เพลิงพิโรธสวรรค์ Fury towards the burning heaven - บทที่ 770 หวงฝูเทาเทียนเคลื่อนไหวแล้ว
- Home
- เพลิงพิโรธสวรรค์ Fury towards the burning heaven
- บทที่ 770 หวงฝูเทาเทียนเคลื่อนไหวแล้ว
พรุ่บ!
ขาของเฉียนว่านก้วนอ่อนยวบลงทันทีและก้นก็ฟุบลงไปที่พื้น เขาหันไปมองเจียงอี้ทันทีและถามว่า “ลูกพี่ ข้าได้ยินผิดไปหรือเปล่า? ข้าคิดว่าข้าได้ยินคนตะโกนว่าหมื่นล้าน?”
เจียงอี้ยิ้มออกมาซึ่งมันเป็นรอยยิ้มที่งดงาม ภาพวาด “ความตรอมตรม” สำหรับเขามันไม่ได้เป็นเพียงภาพวาด แต่มันคือความทรงจำของเขาที่มีต่อเจียงเปี๋ยหลี พ่อที่ไม่เหมาะสมนี้ใช้ความตายของเขาเพื่อขจัดความเกลียดชังของเจียงอี้ที่มีต่อเขา ดังนั้น ยิ่งภาพวาดนี้มีมูลค่าสูงมากเพียงใด ผู้คนก็จะยิ่งเห็นความสำคัญในภาพนี้มากขึ้นเท่านั้น และเจียงอี้ก็จะยิ่งรู้สึกปลาบปลื้มมากขึ้น
ไม่เพียงแต่เฉียนว่านก้วนที่สงสัยว่าตัวเองได้ยินผิดไป แต่เฟิ่งหลวนและชิงหยีเองก็ตะลึงเช่นกัน ผู้คนนับไม่ถ้วนพากันตัวสั่นเทาด้วยสายตาที่ไม่เชื่อ
ภาพวาดนี้มีลวดลายเต๋าของพลังแห่งการทำลายล้างและหลายๆคนก็สัมผัสได้ แต่มันเป็นรูปแบบเต๋าระดับต่ำสุดและถึงแม้ว่าฝีมือการวาดภาพนั้นจะดีกว่าภาพภูเขาไฟระเบิดในทะเลอย่างเห็นได้ชัด แต่มันก็ยังเป็นเพียงภาพวาดและไม่น่าเป็นไปได้ที่จะมีมูลค่าถึงหมื่นล้านใช่ไหม?
สิ่งประดิษฐ์ศักดิ์สิทธิ์แฝงมีมูลค่าเพียงไม่กี่พันล้าน แม้กระทั่งง้าวสยบโลกาเองก็ยังขายได้ห้าพันล้าน
“หมื่นล้าน?”
หวงฝูเทาเทียนลืมตาขึ้นมาอีกครั้งและพยักหน้าในขณะที่เขาพึมพำว่า “เหลยถิงเวยเอื้อเฟื้อนัก แต่หากข้ามีศิลาสวรรค์มากมาย ข้าก็คงใช้ศิลาสวรรค์หมื่นล้านก้อนเพื่อซื้อภาพวาดนี้เช่นกัน”
ซือถูอีเนี่ยนยิ้มอย่างเบ่งบาน นางพยักหน้าซ้ำๆและกล่าวว่า “ท่านลุงเหลยมีดวงตาที่เฉียบแหลมกับสินค้าล้ำค่ามากเจ้าค่ะ ท่านปู่หยางของตระกูลข้าเองก็กล่าวตรงๆว่าหากตระกูลเราสามารถร่วมการประมูลได้ เขาก็จะประมูลศิลาสวรรค์หมื่นล้านก้อนเพื่อภาพวาดนี้เช่นกัน ภาพวาด “ความตรอมตรม” นี้ถือเป็นสมบัติล้ำค่าสำหรับผู้ที่ชื่นชอบภาพวาดนัก”
นางหยุดนิ่งครู่หนึ่งแล้วมองไปรอบๆด้วยดวงตาที่งดงามก่อนจะพูดขึ้นอีกครั้งว่า “หมื่นล้าน มีผู้ใดจะเสนอราคาสูงกว่านี้อีกไหมเจ้าคะ? สาม สอง หนึ่ง ขอแสดงความยินดีกับท่านลุงเหลยที่ได้ภาพวาด “ความตรอมตรม” อีเนี่ยนรู้สึกว่าในตอนนี้ควรได้รับเสียงปรบมือเจ้าค่ะ…”
แปะ แปะ แปะ แปะ!
