เพลิงพิโรธสวรรค์ Fury towards the burning heaven - บทที่ 736 ไปจับมันที่เมืองอัสนีฟ้ากระจ่าง
- Home
- เพลิงพิโรธสวรรค์ Fury towards the burning heaven
- บทที่ 736 ไปจับมันที่เมืองอัสนีฟ้ากระจ่าง
ฟรึ่บ! ฟรั่บ! ฟรึ่บ!
ในวันที่สามที่เจียงอี้และกลุ่มคนของเขาออกจากตลาดมืดที่ใหญ่ที่สุดของสมาคมการค้าทิวาอรุณผู้เชี่ยวชาญราวห้าร้อยคนก็บินมา พวกเขาล้วนเป็นผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเทียนจุนทั้งสิ้น สองคนในหมู่พวกเขามีกลิ่นอายราวกับดวงอาทิตย์บนฟ้าซึ่งน่ากลัวมาก แม้แต่ทหารในปราสาทเองก็ยังขวัญผวาแม้พวกเขาจะอยู่ไกลออกไปมาก แอม
ฟรึ่บ! ฟรั่บ!
กองทหารบินออกมาจากเมือง มีผู้ดูแลปราสาทหนึ่งคน, ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเทียนจุนระดับสูง หงโม๋ ได้บินนำผู้คนขึ้นไปบนฟ้า เขากวาดมองไปรอบๆและยิ้มอย่างขมขื่น จากนั้นเขาก็ป้องมือและพูดว่า “เป็นสหายตระกูลหงและตระกูลลี่นั่นเอง เหตุใดพวกท่านจึงนำคนมายังป้อมปราการทิวาอรุณมากมายเช่นนี้?”
“ฮึ่ม!” ชายชราผมหงอกเย้ยหยันและพูดอย่างเย็นชา “หงโม๋ นายน้อยคนโตของเราและนายน้อยลี่ถูกสังหารในเขตแดนเจ้า แต่เจ้ากลับเมินเฉยต่อเรื่องนี้?! หากเจ้าอธิบายให้เราฟังไม่ได้ ป้อมปราการทิวาอรุณของเจ้าก็หยุดได้เลย!”
“ฮ่าฮ่าฮ่า!”
หงโม๋หัวเราะและพูดว่า “ท่านคือหงยวี่ใช่ไหม? ข้าได้ยินมานานแล้วว่าตระกูลหงของท่านเอาแต่ใจนัก และข้าก็ได้เห็นมันด้วยตัวเอง เรื่องเขตแดนของเรานั้นท่านหมายความเช่นไรกัน? หากหงมู่ถูกสังหารในป้อมปราการ เราเหล่าสมาคมพ่อค้าทิวาอรุณก็คงจะรับผิดชอบเรื่องนี้ แต่ที่ที่เกิดการต่อสู้นั้นอยู่ห่างจากที่นี่หลายร้อยกิโลเมตรนัก สมาคมการค้าของเราก็ยังถูกตำหนิที่หงมู่ถูกสังหารนอกเมืองอีกหรือ? หากท่านต้องการหาเรื่องหาราว ก็แค่พูดมันออกมาให้ชัดเจน สมาคมการค้าทิวาอรุณกลัวจะมีปัญหาตั้งแต่เมื่อใดกัน?”
“เจ้า!”
