เพลิงพิโรธสวรรค์ Fury towards the burning heaven - บทที่ 730 ข้าไม่ได้รู้สึกเป็นเกียรติเลย!
- Home
- เพลิงพิโรธสวรรค์ Fury towards the burning heaven
- บทที่ 730 ข้าไม่ได้รู้สึกเป็นเกียรติเลย!
เจียงอี้ยิ้มเบาๆและลูบหน้าเจียงเสี่ยวนู๋ขณะที่ถามหญิงวัยกลางคนว่า “เถ้าแก่ ลดราคาหน่อยได้ไหม?”
“ข้าให้ถูกกว่านี้ไม่ได้แล้ว!”
หญิงวัยกลางคนยิ้มเล็กน้อยและส่ายหัว “นายน้อย นี่ไม่ใช่ชุดธรรมดาแต่เป็นสิ่งประดิษฐ์เหนืออิทธิฤทธิ์ มันยังเป็นสมบัติป้องกันการโจมตีดวงจิตวิญญาณด้วย หากแม่นางผู้นี้ขัดเกลาชุดคลื่นคนึงนี้แล้ว แม้แต่การโจมตีของผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเทียนจุนระดับต่ำก็ยังไม่สามารถสังหารนางได้ นายน้อยลองให้แม่นางผู้นี้ได้สวมดูก่อนก็ได้ ชุดคลื่นคนึงนั้นหายากมากและวัสดุที่ใช้ทำก็พิเศษมาก มันถูกสร้างขึ้นจากไหมศักดิ์สิทธิ์จากทวีปตัวไหมสวรรค์….”
“ก็ได้!”
เจียงอี้โบกมือและพูดว่า “หยุดพูดได้แล้ว สามสิบล้านใช่ไหม? ข้าจะซื้อมัน!” “นายน้อย”
เจียงเสี่ยวนู๋กัดริมฝีปากของนางและส่ายหัว นางไม่รู้ว่าศิลาสวรรค์สามสิบล้านก้อนนั้นมีมูลค่าเท่าไหร่ แต่นางรู้ว่าชุดที่เฟิ่งหลวนซื้อด้วยราคาที่แพงที่สุดยังใช้ศิลาสวรรค์เพียงไม่กี่พันก้อน แต่ชุดนี้มันแพงกว่านั้นอย่างน้อยพันเท่า
“ฮิฮิ!”
เจียงอี้ยิ้มให้เจียงเสี่ยวนู๋และพูดว่า “เสี่ยวนู๋ ตราบใดที่มันเป็นสิ่งที่เจ้าชอบ อย่าว่าแต่สามสิบล้านเลย แม้ว่าสามร้อยล้าน ข้าก็ซื้อได้”
ร่างที่บอบบางของเจียงเสี่ยวนู๋สั่นขณะที่ดวงตาของนางเริ่มคลอ เฟิ่งหลวนและชิงหยีมองหน้ากันและรู้สึกอิจฉาตามสัญชาตญาณ แต่เมื่อพวกนางนึกถึงความสำคัญของเจียงเสี่ยวนู๋ต่อตัวเจียงอี้แล้ว ทั้งคู่ก็เข้าใจเรื่องนี้อย่างรวดเร็ว
ส่วนเฉียนว่านก้วนยังคงหายใจอย่างเย็นเยียบ หากเป็นคนอื่นเขาคงดุว่ามันสิ้นเปลืองไปแล้ว แต่เขาไม่กล้าพูดกับเจียงอี้แม้แต่คำเดียว เสื้อผ้าเหล่านี้อาจเป็นสิ่งประดิษฐ์เหนืออิทธิฤทธิ์ แต่มันก็ไม่ได้มีประโยชน์อันใดเพราะเจียงอี้สังหารผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเทียนจุนระดับต่ำทั้งกลุ่มได้ แล้วมันจะไปมีประโยชน์อะไรกัน? มันเป็นเพียงเสื้อผ้าที่ดูงดงามก็เท่านั้น
ตึก ตึก ตึก!
ในขณะนั้นเองก็มีกลุ่มคนกลุ่มหนึ่งที่เดินมาแต่ไกล ทุกคนสวมเสื้อผ้าที่หรูหราและและมีความไม่ธรรมดาอยู่ ในหมู่พวกเขา มีหญิงสาวที่งดงามนางหนึ่งเห็นชุดคลื่นคนึงมาแต่ไกลและอุทานว่า “ชุดคลื่นคนึง? พี่ใหญ่หง ครั้งนี้เราโชคดีจริงๆ มันมีชุดคลื่นคนึงจริงๆหรือเนี่ย? ข้าใฝ่ฝันถึงมันมานานแล้ว ข้าอยากซื้อมัน!”
