เพลิงพิโรธสวรรค์ Fury towards the burning heaven - บทที่ 779 ราวกับว่าพวกเขารู้จักกันมาเนิ่นนาน
- Home
- เพลิงพิโรธสวรรค์ Fury towards the burning heaven
- บทที่ 779 ราวกับว่าพวกเขารู้จักกันมาเนิ่นนาน
ในเขตทางใต้ของเมืองเทพประทานที่ลานหมายเลข หนึ่งหนึ่งหนึ่งสอง….!
เฉียนว่านก้วนนำคนอื่นเข้าไปในลานบ้านและเปิดใช้งานข้อจำกัดทันที หน่วยสอดแนมบางคนโผล่ออกมาที่ตรอกด้านนอก พวกเขาเหลือบมองที่ลานกว้างเล็กน้อยและเริ่มติดต่อกับคนที่ลานบ้านใกล้ๆและเตรียมที่จะซื้อลานบ้านเพื่อให้พวกเขาสามารถติดตามเจียงอี้ได้อย่างใกล้ชิด
เมื่อเจียงอี้เข้าไปในลานบ้านแล้ว เขาก็หลับตาเพื่อเข้าสู่สภาวะมนุษย์ประสานสวรรค์ เขาสัมผัสได้ถึงสภาพรอบๆและเมื่อมั่นใจแล้วว่าไม่มีผู้ใดแผ่สัมผัสศักดิ์สิทธิ์เข้ามา จากนั้นเจียงอี้ก็ยิ้มอย่างขมขื่นและลืมตามองหวงฝูเทาเทียนพร้อมกับถามว่า “นายน้อยหวงฝู เจ้ารู้ได้อย่างไรว่าข้าคือคนผู้นั้น?”
“นายท่าน!”
หวงฝูเทาเทียนไม่ได้มองเฉียนว่านก้วนและป้องกำปั้นไปที่เจียงอี้แทนขณะที่เขาตอบกลับ “ย้อนไปในตอนที่อยู่บนเรือลิขิตสวรรค์ของสมาคมการค้าวิหคมรกต ข้าได้จับการปรากฏกลิ่นอายดวงจิตวิญญาณของท่านเอาไว้แล้ว ซึ่งมันจะทำให้สะดวกต่อข้าที่จะตามหาท่านเพื่อคืนหนี้ร้อยเท่าสำหรับศิลาสวรรค์ที่ท่านให้ข้ายืมมา ดังนั้น…เมื่อท่านออกมา ข้าก็พบท่านทันที”
“ปรากฏกลิ่นอายดวงจิตวิญญาณ?”
เจียงอี้หัวเราะอย่างขมขื่นอีกครั้งและถามด้วยความสงสัยว่า “แม้ว่าเจ้าจะจับกลิ่นอายวิญญาณข้าได้ แต่เจ้ารู้ได้อย่างไรกันว่าข้าคือผู้ที่ให้เจ้ายืมศิลาสวรรค์แปดเหมื่นล้าน?”
“ฮ่าฮ่า!”
หวงฝูเทาเทียนหัวเราะและพูดว่า “ในสถานการณ์เช่นนั้น ท่านคิดว่าใครจะกล้าให้ข้ายืมศิลาสวรรค์? ใครจะกล้าขุ่นเคืองกับตระกูลเหลย? ข้าเคยพบท่านในเมืองเทพประทานหนึ่งครั้งและข้ามีสัญชาตญาณว่าจะต้องเป็นท่านแน่ๆ!”
“ฮะ!”
