เพลิงพิโรธสวรรค์ Fury towards the burning heaven - บทที่ 768 ภาพวาดสวรรค์ในส่วนท้าย
- Home
- เพลิงพิโรธสวรรค์ Fury towards the burning heaven
- บทที่ 768 ภาพวาดสวรรค์ในส่วนท้าย
“ลูกพี่ บ้าไปแล้วหรือ?”
“นายน้อย…”
ในศาลาหมายเลข ห้าห้าห้า เฉียนว่านก้วนและเฟิ่งหลวนต่างก็อุทานออกมาพร้อมกันเมื่อเจียงอี้เทแก่นแท้พลังออกจากลูกแก้วและตะโกนเสนอราคาไปสามพันหนึ่งร้อยล้านศิลาสวรรค์
ก่อนหน้านี้เจียงอี้ไม่ได้เสนอราคาเลย ทุกคนรู้ดีว่าเขามีเปลวเพลิงอัสนีและถึงแม้เขาจะมีสิ่งประดิษฐ์ศักดิ์สิทธิ์แฝง มันก็ไม่ได้เพิ่มความแข็งแกร่งในการต่อสู้ของเขามากนัก ดังนั้นทุกคนจึงไม่คิดว่าเจียงอี้จะเสนอราคาแย่งง้าวสยบโลกานี้
และแน่นอนว่า ที่สำคัญที่สุดคือ…แม้ว่าพวกเขาจะรวมศิลาสวรรค์ทั้งหมด พวกเขาก็มีศิลาสวรรค์เพียงสามร้อยกว่าล้านก้อนเท่านั้น แม้ว่าสิ่งประดิษฐ์ศักดิ์สิทธิ์แฝงจะมีมูลค่าเท่ากับศิลาสวรรค์ร้อยล้านก้อน แต่พวกเขาก็ยังไม่สามารถซื้อมันได้
เจียงอี้ยิ้มออกมาเบาๆ เขาไม่ได้อธิบายอะไรและขอให้ทุกคนไม่ต้องตื่นตระหนกไป
“สี่พันล้าน!”
และมันเป็นไปตามที่คาด เสียงที่ไม่แยแสตะโกนออกมาในทันที ซึ่งนายน้อยหลินตะโกนออกมา นายน้อยจากสิบสามตระกูลไม่ได้ขาดแคลนศิลาสวรรค์อยู่แล้วและพวกเขาจะไม่ยอมให้ผู้ใดฉีกหน้าในที่สาธารณะเป็นอันขาด และในตอนนี้สิบสามตระกูลใหญ่และองค์หญิงเผ่าปีศาจเองก็อยู่ที่นี่ด้วย ตระกูลลู่จะเสียหน้าไม่ได้เด็ดขาด
“ฮือฮา!”
เกิดความโกลาหลที่ด้านล่าง การประมูลแรกก็เริ่มต้นอย่างเร่าร้อนเช่นนี้เลย? มีคนกล้าแข่งกับสิบสามตระกูลด้วย? คนผู้นี้ช่างกล้าเสียจริง เขาไม่กลัวว่าตระกูลลู่จะมาล้างแค้นในภายหลังหรือ? สมาคมการค้าซือถูอาจปกปิดตัวตนของบุคคลภายในศาลาไว้เป็นความลับและตระกูลลู่อาจไม่มีอิทธิพลมากนักในเมืองเทพประทานนี้ แต่พวกเขาก็ยังเป็นหนึ่งในสิบสามตระกูลใช่ไหมล่ะ?
“สี่พันหนึ่งร้อยล้าน!”
เสียที่เอื่อยเฉื่อยจากศาลาหมายเลข ห้าห้าห้าดังขึ้นอีกครั้งซึ่งทำให้ผู้คนด้านล่างพากันเงียบกริบ หากเป็นก่อนหน้านี้พวกเขาคงคิดว่าแข่งกันประมูล แต่ในตอนนี้มันเห็นได้ชัดว่าศาลาหมายเลข ห้าห้าห้า เพ่งเล็งลู่หลินและตั้งใจเพิ่มราคาอย่างเห็นได้ชัด
ใช่แล้ว!