คนที่อยู่เบื้องหลังหงยวี่ต่างเดือดดาล คนอื่นๆที่เหลือเองก็มีกลิ่นอายสังหารแผ่ออกมาด้วย หากสมาคมการค้าทิวาอรุณไม่มีชื่อเสียง พวกเขาก็คงจะเริ่มการต่อสู้ไปนานแล้ว
หงยวี่ยกมือขึ้นมาและให้ผู้คนของเขาสงบลง จากนั้นก็ตะโกนว่า “เราไม่ได้มาหาเรื่อง ก่อนเราจะมา หัวหน้าตระกูลของเราบอกว่า พวกเขาและประธานสมาคมการค้าของเจ้าเป็นมิตรกันมาอย่างยาวนาน ตราบใดที่เจ้าช่วยเราจับตัวมือสังหารได้ เราจะปล่อยให้เรื่องนี้ผ่านไปและเราก็จะยังเป็นสหายกัน”
หงโม๋ป้องกำปั้นของเขาและพูดว่า “ข้าต้องขออภัยด้วย เรื่องนี้ไม่ได้เกิดขึ้นที่ป้อมปราการทิวาอรุณและเราจะไม่ให้ข้อมูลใดๆเกี่ยวกับแขกเรา นี่เป็นกฎของสมาคมการค้า ดังนั้นพวกท่านโปรดตรวจสอบเรื่องนี้เองเถิด”
หงโม๋ยืนหยัดกับเรื่องนี้อย่างแน่วแน่ แน่นอนว่ามันเป็นเพราะพวกเขามีแขกมากมายในปราสาท ดังนั้นสมาคมการค้าทิวาอรุณจึงไม่อาจทำลายชื่อเสียงของตนได้ หากพวกเขาขายข้อมูลแขกไป ใครจะกล้าทำการค้ากับสมาคมการค้าทิวาอรุณและมาที่นี่อีก?
ฟรึ่บ!
เมื่อหงยวี่กำลังจะพูดบางอย่าง ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเทียนจุนระดับต่ำก็พุ่งออกมาจากปราสาทพร้อมกับป้องกำปั้นและตะโกนออกมาแต่ไกลว่า “ท่านใต้เท้ายวี่ เราได้ข้อมูลบางอย่างมาแล้วขอรับ”
หงยวี่มองหงโม๋ที่อยู่ห่างออกไป พรรคพวกเขาได้ข้อมูลอย่างรวดเร็ว เห็นได้ชัดว่าหงโม๋ช่วยพวกเขาอยู่เงียบๆ แต่เขาไม่ได้ชี้ผู้กระทำออกมาและถามชายคนนั้นว่า “ใครคือมือสังหาร? ตอนนี้มันอยู่ที่ไหน?”
สายลับไม่ได้พูดอะไรออกมา เขาส่งข้อความเสียงแทน “มือสังหารคือหมาป่าเดียวดายหรือที่รู้จักกันในชื่อหัวหน้าเจียง เขาอยู่ที่เมืองอัสนีฟ้ากระจ่าง เมื่อสองวันที่แล้วเขาออกไปกับเรือลิขิตสวรรค์แล้วและตอนนี้น่าจะถึงเมืองอัสนีฟ้ากระจ่างแล้วขอรับ เขาเป็นหัวหน้าของทาสในเมืองอัสนีฟ้ากระจ่างขอรับ”
“ทาส? ฮึ่ม!” หงยวี่เย้ยหยันและโบกมือของเขา “ไปตามจับมันที่เมืองอัสนีฟ้ากระจ่าง”
ฟรึ่บ!
คนหลายร้อยคนพุ่งทะยานขึ้นไปบนท้องฟ้าและพุ่งไปทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือทันที ที่หงยวี่แสดงท่าทีเย่อหยิ่งนี้มันเป็นเพราะว่าเขาไม่ได้จะมาหาเรื่องสมาคมการค้าทิวาอรุณ แต่เพื่อแสดงถึงความโกรธแค้นของทั้งสองตระกูลและได้ข้อมูลของมือสังหารมา แม้ว่าตระกูลของพวกเขาจะเลื่องชื่อในเมืองพยัคฆ์ขาว แต่พวกเขาก็ยังห่างชั้นกับสมาคมการค้าทิวาอรุณที่เลื่องชื่อในหมู่เกาะมังกรขาวมากนัก เมื่อพวกเขาได้ข้อมูลที่ต้องการ พวกเขาจึงไม่คิดจะอยู่ที่นี่อีกต่อไป
พวกเขาไม่ได้ใช้เรือลิขิตสวรรค์แต่บินไปยังเกาะอัสนีฟ้ากระจ่างกันเลย ไม่มีกลุ่มโจรหน้าไหนที่กล้าขัดขวางผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเทียนจุนหลายร้อยคนและผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเทียนจุนระดับสูงสองคนที่เป็นคนของตระกูลลี่และตระกูลหงแน่นอน
ฟรึ่บ! ในเวลาเดียวกันก็มีเสียงเจาะอากาศมาจากทางทิศตะวันออกของเกาะอัสนีฟ้ากระจ่าง เจียงอี้บินกลับมาที่เกาะอัสนีฟ้ากระจ่างกับกลุ่มของเขา
“หัวหน้าเจียง!”
