เพลิงพิโรธสวรรค์ Fury towards the burning heaven - บทที่ 726 หม้อเวหาสลาตัน
ฟรึ่บ! ฟรั่บ!
ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเทียนจุนนับไม่ถ้วนกำลังหนีออกไปจากที่นั่นและมีกว่าสิบคนที่ตกตายไปเพราะโล่ศักดิ์สิทธิ์แตกสลายไป แหวนแก่นแท้ศักดิ์สิทธิ์โบราณมากมายลอยอยู่ในหลุม แต่เจียงอี้ไม่ได้สนใจมันและเพ่งเล็งไปยังกุ่ยอิ่งอย่างเดียว คนผู้นี้รีดไถศิลาสวรรค์แปดสิบล้านก้อนจากเขาไปและน่าจะมีสมบัติมากมาย เนื่องจากเขาเป็นผู้บัญชาการของกองทัพวายุทมิฬ
กุ่ยอิ่งบ่นออกมาอย่างไม่สบอารมณ์ ความร้อนในร่างของเขาสูงขึ้นมากราวกับถูกโยนลงไปในหม้อทอด แม้ว่าร่างกายของเขาจะแข็งแกร่งมากแต่มันก็ยังทรมานมากสำหรับเขาอยู่ดี อุณหภูมิที่สูงจนน่าสะพรึงนี้ทำให้เขาแทบจะอยากฉีกทึ้งเนื้อของตัวเองออกมา
“ข้าควรทำยังไงดี? ข้าควรจะทำอย่างไรดี?”
กุ่ยอิ่งจนปัญญาแล้ว เจียงอี้จะไม่หยุดจนกว่าเขาจะถูกสังหารไป การโจมตีดวงจิตวิญญาณนั้นใช้กับเจียงอี้ไม่ได้ผลเลยและผู้ใต้บัญชาของเขาก็หนีไปกันหมด ความภักดียังมีค่าน้อยกว่ากระดาษเช็ดก้นเสียอีก
“เสี่ยงดูก็ได้วะ!”
ดวงตาของเขาสั่นไหวก่อนที่จะกัดฟันและนำของประหลาดออกมาจากแหวนแก่นแท้ศักดิ์สิทธิ์โบราณ มันเป็นสมบัติที่คล้ายๆกับหม้อเหลี่ยมและหม้อใบนั้นก็เปล่งกลิ่นอายที่เรียบง่ายและน่าทึ่งออกมา
มันมีรูปแบบอักขระอยู่บนหม้อเหลี่ยมนั้น อักขระเหล่านั้นเริ่มหมุนเวียนเมื่อเขาเทแก่นแท้พลังเข้าไปขณะที่มันสร้างกลิ่นอายที่น่าสะพรึงออกมา หม้อเหลี่ยมนี้ที่ควรจะมีสี่มุม แต่มันกลับมีมุมหนึ่งที่แตกออกไปดังนั้นมันจึงดูแปลกพิลึกมาก
นี่เป็นสมบัติที่แข็งแกร่งที่สุดของเขาและเขาได้มันมาจากซากโบราณ เขาไม่ค่อยได้ใช้มันเพราะ….มันเป็นสมบัติที่ทรงพลังเป็นอย่างยิ่ง แม้ว่ามุมของมันจะหายไป แต่พลังของมันก็ยังเทียบได้กับสิ่งประดิษฐ์ศักดิ์สิทธิ์แฝง
แน่นอนว่านี่ไม่ใช่สิ่งประดิษฐ์ศักดิ์สิทธิ์แต่เป็นสิ่งประดิษฐ์ศักดิ์สิทธิ์แฝง มันเป็นสมบัติที่ถูกขัดเกลาอย่างสมบูรณ์และบรรลุการเชื่อมโยงทางดวงจิตวิญญาณแล้ว เขาไม่ได้ขัดเกลามันเองโดยตรง แต่เมื่อตอนที่เขาได้มันมาเขาเพียงแค่ขัดเกลามันเฉยๆแต่มันกลับสามารถบรรลุการเชื่อมโยงกับดวงจิตได้เลย มันเป็นสิ่งที่น่าสะพรึงมาก
เป็นเรื่องยากมากที่จะปรับแต่งสิ่งประดิษฐ์ศักดิ์สิทธิ์แฝงจนถึงระดับที่สามารถเชื่อมกับดวงจิตวิญญาณได้ คนผู้นั้นจะต้องให้ดวงจิตในสิ่งประดิษฐ์ศักดิ์สิทธิ์แฝงยอมรับว่าคนผู้นั้นเป็นเจ้านายของมัน ดังนั้นสิ่งประดิษฐ์ศักดิ์สิทธิ์แฝงธรรมดาจึงแทบไม่ได้อยู่ในสถานะยอดเยี่ยมนัก
