เพลิงพิโรธสวรรค์ Fury towards the burning heaven - บทที่ 776 บ้ามาก
“ลูกพี่ เจ้าบ้าไปแล้วหรอ?”
ดวงตาของเฉียนว่านก้วนเบิกกว้างขณะที่ส่งข้อความถึงเขาด้วยความตื่นตระหนก เขาไม่ได้รู้สึกปวดใจกับศิลาสวรรค์แปดหมื่นล้านก้อน แต่มันเป็นเพราะ…สถานการณ์นี้รุนแรงเกินไป
ในบรรดาสี่ตระกูลใหญ่ทั้งหมด มีนายน้อยและคุณหนูมากมายที่มีสัมพันธ์ฉันมิตรกับหวงฝูเทาเทียน แต่ทำไมถึงไม่มีใครให้เขายืมศิลาสวรรค์กัน?
อย่างที่ซือถูอ้าวกล่าวเอาไว้…หวงฝูเทาเทียนมีศิลาสวรรค์แสนล้านก้อน แต่ทำไม เมื่อเขาอยู่ในช่วงเวลาที่สิ้นหวังกลับไม่มีใครต้องการช่วยเขาเพื่อให้ได้สัมพันธ์ที่ดีกับเขา?
เหลยฉีเหยียนต้องการใช้ศิลาสวรรค์สองแสนล้านเพื่อซื้อไข่มุกแห่งชีวิตให้น้องสาวของเขาจริงหรือ? เห็นได้ชัดว่าเหลยถิงเวยอนุมัติอยู่ลับๆ เนื่องจากพวกเขาต้องการสู้เพื่อชื่อเสียงตระกูลเหลยและต้องการแก้แค้นหวงฝูเทาเทียนเพื่อกู้ชื่อเสียงตระกูลกลับมา
ใครก็ตามที่กล้าให้หวงฝูเทาเทียนยืมศิลาสวรรค์จะต้องเป็นปรปักษ์กับตระกูลเหลยและถือว่าเป็นการตบหน้าตระกูลเหลยในที่สาธารณะ!
หากเหลยถิงเวยไม่อยู่ที่นี่ในวันนี้ เรื่องนี้อาจถูกมองข้ามไป แต่เมื่อเหลยถิงเวยอยู่ที่นี่ สิ่งที่เจียงอี้ทำนั้นถือเป็นการดูหมิ่นตระกูลเหลยและทำให้พวกเขาอับอาย หากมีคนกล้ารุกรานตระกูลอันดับหนึ่งของเผ่าเทพประทาน ในอนาคตเขาจะสามารถอยู่ที่นี่ได้หรือไม่?
อันที่จริงแล้วเจียงอี้เข้าใจเรื่องนี้อย่างชัดเจนและเขาไม่ได้พูดอะไรในตอนแรกเพราะกังวลเรื่องเหล่านั้น
แต่เมื่อเขาเห็นท่าทางของหวงฝูเทาเทียนในตอนที่เขายืนขึ้นและกำลังจะเดินออกไป เจียงอี้ก็นึกได้ถึงประสบการณ์อันขมขื่นของตัวเอง ย้อนไปในตอนที่เขาทรยศต่ออาณาจักรเสินหวู่และเผชิญหน้ากับตระกูลผู้มีอิทธิพลทั้งหก เขาก็ไม่มีที่พึ่งและอยู่เพียงลำพัง เจียงเปี๋ยหลีในตอนนั้นก็เป็นเหมือนหวงฝูฉีในตอนนี้ สิ่งนี้จึงทำให้เจียงอี้เห็นอกเห็นใจหวงฝูเทาเทียน
เจียงอี้ไม่รู้ว่าหวงฝูเทาเทียนต้องการไข่มุกแห่งชีวิตไปเพื่ออะไร แต่เขาชอบนิสัยของหวงฝูเทาเทียน และพวกเขานิสัยคล้ายกันมาก ซึ่งมนุษย์ที่คล้ายคลึงกันก็มักจะมีสัมพันธ์ต่อกันได้เสมอ
วันนี้เขาอาจทำให้ตระกูลเหลยขุ่นเคืองที่ช่วยหวงฝูเทาเทียนและเขาไม่รู้ว่าตระกูลเหลยจะวางแผนสังหารเขาในภายภาคหน้าหรือเปล่า แต่เจียงอี้ก็รู้อีกว่าหากเขาไม่ให้ความช่วยเหลือในวันนี้ เขาอาจจะเสียใจไปตลอดชีวิต
ฝูงชนทั้งหมดตกอยู่ในความเงียบงันและแม้แต่เสียงเข็มหมุดหล่นก็ยังได้ยิน
ครู่ต่อมา ซือถูอีเนี่ยนก็มองไปที่ศาลาที่ซือถูอ้าวอยู่ หลังจากที่นางได้รับข้อความแล้ว นางก็ตอบอย่างหนักแน่นว่า “แน่นอน ทำได้เจ้าค่ะ! ตามกฎการประมูล ตราบใดที่ลูกค้ามีศิลาสวรรค์เพียงพอ พวกเขาสามารถประมูลได้ ข้าขอถามลูกค้าหมายเลข ห้าห้าห้าได้หรือไม่ ท่านแน่ใจหรือไม่ว่าต้องการให้นายน้อยหวงฝูยืมศิลาสวรรค์แปดหมื่นล้านก้อน?”
