เพลิงพิโรธสวรรค์ Fury towards the burning heaven - บทที่ 715 เกิดเรื่องใหญ่
“นี่…”
ตอนนี้หินอัสนีทั้งหมดเป็นของเจียงอี้ แต่เขาก็ยังต้องส่งหินอัสนีไปยังตำหนักเจ้าเมืองตามจำนวนประชากรในเมืองอยู่ดี และเมื่อจำนวนคนน้อยลง เขาก็จะส่งหินอัสนีให้ตำหนักเจ้าเมืองในจำนวนที่น้อยลงตามจำนวนคนที่ตกตายไปและจะทำเงินได้มากขึ้น
“เราจะถูกกล่าวโทษไหมที่ไม่ซื่อตรงเช่นนี้?”
เจียงอี้เกาจมูกของเขา เขาไม่แม้แต่จะกระพริบตาเมื่อต้องสังหารจอมยุทธนับหมื่นคน แต่มันไม่ถูกต้องที่จะส่งผู้คนไปตาย
“อุ๊บ!”
ทั้งเฟิ่งหลวนและเฉียนว่านก้วนต่างยิ้มออกมา นางมองเจียงอี้และพูดว่า “นายน้อย ท่านก็แปลกคนนัก ทำไมเราถึงจะถูกกล่าวโทษในเรื่องนี้กัน? เราไม่เคยบังคับพวกเขาให้ไปสู้ และตอนนี้ก็มีผู้คนมากมายที่ถึงกับแข่งขันกันเพื่อได้เป็นผู้เข้าร่วมการต่อสู้ด้วยซ้ำ การต่อสู้เหล่านี้ไม่ได้อันตรายมากนักและเราจะได้ศิลาสวรรค์และสมบัติมากมาย ท่านลองมองไปรอบๆเผ่าเทพประทานดูสิเจ้าคะ มีผู้คนมากมายที่แย่งชิงกันมาเข้าร่วมกับเรา มนุษย์ยอมตายเพื่อความมั่งคั่ง ส่วนนกก็ยอมตายเพื่ออาหาร โลกนี้นั้นโหดร้ายนัก สงครามใดบ้างที่ไม่มีผู้เสียชีวิต?”
“ข้าเข้าใจแล้ว!”
เจียงอี้พยักหน้าและไม่ได้ถามอะไรอีก เขาหยุดมองไปทางทิศตะวันออกและพูดว่า “พวกเจ้าจัดการเรื่องพวกนี้กันเถอะ ตอนนี้ข้ากำลังตระหนักถึงรูปแบบเต๋าระดับสูงอยู่ ดังนั้นอย่าเพิ่งมาหาข้านอกจากมีเรื่องจำเป็น ข้าจะไปเยี่ยมเจ้าเมืองและผู้บัญชาการทั้งสิบก่อนและจะกลับไปยังภูเขาอัสนีแล้ว”
“รูปแบบเต๋าระดับสูง?”
ดวงตาของเฟิ่งหลวนและเฉียนว่านก้วนเป็นประกาย พวกเขารู้ดีถึงความหมายของรูปแบบเต๋าระดับสูง เฉียนว่านก้วนพยักหน้าซ้ำแล้วซ้ำเล่า “ลูกพี่ วางใจและฝึกฝนต่อไปได้เลย เมื่อมีพวกเราอยู่ จะไม่มีปัญหาอะไรเกิดขึ้นในเมือง และหากมีเรื่องใดสำคัญ ข้าจะรีบแจ้งให้ทราบทันที”
เจียงอี้พาเฉียนว่านก้วนไปเยี่ยมเจ้าเมืองลู่ผิงก่อน และตามด้วยการไปหาผู้บัญชาการทั้งสิบ คราวนี้เขารู้สึกต่างไปจากเดิมมาก เห็นได้ชัดว่าเจ้าเมืองและผู้บัญชาการนั้นสุภาพและเป็นมิตรกับเจียงอี้มากขึ้นนัก
เจียงอี้เป็นเหมือนถังเงินของพวกเขา และหากพวกเขายังคงร่วมมือกันต่อไป พวกเขาก็จะสร้างรายได้เพิ่มอย่างมหาศาล ด้วยเงินพวกนี้ พวกเขาไม่เพียงแต่จะติดสินบนผู้ที่มีตำแหน่งสูงๆเท่านั้น แต่มันยังซื้อทรัพยากรสำหรับการบ่มเพาะพลังได้มากมายเพื่อคอยพัฒนาจุดแข็งของพวกเขาและเพิ่มกำลังให้กับกลุ่มของพวกเขาด้วย
หลังจากไปหาผู้บัญชาการแล้ว เจียงอี้ก็กลับไปทานอาหารกับกลุ่มของเขา จากนั้นเขาก็ออกจากเมืองไปยังภูเขาอัสนีเพื่อฝึกฝนต่อ เขาเพิ่งจะเริ่มเข้าถึงรูปแบบเต๋ารูปแบบที่สองเท่านั้นและอยากจะรีบเข้าถึงรูปแบบเต๋านี้ให้ครบสมบูรณ์เสียที
….