อย่างเช่น หากเจียงอี้สามารถเชื่อมดวงจิตวิญญาณของเขากับเกราะเมฆาอัคคีได้แล้ว เขาก็จะสามารถทำให้อักขระหมุนเวียนไปรอบๆได้และผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเทียนจุนธรรมดาจะไม่สามารถทำร้ายเขาได้เว้นแต่ว่าจะเป็นขอบเขตเทียนจุนขั้นสูงสุดที่มีความสามารถในการโจมตีที่น่าเกรงขาม
กุ่ยอิ่งไม่กล้าใช้สมบัติเช่นนี้ง่ายๆ มันรังแต่จะเป็นการดึงดูดยอดฝีมือมา ไม่เพียงแต่เขาจะเสียสมบัติไปเท่านั้น แต่ชีวิตของเขาก็จะสูญสลายไปด้วย
แต่ตอนนี้เขากำลังจะตาย ดังนั้นเขาจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องนำ หม้อเวหาสลาตัน ออกมาเพื่อหยุดเจียงอี้ไว้ด้วยความช่วยเหลือของมัน
เขาไม่ได้ใช้มันในทันที แต่เขาบินขึ้นไปด้วยกำลังทั้งหมด แม้ว่าความเร็วของเขาจะลดลงไปมากแต่มันก็ยังค่อนข้างเร็วอยู่ เขารีบบินหนีขึ้นไปตั้งต้นและเพียงไม่กี่พริบตาก็ทะลวงออกมาจากใต้พื้นดินได้
ปัง!
ไม่นานพื้นดินก็แตกปะทุออกมาและเจียงอี้ก็พุ่งออกมาพร้อมแผ่สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของเขา เขาพบว่าสำนักงานใหญ่ของกองทัพวายุทมิฬอยู่ใกล้ๆและมีสมาชิกกองทัพวายุทมิฬระดับต่ำหลายหมื่นคนกำลังเตรียมตัวอยู่ภายในสำนักงานใหญ่
“กุ่ยอิ่ง!”
เจียงอี้มองขึ้นไปเหนือศีรษะขณะที่ร่างของเขาก็ลัดข้ามท้องฟ้าขึ้นไป เขาตวัดดาบมังกรเพลิงขณะที่เปลวเพลิงอัสนีถูกปล่อยออกมานับไม่ถ้วน มันทำให้อุณหภูมิรอบๆสูงขึ้นอย่างน่าสะพรึงทันที
“หนี!”
แม้ว่าพวกเขาจะอยู่ห่างกันประมาณยี่สิบถึงสามสิบกิโลเมตร แต่ผู้เชี่ยวชาญระดับต่ำในสำนักงานใหญ่ของกองทัพวายุทมิฬก็ไม่สามารถต้านทานความร้อนเช่นนี้ได้ ทุกคนวิ่งหนีกันไปด้วยความหวาดกลัวขณะที่จ้องมองไปที่เจียงอี้ที่สวมชุดเกราะเมฆาอัคคีโดยมีโล่สีฟ้าส่องประกายอยู่รอบๆ ทุกๆคนรู้สึกเหมือนว่าพวกเขาเจอเทพแห่งความชั่วร้ายและรู้สึกหวาดกลัวเป็นอย่างยิ่ง
“ไอ้หมาป่าเดียวดายสารเลว ตายซะเถอะ หม้อเวหาสลาตัน ทุบไอ้ชั่วนั่นเป็นชิ้นๆซะ!” เสียงคำรามดังออกมา กุ่ยอิ่งสวมชุดเกราะสีดำและกลิ่นอายของเขาอยู่ในจุดสูงสุด หม้อเหลี่ยมบนมือของเขาพุ่งลงมาและค่อยๆขยายใหญ่ขึ้นกลางอากาศจนถึงราวๆสามร้อยเมตรและมาพร้อมกับกลิ่นอายที่แทบจะหยุดทุกอย่างเอาไว้และตกลงมาราวกับภูเขาลูกยักษ์