“ข้าแน่ใจ”
เจียงอี้ตบลูกแก้วและตอบอย่างหนักแน่น เขาหยุดไปครู่หนึ่งแล้วพูดขึ้นอีกครั้ง “ก่อนหน้านี้ ภาพเขียนทั้งสามภาพของข้าขายได้แสนสองหมื่นล้าน เมื่อหักค่านายหน้าไป ข้ายังมีอยู่อีกหนึ่งแสนแปดพันล้านก้อน ข้าได้ใช้ประมูลกระดิ่งวิญญาณอินทนิลไปแล้วสองหมื่นล้านก้อน ดังนั้นข้าจะมีอยู่แปดหมื่นแปดพันล้านก้อน ข้าคิดถูกไหม แม่นางอีเนี่ยน? ท่านสามารถหักแปดหมื่นล้านจากส่วนแบ่งของข้าและดำเนินการให้นายน้อยหวงฝูได้เลย แล้วก็…นายน้อยหวงฝู ถือเป็นการตอบแทนที่ข้าเป็นหนี้ท่านคราวก่อนและอย่าลืมคืนศิลาสวรรค์ให้ข้าในภายภาคหน้าด้วย”
“ฮือฮา!”
เจียงอี้ได้ขว้างระเบิดลูกใหญ่ออกมาซึ่งทำให้ทั้งห้องโถงเกิดความโกลาหล ศาลาหมายเลข ห้าห้าห้า เสนอราคาประมูลไปสองรายการในวันนี้และทุกคนก็ให้ความสนใจกับมัน โดยเฉพาะตอนที่เขาใช้ศิลาสวรรค์สองหมื่นล้านเพื่อซื้อกระดิ่งวิญญาณอินทนิลเป็นของขวัญให้กับหญิงสาวตระกูลหนานกงซึ่งมันได้สร้างความประทับใจให้กับทุกคน
พวกเขาไม่ได้คาดหวังว่าลูกค้าผู้นั้นจะเป็นศิลปินของภาพวาดสวรรค์ นอกจากนี้เขายังกล้าให้หวงฝูเทาเทียนยืมศิลาสวรรค์แปดหมื่นล้านก้อนอีก? หากไม่นับเรื่องให้ยืมศิลาสวรรค์แปดหมื่นล้านก้อน การต้านแรงกดดันจากตระกูลเหลยนั้นเป็นสิ่งที่ไม่มีผู้ใดสามารถทำได้ อย่างน้อย นายน้อยจากตระกูลใหญ่ๆก็ยังไม่กล้าให้ยืมศิลาสวรรค์เลยใช่ไหมล่ะ?
“นายน้อย เก่งมากเจ้าค่ะ”
เฟิ่งหลวนกระพริบตาขณะที่นางยกนิ้วโป้งให้ นางเป็นคนแรกที่ตอบสนองและเข้าใจถึงเจตนาที่ซ่อนเร้นของเจียงอี้
เจียงอี้กำลังใช้โอกาสที่จะเปิดเผยตัวตนของเขา หลังจากนี้ แม้แต่ตระกูลลู่เองก็ไม่กล้าทำอะไรประมาท ท้ายที่สุดแล้วศิลปินขั้นเทพก็จะเป็นที่ต้องการของทุกตระกูล และด้วยสถานะอันทรงเกียรตินี้ บุคคลทั่วไปจะกล้าทำอะไรประมาทในเมืองนี้หรือไม่? กฎในเมืองเทพประทานไม่มีอยู่จริงหรือ?
