เพลิงพิโรธสวรรค์ Fury towards the burning heaven - บทที่ 773 ข้า...เลื่อมใสนางมาก
- Home
- เพลิงพิโรธสวรรค์ Fury towards the burning heaven
- บทที่ 773 ข้า...เลื่อมใสนางมาก
ขึ้นราคามาถึงแปดพันล้านในการประมูลครั้งเดียว?
ที่สำคัญที่สุดคือศาลาหมายเลข ห้าห้าห้า อยู่ชั้นสอง มันอาจไม่น่าตกใจเท่าไหร่นักหากเป็นสิบสามตระกูลหรือตระกูลผู้มีอิทธิพลจากชั้นสามที่เป็นเหล่าการค้ารายใหญ่ หรือตระกูลใหญ่ๆ!
ใช้ศิลาสวรรค์สองหมื่นล้านก้อนเพราะความแค้น? แต่เป้าหมายพวกเขาคือตระกูลลู่ของสิบสามตระกูล? ผู้ปกครองหมู่เกาะมังกรขาว?
ทั้งห้องโถงมีชีวิตชีวาและตื่นตามาก พวกเขาหลายคนมาที่นี่เพื่อดูการแสดง และนี่คือการแสดงที่พวกเขาตั้งตารอมาตลอด มันช่างน่าตื่นเต้น ทุกสายตาจับจ้องไปที่ศาลาของตระกูลลู่และอยากจะรู้ว่าตระกูลลู่จะยอมหรือไม่
“ฮึ่ม!”
ลู่หลินไม่ได้เสนอราคาแต่พ่นลมหายใจออกมาแทน “แม่นางอีเนี่ยน ผู้ใดก็สามารถเสนอราคาประมูลสุ่มๆได้หรือ? มีใครที่จู่ๆก็สามารถจ่ายศิลาสวรรค์สองหมื่นล้านก้อนได้จริงๆ? ข้าสงสัยเรื่องความเป็นธรรมในการประมูลเท่านั้น”
คำพูดของลู่หลินทำให้เกิดการพูดคุยกันมากขึ้น ที่เขาพูดนั้นไม่ผิดหรอก…หากไม่ใช่ตระกูลใหญ่ๆ จะมีใครรับราคาสองหมื่นล้านไหว? หากคนผู้นี้มาจากตระกูลผู้มีอิทธิพล เขาจะนั่งอยู่ในศาลาเล็กๆที่ชั้นสองหรือ? แล้วหากว่าเขาสุ่มเสนอประมูลเรื่อยๆและไม่สามารถจ่ายศิลาสวรรค์ได้ ตระกูลซือถูจะริบเงินร้อยล้านในขณะที่ลู่หลินจะต้องเสียสินค้านั้นไป
ซือถูอีเนี่ยนกังวลเล็กน้อยและนางมองไปยังศาลาหมายเลขสองซึ่งดูเหมือนต้องการขอความเห็นจากซือถูอ้าว มันจะเป็นการดีที่สุดหากเขาส่งคนไปตรวจสอบได้
“ฮ่าฮ่าฮ่า!”
ใครจะไปรู้ว่าซือถูอ้าวจะหัวเราะออกมา? จากนั้นเขาก็พูดด้วยน้ำเสียงที่ดังและชัดเจน “หลานลู่ สบายใจได้เลย การประมูลครั้งนี้เป็นธรรมอย่างยิ่ง ข้ารับรองได้ว่าศาลาหมายเลข ห้าห้าห้า จะสามารถจ่ายในราคานี้ได้แน่นอน สิ่งใดที่ต่ำกว่าแสนล้านนั้นถือว่าไม่มีปัญหาเลย!”
ฮู่ ฮู่….
เสียงหายใจถี่ของผู้คนดังขึ้นและได้ยินในทุกที่…
แสนล้าน?
ผู้ใดนั่งอยู่ในศาลาหมายเลข ห้าห้าห้า กันแน่? หรือจะเป็นปรมาจารย์ตระกูลใหญ่? หรือบางทีอาจเป็นพ่อค้าที่มั่งคั่งจากทวีปจักรพรรดิบูรพา? ในเมื่อพวกเขามีทรัพย์มากมายถึงเพียงนั้นแล้วทำไมถึงนั่งศาลาเล็กๆกัน?
“หรือว่าจะเป็นศิลปินที่วาดภาพวาดสวรรค์ อีเพียวเพียว?”