“ฮ่าฮ่า!”
นายน้อยที่ยืนอยู่ข้างๆหญิงงามยิ้มและพูดว่า “เมื่อเจ้าชอบ ข้าก็จะซื้อให้เจ้า เถ้าแก่ ข้าต้องการชุดนั้น”
เจียงอี้และคนอื่นๆถูกเสียงนั้นดึงดูดขณะที่พวกเขากวาดตาหันไปมองด้วยคิ้วที่ขมวด เจียงอี้มองไปทางเจ้าของร้านขณะที่นางรีบเดินไปหานายน้อยที่แต่งตัวหรูหราและกล่าวว่า “ข้าต้องขออภัยนายน้อยหงด้วย ชุดคลื่นคนึงนี้ถูกซื้อไปแล้วเจ้าค่ะ นอกจากนี้ท่านก็น่าจะรู้ว่าชุดคลื่นคนึงผลิตได้เพียงสามปีต่อชุดเดียวเท่านั้น นายน้อยหงสามารถเลือกดูชิ้นอื่นๆได้เลยเจ้าค่ะ และข้าจะให้ส่วนลดท่านยี่สิบส่วนเจ้าค่ะ….”
หญิงสาวที่อยู่ข้างๆนายน้อยหงอารมณ์บูดบึ้งขณะที่จับแขนของเขาและเขย่ามันอย่างแรงพร้อมกับมีท่าทีที่ขุ่นเคือง “ไม่เอา ข้าชอบแค่เพียงชุดคลื่นคนึงเท่านั้นและข้าก็อยากได้มาตั้งแต่ปีที่แล้ว พี่หง ข้าอยากได้ชุดนั้นเท่านั้น”
“เอาล่ะ เอาล่ะ!”
นายน้อยหงหัวเราะอย่างขมขื่นและมองไปทางเจียงอี้และกลุ่มของเขา ดวงตาของเขาสว่างขึ้นอย่างเห็นได้ชัดเมื่อมองไปเห็นเฟิ่งหลวนและเจียงเสี่ยวนู๋ เขาก้าวไปข้างหน้าสองก้าวและคำนับอย่างสง่างามและมีมารยาทขณะที่พูดด้วยรอยยิ้มเล็กน้อย “ข้ามีนามว่าหงมู่ แห่งเมืองพยัคฆ์ขาว พ่อของข้ามีนามว่าหงเทียนเย่า ข้าขอเรียนถามชื่อแม่นางทั้งสามได้หรือไม่?”
สีหน้าของเฟิ่งหลวนและอีกสองคนมืดมนทันทีเนื่องจากไม่มีใครสนใจนายน้อยหงและหันไปมองเจียงอี้ นายน้อยหงรอครู่หนึ่งก่อนที่เขาจะถอนรอยยิ้มกลับไปและสบตากับเจียงอี้ “เจ้าหนู นำชุดนั้นมาให้ข้าแล้วข้าจะให้ศิลาสวรรค์หนึ่งล้านก้อนกับเจ้า ว่ายังไงล่ะ?”
“หนึ่งล้าน?”
เจียงอี้เผยรอยยิ้มเย้ยหยันที่มุมปาก นายน้อยทุเรศคนนี้ทำเหมือนว่าเขานั้นจะยอมได้ง่ายๆงั้นหรือ?
แน่นอนว่าเจียงอี้ไม่ได้มีเจตนาที่จะสร้างความขุ่นเคืองขณะที่เขาตอบด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “ต้องขออภัยนายน้อยด้วย เราซื้อมันแล้วและไม่ได้ตั้งใจที่จะขายต่อ”
“ข้าจะให้เจ้าเพิ่มสิบล้าน!”
ท่าทีของนายน้อยหงแย่กว่าเดิมขณะที่แหวนแก่นแท้ศักดิ์สิทธิ์โบราณของเขาเปล่งประกายขึ้นมา และมีแหวนแก่นแท้ศักดิ์สิทธิ์โบราณอีกวงปรากฏขึ้นขณะที่เขาพูดว่า “เอาศิลาสวรรค์ไปแล้วก็ไสหัวไปซะ”
“หืม?” สีหน้าของเฉียนว่านก้วน, มังกรวารีสีทองและคนอื่นๆมืดมนในทันทีขณะที่ท่าทีของเฟิ่งหลวนและชิงหยีเย็นชากว่าเดิม ส่วนเจียงเสี่ยวนู๋แทบจะแปลงร่างมาสังหารเขา
เจียงอี้ยกมือขึ้นมาเพื่อห้ามทุกคนและเผยรอยยิ้ม แหวนแก่นแท้ศักดิ์สิทธิ์โบราณของเขาสว่างขึ้นขณะที่เขานำแหวนแก่นแท้ออกมาและพูดอย่างเฉยเมยว่า “นี่เป็นศิลาสวรรค์ห้าสิบล้านก้อน เจ้าเอามันไปได้เลยหากว่าเจ้าคลานจากที่นี่ไปชั้นหนึ่ง ว่ายังไงล่ะ?”
