เพลิงพิโรธสวรรค์ Fury towards the burning heaven - บทที่ 765 พบสหายเก่าที่ต่างแดน
- Home
- เพลิงพิโรธสวรรค์ Fury towards the burning heaven
- บทที่ 765 พบสหายเก่าที่ต่างแดน
“ลูกพี่ จัตุรัสเทพประทานอยู่ข้างหน้านั่นเอง!”
บนถนนสายใหญ่ เจียงอี้และกลุ่มของเขาก็ออกมาจากฝูงชน เฉียนว่านก้วนเป็นคนนำหน้า ส่วนเจียงอี้อยู่ข้างๆและมังกรวารีสีทองอยู่ข้างหลัง เพื่อล้อมหญิงทั้งสามคนไว้ พวกเขาทั้งหกคนใช้ยาแปลงกายกันหมดและหลังจากที่สวมเสื้อผ้าปกติแล้ว พวกเขาก็ดูเหมือนคนปกติมากเนื่องจากความแข็งแกร่งของพวกเขาไม่ได้แข็งแกร่งมากเกินไปจึงไม่มีใครสังเกตพวกเขาเลย
“ทำไมคนเยอะขนาดนี้?”
เมื่อเจียงอี้มองไปยังฝูงคนที่หนาแน่นด้านหน้า เขาก็ปวดหัวเพราะเขาไม่อยากให้หญิงสาวทั้งสามถูกลวนลาม มีโจรอยู่นอกเกาะเทพประทานมากกว่าครึ่งที่เข้ามาในเมืองและพวกเขาส่วนใหญ่เคยชินกับการไม่ต้องทำอะไรตามกฎ เมื่อไหร่ก็ตามที่พวกเขาเห็นสตรี พวกเขาก็จะสอดมืออันหื่นกระหายมา หากไม่ใช่เพราะเจียงอี้และชายอีกสองคนคอยคุ้มกันผู้หญิงเหล่านี้อยู่ พวกนางทั้งสามคงจะถูกแตะเนื้อต้องตัวไปหลายครั้งแล้ว
ไม่มีผู้ใดกล้าทำอะไรรุนแรงในเมืองนี้ ถึงแม้จะมีใครกล้าลวนลามหญิงสาว พวกเขาก็ไม่กล้าตอบโต้กลับ ในเมืองนี้มีคนเยอะเกินไปและเจียงอี้ก็ลังเลว่าเขาควรจะเข้าไปข้างในหรือไม่
“เราคอยมองดูจากมุมถนนแบบสบายๆกันเถอะ”
เจียงอี้สอดส่องพื้นที่แถวนั้นและพบมุมที่ไม่มีคนพลุกพล่าน และเนื่องจากสายตาของทุกคนค่อนข้างดี แม้ว่าจัตุรัสจะใหญ่แต่มันก็ยังมองเห็นได้อย่างชัดเจน จึงไม่จำเป็นต้องเข้าไปอยู่ข้างใน
หลังจากที่แหวกทางออกจากฝูงชน ในที่สุดพวกเขาก็มาถึงมุมด้านนอกสมาคมการค้าซือถู และพวกเขาก็รอให้พิธีเริ่มขึ้นอย่างเงียบๆ ณ ใจกลางจัตุรัสยังมีรูปปั้นขนาดยักษ์อยู่ด้วย ซึ่งนั่นก็คือจักพรรรดิหนานกง และรูปปั้นนั้นได้รับการคุ้มกันโดยทหารชุดเกราะสีดำ มีหม้อทองแดงยักษ์ทั้งเก้าใบวางอยู่บนแท่นซึ่งมันล้อมรอบรูปปั้นอยู่ และทุกๆใบจะจุดเปลวไฟที่ลุกโชนขึ้นมาซึ่งมันสว่างไสวไปรอบๆ
ฟรึ่บ! ฟรั่บ! ฟรึ่บ!
กลุ่มคนทะยานขึ้นไปบนท้องฟ้าจากปราสาททางเหนือและบินไปยังแท่นอย่างรวดเร็ว ในกลุ่มคนเหล่านี้มีทั้งชาย หญิง คนแก่และคนหนุ่ม พวกเขาทั้งหมดสวมชุดเกราะสีน้ำเงิน ผู้ชายเหล่านั้นมีกลิ่นอายที่ไร้ขอบเขตขณะที่หญิงสาวมีจิตวิญญาณที่ไม่ธรรมดา คนกลุ่มนี้มีอายุมากกว่าสี่สิบปีแล้วและทุกๆคนก็มีกลิ่นอายราวกับภูเขาลูกยักษ์และเห็นได้ชัดว่าพวกเขาเป็นผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเทียนจุนขั้นสูงสุด
“ตระกูลเหลยออกมาแล้ว!”
