เพลิงพิโรธสวรรค์ Fury towards the burning heaven - บทที่ 733 ดวงจิตสิ่งประดิษฐ์
อันที่จริงแล้ว เจียงอี้ไม่รู้ว่าตอนที่กุ่ยอิ่งได้หม้อเวหาสลาตันมา ดวงจิตของเขาก็เชื่อมกับมันได้โดยใช้เวลาไม่นาน ไม่เช่นนั้น มันคงไม่มีผลอะไรมากกับการที่ขาตั้งของมันหักไป ที่เจียงอี้ใช้เวลาไม่นานในการเชื่อมต่อดวงจิตของเขาเข้ากับหม้อนี้ มันไม่ใช่เพราะความโชคดีของเจียงอี้ แต่หม้อเวหาสลาตันใบนี้น่าอัศจรรย์มากจริงๆ
สิ่งประดิษฐ์ศักดิ์สิทธิ์แฝงทั้งหมดมีดวงจิตวิญญาณซึ่งเป็นได้ทั้งดวงจิตวิญญาณของสัตว์อสูรที่แข็งแกร่งซึ่งมันถูกผนึกไว้โดยผู้ที่ใช้ทักษะวิชาอันแข็งแกร่ง เหตุผลที่สิ่งประดิษฐ์ศักดิ์สิทธิ์แฝงมีค่าและทรงพลัง ส่วนใหญ่เป็นเพราะดวงจิตวิญญาณของสิ่งประดิษฐ์นั้น
ดวงจิตของสิ่งประดิษฐ์เป็นดวงจิตวิญญาณของสมบัติ ซึ่งมันจะทำให้สมบัติเชื่อมกับเจ้าของได้และเสริมพลังให้แก่สมบัตินั้นๆ อย่างไรก็ตาม เจียงอี้ไม่รู้เรื่องพวกนี้ และเมื่อเขาได้ยินเสียงเฟิ่งหลวน เขาก็ถามอย่างรวดเร็วว่า “การเชื่อมดวงจิตกับสิ่งประดิษฐ์คืออะไรกัน?”
เฟิ่งหลวนเองก็ไม่มั่นใจเช่นกัน นางเคยได้ยินตำนานเกี่ยวกับพลังของการเชื่อมดวงจิตกับสิ่งประดิษฐ์มาบ้าง ซึ่งมันเคยถูกกล่าวขานกันว่าเป็นสิ่งที่แข็งแกร่งที่สุดในปฐพี
เจียงอี้ถือหม้อเวหาสลาตันเอาไว้ครู่หนึ่งก่อนที่จะลุกขึ้นและให้คนเรียกเฉียนว่านก้วนกลับมา จากนั้นเขาก็ให้เฉียนว่านก้วนหาข้อมูลสมบัติที่เชื่อมดวงจิตวิญญาณให้ เขารู้สึกไม่สบายใจตราบใดที่เขายังไม่รู้ถึงมันอย่างแน่ชัด
สองชั่วโมงต่อมา เฉียนว่านก้วนก็กลับมาและเดินไปรายงานที่ห้องของเจียงอี้ “ลูกพี่ ตระกูลหงเป็นตระกูลใหญ่ในเมืองพยัคฆ์ขาวจริงๆและก่อตั้งอยู่ในเมืองพยัคฆ์ขาวมากว่าพันปีแล้ว ส่วนอีกคนคือนายน้อยตระกูลลี่ ซึ่งอยู่ในอันดับที่แปดในสิบของตระกูลใหญ่ในเมืองพยัคฆ์ขาวและถือเป็นตระกูลที่สำคัญอีกด้วย หญิงสาวผู้นั้นเองก็เป็นคุณหนูในตระกูลที่อยู่ในเมืองพยัคฆ์ขาวเช่นกัน ข้าพบว่า แม้ว่านายน้อยหงและนายน้อยลี่จะเป็นทายาทแท้ๆของตระกูลแต่พวกเขาก็ไม่มีอำนาจจะส่งผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเทียนจุนขั้นสูงสุดมา”
เฉียนว่านก้วนนิ่งไปชั่วครู่ก่อนจะพูดต่อ “นอกจากนี้ ข้ายังพบข้อมูลบางอย่างเกี่ยวกับสมบัติที่เชื่อมดวงจิตมาบ้าง สิ่งประดิษฐ์ศักดิ์สิทธิ์แฝงทั้งหมดจะมีดวงจิตของสิ่งประดิษฐ์อยู่ หลังจากที่มันจดจำเจ้าของมันได้แล้ว มันจะเชื่อมดวงจิตของเรา และเมื่อถูกใช้งานมันก็จะมีสัญลักษณ์พิเศษที่อยู่รายล้อมมัน”
“เป็นเช่นนี้นี่เอง!”
