เพลิงพิโรธสวรรค์ Fury towards the burning heaven - บทที่ 738 จี้ถูกจุด
ดวงตาของลู่ผิงที่อยู่ในตำหนักเจ้าเมืองเปลี่ยนเป็นเย็นชาทันที แสงเย็นเยียบวาบผ่านดวงตาของนาง และนางก็ไม่ได้สนใจที่จะส่งข้อความเสียงและตอบออกมาตรงๆว่า “ใช้ลู่ซาน, ลู่เสียและลู่เหอมากดดันข้า? แอม-ตระกูลของพวกเจ้าช่างแข็งแกร่งและน่าประทับใจจริงๆ หมาป่าเดียวดายอยู่ลานหมายเลขหนึ่งเจ็ดเจ็ดเจ็ด หากพวกเจ้ากล้าก็ไปจับเขาสิ”
“ฮ่าฮ่าฮ่า!”
ทันใดนั้นเสียงหัวเราะก็ดังออกมาจากลานหมายเลขหนึ่งเจ็ดเจ็ดเจ็ด ร่างหนึ่งขึ้นไปบนฟ้าและเจียงอี้ก็ยืนอย่างภาคภูมิอยู่กลางอากาศขณะที่จ้องไปยังหงยวี่และคนอื่นๆ “ไม่ต้องมองหาที่ไหนไกลหรอก หมาป่าเดียวดายยืนอยู่ตรงหน้าพวกเจ้าแล้ว หากพวกเจ้ามีความสามารถ ก็บุกเข้ามาจับข้าได้เลย ตระกูลพวกเจ้าช่างเอาแต่ใจและหยิ่งผยองนัก นายน้อยของพวกเจ้าสามารถสังหารผู้ใดก็ได้ที่พวกเขาต้องการ แต่คนอื่นๆกลับถูกห้ามไม่ให้สังหารนายน้อยของพวกเจ้า เป็นไปได้หรือไม่ว่าตระกูลของพวกเจ้านั้นเป็นพวกเผด็จการของเผ่าเทพประทาน?”
“เอ่อ…”
คนทั้งเมืองเริ่มโกลาหล ผู้คนนับไม่ถ้วนต่างยกย่องความกล้าหาญของเจียงอี้อยู่เงียบๆ เขากล้าที่จะประจันหน้าอย่างเปิดเผยในสถานการณ์เช่นนี้ แต่เมื่อศัตรูมาเคาะประตูถึงหน้าบ้านแล้ว เจียงอี้จะมีหน้าออกไปสู่โลกกว้างได้อย่างไรหากเขาหดอยู่ในกระดองเหมือนเต่า?
หยางตงและคนอื่นๆต่างยกนิ้วให้เงียบๆ วิธีที่เจียงอี้ใช้คนอื่นทำเรื่องสกปรกนั้นสมบูรณ์แบบ เขาเพียงแค่พูดบางอย่างออกมาให้อีกฝ่ายเดือดดาล และเมื่อพวกเขาติดกับ ลู่ผิงจะสังหารคนเหล่านั้นทั้งหมดตามกฎของตระกูลลู่
คนจากตระกูลหงและตระกูลลี่ต่างก็เดือดดาลขึ้นอย่างแท้จริง สายตาของพวกเขาเพ่งไปที่เจียงอี้ราวกับใบมีด หงยวี่เริ่มหัวเราะออกมาทั้งๆที่ในใจมีแต่ความเดือดดาล เขาเพ่งเล็งไปที่เจียงอี้และพูดว่า “ดี ดีนี่ ไอ้เด็กสารเลว เจ้านี่มันกล้าจริงๆ อย่าว่าแต่เรื่องที่เจ้าสังหารนายน้อยของตระกูลหงและตระกูลลี่เลย เจ้ากล้าก่อความปั่นป่วนมากมายในที่สาธารณะจริงๆ หากข้าไม่สังหารเจ้าในวันนี้ ตระกูลของเราก็ไม่มีหน้าอยู่ในเผ่าเทพประทานอีกต่อไป ท่านเจ้าเมืองลู่ผิง วันนี้เราจะแหกกฎและหลังจากนี้เราจะกลับไปรับความผิดที่ศาลตระกูลลู่เพื่อรับการลงโทษของเรา ฆ่ามัน!”
หงยวี่เดือดดาลมากหลังจากที่ถูกทำให้อับอายขายหน้าครั้งแล้วครั้งเล่า ชื่อเสียงของตระกูลพวกเขาจะเป็นเช่นไรหากพวกเขาพากันกลับไปด้วยความขี้ขลาด?
