เพลิงพิโรธสวรรค์ Fury towards the burning heaven - บทที่ 712 พลังของสายฟ้า
เจียงอี้ยังคงเข้าถึงรูปแบบเต๋าตลอดทั้งวันทั้งคืน และหลายวันต่อมา คนห้าสิบคนก็ได้แอบออกมาจากเมืองทางกำแพงเมืองทิศตะวันตกในตอนกลางคืน
และในหมู่พวกเขาเป็นขอบเขตเทียนจุนสี่สิบห้าคน ส่วนอีกห้าคนอยู่ขอบเขตจินกัง หนุ่มน้อยอ้วนๆคนหนึ่งถูกคนอื่นๆรายล้อมไปหมด พวกเขาทั้งหมดสวมเสื้อคลุมสีดำกับหมวกสานไม้ไผ่ และไม่มีทางเห็นใบหน้าของพวกเขาได้อย่างชัดเจน
พวกเขาบินข้ามกำแพงเมืองออกไป ยามกลางคืนทหารบนกำแพงเมืองนั้นมีน้อยลงแต่ก็ยังมีคนประจำการอยู่ทุกๆห้าร้อยเมตร อย่างไรก็ตาม ทั้งห้าสิบคนนี้ปีนข้ามกำแพงไปได้อย่างง่ายดายราวกับสุนัขจิ้งจอก และทหารบนกำแพงต่างก็ไม่เห็นพวกเขา เดิมทีมันมีเกราะม่านพลังโปร่งใสอยู่แล้ว และในตอนนี้ก็ไม่มีอะไรอยู่บนท้องฟ้าเลย
ทั้งห้าสิบคนนี้รีบตรงไปยังทิศตะวันตกเฉียงเหนือหลังจากที่ออกมาจากเมืองแล้ว ปกติแล้วจะมีการลาดตระเวนบนเกาะ แต่ในคืนนี้ไม่มีใครอยู่เลย มันจึงทำให้พวกเขาไปถึงชายทะเลได้อย่างง่ายดายและดำน้ำทะเลแล้วหายลับไป
หนึ่งชั่วโมงหลังจากที่พวกนั้นออกไปแล้ว ผู้บัญชาการลู่เฟิงก็ออกลาดตระเวนที่เกาะ เขากวาดตาไปทั่วบริเวณทะเลและพึมพำด้วยเสียงที่มีแต่เขาเท่านั้นที่ได้ยิน “ใต้เท้าเฉียน อย่าให้นายของข้าและข้าผิดหวังนะ ไม่เช่นนั้นก็อย่าโทษที่เราไร้หัวใจและไม่ไว้ชีวิตผู้ใด….”
…
เฉียนว่านก้วนพาคนทั้งสี่สิบเก้าคนออกมาจากเกาะอัสนีฟ้ากระจ่างเงียบๆ พวกเขากำลังมุ่งหน้าไปยังเกาะพยัคฆ์ขาวที่ห่างออกไปราวห้าล้านกิโลเมตร ซึ่งเป็นเกาะที่ใหญ่เป็นอันดับสองในหมู่เกาะมังกรขาว พวกเขากำลังจะทำการค้ากับพ่อค้าจากทวีปจักรพรรดิบูรพาบนเกาะพยัคฆ์ขาวกัน
ห้าล้านกิโลเมตรไม่ได้ถือว่าไกลนักซึ่งเจียงอี้คงจะใช้วิชาหลีกสวรรค์ไปถึงที่นั่นได้ภายในห้านาที แต่พวกเขาทั้งกลุ่มจะต้องเดินทางเป็นเวลาห้าวัน พวกเขาไม่กล้าเดินทางในที่แจ้งเพราะจะกลายเป็นเป้าของเหล่ากองโจรจำนวนมาก
และเมื่อมีเหล่าผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเทียนจุนอยู่ถึงสี่สิบห้าคน กองโจรทั่วไปคงไม่กล้าเสี่ยงเข้ามาหาพวกเขา แต่หากพวกเขาพบกลุ่มโจรที่มีอำนาจบางกลุ่ม มันก็มีความเป็นไปได้สูงที่พวกเขาจะถูกทำลายจนสิ้น
พวกเขาต้องดำน้ำไปที่เกาะต้นกล้าขาวใกล้ๆ แล้วขึ้นเรือสินค้าที่เป็นของสมาคมพ่อค้าบนเกาะ สมาคมพ่อค้านี้ไม่ได้เป็นคนของตระกูลลู่โดยตรงแต่ก็ค่อนข้างมีชื่อเสียงในหมู่เกาะมังกรขาว เหล่ากองโจรจึงไม่กล้าที่จะยั่วยุกองเรือของสมาคมการค้าเนื่องจากสมาคมการค้าแห่งนี้มีผู้หนุนหลังเป็นผู้อาวุโสตระกูลลู่ที่เป็นผู้กุมอำนาจอย่างแท้จริง
การสมรู้ร่วมคิดระหว่างเหล่าขุนนางและพ่อค้ามักจะเป็นสิ่งอัศจรรย์ในการสร้างรายได้มหาศาล!