บางคนมีความคิดที่เฉลียวฉลาดและนึกถึงความเป็นไปได้นี้อย่างรวดเร็ว แต่หากผู้ใดมีสมบัติถึงแสนล้าน มันเป็นไปไม่ได้เลยที่ตระกูลซือถูจะไม่เสนอศาลาชั้นสามให้พวกเขา น่าเสียดายที่ไม่มีผู้ใดมีคุณสมบัติที่จะได้รู้ถึงตัวตนของคนในศาลานอกจากว่าพวกเขาจะเปิดเผยเสียงเดิมโดยสมัครใจเอง ในเรื่องเหล่านี้ ตระกูลซือถูทำได้ดีมาก
ลู่หลินตกใจมากและความหมายของซือถูอ้าวนั้นชัดเจนมากนั่นคือ ‘หากเจ้าอยากเสี่ยงกับศาลาหมายเลข ห้าห้าห้า เขาจะต้องเสี่ยงสู้ไปด้วย’ นอกจากนี้ ระหว่างการประมูลรายการแรก ศาลาหมายเลข ห้าห้าห้า ได้หยุดการประมูลกะทันหัน จะเกิดอะไรขึ้นหากเขาจงใจเพิ่มราคา? แล้วหากเขาเพิ่มราคาไปถึงห้าหมื่นล้านและหยุดประมูล ลู่หลินก็จะเสียเงินเกินกว่าที่ควรไปมาก
ผู้อาวุโสตระกูลลู่ได้ยับยั้งลู่หลินและลู่หยี่ไว้ไม่ให้เสนอราคาต่อ ซึ่งทำให้การเสนอราคานี้เงียบลง ไม่มีผู้ใดประมูลต่อและเมื่อรออีกชั่วขณะ ซือถูอีเนี่ยนก็พูดว่า “ไม่มีผู้ใดทำการประมูลแล้วใช่ไหม? สาม สอง หนึ่ง ขายแล้ว! กระดิ่งวิญญาณอินทนิลนี้จะเป็นของแขกศาลาหมายเลข ห้าห้าห้า เจ้าค่ะ”
“รอเดี๋ยว!”
อยู่ดีๆลูกค้าศาลาหมายเลข ห้าห้าห้า ก็พูดขึ้นมาอีกครั้ง เขาหยุดไปชั่วครู่ก่อนจะพูดว่า “โปรดช่วยข้าส่งกระดิ่งวิญญาณอินทนิลนี้ให้แม่นางฉี่หลิงที่เสนอราคาก่อนหน้านี้จากตระกูลหนานกงและช่วยข้าส่งข้อความนี้ถึงนางด้วยว่า ข้าเลื่อมใสนางมาก!”
“พรูด!”
ฝูงชนระเบิดเสียงหัวเราะออกมา แขกบางคนที่กำลังดื่มชาอยู่ก็สำลักชาออกมา ทุกคนที่อยู่ที่นั่นได้ยินคำพูดของเขาได้และศาลาตระกูลหนานกงเองก็ได้ยินมันเช่นกัน มันจำเป็นต้องถ่ายทอดข้อความนี้หรือไม่? มันไม่จำเป็นอย่างยิ่ง….
หลังเสียงหัวเราะจบลง หลายคนก็ยกนิ้วให้ เพราะลูกค้าศาลาหมายเลข ห้าห้าห้านี้ใจกว้างมาก เขาใช้ศิลาสวรรค์สองหมื่นล้านก้อนซื้อสมบัติให้สาวหรือ? เห็นได้ชัดว่าแม่นางตระกูลหนานกงชอบกระดิ่งมากและเป็นคนแรกที่เสนอราคา ทุกคนรู้ดีและนางคงซาบซึ้งมากจนร้องไห้ออกมา
“ฮือ ฮือ..”
ในศาลาของตระกูลหนานกง, เจ๊ใหญ่กระพรวนกังวานกำลังร้องไห้อย่างหนัก นั่นไม่ใช่เพราะสมบัติมูลค่าสองหมื่นล้าน แต่เพราะนางรู้จักตัวตนของลูกค้าศาลาหมายเลข ห้าห้าห้า
คนธรรมดาทั่วไปนั้นไม่รู้จักชื่อฉี่หลิง และหากมีใครกล้าเสนอราคาสองหมื่นล้านกับกระดิ่งวิญญาณอินทนิลเพื่อซื้อมันเป็นของขวัญให้แก่นางและกล้าเย้าหยอกนางในที่สาธารณะเช่นนี้ได้ คนผู้นั้นจะต้องเป็นเจียงอี้
เจ๊ใหญ่กระพรวนกังวานรู้ทุกอย่างที่เกิดขึ้นระหว่างเจียงอี้กับลู่หลิน นางยังรู้ด้วยว่าเจียงอี้และคนอื่นๆได้หนีออกจากเกาะอัสนีฟ้ากระจ่างมาแล้ว แต่นางไม่ได้คาดคิดว่าเจียงอี้จะมาถึงเมืองเทพประทานและมีทรัพย์สมบัติมากมายเช่นนี้
“หืม?”