คำพูดสุดท้ายของเขาทำให้ตระกูลเหลยมีทางออกจากความอับอายขายหน้านี้ด้วย เขากล่าวเป็นนัยว่าเขาไม่ได้ต้องการขุ่นเคืองหรือทำให้ตระกูลเหลยอับอาย แต่เขาเป็นหนี้บุญคุณหวงฝูเทาเทียน
เขาจะเป็นหนี้บุญคุณหวงฝูเทาเทียนแบบไหนไม่สำคัญ แต่ตราบใดที่ตระกูลเหลยยังคงรักษาหน้าตัวเองได้ พวกเขาก็ไม่กล้าที่จะปะทะกับคนอย่างเจียงอี้และขณะที่เขายังเป็นศิลปินขั้นเทพอีกด้วย
ภาพวาดสามภาพ “ความตรอมตรม” “ความโหยหาย” และ “ความหลงใหล” อาจยังไม่ได้อยู่ในระดับมาตรฐานของศิลปินขั้นเทพด้วยซ้ำ แต่มันถูกประมูลออกไปในราคาแสนล้าน และเจียงอี้ก็ได้พิสูจน์แล้วว่าแม้แต่ภาพวาดที่ผลิตโดยศิลปินขั้นเทพในทวีปจักรพรรดิบูรพาก็ยังไม่ได้มีราคาเท่านี้
“เอาล่ะ!”
หวงฝูเทาเทียนตะโกนออกมาและโค้งคำนับไปที่ศาลาหมายเลข ห้าห้าห้า ด้วยการป้องกำปั้นและหันกลับมาทันทีพร้อมกับพูดว่า “ข้าขอเสนอราคาสองแสนหนึ่งพันล้าน!”
ทั้งห้องโถงกลับมาเงียบอีกครั้ง พวกเขามองไปยังศาลาตระกูลเหลยและดูว่าเหลยฉีเหยียนจะเสนอราคาต่อหรือไม่
เหลยฉีเหยียนเองก็ไม่ได้ทำให้ทุกคนผิดหวังเพราะคำพูดจากลูกหลานตระกูลใหญ่นั้นมีน้ำหนักมาก และเขาไม่สามารถกลับคำพูดของตัวเองได้อยู่แล้ว เขาจึงหัวเราะออกมาและพูดว่า “เมื่อพี่เทาเทียนมีผู้มีบุญคุณช่วยเหลือท่าน ฉีเหยียนจะทำตัวไม่เหมาะไม่ควรต่อไปได้อย่างไร? ไข่มุกแห่งชีวิตนี้เป็นของพี่เทาเทียน”
ซือถูอีเนี่ยนยิ้มราวกับดอกไม้ที่เบ่งบาน นางคำนับศาลาตระกูลเหลยและกล่าวว่า “พี่ใหญ่ฉีเหยียนรักษาคำพูดและใจกว้างดั่งท้องทะเล อีเนี่ยนเปี่ยมล้นไปด้วยความชื่นชมเจ้าค่ะ มีใครจะเสนอราคาอีกไหมเจ้าคะ? สาม สอง หนึ่ง…เอาล่ะ ไข่มุกแห่งชีวิตนี้เป็นของพี่ใหญ่เทาเทียน การประมูลในครั้งนี้ก็ได้จบลงแล้วเจ้าค่ะ…”
ฟรึ่บ!
ก่อนที่ซือถูอีเนี่ยนจะทันได้พูดจบ หวงฝูเทาเทียนก็พุ่งขึ้นไปบนเวทีทันที เขาโยนแหวนแก่นแท้ศักดิ์สิทธิ์โบราณไปยังซือถูอีเนี่ยนและหยิบกล่องหยกจากพนักงานหญิงก่อนที่จะค่อยๆเปิดมันออกมา เมื่อเขาเห็นไข่มุกที่ส่องแสงสีเขียวอ่อนๆ ใบหน้าของเขาก็เต็มไปด้วยน้ำตา
บรึฟ!