หากสมาคมการค้าใดๆอยากให้การค้าของพวกเขาเจริญรุ่งเรืองและได้ผลกำไรมากพอ พวกเขาจะต้องร่วมมือกับผู้ปกครองถิ่น มีสมาคมการค้าขนาดใหญ่สิบแห่งอยู่ในหมู่เกาะมังกรขาวและทุกคนก็ได้รับการสนับสนุนจากผู้อาวุโสตระกูลลู่ต่างๆ และหากไม่มีผู้หนุนหลัง กองเรือของสมาคมการค้านั้นๆก็จะถูกกองโจรปล้นก่อนที่จะได้ออกจากท่าเรือ
ผู้บัญชาการลู่เฟิงให้คนของเขาแอบใช้เส้นสายมานานมากแล้ว แต่แน่นอนว่าเขาไม่ได้เปิดเผยตัวเอง และแม้ว่าคนกลางจะถูกเปิดโปง มันก็ไม่สามารถสืบสาวไปถึงตัวเขาได้ เฉียนว่านก้วนและคนอื่นๆจะถึงเกาะพยัคฆ์ขาวด้วยเรือที่แล่นไปในที่ที่ตกลงกันไว้และทำการค้ากับทวีปจักรพรรดิบูรพา
ดูเหมือนว่าเฉียนว่านก้วนและคนอื่นๆจะปลอดภัยดี แต่อันที่จริงแล้วมันมีอันตรายอยู่ทุกหนแห่ง อย่างการดำน้ำมายังเกาะต้นกล้าขาวยังต้องใช้เวลาไปกว่าครึ่งวัน และแม้ว่าเหล่ากองโจรจะไม่ค่อยเข้ามาขวางทางผู้คนในบริเวณระหว่างเกาะอัสนีฟ้ากระจ่างและเกาะต้นกล้าขาว แต่มันก็ยังมีอยู่บ้าง
ยิ่งไปกว่านั้น บนเกาะพยัคฆ์ขาว พวกเขายังต้องเดินไปอีกครึ่งวันเพื่อไปยังสถานที่แลกเปลี่ยนสินค้า ในเผ่าเทพประทานแห่งนี้ ตราบใดที่พวกเขาไม่ได้อยู่ในเมือง ทุกๆที่ก็มีอันตรายไปหมด
ที่สำคัญที่สุดคือทั้งเฉียนว่านก้วนและอีกสี่สิบเก้าคนนี้ยังมีคำว่าทาสแปะอยู่ที่หน้าผากของพวกเขาอยู่ หากคนตระกูลลู่มาพบเห็นพวกเขาเข้า พวกเขาก็จะถูกประหารทันที!
การที่เฉียนว่านก้วนกับผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเทียนจุนออกจากเมืองไปอย่างเงียบๆเป็นที่สังเกตของคนในเมืองมากมาย เพราะท้ายที่สุดแล้ว พวกเขาก็ไม่ได้ตาบอด
แต่ไม่นานก็มีข่าวลือที่เฟิ่งหลวนแพร่ออกไป ข่าวลือนั้นลือกันว่าทั้งห้าสิบคนนั้นออกไปเพื่อสังหารผู้คน มีขอบเขตเทียนจุนอยู่ในเมืองมากมายและให้พวกเขาออกไปทำเงินดีกว่าอยู่เฉยๆในเมือง แถบทะเลรอบๆหมู่เกาะมังกรขาวมีกองโจรกว่าหมื่นกองโจร แม้ว่ากองโจรเหล่านั้นจะมีสมาชิกมากมาย แต่ก็น้อยนักที่พวกเขาจะเป็นผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเทียนจุน หากพวกเขาทำลายกองโจรเหล่านั้นได้ พวกเขาก็จะได้สมบัติและศิลาสวรรค์มามากมาย!