เจียงอี้เพ่งเล็งลู่หลินจริงๆ เมื่อเขาได้ยินเสียงของลู่หลิน เขาก็รู้สึกหงุดหงิดมาก เจียงเสี่ยวนู๋เป็นเหมือนตัวกระตุ้นในชีวิตเจียงอี้และลู่หลินต้องการจะแต่งงานกับนางอย่างฉับพลัน? หากเจียงอี้มีความสามารถ เขาคงจะสังหารลู่หลินแน่นอน แต่ตอนนี้เขาไม่สามารถสังหารลู่หลินได้ และเมื่อเจียงอี้มีโอกาสแก้แค้นลู่หลิน เขาจึงไม่สามารถหยุดตัวเองได้
เจียงอี้เสี่ยงทุกอย่างอยู่แล้วเพราะพวกเขาอาจถูกเปิดเผยตัวตนในวันนี้ หากตระกูลซือถูไม่ซื่อสัตย์ ทั้งสิบสามตระกูลย่อมรู้ข้อมูลของพวกเขาหลังจากที่ภาพวาดสวรรค์ถูกขายออกไป แต่หากตระกูลน่าเชื่อถือมากพอ แม้ว่าเจียงอี้จะอยู่ในสงครามการเสนอราคากับตระกูลลู่ พวกเขาก็จะไม่สามารถหาข้อมูลของเจียงอี้ได้
“ห้าพันล้าน!”
ลู่หลินตะโกนออกมาอีกครั้งอย่างไม่ลังเลและเสียงของเขาก็เต็มไปด้วยความยั่วยุ มีผู้คนมากมายต่างมองไปที่ศาลาหมายเลข ห้าห้าห้าและดูทีท่าว่าคนผู้นั้นจะประมูลอีกหรือไม่ แต่คราวนี้เจียงอี้นิ่งเงียบไป เพราะไม่ควรทำอะไรเกินสามครั้ง เพราะหากว่าเจียงอี้ยังคงเสนอราคาต่อไปและลู่หลินถูกผู้อาวุโสตระกูลลู่ห้ามปรามเอาไว้ ลู่หลินก็จะไม่เสนอราคากลับมาและเจียงอี้ก็จะต้องซื้อง้าวสยบโลกานี้
ซือถูอีเนี่ยนรออยู่ครู่หนึ่งและเมื่อนางเห็นว่าไม่มีใครเสนอราคาประมูลอีก นางก็ยิ้มและพูดว่า “ง้าวนี้คู่ควรแก่วีรบุรุษ หากไม่มีผู้ใดเสนอราคาอีก ง้าวสยบโลกาชิ้นนี้จะเป็นของนายน้อยหลิน สาม สอง หนึ่ง เอาล่ะ! ข้าน้อยขอแสดงความยินดีกับนายน้อยหลินสำหรับการประมูลสินค้ารายการแรกด้วยเจ้าค่ะ”
สายตานับไม่ถ้วนในห้องโถงสว่างขึ้นทันที การประมูลเพิ่งจะเริ่มขึ้นเองและมันก็เร่าร้อนไปมากแล้ว ดูเหมือนว่าการประมูลในวันนี้จะน่าตื่นตามากนัก พวกเขาอาจประมูลสินค้าในราคาที่สูงที่สุดในประวัติศาสตร์เลยก็ได้
รายการประมูลชิ้นที่สองถูกนำขึ้นมาทันทีและมันก็เป็นชุดเกราะที่อยู่ชั้นในที่งดงาม แต่มันไม่ใช่สิ่งประดิษฐ์ศักดิ์สิทธิ์แฝง แต่เป็นสิ่งประดิษฐ์เหนืออิทธิฤทธิ์ สิ่งเดียวที่สินค้านี้ดูพิเศษคือลวดลายอักขระที่ยอดฝีมือประทับลงไปบนเกราะ มันสามารถต้านทานการโจมตีของขอบเขตเทียนจุนขั้นสูงสุดได้ แต่มันต้านได้เพียงครั้งเดียวเท่านั้น และเมื่อเกราะนี้ต้านทานการโจมตีจากขอบเขตเทียนจุนขั้นสูงสุดไปครั้งหนึ่งแล้ว มันก็จะแตกเป็นเสี่ยงๆไป
เกราะชั้นในถูกประมูลในราคาสามร้อยล้านและไม่มีผู้ประมูลจากชั้นสองและชั้นสามร่วมประมูลเลย