ดังนั้น พวกเขาจึงพร้อมที่จะเสี่ยง เขาเดิมพันว่าลู่ผิงจะไม่กล้าลงมือ ส่วนปัญหาที่ตระกูลลู่จะจัดการกับพวกเขานั้น เขาไม่ได้คิดอะไรมากในตอนนี้ อย่างที่เขาพูดเอาไว้ เขาจะตรงไปยังศาลตระกูลลู่เพื่อรับการลงโทษเองเพราะความสัมพันธ์ระหว่างประมุขตระกูลทั้งสองตระกูลกับผู้อาวุโสหลายคนในตระกูลลู่นั้นค่อนข้างดี หากผู้อาวุโสเป็นผู้ไกล่เกลี่ยแทน พวกเขาจะถูกตัดสินให้เป็นทาสแรงงานเป็นเวลาครึ่งปี
การลงโทษเป็นเรื่องเล็กน้อยสำหรับพวกเขาและเรื่องหลักๆคือพวกเขาต้องการกู้ศักดิ์ศรีคืนตระกูล ไม่มีทางที่พวกเขาจะลืมการล้างแค้นให้กับนายน้อยตระกูลหงและตระกูลลี่ ไม่เช่นนั้น ตระกูลของพวกเขาจะถูกตระกูลอื่นๆดูหมิ่นและพวกเขาจะไม่สามารถรักษาชื่อเสียงตระกูลในหมู่เกาะมังกรขาวเอาไว้ได้อีกต่อไป
“อภัยให้เราด้วย ท่านเจ้าเมืองลู่!”
ลี่เชียป้องกำปั้นของเขาและพ่นลมหายใจออกมาขณะที่กลิ่นอายของพวกเขาเปลี่ยนเป็นดั่งนกร็อกปีกทองสองตนขณะที่พวกเขาบุกเข้าไปในเมือง เหนือเมืองนั้นมีม่านพลังอยู่แต่พวกเขาก็ตวัดฝ่ามือของพวกเขาไปและฉีกม่านพลังออกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยขณะที่ร่างของพวกเขาพุ่งเข้าไปในเมือง
ฟรึ่บ! ฟรั่บ! ฟรึ่บ!
ขณะที่พวกเขาทั้งสองเคลื่อนไหว ผู้คนหลายร้อยคนที่อยู่เบื้องหลังพวกเขาเองก็ไม่ยับยั้งตัวเองอีกต่อไป พวกเขาทั้งหมดพุ่งมาเหมือนมังกรคลั่งและรีบพุ่งเข้าไปในเมืองในทิศตะวันตกที่เจียงอี้อยู่
ฟรึ่บ! ฟรั่บ!
ภายในเมืองนั้น ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเทียนจุนนับไม่ถ้วนต่างบินขึ้นไปบนท้องฟ้า หยางตงและคนอื่นๆทะยานขึ้นมาและล้อมเจียงอี้เอาไว้ โล่ศักดิ์สิทธิ์ของพวกเขาปรากฏขึ้นมาและพวกเขาชักอาวุธออกมา ตราบใดที่คนเหล่านั้นกล้าเข้ามา พวกเขาก็จะลงมือด้วยคำสั่งเดียวจากเจียงอี้
ในตอนนี้ ลู่ผิงเงียบงันไป จึงไม่มีผู้บัญชาการคนใดในเมืองกล้าขยับเขยื้อนเลยแม้แต่น้อย และยอดฝีมือที่อยู่ในตำหนักเจ้าเมืองก็ไม่ได้แสดงเจตนาว่าจะช่วยเขาเลยแม้แต่น้อย สิ่งนี้ยิ่งทำให้หงยวี่, ลี่เชียและคนอื่นๆเย้ยหยันอย่างโหดเหี้ยม และมันทำให้สีหน้าของหยางตงและคนอื่นๆเปลี่ยนไปมาก
“พวกเจ้ากำลังทำอะไร? พวกเจ้ากำลังพยายามจะกบฏหรือไง? ไปซะ! หากไม่ได้รับคำสั่งจากข้า ข้าจะสังหารผู้ใดก็ตามที่กล้าลงมือ” สีหน้าของเจียงอี้ไม่ได้เปลี่ยนไปเลย แต่เขาด่าทอหยางตงและคนอื่นๆ ทุกคนจึงบินกลับไปอย่างเชื่อฟังหลังจากที่ถูกเจียงอี้ดุไปขณะที่เจียงอี้ยังคงยืนอย่างภาคภูมิอยู่กลางอากาศเพื่อเผชิญหน้ากับศัตรู เกราะเมฆาอัคคีและโล่ศักดิ์สิทธิ์เปลวเพลิงอัสนีไม่ได้ปรากฏออกมาด้วยซ้ำ เขาเพียงแค่ยืนอยู่ตรงนั้นนิ่งๆขณะที่รอให้คนนับร้อยมาถึงตัวเขาอย่างเงียบๆ
“อึก…”