มีหน่วยลาดตระเวนอยู่ที่เกาะอัสนีฟ้ากระจ่าง เมื่อพวกเขาเห็นเจียงอี้ พวกเขาก็ป้องกำปั้นและทักทายเขาแต่ไกล และเจียงอี้ก็ยิ้มแย้มกลับไปและพยักหน้าทักทายพวกเขากลับ เขามองไปยังผู้บัญชาการลู่เฟิงและหัวเราะ “ผู้บัญชาการลู่เฟิง มันเป็นแค่ช่วงเวลาสั้นๆแต่ข้าคิดถึงท่านนัก คืนนี้เราไปทานมื้อเย็นกันไหม?”
“หัวหน้าเจียงต้อนรับข้าอย่างอบอุ่นเช่นนี้ ข้าจะปฏิเสธได้อย่างไรล่ะ?” ไอลีนโนเวล
ผู้บัญชาการลู่เฟิงหัวเราะออกมา แต่ใจของเขาก็สะอึกเล็กน้อยเมื่อเห็นเฉียนว่านก้วนกลับมา แต่เหลือคนเพียงหกสิบกว่าคนเท่านั้นที่กลับมาด้วย ดูเหมือนว่าเจียงอี้จะทำสงครามกับกองทัพวายุทมิฬมา ไม่เช่นนั้นคนคงไม่หายไปมากมายเช่นนี้ เขายังรอดชีวิตกลับมาและยังพาเฉียนว่านก้วนกลับมาด้วย! พวกเขาทักทายกันไม่กี่คำก่อนที่เจียงอี้จะบินกลับเข้าไปในเมืองอัสนีฟ้ากระจ่างพร้อมกับคนของเขาและมันได้สร้างความโกลาหลให้เมืองทันที หลายๆคนได้ยินข่าวลือมาว่าเจียงอี้ไปสู้กับกองโจรที่ทรงพลังมาก ทุกคนคิดว่าเขาจะไม่ได้กลับมาแล้ว แต่พวกเขาไม่คาดคิดมาก่อนว่าไม่เพียงแต่เจียงอี้จะกลับมาได้อย่างปลอดภัย แต่เขายังพาเฉียนว่านก้วนกลับมาได้ด้วย
หลังจากที่ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเทียนจุนที่ตามเขาไปในการเดินทางครั้งนี้ได้เล่าเรื่องราวให้ผู้คนฟังถึงสิ่งที่เกิดขึ้นในการต่อสู้กับกองทัพวายุทมิฬและที่สังหารผู้คนนอกป้อมทิวาอรุณในเมืองพยัคฆ์ขาวแล้ว ทั้งเมืองอัสนีฟ้ากระจ่างก็ต่างตื่นเต้นกันไปทั่ว ตอนนี้เจียงอี้เป็นผู้นำเมืองอัสนีฟ้ากระจ่าง เขาดุดันและทรงพลังไปนอกเมืองแล้ว ซึ่งนั่นก็ทำให้พวกเขารู้สึกภาคภูมิใจไปด้วย แต่แน่นอนว่ามีบางคนที่รู้สึกผิดหวังเช่นกัน เพราะยิ่งเจียงอี้แข็งแกร่งมากเท่าใด โอกาสที่พวกเขาจะได้ผงาดขึ้นมาก็ยิ่งน้อยลงเท่านั้น
หลังจากที่เจียงอี้กลับมาที่เมือง เขาก็ให้กลุ่มของเขาไปพักผ่อน และเขาก็เดินไปยังตำหนักเจ้าเมืองชั้นสองและไปเยี่ยมเจ้าเมืองลู่ผิง
“ท่านใต้เท้า ช่วงนี้ท่านเป็นเช่นไรบ้าง?”