หม้อเหลี่ยมนั้นถูกหุ้มด้วยเต๋าโบราณและเต๋าแห่งธรรม ซึ่งมันมีกลิ่นอายที่ทรงพลังมาก ขณะที่อักขระสีเขียวเข้มหมุนเวียนไปมามันก็จะมีกลิ่นอายสีเขียวเข้มที่หลั่งออกมาจากหม้อใบนั้นและหมุนเวียนอยู่รอบๆหม้อ กลิ่นอายที่ไหลเวียนเหล่านั้นเปลี่ยนรูปเป็นปรอทและให้ความรู้สึกลึกซึ้ง เมื่อหม้อเหลี่ยมพุ่งลงมา ทุกคนที่กำลังหนีก็หนีไม่พ้นอีกต่อไป พวกเขาถูกหม้อเหลี่ยมดึงดูดขณะที่ถูกกลิ่นอายอันน่าสะพรึงกดให้ลงมาอยู่ที่พื้น ฉากที่หม้อเหลี่ยมนำพากลิ่นอายที่ไม่มีผู้ใดหยุดยั้ง มันได้ปรากฏขึ้นในใจของทุกคน
สิ่งประดิษฐ์ศักดิ์สิทธิ์แฝง!
เจียงอี้เบิกตากว้างและตกตะลึง ก่อนหน้านี้เขาเห็นหม้อใบนี้แล้วแต่เขาไม่ได้สนใจมันมากนัก เขาคิดว่ามันเป็นเพียงสมบัติธรรมดา และในตอนนี้เขาตื่นตระหนกมาก ไอรีนโนเวล
กลิ่นอายบนหม้อเหลี่ยมนี้คล้ายกับหม้อทรงกลมที่ตระกูลเสียเคยทำพิธีเป็นอย่างมาก นี่คือกลิ่นอายของสิ่งประดิษฐ์ศักดิ์สิทธิ์แฝง ในช่วงเวลาไม่กี่วินาที จิตใจของเขาก็หมุนเวียนอยู่หลายร้อยครั้งขณะที่เขาคิดหาทางจัดการกับมัน!
จะหนีหรือสู้มันดี?
หากเจียงอี้อยากจะหนีเขาจะต้องใช้วิชาหลีกสวรรค์ เขาจะไม่สามารถสังหารกุ่ยอิ่งได้อีกต่อไปและตัวตนของเขาอาจถูกเปิดเผยได้ทุกเมื่อเช่นกัน และเขายังอาจถูกยอดฝีมือจากสิบสามตระกูลไล่ล่าอย่างไม่รู้จบจนไม่สามารถอยู่ในเกาะแห่งบาปได้อีก
สู้กับมัน? มันจะสู้ได้จริงๆหรือ?
เจียงอี้คิดอะไรไม่ออกเลย แต่…..เขาก็ตั้งใจที่จะลองดู!
เขาจับดาบมังกรเพลิงเอาไว้แน่นขณะที่เงยหัวขึ้นมา ในเวลาเดียวกันเขาก็เทแก่นแท้พลังลงไปในเกราะเมฆาอัคคีทันที และทันใดนั้นเกราะเมฆาอัคคีก็เปล่งประกายแสงสีแดงออกมาพร้อมกับแสงสีฟ้าเข้มจากโล่ศักดิ์สิทธิ์เปลวเพลิงอัสนีทำให้มันเกิดประกายแสงที่น่าอัศจรรย์ ดวงตาของเจียงอี้จ้องเขม็งไปที่หม้อยักษ์ที่กำลังตกลงมาจากฟ้า และจากนั้นเขาก็หัวเราะอย่างบ้าคลั่ง “มาเลย! ดูซิว่าเจ้าจะมีกำลังมากพอที่จะบดขยี้ข้าให้ตายได้หรือเปล่า!”
ตูม! ตูม! ตูม!
หม้อเหลี่ยมนี้ตกลงมาถึงหัวของเจียงอี้อย่างรวดเร็ว เจียงอี้ถือดาบมังกรเพลิงเอาไว้ในมือข้างเดียวและพยายามต้านหม้อยักษ์นี้ แต่น่าเสียดาย เขาเป็นเหมือนแมลงคิดเขย่าฟ้า เจียงอี้ถูกกดลงไปทันทีขณะที่เขาถูกบดขยี้เข้ากับเทือกเขาอย่างรวดเร็ว
ถึงกระนั้น ฉากที่เจียงอี้ต้านหม้อยักษ์ก็ได้ตราตรึงอยู่ในใจคนนับหมื่นอย่างล้ำลึกและจะอยู่ในความทรงจำของพวกเขาตลอดไป
ตูม!