ฟรึ่บ! ฟรั่บ! ฟรึ่บ!
ผู้คนมากกว่าสิบสองคนที่อยู่เบื้องหลังนายน้อยหงต่างมีท่าทีที่เปลี่ยนไปขณะที่พวกเขาจับจ้องไปที่เจียงอี้ด้วยดวงตาที่มืดมนและเย็นชา ร่างของพวกเขาเต็มไปด้วยกลิ่นอายสังหารและดูเหมือนว่าพวกเขาจะลงมือได้ทุกเมื่อ ในหมู่พวกเขามีสามคนที่เป็นขอบเขตเทียนจุนระดับกลางในขณะที่ส่วนที่เหลือเป็นผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเทียนจุนระดับต่ำ เห็นได้ชัดว่าภูมิหลังของนายน้อยหงผู้นี้ไม่ธรรมดา นายน้อยหงหัวเราะด้วยความโกรธจัดและกล่าวว่า “ดี ดี ดี! เจ้ากล้าดีนี่ ไอหนู มีเพียงไม่กี่คนที่กล้าดูหมิ่นข้า หงมู่ผู้นี้บนเกาะพยัคฆ์ขาว เจ้าเป็นหนึ่งในนั้น”
“ข้าไม่ได้รู้สึกเป็นเกียรติเลย!”
เจียงอี้ยิ้มและส่ายหัวขณะที่สีหน้าของเขาเปลี่ยนไปทันทีและตะโกนอย่างเย็นชา “ไสหัวไปซะ!”
บรึฟ!
ผู้คนที่อยู่เบื้องหลังนายน้อยหงระเบิดกลิ่นอายออกมาทันทีขณะที่ดาบของนายน้อยหงปรากฏขึ้น แก่นแท้พลังของเขาแผ่ออกมาขณะที่เขาอยากจะฟาดฟันใครบางคน
“ฮ่าฮ่าฮ่า!”
เจียงอี้หัวเราะเสียงดังและตะโกนว่า “อะไรนะ? เจ้าอยากจะลงมือ? ไม่มีผู้ใดในสมาคมการค้าทิวาอรุณสังหารคนในที่แห่งนี้ได้ง่ายๆไม่ใช่หรือ? หรือว่าใครๆก็ถูกสังหารในที่แห่งนี้ได้? หากเป็นเช่นนั้น…..ที่นี่ก็ไม่จำเป็นต้องมีสมาคมการค้าทิวาอรุณแล้วกระมัง”
ฟรึ่บ! ฟรั่บ! ฟรึ่บ!
ก่อนที่เจียงอี้จะพูดจบ ร่างสีแดงนับสิบก็บินมา ในหมู่พวกเขามีผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเทียนจุนระดับกลางอย่างน้อยสิบคนและพวกเขาทั้งหมดก็สวมชุดเกราะสีแดงและเห็นได้ชัดว่าเป็นคนจากสมาคมการค้าทิวาอรุณ ผู้อาวุโสผู้หนึ่งตะโกนมาแต่ไกล “หยุดอยู่ตรงนั้นซะ ไม่เช่นนั้นเราจะสังหารโดยไม่มีการเจรจาใดๆ!”
นายน้อยหงและกลุ่มของเขาเปลี่ยนไปและหน้าซีดเผือดและมืดมนขณะที่ร่างของพวกเขาสั่นเทาไปด้วยความโกรธ ผู้อาวุโสขอบเขตเทียนจุนระดับกลางที่อยู่ข้างหลังได้ดึงแขนของหงมู่และกระซิบว่า “นายน้อย อย่าก่อปัญหาใดๆที่นี่ ไม่เช่นนั้นตระกูลจะลงโทษท่านอย่างหนักนะขอรับ”
“ก็ได้ ก็ได้!”
ดาบยาวหายไปจากมือของนายน้อยหงขณะที่เขาจ้องเจียงอี้อย่างดุเดือดและถามว่า “เจ้าหนู เจ้ากล้าบอกชื่อเสียงเรียงนามของเจ้าไหม? ไม่เช่นนั้น ข้าเกรงว่าเราอาจจะทะเลาะกันโดยมีผู้หนุนหลังเชื้อสายเดียวกัน”
“ข้าไม่ได้มีชื่อเสียงอะไร!”