เจียงอี้เข้าใจในทันทีและในที่สุดเขาก็เข้าใจว่าทำไมหม้อเวหาสลาตันถึงได้ทรงพลังแม้ว่าขาตั้งของมันจะหักไป เขาถอนหายใจเงียบๆและไตร่ตรองว่าหม้อเวหาจะทรงพลังเพียงใดหากมันอยู่ในสภาพสมบูรณ์
“โอ หม้อทรงกลมของนักสู้ที่แข็งแกร่งที่สุดของตระกูลเสียจะต้องเชื่อมดวงจิตได้เหมือนกันสินะ มันเองก็มีสัญลักษณ์ส่องแสงออกมาพร้อมกับความแข็งแกร่งที่เกินคาด!”
เจียงอี้นึกถึงหม้อที่ปรมาจารย์ตระกูลเสียปล่อยออกมาในทะเลราตรีสีเลือด แม้ว่าเขาจะหนีมาได้ด้วยวิชาหลีกสวรรค์ แต่เขาก็ยังตรวจสอบสัญลักษณ์มากมายที่ส่องประกายอยู่บนหม้อทรงกลมได้ ซึ่งกลิ่นอายของมันน่าสะพรึงมาก แอม
บรึฟ!
เขาตบต้นขาของตัวเองทันทีและเกราะเมฆาอัคคีก็ปรากฏขึ้น จากนั้นเขาก็เทแก่นแท้พลังเข้าไปในนั้นซึ่งทำให้มันส่องประกายแสงสีแดงออกมา…แต่กลับไม่มีสัญลักษณ์ใดๆขึ้นมาเลย เขามองไปที่เฉียนว่านก้วนด้วยความงุนงงและถามว่า “ว่านก้วน เกราะเมฆาอัคคีของข้าไม่ได้เชื่อมกับดวงจิตข้าแน่ๆ เจ้าหาวิธีทำให้สิ่งประดิษฐ์ศักดิ์สิทธิ์แฝงเชื่อมกับดวงจิตได้หรือเปล่า?”
“ข้าหามาแล้ว”
เฉียนว่านก้วนยักไหล่และพูดว่า “ไม่มีใครช่วยเจ้าได้นอกจากตัวเจ้าเอง มันง่ายมากที่จะเชื่อมดวงจิตกับสิ่งประดิษฐ์ศักดิ์สิทธิ์แฝงบางอัน….แต่บางอันก็ยากมาก แม้แต่เทพยังไม่รู้ว่าจะทำให้เป็นสิ่งประดิษฐ์ที่เชื่อมดวงจิตอย่างไรเลย มันเป็นกระบวนการที่ต้องใช้เวลานานและโชคด้วย”
“โอ น่าเสียดายจัง”
เจียงอี้ถอนหายใจเบาๆ หากเกราะเมฆาอัคคีเป็นสิ่งประดิษฐ์ที่มีดวงจิต การป้องกันของมันจะเพิ่มขึ้นหลายเท่า หากเขาใช้มันกับโล่ศักดิ์สิทธิ์เปลวเพลิงอัสนีแล้ว คงเป็นไปไม่ได้ที่ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเทียนจุนระดับเหนือกว่าธรรมดาจะสังหารเขาได้ ไอลีนโนเวล
“เอาล่ะ ไม่เป็นไร คอยดูนายน้อยหงและกลุ่มของเขาอย่างใกล้ชิด เราจะกลับเมืองอัสนีฟ้ากระจ่างกันในอีกสามวัน”
หลังจากที่ปล่อยให้จิตใจล่องลอยไปพักหนึ่ง เจียงอี้ก็โบกมือและขอให้เฉียนว่านก้วนและคนอื่นๆออกไป เขาเริ่มนั่งขัดสมาธิและมองดูหม้อเวหาสลาตันอย่างพิถีพิถัน ตอนนี้เขาเชื่อมดวงจิตกับมันได้แล้ว ดังนั้นหม้อใบนี้จึงเหมือนเป็นดั่งร่างกายของเขาเอง
