกเจ้าคิดกบฏ พวกเจ้าก็จะต้องพบเจอชะตากรรมเช่นเดียวกับปู้เหอ”
หนิวเติงเป็นลูกน้องเจียงอี้ในขณะที่หยางตงเป็นลูกน้องเจ๊ใหญ่กระพรวนกังวาน
เมื่อพวกเขารวมคนทั้งสามกลุ่มเข้าด้วยกันแล้ว มันก็หมายความว่าเจียงอี้และเจ๊ใหญ่กระพรวนกังวานจะสามารถแบ่งกำลังกันคนละครึ่งและแผ่ขยายอำนาจออกไป ทั้งสามกลุ่มนี้มีทหารรวมกว่าสองหมื่นคน แม้พวกเขาอาจมียอดฝีมือไม่มากนักเนื่องจากถูกเจียงอี้สังหารไป แต่อย่างไรเสีย กำลังของพวกเขาก็ยังค่อนข้างสำคัญอยู่
หลังจากที่ปล่อยเรื่องการรวบรวมสมาชิกใหม่ให้หนิวเติงและหยางตงจัดการแล้ว เจียงอี้ก็ออกไปอย่างรวดเร็ว เขาไม่ได้กลับไปยังลานบ้านของตัวเองแต่ตรงไปยังตะวันออกของเมืองและเข้าไปในลานบ้านของเจ๊ใหญ่กระพรวนกังวานเพื่อที่จะรายงานผลกับนางและถามไถ่สถานการณ์ต่างๆ
ใครจะคิดว่าเจ๊ใหญ่กระพรวนกังวานจะยิ้มออกมาทันทีที่นางเห็นเจียงอี้เข้ามา? จากนั้นนางก็พูดว่า “หัวหน้าเจียง ข้ามีธุรกิจการค้าใหญ่อยู่ที่นี่ ข้าอยากจะรู้ว่าเจ้าจะกล้ารับมันไปไหม หากเจ้ารับมันไป ข้ารับประกันได้ว่าเจ้าจะสามารถเก็บแต้มความดีความชอบได้หนึ่งร้อยล้านแต้มในสองปีและเจ้าจะเข้าไปอยู่อาศัยและฝึกฝนในเมืองเทพประทานได้!”