เจียงอี้ดูยิ้มแย้มมีความสุขมาก แหวนแก่นแท้ศักดิ์สิทธิ์โบราณส่องประกายขึ้นในมือของเขา จากนั้นเขาก็นำแหวนออกมาแล้ววางมันไว้บนโต๊ะพร้อมกับยิ้มและพูดว่า “ข้าไม่ได้ซื้อสิ่งใดมาให้ท่านเจ้าเมืองในการเดินทางครั้งนี้เลยแต่ข้านำสิ่งเล็กๆน้อยๆมาให้ท่าน”
ลู่ผิงหยิบแหวนมาและใช้สัมผัสศักดิ์สิทธิ์เหลือบมองเข้าไป เมื่อนางเห็นศิลาสวรรค์นับร้อยล้านก้อนภายในนั้น ใบหน้าชราของนางก็ยิ้มแย้มราวกับดอกไม้บาน นางพยักหน้าซ้ำแล้วซ้ำเล่า “หัวหน้าเจียงสุภาพนัก ดูเหมือนหัวหน้าเจียงจะได้ชัยชนะครั้งใหญ่มาในครั้งนี้และเก็บเกี่ยวได้มากมายเลยสิท่า”
เจียงอี้ยิ้มอย่างขมขื่นและพูดว่า “กองทัพวายุทมิฬต้องการให้เราถูกฝังอยู่ที่นั่น เราไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องสู้ เราสูญเสียทหารไปหลายสิบนายแต่โชคดีที่หยางตงและคนอื่นๆแข็งแกร่งและทำลายกองทัพวายุทมิฬได้ ระหว่างทางกลับมา มีนายน้อยตระกูลหงและตระกูลลี่ต้องการขวางทางและจะสังหารเรา เราก็เลยไม่มีทางเลือกอื่นอีกนอกจากต้องสังหารพวกขา ข้าคิดว่าข้าอาจสร้างปัญหาให้แก่ท่านได้”
“เหอ!”
มือของลู่ผิงสั่นเทาเล็กน้อย นางมองเจียงอี้อย่างรวดเร็วด้วยความประหลาดใจ ข้อมูลของกองทัพวายุทมิฬที่นางได้มานั้นละเอียดมาก และนางก็ตระหนักได้ถึงความแข็งแกร่งของหยางตงและคนอื่นๆเป็นอย่างดี เจียงอี้จัดการทำลายล้างกองทัพวายุทมิฬทั้งกองทัพได้อย่างไรกัน? พลังของเขาเพิ่มขึ้นอย่างนั้นหรือ? แต่มันก็ดูเหมือนว่าพลังของเขาจะอยู่ในระดับเดิมทุกประการเลย
“ตระกูลหงและตระกูลลี่?”
ลู่ผิงนิ่งไปชั่วขณะและโบกมือของนางก่อนที่จะพูดว่า “พวกเขาค่อนข้างมีชื่อเสียงในเมืองพยัคฆ์ขาวและค่อนข้างสนิทกับเจ้าเมืองพยัคฆ์ขาว ลู่ซาน แต่เมืองอัสนีฟ้ากระจ่างไม่ใช่เมืองพยัคฆ์ขาว คนนอกไม่สามารถมาสร้างปัญหาที่นี่ได้ หัวหน้าเจียงกลับไปพักเสียเถอะ แล้วค่อยพาใต้เท้าเฉียนและลู่เฟิงมาคุยกันอีกที”
“ขอบคุณท่านใต้เท้า”
เจียงอี้คำนับนางและขอตัวกลับออกมา ด้วยคำสัญญาของลู่ผิง เขาแทบจะไม่สนใจการคุกคามของตระกูลลี่และตระกูลหงเลย ตอนนี้สิ่งที่สำคัญคือการคิดว่าจะทำการค้าขายหินอัสนีต่อไปได้อย่างไร หากไม่สามารถดำเนินการค้าต่อไปได้อีก เขาก็จะไม่สามารถให้สินบนลู่ผิงได้อีกต่อไป และหากครั้งหน้าเขาต้องการขอความกรุณาจากนาง นางก็จะไม่สนใจเขาอย่างแน่นอน
ไม่มีมิตรภาพใดบนเกาะแห่งบาปนี้ มีเพียงผลประโยชน์ร่วมกันเท่านั้นที่เป็นสายสัมพันธ์ที่ไม่มีวันสลายไป