“ดูนั่นสิ สตรีอันดับหนึ่งของตระกูลเหลยเหลยจื่อหาน นางงดงามนัก นายน้อยอันดับหนึ่งของตระกูลเหลย เหลยฉีเหยียนเองก็ห้าวหาญเช่นกัน ทั้งสองอยู่ขอบเขตเทียนจุนกันแล้ว เหล่าผู้ที่มีพรสวรรค์ของตระกูลเหลยอยู่ที่นี่กันหมดเลย”
ฟรึ่บ! ฟรั่บ!
ในขณะที่ทุกคนกำลังพูดคุยกันอยู่ คนหลายร้อยคนก็ทะยานขึ้นมาบนฟ้าจากปราสาททางตะวันออกและบินมาที่นี่อย่างรวดเร็ว ตระกูลซือถูปรากฏตัวแล้วและซือถูอ้าวก็เป็นผู้นำกลุ่มผู้เชี่ยวชาญบินลงมาที่แท่นเวทีอย่างรวดเร็ว เขามีนายน้อยผู้สง่างามหลายคนซึ่งผู้คนมากมายพากันหันไปมอง
“ข้าได้ยินมาว่าซือถูอีเสี้ยวเพิ่งทะลวงขอบเขตเทียนจุนระดับกลางได้…..หากไม่มีบุตรที่ทรยศจากตระกูลหวงฝู ซือถูอีเสี้ยวคงได้เป็นนายน้อยอันดับหนึ่งของเผ่าเราแน่นอน….”
“หวงฝูเทาเทียนถูกไล่ออกจากตระกูลหวงฝูแล้วและไม่ถือว่าเขาเป็นคนตระกูลหวงฝูใช่ไหม? ในความคิดข้านะ ซือถูอีเสี้ยวเป็นนายน้อยอันดับหนึ่งของเผ่าเราไปแล้วล่ะ”
ฟรึ่บ! ฟรั่บ!
มีกลุ่มคนอีกกลุ่มบินมาจากทางปราสาทตะวันตก พวกเขาทั้งหมดสวมชุดเกราะสีดำและพวกเขาคือคนจากตระกูลหวงฝู หลายๆคนพากันหันไปมอง แต่เมื่อพวกเขาไม่เห็นหวงฝูเทาเทียนอยู่ในนั้น พวกเขาก็เริ่มพูดคุยกัน เทศกาลเทพประทานที่มีความสำคัญเช่นนี้ หวงฝูเทาเทียนกลับไม่อยู่ที่นี่ ดูเหมือนว่าเขาจะถูกขับไล่ออกจากตระกูลแล้วจริงๆ
“หวงฝูเทาเทียนก่อเรื่องอะไรขึ้น? เหตุใดผู้ที่มีพรสวรรค์เช่นนั้นถึงถูกไล่ออกจากตระกูลไปได้? ตระกูลหวงฝูเต็มใจกับเรื่องนี้หรือเปล่า?”
หลังจากที่ได้ยินผู้คนพูดคุยกัน เจียงอี้ก็ส่งข้อความเสียงไปถามเฉียนว่านก้วนขณะที่เฉียนว่านก้วนก็หัวเราะอย่างเจ้าเล่ห์และตอบว่า “ข้าได้ข่าวลือบางอย่างมา แต่ข้าไม่รู้นะว่ามันคือเรื่องจริงหรือไม่ ลือกันว่า….หวงฝูเทาเทียนเริ่มสู้กับพ่อของเขาเพราะสตรีนางหนึ่ง เขาทำห้องทรมานของตระกูลพังทลายและถึงกับกล่าวว่าเขาจะกบฏต่อตระกูลหวงฝู ในวันเดียวกันนั้นเขาก็หาทางออกจากเมืองและทำให้คนในตระกูลได้รับบาดเจ็บไปหลายสิบคน ในวันรุ่งขึ้น ประมุขตระกูลหวงฝูสั่นเทาไปด้วยความโกรธและได้ประกาศกร้าวว่าหวงฝูเทาเทียนถูกขับไล่ออกจากตระกูล”
“รุนแรงขนาดนั้นเชียวหรือ?”
เจียงอี้ตะลึงอยู่เงียบๆ ยิ่งตระกูลมีอำนาจมากเท่าไหร่ กฎของตระกูลนั้นๆก็จะยิ่งเข้มงวดมากขึ้นเท่านั้น หลังจากที่หวงฝูเทาเทียนออกไปแล้ว มันคงยากที่เขาจะกลับเข้าตระกูล ด้วยความสามารถที่ทรงพลังของเขา หากเขายังอยู่ในตระกูล เขาจะต้องได้รับเลือกให้เป็นประมุขคนต่อไปอย่างแน่นอน
“สตรี?”