มีเสียงปรบมือดังสนั้นจากด้านล่าง เนื่องจากนี่เป็นครั้งแรกที่สินค้าเพียงชิ้นเดียวถูกขายไปในราคาหมื่นล้าน เฉียนว่านก้วนเองก็ปรบมือในขณะที่ดวงตาของเขาสุกสกาวราวกับดวงดาว ศิลาสวรรค์หมื่นล้านก้อน….ทุกคนไม่ต้องกังวลว่าจะไม่มีศิลาสวรรค์มากพอที่จะอยู่ในเมืองเทพประทานแล้ว
“เอาล่ะ!”
ซือถูอีเนี่ยนยกมือขึ้นเพื่อระงับเสียงปรบมือของผู้คนและมองไปยังภาพวาดที่สอง นางยิ้มพร้อมกับพูดว่า “ในส่วนของภาพวาดที่สองเองก็เป็นผลงานของท่านอีเพียวเพียว หากภาพวาดแรกเป็นภาพแห่งความเศร้าโศกที่หลั่งไหลเหมือนดั่งสายน้ำจนกลายเป็นแม่น้ำแล้ว ภาพวาดที่สองนี้จะเป็นภาพแห่งความโหยหาที่พุ่งพราวราวกับน้ำพุ! ภาพวาดนี้จะมีราคาเริ่มต้นการประมูลเท่ากับภาพวาดก่อนหน้านี้เลยเจ้าค่ะ!”
พนักงานหญิงอีกคนนำภาพวาดออกมาและคราวนี้ซือถูอีเนี่ยนเป็นผู้ดึงผ้าสีแดงเองและค่อยๆเผยภาพวาดให้ทุกคนได้เห็นกัน ภาพที่สองเป็นภาพเสมือนของอีเพียวเพียวโดยไม่มีพื้นหลัง ภาพนี้เป็นเพียงภาพหญิงที่ออกเรือนแล้ว นางงดงามมากแต่ไม่ได้รู้สึกน่าทึ่งเช่นนั้น แต่กลับนำความอบอุ่นมาสู่ผู้คนในชั่วพริบตา ดูเหมือนว่าภาพวาดนี้จะสามารถรักษาแผลใจได้
สิ่งที่แปลกคือภาพวาดนี้เผยเจตจำนงซึ่งมันเป็นความรู้สึกโหยหาอย่างเอ่อล้น ผู้คนทั้งหมดตกอยู่ในความเงียบอีกครั้งขณะที่จ้องมองไปยังภาพวาดนั้นและจมอยู่กับห้วงความคิด
“หมื่นล้าน!”
เสียงที่แน่วแน่ดังก้องขึ้นมาและทำลายความเงียบงันทันที ทุกคนหันไปมองที่มาของเสียงและรู้สึกเย็นยะเยือกในหัวใจ ประมุขตระกูลหนานกงตะโกนประมูลภาพวาดนี้ด้วยตัวเองจริงๆ? ผู้ที่ส่งเสียงประมูลก่อนหน้านี้คือนายน้อยตระกูลหนานกง แต่คราวนี้ ผู้ที่หัวโบราณ, ผู้ที่ดุดันและมีชื่อเสียงผู้นี้กลับรู้สึกประทับใจภาพวาดนี้จริงๆหรือ?
“ข้าได้ยินมาว่าหนานกงหยุนยี่เสียมารดาของเขาไปตั้งแต่ยังเล็ก มันคือเรื่องจริงหรือเปล่านะ?”
“ใช่ คงจะเป็นเช่นนั้น เมื่อหนานกงหยุนยี่ได้เห็นภาพวาดนี้ เขาคงจะนึกถึงแม่ของเขา…”
“ศิลปินผู้นี้น่าทึ่งเสียจริง เขาสามารถสลักอารมณ์ที่จับใจผู้คนได้ อีเพียวเพียว? ข้าไม่เคยได้ยินชื่อนี้มาก่อนเลย…”
“ใช่แล้ว แต่ชื่อนี้ก็น่าจะเลื่องลือไปทั่วทั้งเผ่าหลังจากผ่านค่ำคืนนี้และมันจะยังแพร่ไปทั่วทวีปจักรพรรดิบูรพาด้วย แม้ว่าคนผู้นี้จะยังไม่ได้เป็นศิลปินขั้นเทพ แต่ระดับของเขาก็คงอยู่ไม่ไกลแล้วล่ะ!”
บางคนที่ได้ยินข่าวลือต่างก็พากันส่งข้อความและพูดคุยกัน ผู้มากมายต่างเต็มไปด้วยความอิจฉา ริษยาและความเกลียดชัง
พวกเขาเสี่ยงชีวิตสู้เพื่อได้ศิลาสวรรค์มาในจำนวนเล็กน้อย แต่ศิลปินผู้นี้แค่ขยับฝีแปรงและวาดภาพไม่กี่ภาพก็ได้ศิลาสวรรค์ไปหลายพันล้านก้อนแล้ว ขณะที่พวกเขาเป็นมนุษย์เหมือนกันแต่ทำไมมันช่างมีความแตกต่างกันมากถึงเพียงนี้?
