เพลิงพิโรธสวรรค์ Fury towards the burning heaven - บทที่ 709
การโจมตีของหัวหน้าเหลิ่งง่ายมาก เขาเพียงแค่ปล่อยฝ่ามือออกมาก็ทำให้ห้วงอากาศสั่นสะเทือนไปทั่วทุกสารทิศแล้ว การที่เขาตั้งใจปลดปล่อยรูปแบบเต๋านั้นชัดเจนมาก นั่นคือเพื่อป้องกันไม่ให้เจียงอี้หนีไปได้
การโจมตีของหัวหน้าหลี่รุนแรงกว่า เขานำสมบัติออกมาซึ่งมันเป็นหอคอยเก่าแก่เจ็ดชั้น แต่ละชั้นถูกประดับไปด้วยแสงไฟหลากสีสัน หอคอยนั้นใหญ่ขึ้นเรื่อยๆท่ามกลางสายลมจนกลายเป็นภูเขายักษ์ที่ถล่มลงมา หอคอยนั้นสูงจากพื้นดินหลายกิโลเมตร ความกดดันของมันทำให้หัวใจของผู้คนสั่นไหวไปด้วยความกลัว แม้แต่ผู้เชี่ยวชาญด้านการต่อสู้ขอบเขตเทียนจุนก็อาจถูกกระแทกจนตายได้
การโจมตีของฝั่งพี่ตงเองก็ค่อนข้างทรงพลังเช่นกัน เขาใช้แก่นแท้พลังอัดรวมเป็นสัตว์สิงโตกลายพันธุ์ ซึ่งมันสูงสามสิบเมตรและดูเหมือนจะหนักกว่าหอคอยของหัวหน้าหลี่เสียอีก ร่างของมันทำจากทองคำและเป็นเงาวาวเหมือนโลหะ น่าแปลกที่สัตว์ร้ายกลายพันธุ์นี้มีดวงตาที่เป็นประกายสองดวง แม้แต่การมองมันเพียงแวบเดียวก็ทำให้ผู้คนรู้สึกหายใจไม่ออกแล้ว และคงจินตนาการไม่ได้หากมันปะทะเข้ากับใครสักคน
การโจมตีของเสือยิ้มรุนแรงมาก เขาปล่อยพลังดัชนีออกมาซึ่งมันโปร่งใสและมองไม่เห็นเลย มีเพียงพื้นที่ที่มันผ่านไปเท่านั้นที่สั่นไหวและพร้อมจะฉีกทุกสิ่งให้แยกจากกัน
การโจมตีของหัวหน้าอิงและพี่เฮยนั้นรุนแรงมากเช่นกัน เนื่องจากทุกคนเข้าร่วมสงครามนี้ เห็นได้ชัดว่าพวกเขาใช้สมบัติหรือรูปแบบเต๋าอันทรงพลังเพื่อให้แน่ใจว่าเจียงอี้จะถูกสังหารด้วยการโจมตีเพียงครั้งเดียว
มันไม่มีที่ว่างในการตกลงเจรจากันระหว่างพวกเขากับเจียงอี้แล้ว วันที่หยางตงและหนิวเติงขึ้นเป็นหัวหน้า พวกเขาก็อยู่คนละฝ่ายกันแล้ว
พวกเขามีเพียงสองทางเลือกเท่านั้น คือจะออกจากเมืองอัสนีฟ้ากระจ่างไปเงียบๆและหาที่อื่นเพื่อเก็บแต้มความดีความชอบหรือจะรอให้เจียงอี้ค่อยๆกลืนกินพวกเขาไปช้าๆจนกว่าพวกเขาจะตายลงในที่สุด
หัวหน้าเหลิ่งบอกกับคนอื่นๆเรื่องการขายหินอัสนีและสัญญาว่าผู้บัญชาการลู่ตี๋จะพยายามขึ้นเป็นเจ้าเมืองคนต่อไปของเมืองอัสนีฟ้ากระจ่าง แล้วพวกเขาจะรวยไปด้วยกัน เมื่อพวกเขาได้ศิลาสวรรค์มากพอแล้ว พวกเขาก็จะไปยังเมืองมังกรขาวหรือเมืองเทพประทานเพื่อตั้งหลักแหล่งและฝึกฝนที่นั่น
หากพวกเขาหันหลังกลับไป ก็จะมีขุมนรกอันมืดมิดรอพวกเขาอยู่ แต่หากพวกเขาก้าวมาข้างหน้า อนาคตของพวกเขาก็จะสดใสและไร้ขอบเขต พวกเขาเป็นเหมือนอันธพาลในเมืองอัสนีฟ้ากระจ่างมาหลายปีแล้วและไม่มีใครอยากเห็นอำนาจ, ตำแหน่งและความรุ่งเรืองหายไป ดังนั้น พวกเขาจึงต้องกำจัดเจียงอี้ไปให้พ้นทางซะ!