แหวนแก่นแท้ศักดิ์สิทธิ์โบราณในมืออีกวงของเขาสว่างขึ้นขณะที่โลงศพหินล้ำค่าขนาดใหญ่ปรากฏขึ้น โลงศพนี้น่าอัศจรรย์มาก เนื่องจากมันโปร่งใสราวกับทำด้วยคริสตัล มันเรืองแสงด้วยอักขระจางๆและเห็นได้ชัดว่าเป็นสมบัติหายาก
โลงศพนี้ถูกผนึกไว้และมีศพหญิงสาวนอนอยู่ข้างในนั้น ในนั้นเป็นหญิงสาวที่งดงามและน่าหลงใหลมาก รูปลักษณ์ของนางไม่ถือว่างดงามอย่างที่สุด แต่นางมีกลิ่นอายลูกสาวที่น่ารักของครอบครัวที่ต่ำต้อย เหตุใดนางถึงเป็นศพ? นางหน้าซีดและไม่มีเลือด เพียงแค่ชำเลืองมองก็พอที่จะรู้แล้วว่านางตายไปนานแล้ว
“…”
ทั้งห้องโถงตกตะลึงขณะที่ซือถูอีเนี่ยนไม่สามารถพูดอะไรออกมาได้เลยแม้แต่คำเดียว เมื่อนางเห็นศพหญิงสาวในโลงศพ นางก็ทนไม่ได้และหันหลังไปทันที
“หวงฝูเทาเทียนใช้เงินสองแสนล้านเพื่อซื้อไข่มุกแห่งชีวิตให้ศพของหญิงสาวไม่เน่าเปื่อย?” เจียงอี้และเฟิ่งหลวนตัวสั่นเทาและนิ่งเป็นคนใบ้
ก่อนหน้านี้เฉียนว่านก้วนเคยได้ยินข่าวลือมาว่าหวงฝูเทาเทียนทะเลาะกับพ่อของเขาเพราะผู้หญิงคนหนึ่ง จนสุดท้ายเขาก็ทำร้ายคนในตระกูลและออกจากเมืองเทพประทานไป จากนั้นเขาก็กลายเป็นโจรที่ทะเลเทพประทานและสกัดกั้นเรือลิขิตสวรรค์ของสมาคมการค้าขนาดใหญ่ ศิลาสวรรค์มากมายที่เขาได้มานั้นเพื่อมาซื้อไข่มุกแห่งชีวิตเพื่อไม่ให้ศพของนาง…เน่าเปื่อยหรือ? ไอรีนโนเวล
บ้ามาก!
ในใจของทุกคนปรากฏถ้อยคำเดียวกันขึ้นมา ส่วนบนเวที, หวงฝูเทาเทียนเมินสายตาของทุกคนและมองไปยังหญิงสาวในโลงศพด้วยดวงตาที่หลงใหลและยิ้มอย่างอ่อนโยน
เขาใช้มือข้างเดียวเทแก่นแท้พลังไปบนโลงศพ ทำให้ฝาโลงเลื่อนออกไปอีกด้าน จากนั้นเขาก็คุกเข่าลงบนพื้นข้างหนึ่งและใช้มือข้างหนึ่งจับโลงศพขณะที่ใช้มืออีกข้างหนึ่งนำไข่มุกแห่งชีวิตป้อนเข้าไปในปากของศพหญิงสาวคนนั้นช้าๆ
หวงฝูเทาเทียนไม่หลั่งน้ำตาอีกต่อไปและมีรอยยิ้มที่รุ่งโรจน์แทน ทันใดนั้นเขาก็เอื้อมมือไปในโลงศพและจูบที่หน้าผากของศพหญิงสาวนางนั้น จากนั้นเขาก็เอามือไปลูบหน้านางเบาๆขณะที่พูดด้วยสีหน้าที่แน่วแน่ว่า “หลิงเอ๋อร์ ข้าซื้อไข่มุกแห่งชีวิตมาแล้ว ร่างของเจ้าจะไม่เน่าเปื่อย ข้าจะใช้เวลาทั้งชีวิตเพื่อฝึกฝนอย่างขันแข็งและเมื่อข้าทะลวงสู่ความว่างเปล่าได้แล้ว ข้าจะพาเจ้าไปยังผืนโลกอมตะเพื่อหายาครอบจักรวาลให้ได้ รอข้าก่อนนะ…หลิงเอ๋อร์ หากข้าชุบชีวิตเจ้าไม่ได้ ข้า หวงฝูเทาเทียนจะหาทางไปยังแดนอเวจีเพื่อตามหาเจ้า!”
คำพูดนั้นดังก้องกังวานไปทั่วทั้งห้องโถง มันแสบแก้วหูและกังวานอยู่เรื่อยๆ
…