ประมุขตระกูลหนานกง, หนานกงหยุนยี่ขมวดคิ้วและมองไปยังเจ๊ใหญ่กระพรวนกังวานที่อยู่ด้านหลังและถามว่า “ฉี่หลิง เจ้ารู้จักคนในศาลาหมายเลข ห้าห้าห้าหรือ?”
เจ๊ใหญ่กระพรวนกังวานปาดน้ำตาของนางและลุกขึ้นยืนอย่างรวดเร็วขณะที่ตอบกลับอย่างเคารพ “ท่านประมุข ข้าไม่รู้จักคนผู้นั้น ฉี่หลิงเพียงแค่ตื่นเต้นเกินไปเพราะฉี่หลิงต้องการกระดิ่งวิญญาณอินทนิลจริงๆเจ้าค่ะ”
“นำไปคืนให้เขา”
หนานกงหยุนยี่พูดอย่างเฉยเมย “ตระกูลหนานกงของเราจะไม่รับของจากคนอื่นเฉยๆ ฉี่หลิง เจ้ายังเป็นหม้ายอีกด้วย และไม่ควรมีสัมพันธ์กับชายอื่นโดยบังเอิญ ไม่เช่นนั้น เจ้าอาจจะทำลายชื่อเสียงของตระกูลหนานกงเอาได้”
สีหน้าของเจ๊ใหญ่กระพรวนกังวานมืดมนลง แต่นางยังคงป้องกำปั้นและตอบอย่างเคารพว่า “ฉี่หลิงจะจำคำสอนของท่านประมุขไว้เจ้าค่ะ ข้าจะนำมันไปคืนให้เขาภายหลัง”
…
“ลูกพี่ เจ้าวู่วามเกินไปแล้ว!”
ในเวลาเดียวกัน ในศาลาหมายเลข ห้าห้าห้า, เฉียนว่านก้วนและคนอื่นๆเองก็ตกตะลึง ก่อนหน้านี้ตอนที่เจียงอี้เสนอราคาประมูล ทุกคนไม่กล้าเปล่งเสียงอะไรออกมา แต่เมื่อได้ข้อสรุปแล้ว เขาก็มองไปที่เจียงอี้อย่างปวดใจ
เฉียนว่านก้วนเกิดในตระกูลพ่อค้าและอ่อนไหวต่อทองและศิลาสวรรค์มาก หากไม่มีรากฐานที่แข็งแกร่งของตระกูลมากพอ เขาจะรู้สึกไม่ปลอดภัยอย่างยิ่ง ในตอนนี้เขากำลังติดตามเจียงอี้และในฐานะผู้ดูแล เขาต้องการมั่นใจว่าการเงินของเจียงอี้จะเป็นไปอย่างราบรื่น
เฉียนว่านก้วนไม่เคยคาดหวังว่าเจียงอี้จะใช้จ่ายสุรุ่ยสุร่ายและใช้เงินเหมือนเทน้ำ เหมือนตอนที่เขามอบศิลาสวรรค์ให้หวงฝูเทาเทียนร้อยล้านก้อน แล้วตอนนี้เขายังใช้ศิลาสวรรค์สองหมื่นล้านก้อนเพื่อซื้อสมบัติและมอบให้กับคนอื่นอีก
เฟิ่งหลวนและชิงหยีเองก็รู้สึกปวดใจ แต่พวกนางก็เข้าใจอย่างรวดเร็ว เจ๊ใหญ่กระพรวนกังวานช่วยเจียงอี้และพวกนางไว้ ด้วยนิสัยของเจียงอี้แล้ว อย่าว่าแต่สองหมื่นล้านเลย แม้ว่าลู่หลินจะยังคงเสนอราคาต่อไป เขาก็จะไม่ลังเลที่จะจ่ายศิลาสวรรค์ทั้งแสนล้านก้อนไปด้วยซ้ำ
เจียงอี้ไม่สนใจและหัวเราะออกมาในขณะที่เขาชี้ไปที่ลูกแก้วแล้วพูดว่า “เอาล่ะๆ เลิกพูดได้แล้ว มาดูกันว่าสมบัติชิ้นต่อไปเป็นอะไร”
“ตอนนี้ เราจะเริ่มการประมูลสมบัติชิ้นที่สองกันต่อเลยเจ้าค่ะ!”