สินค้ารายการที่สามถูกนำขึ้นมาอย่างรวดเร็วและมันเป็นเสื้อคลุมที่งดงามซึ่งถูกถักทอด้วยขนสัตว์คล้ายพังพอนซึ่งเป็นสีม่วงทั้งหมด พนักงานหญิงหน้าตางดงามสวมใส่แล้วดูสง่างามมาก แน่นอนว่ามันไม่เพียงแต่จะดูดีเท่านั้นแต่มันยังสามารถใช้ในการป้องกันและกันการโจมตีดวงจิตวิญญาณได้ด้วย
ดวงตาของเฟิ่งหลวน, ชิงหยีและเจียงเสี่ยวนู๋เป็นประกายขึ้นมา แต่พวกนางก็รีบสงบสติกันอย่างรวดเร็วเพราะพวกนางกลัวว่าเจียงอี้อาจจะเสนอราคาขึ้นมาอีกครั้ง
เสื้อคลุมสีม่วงนี้ถูกประมูลแข่งกันอย่างเข้มข้น และหญิงสาวมากมายจากชั้นสองและชั้นสามได้เสนอราคาไปมากมาย เจียงอี้สังเกตเห็นว่าคนส่วนใหญ่ไม่ได้ใช้ข้อจำกัดในการเปลี่ยนเสียงและใช้เสียงจริงของตัวเอง ซึ่งมันเห็นได้ชัดว่าพวกนางอยากจะเปิดเผยตัวตน เช่นเดียวกับนายน้อยทั้งหลาย ที่ต่างฝ่ายต่างเป็นที่สนใจของอีกฝั่ง
ในที่สุด เสื้อคลุมขนสัตว์สีม่วงนี้ก็ถูกซื้อไปโดยแม่นางเหลยจื่อหานแห่งตระกูลเหลยด้วยศิลาสวรรค์พันล้านก้อนขณะที่เจียงอี้ส่ายหัวด้วยรอยยิ้มอันขมขื่น นอกจากรูปลักษณ์ที่ยอดเยี่ยมแล้ว แม่นางตระกูลเหลยนี้คงจะมองข้ามเรื่องทักษะของเสื้อคลุมนี้ไป การที่นางซื้อมันด้วยราคาที่สูงเสียดฟ้านี้มันแสดงให้เห็นว่าหญิงสาวตระกูลเหลยร่ำรวยและดื้อรั้นเพียงใด
รายการประมูลชิ้นต่อไปเป็นสมบัติพิเศษบางชนิดและมันไม่ได้มีค่ามากนัก ซึ่งเจียงอี้ก็ไม่ได้เสนอราคาอีก ขณะที่เจ๊ใหญ่กระพรวนกังวานเองก็เงียบเช่นกัน ส่วนหวงฝูเทาเทียนก็ดูเหมือนจะงีบหลับขณะที่เขายังคงเงียบอยู่และก้มหัวลงและไม่ได้ลืมตาขึ้นมาเลยแม้แต่ครั้งเดียว
ซือถูอีเนี่ยนจัดการเวลาได้เป็นอย่างดีและไม่มีการชักช้าใดๆ ภายในเวลาเพียงหนึ่งชั่วโมง พวกเขาได้ประมูลสินค้าไปห้าสิบชิ้นแล้วและไม่มีการเสนอราคาหลอกแม้แต่ครั้งเดียว
“เอาล่ะ การประมูลช่วงแรกกำลังจะจบลงแล้ว ให้เรานำสมบัติรายการสุดท้ายของส่วนแรกขึ้นมาได้เชยชมกันเลย”
เมื่อเสียงของซือถูอีเนี่ยนจบลง ทั้งห้องโถงก็เงียบสงัดและมีดวงตาที่คาดหวังมากมาย รายการสินค้าชิ้นสุดท้ายของแต่ละส่วนนั้นเป็นสินค้าที่ยอดเยี่ยม และการประมูลครั้งนี้ก็มีแต่สินค้าที่ยอดเยี่ยม แล้วสมบัติของส่วนท้ายนี้จะเป็นอะไรกัน?
ตึก ตึก ตึก!
พนักงานหญิงสิบคนเดินขึ้นมาและมีห้าคนถือม้วนภาพวาดอยู่ พวกนางจับคู่และถือปลายแต่ละด้านของภาพวาดเอาไว้และค่อยๆเปิดมันออกมา
“เหอ…ลูกพี่ นั่นมันภาพวาด “ภูเขาไฟระเบิดในทะเล” ของเจ้านี่!”