ส่วนการที่คนทั้งห้าสิบคนนี้แอบออกจากเกาะอัสนีฟ้ากระจ่างได้โดยไม่มีผู้ใดรู้เลย มันเป็นคำอธิบายที่ค่อนข้างน่าเหลือเชื่อ ว่ากันว่า…หัวหน้าเจียงค่อนข้างสนิทสนมกับผู้บัญชาการที่สามารถให้ข้อมูลของตำแหน่งกองโจรที่แน่นอนได้ ด้วยความช่วยเหลือลับๆจากผู้บัญชาการตระกูลลู่ มันก็ง่ายมากที่จะทำลายกลุ่มโจรเล็กๆได้ Aileen-novel
ข่าวลือนี้มันเจาะจงและสมเหตุสมผล และเรื่องที่เกี่ยวข้องกับเจียงอี้และผู้บัญชาการมันทำให้เรื่องราวดูน่าลึกลับมากขึ้น เหล่าจอมยุทธระดับต่ำต่างก็หลงเชื่อในทันที และยังมีขอบเขตเทียนจุนบางคนที่เชื่อเรื่องนี้ด้วย ส่วนขอบเขตเทียนจุนที่รู้เรื่องราวภายในต่างก็ยิ้มเยาะกันไป ศิลาสวรรค์ที่จะได้รับจากการฆ่ากองโจรได้นั้นไม่คุ้มกับอันตรายที่เฉียนว่านก้วนต้องพบเจอแม้แต่น้อย พวกเขาคงกำลังหลอกตัวเองหากทำเช่นนั้นจริงๆ
ห้าวันต่อมา เฉียนว่านก้วนและกลุ่มของเขาก็กลับมาได้อย่างปลอดภัย พวกเขาทั้งหมดมีกลิ่นคาวเลือดและดูน่ากลัวมาก หลังจากที่กลับมาถึงเมืองแล้ว เฉียนว่านก้วนก็พาคนทั้งสี่สิบเก้าคนนี้ไปดื่มด่ำและทานอาหารที่โรงเตี๊ยมร้อยบุปผาทั้งคืน
ในวันที่สอง ข่าวลือก็ได้แพร่กระจ่ายไปมากขึ้นจากเหล่าโสเภณีในโรงเตี๊ยมร้อยบุปผา ว่ากันว่าพวกเขาปราบกองโจรได้สำเร็จและสังหารผู้คนไปหลายพันคนพร้อมกับได้ศิลาสวรรค์มาเกือบหนึ่งล้านก้อน
คราวนี้ทุกคนเกือบจะเชื่อเรื่องนี้ แม้แต่เหล่าผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเทียนจุนที่รู้เรื่องราวภายในต่างๆก็เริ่มสงสัยว่าเฉียนว่านก้วนพาคนเหล่านี้ออกไปกำจัดกองโจรจริงหรือ? ไม่เช่นนั้น ทำไมพวกเขาจึงมีกลิ่นคาวเลือดและกลิ่นอายสังหารที่รุนแรงเช่นนั้น? พวกเขาจะไม่มีวันได้กลิ่นคาวเลือดและอายสังหารที่รุนแรงเช่นนี้ หากพวกเขาไม่สังหารผู้คนจำนวนมากมา
หยางตงและหนิวเติงไม่ได้มีส่วนร่วมในการขายหินอัสนีในครั้งนี้ เฉียนว่านก้วนและเจ๊ใหญ่กระพรวนกังวานเองก็ไม่เคยบอกอะไรพวกเขาเลย พวกเขาไปหาเฉียนว่านก้วนในทันทีและบอกกล่าวเป็นนัยว่าเฉียนว่านก้วนไม่เคยให้พวกเขามีส่วนร่วมในความร่ำรวยเช่นนี้และถามว่าเจียงอี้ไม่ไว้ใจพวกเขาอีกแล้วหรือ
เฉียนว่านก้วนใช้เวลาปลอบพวกเขาเป็นอย่างดีและไปหาเจียงอี้ในตอนบ่ายเพื่อรายงาน
แต่เจียงอี้มีผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเทียนจุนสองคนคอยคุ้มกันอยู่ และพวกเขาก็ส่งผ่านคำสั่งของเจียงอี้มาว่าจะไม่มีผู้ใดรบกวนเขานอกจากท้องฟ้าถล่มลงมา และปล่อยให้เฟิ่งหลวนและเฉียนว่านก้วนจัดการทุกอย่างได้เลย