เจียงอี้ยักไหล่และพูดราวกับว่าเขาไม่สนใจ “นายน้อยไม่จำเป็นต้องใช้ความพยายามใดๆเพื่อจดจำข้าหรอก”
“ไปเถอะ!” ไอลีนโนเวล
นายน้อยหงจ้องมองเจียงอี้ขณะที่เขาหันหลังจากไปกับคนของเขาอย่างขุ่นเคือง เฉียนว่านก้วนโน้มตัวไปกระซิบกับเจียงอี้อย่างรวดเร็ว “ลูกพี่ ครั้งนี้มันมีปัญหาแล้วล่ะ ตระกูลหงเป็นตระกูลที่ใหญ่เป็นอันดับสามของเมืองพยัคฆ์ขาว คนผู้นี้จะต้องเป็นทายาทแท้ๆของตระกูลหงแน่ๆ”
เจียงอี้ยิ้มและไม่ได้ตอบอะไร จากนั้นเขาก็หันไปพูดกับเจ้าของร้านว่า “เถ้าแก่ นำชุดนั้นลงมา หากไม่มีสิ่งใด ข้าจะจ่ายให้”
หญิงวัยกลางคนถอดชุดออกแล้วยื่นให้เจียงเสี่ยวนู๋และกล่าวว่า “คุณหนู ชุดยาวนี้ไม่เคยถูกขัดเกลาเลย ท่านเพียงแค่ต้องหยดเลือดลงไปเพื่อให้รู้ว่าท่านเป็นเจ้าของ ผู้ใดก็ตามที่รู้วิธีใช้การโจมตีดวงจิตวิญญาณสามารถลองดูได้เลย”
“นายน้อย…”
เจียงเสี่ยวนู๋ลังเลเล็กน้อยที่จะรับมันมา แต่เจียงอี้ก็หยิบชุดนั้นให้เจียงเสี่ยวนู๋และหยิบมีดเล่มเล็กๆออกมาก่อนที่จะกรีดที่นิ้วของนางซึ่งเลือดที่หยดลงบนชุดนั้นหายไปทันที และเมื่อเจียงเสี่ยวนู๋นึกอยู่ในใจ ชุดนั้นก็หายไปในร่างของนางทันทีและปรากฏขึ้นที่ภายนอกในเวลาต่อมา
บรึฟ!
ชุดคลุมยาวเปล่งประกายอย่างอ่อนโยน ร่างทั้งหมดของเจียงเสี่ยวนู๋ถูกปกคลุมไปด้วยแสงศักดิ์สิทธิ์ทำให้นางดูงดงามราวกับเทพธิดาที่ลงมาจากแดนสวรรค์อย่างแท้จริง แม้แต่เฟิ่งหลวนและชิงหยีเองก็ยังรู้สึกอิจฉาเล็กน้อยเลย
ฟรึ่บ!
มีแสงสีแดงส่องผ่านหว่างคิ้วเจียงอี้ออกมาขณะที่ดาบวิญญาณพุ่งไปยังเจียงเสี่ยวนู๋ แต่ใครจะไปรู้ว่าเมื่อดาบวิญญาณพุ่งไปถึงหว่างคิ้วของเจียงเสี่ยวนู๋แล้ว มันกลับถูกบังเอาไว้ด้วยแสงสีขาว? เจียงอี้พยักหน้าเงียบๆและถอนดาบวิญญาณของเขากลับมา เขาอาจไม่ได้ใช้กำลังอย่างเต็มที่แต่ชุดคลื่นคนึงนี้เป็นสิ่งประดิษฐ์ป้องกันการโจมตีดวงจิตวิญญาณจริงๆ
หลังจากที่มอบศิลาสวรรค์ไปแล้ว เจียงอี้ก็ยิ้มและโบกมือของเขา “มาเถอะ ไปดูกันว่าตรงนั้นมีสมบัติอะไรบ้าง”
“ลูกพี่….”
เฟิ่งหลวนและคนอื่นๆดูไม่ค่อยสู้ดีนักขณะที่พวกเขากังวลใจ เฉียนว่านก้วนกระซิบอีกครั้งว่า “เราปลอดภัยมากในปราสาทและเราก็ปลอดภัยมากบนเรือลิขิตสวรรค์ แต่เมื่อเราอยู่บนเส้นทางจากปราสาทไปยังเรือลิขิตสวรรค์ นายน้อยหง สามารถโจมตีเราได้ทุกเมื่อ ดูจากนิสัยของเขาแล้ว เขาจะไม่มีทางยอมให้เรื่องนี้สงบลงง่ายๆแน่”
…