เขาทั้งลูกสนั่นไปหมดเมื่อหม้อยักษ์ตกลงมาที่พื้น แรงสั่นสะเทือนแผ่ออกไปในรัศมีพันกิโลเมตร และทุกอย่างที่อยู่ในรัศมีสามกิโลเมตรที่เจียงอี้อยู่ก็ถูกทำลายด้วยและเหลือไว้เพียงหลุมลึก
เสียงรอบๆดังก้องไปทั่วและกุ่ยอิ่งที่อยู่เหนือฟ้าก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก เขากลืนเม็ดยาและหมุนเวียนแก่นแท้พลังของเขาเพื่อฟื้นตัวอย่างรวดเร็ว เส้นลมปราณทั้งหมดของเขาถูกแผดเผาและผิวหนังของเขาเปลี่ยนเป็นสีแดงเลือด ส่วนผมของเขายังเป็นสีดำสนิทและเขาบาดเจ็บสาหัส หากเขาช้าไปอีกเพียงไม่กี่อึดใจ เขาก็คงถูกเผาทั้งเป็นไปแล้ว
กุ่ยอิ่งมั่นใจในหม้อเวหาสลาตันของเขามาก แม้แต่ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเทียนจุนระดับกลางที่มีพลังป้องกันที่แข็งแกร่งยังถูกบดขยี้จนตาย นับประสาอะไรกับเจียงอี้กัน ดังนั้นเขาก็เลยไม่ได้ตรวจสอบว่าเจียงอี้ตายหรือยังและเริ่มพักฟื้นร่างกายก่อนเพราะเขาใกล้ถึงขีดจำกัดแล้ว
บรึฟ!
แต่ทว่า! วินาทีต่อมา ใจของกุ่ยอิ่งกลับสั่นสะท้าน เขาสัมผัสได้ถึงอันตรายร้ายแรงที่ใกล้เข้ามา เขามองไปยังห้วงอากาศที่กำลังผันผวนและจากนั้นก็มีชายหนุ่มที่มีเลือดเต็มตัวปรากฏขึ้น จากนั้นเปลวเพลิงอัสนีก็พวยพุ่งออกมาจากร่างของเขาอย่างบ้าคลั่งซึ่งเพิ่มอุณหภูมิจนสูงขึ้นอย่างน่าสะพรึงและดวงตาที่เย็นชานั้นทำให้ก้นบึ้งของดวงจิตกุ่ยอิ่งเริ่มสั่นเทา
“เจ้าไม่ตายจริงๆ? เป็นไปได้ยังไงกัน? ไม่…”
เขาร้องออกมาอย่างหวาดกลัวก่อนที่จะหนีไปอย่างสุดกำลัง แต่ความเร็วของเขาช้าเกินไป และตอนนี้เจียงอี้ก็ใกล้เขามากแล้ว โล่ศักดิ์สิทธิ์ของเขาแตกสลายไปทันทีและร่างของกุ่ยอิ่งก็เริ่มถูกไฟแผดเผาจนกลายเป็นเถ้าถ่าน
“ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า!”
ชุดเกราะเมฆาอัคคีของเจียงอี้เต็มไปด้วยเลือดและกระดูกของเขาก็หักไปครึ่งร่างแล้ว โล่ศักดิ์สิทธิ์เปลวเพลิงอัสนีของเขานั้นแตกเป็นเสี่ยงๆไปแล้ว แต่…เขายังมีชีวิตอยู่ ใช่แล้ว เขาชนะเดิมพันนี้ เขาแหงนหน้าขึ้นฟ้าและหัวเราะออกมาดังมาก!
“หนีเร็ว!”
ผู้คนจากกองทัพวายุทมิฬระดับต่ำที่เหลือต่างพากันหนีด้วยความหวาดกลัว หนุ่มผมแดงผู้นี้ยังเป็นมนุษย์อยู่อีกหรือ แม้แต่ถูกหม้อยักษ์บดขยี้แล้วเขายังไม่ตายจริงๆหรือ?
….