ผู้คนกว่าหมื่นคนในเมืองต่างพากันกลั้นหายใจขณะที่ดวงตาของพวกเขาเบิกกว้าง ส่วนหยางตงและคนอื่นๆก็กำหมัดแน่นด้วยความกังวลในขณะที่เส้นเลือดของพวกเขาปุดขึ้นที่ใบหน้า แต่เจียงอี้ไม่ได้ออกคำสั่งใดๆและไม่มีผู้ใดกล้าเคลื่อนไหวเลย
“ไอ้เด็กสารเลว เจ้ากล้าสังหารนายน้อยของเรารึ? วันนี้ข้าจะให้เจ้าตายโดยไม่มีหลุมฝังศพเลย!ไปลงนรกเสียเถอะ…”
เมืองอัสนีฟ้ากระจ่างนั้นใหญ่มาก แต่ความแข็งแกร่งที่แท้จริงของหงยวี่คืออะไร? เขาเคลื่อนที่ด้วยความเร็วสูงและในชั่วพริบตาเขาก็ปรากฏตัวต่อหน้าเจียงอี้แล้ว ขณะที่มือของเขาเริ่มเคลื่อนไหว จากนั้นเขาก็ยิงพลังดัชนีออกมาทั้งสิบนิ้วซึ่งทำให้ดวงจิตวิญญาณของผู้คนในเมืองสั่นคลอน พวกเขารู้สึกราวกับว่ามีดาบทั้งสิบเล่มที่ไม่มีใครหยุดยั้งได้ปรากฏขึ้นตรงหน้าและมันเหมือนจะทะลวงทุกสิ่งได้ ไอลีนโนเวล
“หัวหน้าเจียง รีบหลบไปเร็วขอรับ!”
เมื่อหยางตงและคนอื่นๆเห็นว่าเจียงอี้ไม่ได้ขยับเลย ทุกคนก็ตื่นตระหนกมาก หนิวเติงเริ่มโวยวายออกมาแต่เจียงอี้ก็แสร้งทำเป็นไม่ได้ยินเขา ร่างของเจียงอี้ยังคงอยู่ที่เดิมและเขาไม่ได้ปล่อยโล่ศักดิ์สิทธิ์เปลวเพลิงอัสนีออกมาเลย ราวกับว่าเขาเป็นนักรบที่เตรียมพร้อมที่จะตายแล้ว
“ฮึ่ม!”
ในเวลานั้นเอง เสียงกระแอมก็ดังก้องขึ้นกลางอากาศขณะที่เสียงโกรธเกรี้ยวของลู่ผิงถูกส่งออกมาให้ได้ยินทั่วทั้งเมือง “ทุกคนในเมืองเป็นพยานได้ หงยวี่และคนอื่นๆไม่สนใจคำเตือนของเจ้าเมืองและพุ่งเข้ามาในเมืองอัสนีฟ้ากระจ่างอย่างสุดกำลัง พวกเขายังจะมาลงมือสังหารคนในเมืองด้วย เมื่อครู่นี้ ข้าได้ใช้ศิลาบันทึกภาพไว้แล้ว และข้าจะยื่นเรื่องต่อศาลวินัยตระกูลลู่เอง ตอนนี้ ในฐานะเจ้าเมืองแห่งเมืองอัสนีฟ้ากระจ่าง ข้า ลู่ผิง เป็นตัวแทนแห่งตระกูลลู่เพื่อประหารชีวิตผู้ที่กล้าแหกกฏ!”
เมื่อคำพูดออกมาจากปากของนาง เมฆเหนือเมืองอัสนีฟ้ากระจ่างก็เปลี่ยนสีไป แก่นแท้พลังฟ้าดินรวมกันอย่างรวดเร็วและกลายเป็นใบหน้าของหญิงชรา ทันทีที่ใบหน้านั้นปรากฏขึ้น ทุกคนก็ขยับไม่ได้เลย แรงพลังดัชนีทั้งสิบสายก็หยุดกลางอากาศและไม่สามารถพุ่งต่อไปได้อีก
“ลู่ผิง…เจ้ากล้า?”
ใบหน้าของหงยวี่และคนอื่นๆเปลี่ยนไป แต่พวกเขายังคงเป็นผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเทียนจุนระดับสูงอยู่ดี แต่ลู่ผิงเป็นขอบเขตเทียนจุนขั้นสูงสุดแล้ว นางกำลังก้าวไปยังขอบเขตที่ทัดเทียมเทพไปครึ่งก้าวแล้ว แค่เปิดปากพูดออกมาได้ก็น่ายกย่องแล้ว ลี่เชียไม่เคยคิดเลยว่าลู่ผิงจะเคลื่อนไหวจริงๆ การกระทำของนางนั้นหมายความว่านางจะทำให้ทั้งสองตระกูลขุ่นเคืองอย่างสมบูรณ์และรวมถึงลู่ซาน, ลู่เสีย, ลู่เหอและเบื้องบนของตระกุลลู่ที่อยู่เบื้องหลังพวกเขาด้วย แม้ว่าจะมีคนเป็นผู้หนุนหลังลู่ผิง แต่การกระทำของนางได้ไม่คุ้มเสียเลยจริงๆ
อันที่จริงแล้ว พวกเขาทั้งสองไม่รู้ถึงความสำคัญของเจียงอี้ที่มีต่อลู่ผิง!