จี๊! จี๊!
การโจมตีทั้งหกปกคลุมเจียงอี้ราวกับเคียวของยมทูต ส่วนเจียงอี้ยังคงยืนอยู่บนยอดเขา แต่ร่างของเขาเบี่ยงไปทางซ้ายและขวาตลอด ใบหน้าของเขาไร้อารมณ์ใดๆ เขาไม่ได้ปล่อยเกราะเมฆาอัคคี, เปลวเพลิงอัสนีหรือย้ายร่างฉับพลันเลย
เมื่อการโจมตีกำลังจะปะทะกับเจียงอี้ ทันใดนั้นเขาก็เปิดปากพูดออกมาว่า “ท่านเจ้าเมือง เหลิ่งอ้าวเทียนสมคบคิดกับผู้บัญชาการลู่ตี๋ในการขายหินอัสนี ชายทั้งห้าคนนี้เป็นผู้สมรู้ร่วมคิดของเขา หลักฐานมันก็โจ่งแจ้งขนาดนี้แล้ว หากไม่เผยตัวตอนนี้ แล้วจะออกมาตอนไหนกัน?”
“หืม?”
เมื่อเหลิ่งอ้าวเทียนและกลุ่มของเขาได้ยินคำพูดของเจียงอี้ พวกเขาต่างก็พากันตัวสั่น พวกเขามองไปที่ท้องฟ้าโดยสัญชาตญาณ….ขณะนั้นเอง ท้องฟ้าก็เปลี่ยนไปในทันใด แก่นพลังฟ้าดินรวมตัวกันอย่างรวดเร็วและรวมกันเป็นใบหน้าของหญิงชราคนหนึ่ง!
บรึฟ!
เมื่อใบหน้านั้นปรากฏขึ้น เหมือนพื้นที่รอบๆจะถูกแช่แข็งไป ฝ่ามือขนาดใหญ่ของหัวหน้าเหลิ่งหยุดอยู่กลางอากาศ และห้วงอากาศก็ยังสั่นไหวอยู่ หอคอยโบราณของหัวหน้าหลี่ที่ลอยอยู่เหนือเจียงอี้หนึ่งพันเมตรก็หยุดลง สัตว์ร้ายจากแก่นแท้พลังของพี่ตงก็หยุดอยู่บนท้องฟ้าเช่นกัน ดูเหมือนว่าตอนนี้ เวลานั้นถูกตรึงเอาไว้
“ลู่ผิง!” ไอรีนโนเวล
อันที่จริงแล้ว เวลาไม่เคยหยุดนิ่ง ห้วงอากาศเองก็ไม่ได้หยุดนิ่ง หัวหน้าเหลิ่งตะโกนชื่อนางออกมาด้วยความประหลาดใจ ปากของหัวหน้าหลี่ก็กระตุก ใบหน้าที่แข็งทื่อของพี่ตงก็เต็มไปด้วยความเสียใจ หัวหน้าอิงหรี่ตาของเขา ส่วนเสือยิ้มก็ไม่สามารถยิ้มออกมาได้อีกต่อไป ยิ่งใบหน้าของหัวหน้าเฮยก็ยิ่งมืดมนเข้าไปใหญ่
ฮู่ ฮู่วว!
ในทางตรงกันข้าม เจียงอี้ก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก ลู่ผิงไม่ได้จัดฉากเขา นางแค่มาในช่วงหน้าสิ่วหน้าขวานพอดี
ถูกต้องแล้ว นอกจากกลุ่มบังคับการก็ไม่มีผู้ใดในตระกูลลู่กล้าเข้ามายังภูเขาอัสนีและสันเขาอัสนีเลย นี่คือกฎของตระกูลลู่ แต่ลู่ผิงไม่เคยเข้าไปที่นั่นจริงๆ นางยังอยู่ในเมืองอัสนีฟ้ากระจ่าง นางเพียงแค่ใช้วิชาที่ทรงพลังเพื่อสร้างใบหน้าขึ้นมาซึ่งอยู่ห่างออกไปหลายหมื่นกิโลเมตร มันเป็นเพียงรูปแบบเต๋าพิเศษ!
“โหดเหี้ยมนัก!”