หลังจากที่ประมุขตระกูลหนานกงประมูลแล้วก็ไม่มีผู้ใดกล้าบาดหมางกับเขาและภาพวาดที่สองก็ถูกขายไปในราคาหมื่นล้าน
ร่างของเฉียนว่านก้วนสั่นสะเทือนไปทั่วและเขาก็รู้สึกตื่นเต้นมาก ใบหน้าของเฟิ่งหลวนและชิงหยีเองก็แดงมากเช่นกันขณะที่พวกนางมองไปที่เจียงอี้ ส่วนเจียงเสี่ยวนู๋ก็เต็มไปด้วยน้ำตาขณะที่นางพึมพำเบาๆ “นายหญิง นายหญิง นายหญิง…”
นี่เป็นครั้งแรกที่เจียงเสี่ยวนู๋ได้เห็นภาพวาดนี้และแม้ว่านางจะไม่ได้มีความฝังใจกับอีเพียวเพียวเลย แต่นางก็จำได้ทันทีว่านายหญิงรับนางมาเลี้ยงซึ่งนางคือแม่ของเจียงอี้
เจียงอี้ไม่ได้ยิ้ม ไม่ได้ร้องไห้ ใบหน้าของเขาสงบนิ่งราวกับน้ำในทะเลสาบขณะที่เขามีดวงตาขุ่นมัว…ราวกับว่าเขาได้จมอยู่ในความคิดของเขา
“ยินดีกับท่านลุงหนานกงด้วยเจ้าค่ะ!” Aileen-novel
ซือถูอีเนี่ยนยิ้มและมองไปยังภาพวาดที่สาม นางไม่ได้เข้าไปดึงผ้าสีแดงของภาพวาดที่สาม แต่เหลือบตาลงไปขณะที่ดวงตาของนางส่องประกายราวกับคลื่น จากนั้นนางก็พูดด้วยน้ำเสียงจริงจังว่า “ภาพวาดภาพที่สามนี้เป็นภาพวาดที่ข้าชื่นชอบที่สุด อีเนี่ยนถึงกับอ้อนวอนต่อท่านพ่อเพราะต้องการซื้อภาพวาดนี้เอาไว้เอง แต่ท่านพ่อกล่าวว่า…โรงประมูลมีกฎอยู่ และหากเราไม่ปฏิบัติตามกฎแล้วโรงประมูลจะทำการค้าได้เช่นไร? ผู้ใดจะวางใจกับตระกูลซือถูของเราอีก? ดังนั้นอีเนี่ยนจึงจำใจนำภาพวาดนี้ออกมา ผู้หญิงตัวน้อยๆผู้นี้อยากขอให้ผู้ที่จะซื้อภาพวาดนี้ไป โปรดเก็บรักษามันเป็นอย่างดีด้วยนะเจ้าคะ ขอบคุณมากเจ้าค่ะ..”
ก่อนที่พวกเขาจะได้เห็นภาพวาดนี้ คำพูดของซือถูอีเนี่ยนก็ทำให้ทุกคนคาดหวังเอาไว้ในใจ ไม่สำคัญว่าคำพูดของซือถูอีเนี่ยนจะจริงหรือเท็จ แต่อย่างน้อยนางก็ทำให้ทุกคนเชื่อได้ ราคาของรายการนี้ไม่น่าจะน้อยไปกว่าภาพวาดทั้งสองชิ้นก่อนหน้านี้
เมื่อผ้าสีแดงค่อยๆถูกดึงออกมา ฉากภาพวาดนั้นก็ปรากฏขึ้นต่อหน้าทุกคน
ในภาพวาดนั้นมีบุคลิกมากมาย และแต่ละบุคลิกก็ถูกวาดออกมาอย่างเด่นชัด ภาพวาดนี้มีแม้กระทั่งเมืองที่งดงามที่มีซากศพเกลื่อนอยู่ด้านล่างมากมาย ทหารบนกำแพงเมืองต่างถูกแต้มไปด้วยเลือดสด บางคนแขนขาดและบางคนเกิดบาดแผลเป็นรอยแผลเป็นขึ้น กำแพงพังทลายลงมาและฝุ่นควันที่หนาทึบก็ลอยขึ้นเป็นเกลียว เห็นได้ชัดว่าเมืองนี้เพิ่งจะถูกล้างด้วยเปลวเพลิงแห่งสงครามมา
ใจกลางเหล่าทหารมีสตรีในชุดขาวที่โดดเด่นนางหนึ่ง นางงดงามมาก โดยเฉพาะรอยยิ้มซึ่งทำให้ชวนหลงใหลซึ่งมันตัดกับเลือดสดที่ค่อยๆไหลลงมาจากมุมปากของนาง ก่อให้เกิดภาพวาดดังที่ปรากฏขึ้น ชุดสีขาวและผมสีดำของนางปลิวไสวไปตามสายลมและทุกคนก็รู้สึกราวกับว่ามันเคลื่อนไหวได้จริงๆ มันเป็นเหมือนเวทย์มนตร์อย่างแท้จริง
สิ่งที่ทำให้ผู้คนประทับใจอย่างลึกซึ้งคือดวงตาของสตรีนางนั้นที่เต็มไปด้วยเสน่หาและความรัก ความเสน่หาในดวงตาของนางถูกวาดออกมาอย่างแจ่มชัด แม้ว่าจะไม่มีผู้ใดอยู่ตรงหน้าสตรีนางนี้ แต่ในจิตใจของทุกคนก็ปรากฏร่างชายหนุ่มรุ่นเยาว์ขึ้นมา ซึ่งนั่นก็คือ….คนรักของสตรีนางนั้น ชายที่นางรักอย่างที่สุด!