ซือถูอีเนี่ยนโบกมือขณะที่พนักงานนำสมบัติขึ้นมา มันถูกคลุมด้วยผ้าสีแดงและมีขนาดใหญ่มาก แม้แต่ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตจินกังทั้งสี่คนที่ถือมันมาเองก็ยังลำเค็ญ
หลังจากที่วางสมบัติลง ซือถูอีเนี่ยนก็เผยรถสีทองแดงโบราณออกมา จากนั้นนางก็เริ่มอธิบาย “นี่คือรถม้าศึก มันถูกค้นพบที่ซากโบราณ ผู้ประเมินสมบัติของเราได้ประเมินรถม้าศึกนี้และมันเป็นรถม้าศึกสวรรค์ชั้นยอด ความเร็วของมันพอๆกับขอบเขตเทียนจุนขั้นสูงสุดและมีข้อจำกัดในการป้องกัน ซึ่งสามารถต้านการโจมตีจากขอบเขตเทียนจุนขั้นสูงสุดได้เป็นเวลาสิบวันสิบคืน!”
“แต่แน่นอน…นี่ไม่ใช่ประเด็นสำคัญเจ้าค่ะ สิ่งที่สำคัญที่สุดคือผู้ประเมินตระกูลของเราได้พิจารณาแล้วว่าเจ้าของรถม้าศึกนี้คือจักรพรรดิโลหิตเมื่อห้าแสนปีก่อน! ใช่แล้วเจ้าค่ะ…. จักรพรรดิโลหิตผู้นั้นได้พลิกทวีปจักรพรรดิบูรพาจากหน้ามือเป็นหลังมือ รถม้าศึกนี้ได้รับขนานนามว่าเป็นรถม้าศึกจักรพรรดิโลหิต! ในตอนนี้เราจะเริ่มประมูลที่ฐานราคาหมื่นล้าน และทุกการเสนอจะไม่ต่ำกว่าพันล้านเจ้าค่ะ” Aileen-novel
“ฮือฮา!”
ฝูงชนทั้งหมดแตกตื่นเพราะนี่คือสมบัติล้ำค่าอย่างแท้จริง ยศศักดิ์ของจักรพรรดิโลหิตนั้นเป็นที่เลื่องลือทั่วแดนเทียนชิง ย้อนไปในตอนนั้น เขาก่อความโกลาหลและทำให้ทวีปจักรพรรดิบูรพาอลหม่านไปทั้งทวีป เขายังเริ่มสู้กับปรมาจารย์ตระกูล หวู่และทำให้ประมุขตระกูลหวู่ กระอักเลือดด้วย เรียกได้ว่าเขามีความแข็งแกร่งในการรบที่น่าทึ่ง หลังจากนั้นเขาก็ถูกเก้าจักรพรรดิโจมตีและหนีไปหลังจากที่ได้รับบาดเจ็บสาหัส และเขาไม่เคยปรากฏตัวอีกเลย จนในที่สุดรถม้าศึกนี้ก็ปรากฏขึ้นอีกครั้งหลังจากที่ผ่านมาห้าแสนปี
“ของยอดเยี่ยม!” ดวงตาของเจียงอี้เป็นประกาย รถม้าศึกคันนี้ไม่เพียงแค่เร็วเท่านั้น แต่มันยังมีความสามารถในการป้องกันที่น่ากลัวอีกด้วย ที่สำคัญที่สุดคือมันเป็นที่เลื่องลือ หากผู้ใดได้นั่งรถม้าศึกนี้ เขาก็มีสัญลักษณ์ของสถานะแล้ว
แต่น่าเสียดายที่เจียงอี้มีศิลาสวรรค์ไม่มากพอ แม้ว่าเขาจะมีมันมากพอ แต่เขาก็ไม่กล้าซื้อมัน หรือไม่เขาก็ไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าตายเพราะอะไร ด้วยความแข็งแกร่งและสถานะของเขา เขาไม่มีคุณสมบัติที่จะนั่งรถม้าศึกเช่นนี้
“สามหมื่นล้าน!”
เหลยถิงเวยเป็นคนแรกที่เสนอราคาขณะที่เขาได้รับรู้ถึงคุณค่าของรถม้าศึกนี้และตั้งใจที่จะประมูลเพื่อให้ได้มันมาครอง