เฉียนว่านก้วนกระตุกขึ้นมา ก่อนหน้านี้ซือถูหงกล่าวว่าเขาได้ภาพวาดสวรรค์มาหลายร้อยภาพและเฉียนว่านก้วนก็ไม่ได้คิดมาก่อนว่ามันจะเป็นภาพวาดสวรรค์ของเจียงอี้
เห็นได้ชัดว่าสมาคมการค้ามังกรอิทนิลไม่ได้ขายภาพวาดไปหลังจากที่ซื้อมันและนำภาพวาดมาที่นี่เพื่อร่วมประมูล เฉียนว่านก้วนเข้าใจทันทีหลังจากที่คิดเรื่องนี้ พวกเขาจะขายมันได้เท่าไหร่กันในเมืองมังกรอินทนิล? ในการประมูลที่มีผู้มีอิทธิพลมากมายอยู่ที่นี่ ราคาที่พวกเขาจะขายได้จะเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าอย่างแน่นอน
มีการโต้เถียงกันมากมายจากชั้นล่างเนื่องจากผู้คนจำนวนมากมองดูภาพวาดนั้นเฉยๆและไม่เห็นการปรากฏแห่งเต๋า แต่พวกเขารู้สึกเพียงว่าภาพวาดนั้นธรรมดามากและภาพวาดทั้งห้าภาพก็เหมือนกันทุกประการ ของแบบนี้จะใช้เป็นตอนจบของงานประมูลส่วนแรกได้อย่างไรกัน?
ซือถูอีเนี่ยนยิ้มเบาๆและยกมือขึ้นเพื่อหยุดเสียงวิจารณ์จากด้านล่าง “ทุกๆท่าน ภาพวาดเหล่านี้ไม่ใช่เพียงภาพวาดธรรมดาๆแต่เป็นภาพวาดสวรรค์ ภาพวาดเหล่านี้มีการปรากฏแห่งเต๋าอัคคี ทุกๆท่านน่าจะทราบดีถึงมูลค่าของภาพวาดสวรรค์อยู่แล้วนะเจ้าคะ และมันยังสามารถส่งต่อไปสู่ลูกหลานได้หลายชั่วอายุคนเพื่อคอยสังเกตภาพวาดและเข้าถึงพลังเต๋าอัคคี นอกจากนี้…ภาพวาดทั้งหมดนี้ถูกวาดโดยคนคนเดียวกัน ฝีมือในการวาดภาพอาจไม่ได้เชี่ยวชาญมากนัก แต่เมื่อถึงเวลาที่ฝีมือของเขาผู้นั้นพัฒนาขึ้นแล้ว คนผู้นั้นจะกลายเป็นศิลปินขั้นเทพอย่างแน่นอน! และเมื่อถึงคราวนั้น ราคาของภาพวาดเหล่านี้ก็จะเพิ่มขึ้นเป็นสิบเป็นร้อยเท่าเลยเจ้าค่ะ!”
ซือถูอีเนี่ยนนิ่งงันไปชั่วขณะก่อนจะพูดต่อว่า “เรามีภาพวาดสวรรค์หกร้อยภาพและภาพทุกภาพถูกตรวจสอบโดยผู้ประเมินงานศิลป์ของเราเรียบร้อยแล้ว และผู้ขายขอให้แบ่งภาพวาดทั้งหกร้อยภาพออกเป็นหกชุด ชุดละหนึ่งร้อยภาพ และแต่ละชุดจะเริ่มการประมูลที่ศิลาสวรรค์ห้าร้อยล้านก้อน และทุกๆการเสนอราคาจะต้องไม่ต่ำกว่าครั้งละร้อยล้านเจ้าค่ะ” ไอรีนโนเวล
“ฮือฮา!”
เกิดความโกลาหลครั้งใหญ่อีกครั้ง เนื่องจากตระกูลเล็กๆที่ต้องการจะแข่งประมูลด้วยต้องอับเฉาลงไปทันที พวกเขาสาปแช่งความเหลี่ยมจัดของผู้ขายที่รวมขายภาพวาดชุดละร้อยภาพพร้อมกัน มันหมายความว่าหลายๆตระกูลจะเสียโอกาสไปและมีเพียงตระกูลใหญ่ๆเท่านั้นที่จะประมูลราคาเพื่อแย่งชิงภาพวาดได้ พวกเขาไม่มีทางเลือกอื่นเลยนอกจากต้องอดทนต่อการสูญเสียในครั้งนี้
“ขาดทุนย่อยยับเลย….”
เฉียนว่านก้วนกลอกตา เขาขายภาพวาดสวรรค์หกร้อยภาพเพียงศิลาสวรรค์แปดร้อยล้านก้อนเท่านั้น และหลังจากที่ตระกูลชวีได้ภาพนั้นไป พวกเขาก็ขายภาพวาดร้อยภาพได้ในราคาศิลาสวรรค์แปดร้อยล้านถึงหนึ่งพันล้านก้อน!!!