เมืองอัสนีฟ้ากระจ่างกลับมาสงบอีกครั้ง สิบวันต่อมา หยางตงนำกลุ่มไปสังหารเหล่ากองโจรอีกครั้ง คราวนี้เขานำผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเทียนจุนไปเกือบร้อยคนและขอบเขตจินกังไปอีกแปดพันคน
แม้ว่าบางคนจะยังทำงานไม่เสร็จ แต่ด้วยความช่วยเหลือจากผู้บัญชาการทั้งสิบ พวกเขาก็สามารถออกจากเกาะไปได้อย่างโจ่งแจ้งก่อนที่จะว่ายน้ำไปยังเกาะยักษ์ที่อยู่ห่างออกไปหลายกิโลเมตรเงียบๆ
มีโจรมากมายอยู่บนเกาะนั้น มีคนอยู่ที่นั่นมากกว่าหมื่นคนและมีขอบเขตเทียนจุนอีกกว่าสี่สิบเก้าคน หัวหน้าของพวกนั้นยังเป็นขอบเขตเทียนจุนระดับกลางด้วยซ้ำ
ทุกคนกลับมาในวันที่หก แต่ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตจินกังเหลือไม่ถึงสี่พันคนและผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเทียนจุนก็ตกตายไปแปดคนเช่นกัน แต่บรรดาผู้ที่รอดชีวิตกลับมาต่างก็ตื่นเต้นมากเพราะผลกำไรของรอบนี้ดีงามมาก
อย่างที่คาดไว้
หลังจากที่จบสงครามและทำการแบ่งศิลาสวรรค์กันแล้ว คนทั้งเมืองก็ต่างพากันตกตะลึง ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตจินกังที่มีส่วนร่วมน้อยที่สุดยังได้รับศิลาสวรรค์ไปเกือบหมื่นก้อนและได้สิ่งประดิษฐ์ศักดิ์สิทธิ์มาหนึ่งชิ้น ส่วนผู้บัญชาการทั้งสิบก็ปิติยินดีเป็นอย่างมากเนื่องจากส่วนแบ่งที่พวกเขาได้ไปก็เพียงพอที่จะใช้ชีวิตที่เหลือได้อย่างสบายแล้ว การคอยรับเงินเดือนตำแหน่งผู้บัญชาการตระกูลลู่มันใช้เวลาประมาณร้อยปีกว่าจะได้เงินมากมายเท่านี้
หลังจากนั้นไม่นาน มังกรวารีสีทองก็นำกลุ่มออกไปอีกครั้งและนำขอบเขตเทียนจุนไปเพียงห้าสิบคน ซึ่งมันทำให้ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตจินกังระดับต่ำต่างไม่มีความสุข เหตุใดครั้งนี้พวกเขาจคงไม่ได้ออกไปด้วย?