ลู่ผิงนางแก่แล้วและไม่มีโอกาสที่จะทะลวงขอบเขตได้สูงไปกว่านี้อีกในชั่วชีวิตนี้ นางกำลังจะกลับบ้านเพื่อดื่มด่ำกับชีวิตวัยเกษียณหลังจากออกจากตำแหน่งในเมืองอัสนีฟ้ากระจ่าง เจียงอี้จะทำให้นางได้ศิลาสวรรค์มากมายและทำให้นางได้ทรัพยากรมากมายให้ลูกหลานของนาง และเชื้อสายของนางจะค่อยๆแข็งแกร่งขึ้น และคำพูดของนางในตระกูลลู่จะมีน้ำหนักมากขึ้น ดังนั้นนางจึงต้องปกป้องเจียงอี้อยู่แล้ว
แล้วหากนางทำให้ลู่ซานและคนอื่นๆขุ่นเคืองล่ะ? อย่างไรเสีย นางก็คงไม่มีโอกาสได้ปีนขึ้นไปในระดับสูงกว่านี้แล้ว และผู้ที่ไม่มีรองเท้าก็ไม่เกรงกลัวต่อผู้ที่สวมใส่รองเท้าอยู่ดี
จี๊! จี๊!
ลมและเมฆบนท้องฟ้าเริ่มเคลื่อนไหวอีกครั้ง แก่นพลังฟ้าดินรวมตัวกันและใบหน้าของนางก็พลันหายไปและถูกแทนที่ด้วยฝ่ามือที่ดูผอมแห้งราวกับทำขึ้นจากกระดูก ขณะที่ฝ่ามือขยับ อากาศก็สั่นสะเทือนไปหมด เหล่าทาสที่อ่อนแอหลายคนคุกเข่าลงไปที่พื้น อาคารที่สูงตระหง่านก็ถูกบดขยี้ลงกับพื้นขณะที่พลังดัชนี้ทั้งสิบสายถูกทำลายสิ้น
ตูม! ตูม! ตูม!
ภายใต้แรงกดดันของฝ่ามือยักษ์ อาคารด้านล่างกลายเป็นซากปรักหักพังและผู้เชี่ยวชาญหลายคนกระอักเลือดออกมาขณะที่พวกเขาถูกฝังทั้งเป็น หงยวี่และคนอื่นๆพากันตกตะลึงและเริ่มกรีดร้องออกมา ลี่เชียเองก็ใช้กำลังทั้งหมดเพื่อตะโกนออกมาว่า “ท่านเจ้าเมืองลู่ผิง เราผิดไปแล้ว! โปรดยกโทษให้เราด้วยขอรับและอย่างสังหารเราเลย!” ตูม! ตูม! ตูม! ตูม!
ฝ่ามือของลู่ผิงไม่ได้หยุดชะงักเลยแม้แต่น้อย มันทำลายโล่ศักดิ์สิทธิ์ของทุกคนที่อยู่ใต้ฝ่ามือ ร่างของพวกเขากลายเป็นเนื้อสับและกลิ่นเลือดก็กระจายไปทั่วฟ้าขณะที่ตกลงสู่พื้นดิน
ซ่า ซ่า….
ทุกคนในเมืองพากันสูดลมหายใจเย็นเยียบเข้าไป พวกเขาหวาดหวั่นต่อฝ่ามือยักษ์ของลู่ผิงมาก ร่างของเจียงอี้เองก็ถูกกดลงไปกับพื้นนานแล้ว และเขาก็อยู่ในกองเศษหิน เจียงอี้มองดูฝ่ามือยักษ์ที่น่าสยดสยอง นี่เป็นความสามารถอันศักดิ์สิทธิ์ซึ่งมันเป็นของยอดฝีมือที่แท้จริง ฝ่ามือเพียงฝ่ามือเดียวสามารถสังหารผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเทียนจุนได้หลายร้อยคน และยังมีขอบเขตเทียนจุนระดับสูงอีกสองคนด้วย พลังของผู้ที่อยู่ขอบเขตเทียนจุนขั้นสูงสุดนั้นทรงพลังมากแล้ว….แล้วสิ่งมีชีวิตที่มีพลังใกล้กับเหล่าทวยเทพที่มีพลังอย่างไร้ขีดจำกัดจะทรงพลังถึงเพียงใดกัน?