เจียงอี้ไม่เข้าใจเลย หวงฝูเทาเทียนเป็นผู้ที่มีความสามารถที่ยอดเยี่ยม เขาจะสมรสกับหญิงเช่นใดกัน? ทำไมเขาถึงได้แตกหักกับพ่อเรื่องผู้หญิงกัน?
เมื่อคิดว่าข้อมูลที่เฉียนว่านก้วนได้มานั้นเป็นข่าวลือและเป็นเรื่องที่ผู้คนนินทากัน เจียงอี้ก็ไม่ได้คิดอะไรอีกและไม่ถือว่ามันเป็นเรื่องจริง ในหัวใจของเขา เขาประทับใจหวงฝูเทาเทียน บางทีมันอาจเป็นเพราะประสบการณ์และอุปนิสัยของพวกเขาที่คล้ายคลึงกัน พวกเขาทั้งสองมีความดื้อรั้นฝังเข้ากระดูกดำของพวกเขาเลย
ฟรึ่บ! ฟรั่บ!
คนอีกกลุ่มบินออกมาจากปราสาททางใต้และนั่นคือตระกูลหนานกง เจียงอี้หันไปมองอย่างไม่คิดอะไรซึ่งมันทำให้ดวงตาของเขาหดลงในทันใด ไม่เพียงแต่เขาเท่านั้น แต่เฟิ่งหลวน, เจียงเสี่ยวนู๋, ชิงหยี, เฉียนว่านก้วนและคนอื่นๆก็ตกใจเช่นกัน พวกเขาพบคนที่พวกเขาคุ้นเคยด้วย…..เจ๊ใหญ่กระพรวนกังวาน!
“ข้ามีนามว่าฉี่หลิงจริงๆ แต่แซ่ของข้าไม่ใช่ฉี่แต่คือหนานกง น้องชายโปรดรักษาตัวด้วย หากข้ายังมีชีวิตอยู่ ข้าจะกลับมาพบเจ้าอย่างแน่นอน”
เมื่อเจียงอี้นึกถึงคำพูดที่เจ๊ใหญ่กระพรวนกังวานพูดก่อนที่นางจะจากไป ดวงตาของเขาก็เต็มไปด้วยความสงสัย แม้เจ๊ใหญ่กระพรวนกังวานอาจยืนอยู่ด้านหลังกลุ่มคน แต่สถานะในตระกูลของนางคงไม่ได้สูงนัก หากนางปรากฏตัวขึ้นในวันนี้ แสดงว่านางคือสตรีตระกูลหนานกงอย่างแน่นอน
เมื่อนางเป็นคนตระกูลหนานกง แล้วเหตุใดนางจึงเดินทางไปยังเมืองอัสนีฟ้ากระจ่างกัน? ดูเหมือนว่านางจะมีความอาฆาตแค้นกับตระกูลจากเมืองพยัคฆ์ขาว? นางเป็นสตรีตระกูลหนานกง ไม่ต้องพูดถึงตระกูลธรรมดาเลย แม้แต่ตระกูลลู่เองก็ไม่กล้ารุกรานนางใช่ไหม?
แต่ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น อารมณ์ของเจียงอี้ก็ดีขึ้นทันที ชีวิตมีเวลาแห่งความสุขสี่ช่วงเวลา “ฝนหลังหน้าแล้ง” “พบปะสหายเก่าที่ต่างแดน” “คืนงานแต่ง” และ “สอบขุนนางได้อันดับหนึ่ง” มันยอดเยี่ยมมากที่ได้พบสหายเก่าในเมืองเทพประทาน
เจ๊ใหญ่กระพรวนกังวานเป็นเหมือนพี่สาว, เพื่อนสนิท และเป็นแม้กระทั่งหญิงที่รักของเขา ผู้หญิงคนนี้เคยช่วยเขาอย่างไม่เห็นแก่เรื่องของตัวเองและหากไม่ใช่เพราะเจ๊ใหญ่กระพรวนกังวาน มันก็คงเป็นไปไม่ได้ที่เขาจะได้มาที่นี่
“ข้าควรจะส่งข้อความไปหาเจ๊ใหญ่กระพรวนกังวานดีไหมนะ?”
เจียงอี้ไว้ใจเจ๊ใหญ่กระพรวนกังวานมาก แต่เมื่อเขาเห็นผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเทียนจุนขั้นสูงสุดจำนวนนับไม่ถ้วนที่อยู่บนแท่นนั้นแล้ว เขาก็ไม่กล้าทำอะไรอย่างประมาท ใครจะไปรู้ว่ามีผู้ใดในคนเหล่านั้นมีความสามารถอันทรงพลังหรือวิชาลับ? เจียงอี้ไม่มีทางอื่นนอกจากคิดหาทางอื่นในการติดต่อกับนาง
“ฮ่าฮ่าฮ่า! ทุกท่านมาถึงที่นี่เร็วนัก!”