แต่มันก็เป็นอย่างที่เคยเป็น ไม่มีใครกล้าพูดออกมาภายใต้การปกครองของเฉียนว่านก้วน แม้แต่ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเทียนจุนเองก็ไม่กล้าแม้แต่จะเผยความไม่พอใจใดๆออกมา ไม่เช่นนั้นพวกเขาอาจตายได้
การที่พวกเขาขายหินอัสนีและซุ่มโจมตีกองโจร มันทำให้เจียงอี้, กลุ่มของเขาและตำหนักเจ้าเมืองต่างก็เก็บเกี่ยวผลกำไรได้มหาศาล แม้ว่าจำนวนของผู้ที่อยู่ในเมืองยังคงลดน้อยลง แต่ผู้ที่ยังมีชีวิตอยู่ก็ได้รับรางวัลมากมายและรวมถึงผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเทียนจุนด้วย ทุกคนภักดีต่อเจียงอี้มากขึ้นขณะที่ร่ำรวยขึ้นเรื่อยๆด้วย
หลังจากผ่านไปครึ่งปี เฉียนว่านก้วนก็ได้คำนวณกำไรที่พวกเขาเก็บเกี่ยวมาได้ พวกเขาได้ศิลาสวรรค์มาราวๆสามหมื่นล้านก้อน ซึ่งมันสามารถเปลี่ยนแต้มความดีความชอบในตลาดมืดได้เป็นมูลค่าสามพันล้านแต้ม!
เฉียนว่านก้วนให้คนของเขาไปแลกแต้มความดีความชอบหนึ่งพันล้านแต้มอย่างลับๆและแอบสั่งให้คนนำเรือสินค้าไปใกล้ๆเกาะมังกรฟ้าและซื้อบ้านที่นั่น เขากำลังจะส่งหยุนเฟยและจ้านอู๋ซวงไปบ่มเพาะพลังที่นั่น
นี่ไม่ใช่ความคิดนาทีสุดท้ายของเฉียนว่านก้วน แต่มันมาจากการที่เขาได้พิจารณากับเจียงอี้และคนอื่นๆแล้ว จ้านอู๋ซวงและหยุนเฟยเป็นคู่รักกัน พวกเขาต้องการชีวิตที่มั่นคง การขายหินอัสนีอาจถูกเปิดเผยได้ตลอดเวลา และหากเป็นเช่นนั้นเจียงอี้ก็ต้องพาพวกเขาหนีออกจากเกาะแห่งบาป, เดินทางไปทั่วปฐพีและหาที่พัก ยิ่งไปกว่านั้น ตระกูลลู่อาจส่งยอดฝีมือมาไล่ล่าพวกเขาและพวกเขาทั้งหมดอาจตายได้
หากจ้านอู๋ซวงตัวคนเดียว เจียงอี้คงไม่คิดจะส่งเขาไปที่นั่น แต่ตอนนี้เขาสมรสกับหยุนเฟยและต้องการมีชีวิตที่มั่นคงแล้ว พวกเขาไม่เคยปรากฏตัวในเมืองอัสนีฟ้ากระจ่างเลย พวกเขาจะคอยบ่มเพาะพลังในราชวังจักรพรรดิหรือไม่ก็อยู่แต่ในลานบ้านของพวกเขาเท่านั้น หากพวกเขาไปยังเมืองมังกรฟ้า การบ่มเพาะแก่นแท้พลังของพวกเขาก็จะเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่า พวกเขาสามารถปิดบังตัวตนได้และจะไม่เป็นที่สนใจใดๆ ตราบใดที่พวกเขาไม่ออกจากเมืองพวกเขาก็จะปลอดภัยแน่นอน ไอรีนโนเวล
เจียงอี้กลับมาที่เมืองเพื่อเรื่องนี้โดยเฉพาะและคอยดูจ้านอู๋ซวงและหยุนเฟยจากไป เขายังสัญญาว่าจะพาพวกเขากลับมาหากได้ไปที่เมืองเทพประทานและตั้งรากฐานอยู่ที่นั่นด้วยกัน
จ้านอู๋ซวงก็ไม่ใช่คนขี้ลังเล ในคืนเดียวกันนั้นมีการแลกเปลี่ยนขายหินอัสนีกัน พวกเขาจึงซ่อนตัวอยู่ท่ามกลางกองทัพ และเฉียนว่านก้วนก็เป็นคนจัดการให้พวกเขาไปที่เกาะต้นกล้าขาวและนำเรือของสมาคมพ่อค้าไปยังเมืองมังกรฟ้า