“หมื่นล้าน!”
เสียงคำรามดังก้องกังวานขึ้นมาซึ่งมันปลุกให้ทุกคนตื่นขึ้นจากภวังค์
ทุกคนเหลือบมองไปด้วยความประหลาดใจ จู่ๆ เด็กหนุ่มผมเขียวที่กำลังหลับตาอยู่แถวหน้าก็ลุกขึ้นยืน เขาจ้องมองภาพวาดนั้นด้วยดวงตาที่เจ็บปวดและน้ำตาก็ไหลมาที่หางตาของเขา ร่างกายของเขาสั่นเทาเล็กน้อยและหากเขาไม่ได้หันหลังให้ทุกคน ทุกคนคงจะใช้สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ตรวจสอบแล้วและคงจะประหลาดใจยิ่งขึ้นไปอีก
หลังจากที่เงียบมาตลอดทั้งงาน หวงฝูเทาเทียนก็เสนอราคาประมูลขึ้นมา!
“หมื่นหนึ่งพันล้าน!”
เสียงอันอ่อนโยนดังก้องขึ้นมาอย่างรวดเร็ว ขณะที่ผู้คนจำนวนมากหันไปมองที่ศาลาอันดับหนึ่งด้วยความประหลาดใจ เสียงนั้นเป็นเสียงของเหลยจื่อหานจากตระกูลเหลย นางเคยประมูลเสื้อคลุมสีม่วงก่อนหน้านี้ ไม่มีใครคาดหวังว่านางจะเสนอราคาเพื่อแย่งการประมูลกับหวงฝูเทาเทียนจริงๆ?
“หมื่นสามพันล้าน!”
หวงฝูเทาเทียนนิ่งไปชั่วครู่และพูดอย่างเฉียบขาด น้ำตาที่ไหลผ่านดวงตาหยุดลงและร่างกายของเขาไม่สั่นคลอนอีกต่อไป ดวงตาของเขาแน่วแน่มากราวกับว่าเขาจะต้องซื้อภาพวาด “ความหลงใหล” นี้ให้ได้อย่างแน่นอน
“หมื่นสี่พันล้าน!”
เหลยจื่อหานเสนอราคาอีกครั้ง แต่เสียงของนางเย็นชาราวกับเด็กผู้หญิงที่มีอารมณ์ฉุนเฉียว จากนั้นสีหน้าของหวงฝูเทาเทียนก็เย็นเยือกลงและมองไปยังศาลาที่หนึ่งและตะโกนว่า “เหลยจื่อหาน เจ้าเล่นอะไรของเจ้า? ถ้าเจ้าอยากแข่ง ข้าก็จะแข่งกับเจ้า สองหมื่นล้าน! วันนี้ข้าจะต้องเอาภาพวาดนี้มาให้ได้!”
“ฮึ่ม!”
ในศาลาหมายเลขหนึ่ง เสียงที่ไม่แยแสของเหลยจื่อหานสะท้อนออกมา “หวงฝูเทาเทียน ข้าชอบภาพวาดนี้ หากเจ้ามีศิลาสวรรค์มากพอ ก็เสนอราคามา แต่เจ้าไม่ต้องคิดเลยว่าจะซื้อภาพวาดนี้ไปได้ สองหมื่นหนึ่งพันล้าน….”
“ฮือฮา…”
ฝูงชนทั้งหมดต่างประหลาดใจ ทำไมมันเหมือนเสียงคู่รักทะเลาะกัน? โดยเฉพาะน้ำเสียงของเหลยจื่อหานที่มีน้ำเสียงที่บูดบึ้งและซ่อนไปด้วยความขุ่นเคือง หรืออาจมีอะไรบางอย่างเกิดขึ้นระหว่างพวกเขาทั้งสองคน?
….