มีเสียงหัวเราะดังมาจากฟากฟ้า มีผู้คนกว่าหนึ่งพันคนที่บินมาจากฝั่งตะวันตกเฉียงใต้และเมื่อเจียงอี้เหลือบมองไป เขาก็รีบก้มหน้าลงอย่างรวดเร็วขณะที่คนอื่นๆก็หลบหน้าเมื่อเห็นลู่หลินและลู่ฉีในกลุ่มคนเหล่านั้น พวกเขาคงเป็นตระกูลอีกเก้าตระกูลที่เหลือ
เมื่อตระกูลทั้งสิบสามตระกูลมาถึงแล้ว พิธีก็กำลังจะเริ่มขึ้น กองไฟขนาดใหญ่ทั้งเก้ากำลังลุกโชนอย่างแรง จากนั้นประมุขตระกูลเหลยก็มองขึ้นไปบนฟ้าและยกมือขึ้นพร้อมกับพูดว่า “เริ่มได้!”
ทุกคนที่อยู่ที่นั่นเงียบกริบกันทันที หากมีแม้แต่เสียงเข็มหมุดหล่นก็ยังได้ยิน
ผู้อาวุโสหลายคนเดินออกมาจากสี่ตระกูลใหญ่และกำลังจะเริ่มพิธีกรรมสำหรับการเฉลิมฉลองเทพประทาน และในตอนนั้นเอง เสียงคำรามก็ดังขึ้นจากท้องฟ้าตะวันตก ซึ่งตามมาด้วยกลิ่นอายอันน่าสยดสยองที่ปกคลุมไปทั่วเมืองทันที สายตานับไม่ถ้วนหันไปมองทางนั้นและสีหน้าของพวกเขาก็เปลี่ยนไปทันที!
มีมังกรวารีสีดำขนาดยักษ์บินมาจากทางตะวันตก มังกรตนนี้ไม่ได้อยู่ในระดับเดียวกับมังกรวารีสีทองเนื่องจากร่างของมันยาวกว่าสองร้อยเมตรและเห็นได้ชัดว่ามันแข็งแกร่งกว่ามังกรวารีสีทองมากนัก
มังกรสีดำถูกปกคลุมด้วยเหล็กสีดำที่ส่องประกายด้วยกลิ่นอายอันเย็นเยียบราวกับพวกมันถูกหล่อด้วยเหล็ก ดวงตาขนาดเท่าอ่างของมันเต็มไปด้วยความเย็นยะเยือกราวกับดวงจันทราที่เจิดจ้าอยู่บนฟ้า ร่างของมังกรได้ปกคลุมท้องฟ้าไปครึ่งหนึ่งและกลิ่นอายของมันก็เหมือนกับภูเขาที่ลอยฟ้าอยู่ ทุกคนไม่กล้าแม้แต่จะหายใจออกมาและดวงจิตของพวกเขาต่างก็สั่นสะท้าน
“มังกรวารีสีดำตนนี้น่าจะอยู่เหนือขอบเขตเทียนจุนขั้นสูงสุดหรือเปล่า? มันอาจจะใกล้เคียงกับเทพแล้วด้วยซ้ำ!”
เจียงอี้ชำเลืองมองแล้วตกตะลึงอยู่เงียบๆ แต่เขากับคนอื่นๆไม่ได้สนใจมังกรเลย แต่พวกเขาสนใจผู้ที่อยู่เหนือหัวมังกรตนนั้น
มีคนยืนอยู่บนนั้น นางคือหญิงงามผมเขียวซึ่งดูคล้ายคลึงกับเจียงเสี่ยวนู๋นัก หญิงสาวผู้นั้นงดงามมากและผมสีเขียวของนางคลุมด้านหลังของนางไว้ราวกับผ้าไหม นางสวมชุดยาวสีชมพูและนางมีกลิ่นอายของความบริสุทธิ์แผ่ออกมาทั่วร่างของนาง
มุมปากของนางเผยรอยยิ้มจางๆขณะที่พูดด้วยน้ำเสียงที่ไพเราะซึ่งมันกังวานไปทั่วเมือง “เชียนเชียนเป็นตัวแทนของเผ่าพันธุ์ปีศาจนับล้านแห่งทะเลลึกไร้สิ้นสุดเพื่อมาถวายบรรณาการแก่จักรพรรดิหนานกง!”