เจียงอี้เองก็วางแผนว่าจะส่งเจียงเสี่ยวนู๋และชิงหยีไปด้วย แต่เขาก็ต้องยอมแพ้เพราะพวกนางบอกว่าพวกนางยอมตายมากกว่าที่จะทิ้งเขาไป หลังจากผ่านการฝึกฝนมาครึ่งปี เจียงอี้ก็ก้าวหน้ากับรูปแบบเต๋าไปมาก เขาตระหนักได้หกในเก้ารูปแบบเต๋าแล้ว หลังจากที่เขาเข้าถึงรูปแบบเต๋าทั้งสามที่เหลือ เขาก็จะหลอมรวมรูปแบบเต๋าระดับสูงได้
การที่จ้านอู๋ซวงและหยุนเฟยจากไปทำให้เจียงอี้รู้สึกอ่อนไหวไม่มากก็น้อย เขาไม่ได้ออกจากเมืองเพื่อกลับไปฝึกฝนต่อทันทีแต่รอคอยเฉียนว่านก้วนกลับมา เขาจะโล่งใจก็ต่อเมื่อรู้ว่าทั้งสองคนนั้นขึ้นเรือไปได้อย่างปลอดภัยแล้ว
เจียงอี้หยุดฝึกฝนในช่วงหลายวันมานี้และใช้เวลาอยู่กับเฟิ่งหลวน, ชิงหยีและเจียงเสี่ยวนู๋ เสี่ยวนู๋เข้าสู่สันโดษมาได้ระยะหนึ่งแล้วและนางก็ทะลวงศาสตร์ศักดิ์สิทธิ์ขนนกสีหมึกไปได้บ้าง แต่นางก็ยังห่างไกลอยู่มากจากการทะลวงขั้นที่สอง ในช่วงเวลากลางวัน เจียงอี้จะพาพวกนางทั้งสามไปเดินเล่นรอบๆเมือง ส่วนตอนกลางคืนเขาก็จะไปร่วมรักกับเฟิ่งหลวนและชิงหยี
ในวันที่ห้า ผู้คนที่ออกไปขายหินอัสนีก็กลับมา!
แต่ทว่า ผู้ที่กลับมามีน้อยกว่าครึ่งหนึ่งที่ออกไปและเฉียนว่านก้วนไม่ได้กลับมากับพวกเขา!
เจียงอี้เดือดดาลมาก หลังจากที่ถามมังกรวารีสีทองไปว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น กลิ่นอายสังหารก็แผ่ซ่านออกมาจากร่างของเขา เขาเกือบจะปล่อยเปลวเพลิงอัสนีออกมาสังหารผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเทียนจุนทั้งหมดที่กลับมาด้วยซ้ำ
ตอนที่เฉียนว่านก้วนกำลังเดินทางกลับเมืองหลังจากที่เห็นว่าจ้านอู๋ซวงและหยุนเฟยทำการค้าขายบนเกาะพยัคฆ์ขาวสำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดีแล้ว จากนั้นเขาก็ถูกกองโจรซุ่มโจมตี ทั้งเฉียนว่านก้วนและมังกรวารีสีทองถูกจับเป็นไป ส่วนผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเทียนจุนกว่าครึ่งถูกสังหาร และคนอื่นๆก็แทบจะไม่ได้กลับมา
เหตุผลที่มังกรวารีสีทองกลับมาได้ก็เพราะว่าผู้นำกองโจรให้เขามาส่งข้อความถึงเจียงอี้ว่า: จงเตรียมศิลาสวรรค์หมื่นล้านก้อนมาหากต้องการไถ่ตัวเฉียนว่านก้วน และหากพวกเขาไม่เห็นศิลาสวรรค์ในครึ่งเดือนนี้ เฉียนว่านก้วนจะต้องตาย
“เฟิ่งเอ๋อร์ เตรียมศิลาสวรรค์หมื่นล้านก้อน ข้าจะไปพบเจ้าเมือง!”
ศิลาสวรรค์ทั้งหมดอยู่กับเฟิ่งหลวน หลังจากที่เจียงอี้สั่งนางเสร็จ เขาก็ลุกขึ้นและบินไปยังตำหนักเจ้าเมืองทันที
“เอ่อ…”
ผู้คนนับไม่ถ้วนในเมืองเห็นเจียงอี้บินไปยังตำหนักเจ้าเมืองพร้อมกลิ่นอายสังหาร ใบหน้าของพวกเขาซีดเผือด….และรู้สึกแปลกๆว่ากำลังจะเกิดเรื่องใหญ่ขึ้น
…