ดวงจิตสิ่งประดิษฐ์นั้นไม่ใช่ดวงจิตวิญญาณที่แท้จริง แต่มันเป็นเพียงเศษเสี้ยวของร่างกายที่เขาสามารถตรวจพบในหม้อเวหาสลาตันนี้ได้ เหมือนเป็นสิ่งมีชีวิตแต่เขาก็ไม่สามารถสื่อสารกับดวงจิตของสิ่งประดิษฐ์ได้
หลังจากที่ศึกษาได้ระยะหนึ่งแล้ว เขาก็นำหม้อเวหาสลาตันกลับเข้าไปในแหวนแก่นแท้ศักดิ์สิทธิ์โบราณและเริ่มศึกษาเกราะเมฆาอัคคีต่อ หากมันสามารถเชื่อมดวงจิตได้ พลังป้องกันของเขาจะยอดเยี่ยมมาก
เขาอุทิศจิตใจและวิญญาณของเขาเข้าไปในเกราะเมฆาอัคคีและเข้าสู่สภาวะมนุษย์ประสานสวรรค์เพื่อสัมผัสเกราะนี้ด้วยใจของเขา เขาพยายามเชื่อมดวงจิตกับสิ่งประดิษฐ์เพื่อให้มันจดจำว่าเขาเป็นนายของมัน และเขาจะขัดเกลามันให้สมบูรณ์
“ดวงจิตสิ่งประดิษฐ์!”
หลังจากที่สัมผัสมันได้ครู่หนึ่ง ดวงจิตวิญญาณของเจียงอี้ก็สั่นสะท้าน เขาตรวจพบความผันผวนในเกราะเมฆาอัคคีเล็กน้อย แต่เมื่อเขาต้องการที่จะเข้าไปดูมัน ร่องรอยของความผันผวนนั้นก็หายไป เจียงอี้ยังคงรวบรวมสมาธิและศึกษามันต่อไป แต่น่าเสียดาย หลังจากที่ผ่านมาทั้งวัน เขาก็ไม่มีความคืบหน้าเลย เขาจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากลืมตาขึ้นมาและพึมพำ “ทำไมกัน?”
เฟิ่งหลวนและอีกสองคนไม่รู้อะไรเลยและก็ช่วยเขาไม่ได้ด้วย พวกนางนั่งเป็นวงกลมและกระซิบกระซาบกันเงียบๆ ส่วนเจียงอี้ก็ลุกขึ้นมาและเดินวนไปวนมาในห้องก่อนที่จะนั่งขัดสมาธิและคอยตรวจสอบมันต่อ
สามวันผ่านไป เขาใช้เวลาอยู่แต่ในห้องมาตลอด เขาสัมผัสได้ถึงดวงจิตของสิ่งประดิษฐ์ในเกราะเมฆาอัคคีอยู่หลายครั้ง แต่ทุกๆครั้งมันก็จะหายลับไปและไม่เจออะไรเลย เฉียนว่านก้วนที่อยู่ข้างนอกก็รายงานว่าเรือลิขิตสวรรค์จะมาถึงในหนึ่งชั่วโมง และเจียงอี้ต้องหยุดศึกษามันซะ
“เหมือนว่าเราต้องใช้โชคเพื่อเชื่อมดวงจิตเข้ากับสิ่งประดิษฐ์ศักดิ์สิทธิ์แฝง….ข้าจะทำมันให้ได้ในภายหน้า”
เจียงอี้เปิดตาพร้อมกับลุกขึ้นและบอกเฟิ่งหลวน, เจียงเสี่ยวนู๋และชิงหยีให้ออกไปข้างนอกเมื่อเห็นหยางตงและคนอื่นๆพร้อมที่จะออกเดินทาง เขาก็มองไปที่เฉียนว่านก้วนและถามว่า “เรื่องนายน้อยหงเป็นอย่างไรบ้าง?”