เจียงอี้มองไปยังใบหน้าบนท้องฟ้าและแอบตกตะลึง ความสามารถของยอดฝีมือขอบเขตเทียนจุนนั้นเหนือจินตนาการจริงๆ ตอนที่เจ๊ใหญ่กระพรวนกังวานบอกว่าลู่ผิงจะปกป้องเขาและสังหารหัวหน้าเหลิ่งและคนอื่นๆ เขายังสงสัยอยู่บ้างเล็กน้อย แต่ตอนนี้เขาได้เห็นพลังของนางด้วยตัวเองแล้ว
เมื่อนึกถึงยอดฝีมือที่เทียบเท่ากับลู่ผิงในหมู่สมาชิกตระกูลเสียและตระกูลเจี้ยนที่ไล่ล่าเขาที่ทะเลราตรีสีเลือดแล้ว เขาก็คิดว่าตัวเองโชคดีนักเพราะไม่เคยถูกยอดฝีมือเหล่านั้นโจมตีเขาโดยตรงเลย ไม่เช่นนั้นเขาก็คงจะถูกบดขยี้จนแหลกเป็นชิ้นๆและตายไปนานแล้ว และเมื่อเจียงอี้นึกถึงหม้อขนาดเล็กของตระกูลเสีย เหงื่อก็เริ่มผุดจากหน้าผากของเขาทีละหยด
“เหลิ่งอ้าวเทียน, หลี่เทียนอี้, ตงซ่าง พวกเจ้ากล้ากันจริงๆ!”
ใบหน้าบนท้องฟ้าเริ่มเปิดปากพูดออกมา เสียงของนางดังก้องไปทั่ว แม้แต่ผู้คนที่อยู่อีกฟากของภูเขาอัสนียังได้ยินนางอย่างชัดเจน น้ำเสียงของนางเย็นชามาก “พวกเจ้ากล้าดียังไงถึงค้าขายหินอัสนี! แม้ว่ามันจะไม่ได้มากมายและไม่มีหลักฐานที่เห็นกันอยู่ แต่ถึงกระนั้น แม้เพียงแค่คิดจะทำเช่นนี้ ข้า เจ้าเมืองแห่งเมืองอัสนีฟ้ากระจ่างคงต้องประหารชีวิตพวกเจ้าทันทีตามกฎของตระกูล”
“เหอ…”
จอมยุทธทั้งหมดที่อยู่ตรงภูเขาอัสนีพากันนิ่งงันไปด้วยความหวาดกลัว เมื่อมองไปยังใบหน้าขนาดใหญ่จากที่ไกลๆ ทุกคนก็รู้สึกสั่นสะท้านจากก้นบึ้งของหัวใจ
หลายคนไม่รู้ว่าหญิงชราผู้นี้เป็นใคร แต่ตอนนี้ทุกคนรู้จักนางแล้ว นางเป็นผู้ปกครองเมืองอัสนีฟ้ากระจ่างซึ่งอยู่ขอบเขตเทียนจุนขั้นสูงสุดนั่นเอง
“มันจบสิ้นแล้ว…”
คนของหัวหน้าเหลิ่ง, หัวหน้าหลี่และคนอื่นๆต่างถอนหายใจในใจ ไม่ว่าหัวหน้าเหลิ่งและคนอื่นๆจะทำอะไร และไม่ว่าพวกเขาจะทำผิดจริงหรือไม่ แต่ในเมื่อลู่ผิงเผยใบหน้าที่ใหญ่โตเช่นนี้ออกมา นางจะไม่มีวันปล่อยเรื่องนี้ไปง่ายๆแน่
“ไม่ ลู่ผิง ท่านจะฆ่าข้าไม่ได้!”
เสียงหนึ่งดังขึ้นมา หัวหน้าเหลิ่งที่อยู่ในสันเขาอัสนีตะโกนอย่างบ้าคลั่ง “ท่านไม่มีหลักฐาน หากท่านฆ่าเรา ท่านก็ไม่สามารถพิสูจน์ให้ผู้อาวุโสถังแห่งตระกูลลู่ฟังได้อย่างแน่นอน และเมื่อผู้บัญชาการลู่ตี๋รายงานเรื่องนี้ ท่านจะไม่สามารถเป็นเจ้าเมืองได้อีกต่อไป! ท่านเจ้าเมือง ตราบใดที่ท่านปล่อยเราไป เราสัญญาว่าจะออกจากเมืองอัสนีฟ้ากระจ่างทันทีและจะไม่โผล่มาในหมู่เกาะมังกรขาวอีกเลย”
“ฮึฮึ!”
ทันใดนั้นเจียงอี้ก็หยิบยันต์หยกสีแดงเข้าซึ่งสลักลวดลายโบราณออกมา โดยมีคำว่า ผนึก ขนาดใหญ่อยู่ตรงกลาง เขายกมันขึ้นมาพร้อมกับยิ้มและพูดว่า “ขออภัยด้วยนะหัวหน้าเหลิ่ง ตอนที่เจ้าพูดถึงเรื่องการขายหินอัสนี ข้าได้บันทึกมันเอาไว้และสามารถนำสิ่งนี้ไปให้ผู้อาวุโสถังได้….”
“ศิลาผนึก? หมาป่าเดียวดาย ไอ้สารเลว! เจ้าหลอกลวงพวกเรา!”