เฉียนว่านก้วนมองไปยังเจียงอี้ที่นั่งขัดสมาธิอยู่บนยอดเขาแต่ไกล ดวงตาเล็กๆของเขาเป็นประกาย เจียงอี้จะไม่ออกคำสั่งเช่นนั้นหากไม่มีอะไรสำคัญ และดูจากเจียงอี้ในตอนนี้แล้ว…เหมือนว่าเขากำลังหยั่งถึงรูปแบบเต๋าที่ทรงพลังอยู่
เจียงอี้กำลังหยั่งถึงรูปแบบเต๋าจริงๆ เมื่อไม่กี่วันก่อน ในที่สุดเขาก็สามารถล่วงรู้ถึงลวดลายของเต๋าได้เล็กน้อยและเข้าใจรูปแบบเต๋าระดับต่ำได้รูปแบบหนึ่ง นั่นคือพลังของสายฟ้า
เขาขัดเกลาหินอัสนีมากมายและถูกฟ้าผ่ามานับแสนครั้ง เขาจึงเข้าใจพลังของสายฟ้าอย่างลางๆมานานแล้ว และหลังจากที่เขาแบ่งแยกร่องรอยรูปแบบเต๋าในครั้งนี้ เขาก็ค้นพบรูปแบบเต๋าของพลังอัสนี เมื่อเงื่อนไขทุกอย่างสมบูรณ์ เขาก็จะเข้าใจรูปแบบเต๋านี้ได้สำเร็จ
เมื่อถึงยามพลบค่ำ ผู้คุ้มกันขอบเขตเทียนจุนทั้งสองก็กลับไป ส่วนเจียงอี้ก็ยังหมกมุ่นอยู่กับการเข้าถึงรูปแบบเต๋าของเขา เปลวเพลิงอัสนีออกมาในยามกลางคืน แต่เจียงอี้ทำเหมือนว่าเขาไม่เห็นมันเลย
เมื่อเปลวเพลิงอัสนีเข้ามาใกล้ๆ มันก็ปล่อยสายฟ้าออกมาโจมตีเขา แต่การต้านทานของเจียงอี้ต่อสายฟ้านั้นอยู่ในระดับที่น่ากลัวแล้ว สายฟ้าพุ่งพล่านอยู่รอบตัวเขา แต่เขาก็ยังคงจมอยู่กับการเข้าถึงรูปแบบเต๋าและไม่ได้มีปฏิกิริยาใดๆ หลังจากที่เปลวเพลิงอัสนีเข้ามาใกล้เขา มันก็จะถูกไข่มุกวิญญาณเพลิงดูดกลืนโดยอัตโนมัติ
เมื่อฟ้าสว่าง ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเทียนจุนสองคนก็มายืนเฝ้าที่นี่อย่างรวดเร็วอยู่แบบนี้ จนวันเวลาผ่านพ้นไปเจ็ดวัน ในที่สุดเจียงอี้ก็ค่อยๆลืมตาขึ้นมา
บรึฟ!
เมื่อดวงตาของเขาเปิดขึ้นมา กระแสไฟฟ้าก็ปรากฏขึ้นรอบตัวเขาและส่องประกายอยู่ในส่วนลึกของดวงตา ซึ่งมันทำให้ดวงจิตวิญญาณของผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเทียนจุนทั้งสองที่อยู่ใกล้ๆต่างสั่นสะท้านกันไปหมด ตอนนี้พวกเขารู้สึกว่าเจียงอี้ไม่ใช่มนุษย์ แต่เป็นเทพอัสนีแล้ว!
“การเข้าถึงรูปแบบเต๋าอัสนีสำเร็จแล้ว!”
เจียงอี้ดูตื่นเต้นมาก การที่สามารถเข้าถึงรูปแบบเต๋ารูปแบบหนึ่งได้แล้ว มันก็จะมีแบบที่สอง, สาม…และเก้าตามมา หลังจากที่เขารวบรวมรูปแบบเต๋าทั้งหมดเข้าด้วยกันแล้ว เขาก็จะเข้าถึงรูปแบบเต๋าระดับสูงที่แข็งแกร่งได้