ดวงตาของเฉียนว่านก้วนเคร่งขรึมเล็กน้อย เขาถอนหายใจเบาๆและพูดว่า “ดูไม่ค่อยดีนัก นายน้อยสองคนอยู่ที่ปราสาทและยังมีคนเฝ้าดูเราอยู่ข้างนอกทั้งวันทั้งคืน เมื่อครู่นี้ มีคนสิบคนมาเฝ้าเราอยู่ด้านนอกและมีคนอย่างน้อยห้าคนอยู่ที่เรือลิขิตสวรรค์และยังมีขอบเขตเทียนจุนระดับกลางด้วย”
ดวงตาของหยางตงเผยจิตสังหารออกมาและพูดอย่างเย็นชาว่า “สังหารพวกมันไปให้หมดเถอะ หัวหน้าเจียง นำกลุ่มคนออกไปก่อน ข้าจะนำคนอื่นตามประกบท่านไปทีหลัง เราจะปลอดภัยเมื่อถึงเรือลิขิตสวรรค์”
“ไม่จำเป็นหรอก!”
เจียงอี้ยิ้มและส่ายหัว “พวกเจ้าเข้าไปในราชวังจักรพรรดิเถอะ ข้ามั่นใจว่าเหล่าผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเทียนจุนพวกนี้คงทำร้ายข้าไม่ได้ นี่คือคำสั่ง” หยางตงและคนอื่นๆกำลังจะพูดบางอย่าง แต่ก็เงียบไปหลังจากที่ได้ยินประโยคสุดท้าย ราชวังจักรพรรดิส่องสว่างขึ้นบนมือของเจียงอี้และพาทุกคนเข้าไปในนั้น
เจียงอี้ไม่ได้ออกไปทันที เขากลับนั่งขัดสมาธิและปล่อยญาณศักดิ์สิทธิ์ออกมาเพื่อตรวจสอบสถานการณ์ด้านนอก แน่นอนว่าเขาไม่ได้เสี่ยงแอบมองเข้าไปในปราสาทอย่างประมาทเพราะมันอาจทำให้สมาคมการค้าทิวาอรุณไม่พอใจได้
อย่างที่คาดไว้!
เส้นทางนั้นเต็มไปด้วยผู้คน ผู้คนมากมายรวมกันอยู่ที่ชายฝั่งเพื่อรอเรือลิขิตสวรรค์ และมีทหารหลายสิบคนที่กำลังซุ่มโจมตีอยู่ใกล้ๆกับปราสาทที่เขาอยู่
เมื่อเวลาผ่านไป เจียงอี้ก็แผ่ญาณศักดิ์สิทธิ์เรื่อยๆและพบว่าเรือลิขิตสสวรรค์ขนาดยักษ์กำลังเจาะทะลวงผ่านท้องฟ้ามาแต่ไกลและอาจจะถึงชายฝั่งในไม่ถึงหนึ่งชั่วโมง
เขายังไม่ลุกขึ่นมาและนั่งขัดสมาธิอยู่ในปราสาท เมื่อเรือลิขิตสวรรค์มาถึงชายฝั่ง เขาก็ลุกขึ้นและเดินออกมา
ฟรึ่บ!
ร่างของเขาพุ่งขึ้นไปบนฟ้าและบินไปทางตรงข้ามกับชายฝั่งอย่างรวดเร็ว สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของเขาแผ่กระจายไปทั่ว และตามที่คาดไว้ ผู้คนที่คอยจับตาดูเขาอยู่ก็บินขึ้นมา นายน้อยหงและนายน้อยลี่ที่อยู่ในปราสาทด้านล่างเองก็พุ่งไปทางเขาอย่างบ้าคลั่งพร้อมกับคนอีกกว่าสามสิบคน
“เหอะ เหอะ!”
เสื้อคลุมสีดำปรากฏขึ้นที่หลังของเจียงอี้ เมื่อเขาเทแก่นแท้พลังเข้าไปมันก็เปล่งแสงสีดำออกมา ทันใดนั้นเขาก็เร่งความเร็วและทะลุผ่านท้องฟ้าไป ในเวลาเดียวกันก็ใช้สัมผัสศักดิ์สิทธิ์จับจ้องไปที่นายน้อยหงและส่งข้อความเสียงไปว่า “หลานชายเอ๋ย เจ้ากล้าไล่ล่าข้าได้เช่นไร ท่านปู่ผู้นี้จะทำให้เจ้าต้องตายโดยไม่มีที่ฝังซะ”