เจียงอี้พูดอะไรไม่ออกขณะที่เขารู้สึกว่าหวงฝูเทาเทียนเพียงแค่เดา แต่เจียงอี้เป็นผู้สารภาพไปโดยไม่รู้ตัว
เมื่อมันเป็นเช่นนี้แล้ว เจียงอี้จึงไม่ต้องการพูดอะไรอีก เขาหยุดครู่หนึ่งก่อนจะพูดว่า “นายน้อยหวงฝู ข้าให้ท่านยืมศิลาสวรรค์แปดหมื่นล้านก้อนเพราะเราเป็นคนที่มีนิสัยคล้ายกันและข้าเลื่อมใสในตัวท่าน อย่างที่ซือถูอ้าวกล่าวไว้ว่านายน้อยมีค่าและจะมีอนาคตที่ไร้ขีดจำกัด ข้าไม่ได้คิดว่าท่านจะไม่สามารถจ่ายศิลาสวรรค์แปดหมื่นล้านได้ ดังนั้น…ท่านไม่จำเป็นต้องลดตัวเองหรอก ส่วนเรื่องการเป็นทาสข้าสิบปีนั้น ไม่ต้องพูดถึงมันเถอะ เพราะข้าไม่มีคุณสมบัติเป็นนายของนายน้อยหวงฝูที่เป็นอัจฉริยะเลย”
หวงฝูเทาเทียนไม่ได้ยั่วโมโหเพราะเจียงอี้กำลังพูดถึงเขาอย่างนับถือ แต่เขากลับตอบด้วยความตั้งใจดั่งเหล็กกล้า “นายน้อย ท่านเองก็มีหลักการของตัวเอง เทาเทียนก็มีหลักการของเทาเทียน ข้าจะคืนศิลาสวรรค์แปดหมื่นล้านก้อนให้ท่านแน่นอนและการที่ข้าเป็นทาสสิบปีนั้นไม่ใช่เพื่อมาชำระหนี้ แต่ข้าตอบแทนด้วยความกตัญญู บางที ในใจของท่าน การให้ยืมแปดหมื่นล้านนั้นเป็นเพียงเรื่องที่ง่ายดาย แต่สำหรับเทาเทียนแล้ว มันก็เหมือนการช่วยชีวิตข้าเอาไว้ ข้า เทาเทียนนั้นมีจิตใจที่ไม่ย่อท้อ ข้าตอบแทนความพยาบาทด้วยความพยาบาท ข้าตอบแทนความเมตตาด้วยความเมตตา หากนายน้อยยังโต้แย้งอีก เช่นนั้นข้าจะฆ่าตัวตายเพื่อตอบแทนนายน้อยทันที!”
“นี่มัน…”
เจียงอี้, เฉียนว่านก้วนและมังกรวารีสีทองกำลังมองความตั้งใจที่แน่วแน่ของหวงฝูเทาเทียน เขาเป็นคนที่อ่อนไหวและเป็นบุรุษเลือดเหล็กอย่างแท้จริง หรือบางที เขาอาจจะเป็นเจ้าลาที่ดื้อด้าน!
“เอาล่ะๆ!”
เจียงอี้ครุ่นคิดอยู่นานและส่ายหัวพร้อมกับถอนหายใจ “ถ้างั้นพี่ใหญ่หวงฝูจะติดตามข้าสิบปีก็ได้ แต่แน่นอนว่าอย่าพูดถึงคำว่าทาสอีก ท่านและข้าจะพูดกันเหมือนพี่น้อง ข้าแซ่เจียงผู้นี้จะไม่เถียงกับเจ้าเมื่อข้าต้องการความช่วยเหลือจากพี่ใหญ่หวงฝู!”
ขณะที่เจียงอี้พูด เขาก็หมุนเวียนแก่นแท้พลังเพื่อขจัดผลของยาแปลงกายออก ในเวลาเดียวกันเขาก็นำหินจันทร์มายากลับมาเพื่อเปิดเผยรูปร่างที่แท้จริงของเขา เขาป้องมือแล้วพูดว่า “ข้าถูกศัตรูไล่ล่า ข้าไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องซ่อนใบหน้าที่แท้จริงเอาไว้ ข้าหวังว่าพี่ใหญ่หวงฝูจะยกโทษให้ข้า”
“เอ่อ…”
ในคราวนี้ หวงฝูเทาเทียนถึงกับประหลาดใจ เขาไม่ได้คาดคิดว่าเจียงอี้จะอายุน้อยกว่าเขาอย่างน้อยเจ็ดถึงแปดปีใช่ไหมนะ? แม้ว่าเสียงของเจียงอี้จะดูเด็กมาก แต่หวงฝูเทาเทียนก็สันนิษฐานตามสัญชาตญาณว่าเจียงอี้เป็นชายวัยกลางคนที่มีอายุอย่างน้อยก็มากกว่าสามสิบปี เขาได้เห็นภาพวาดสวรรค์ทั้งสามภาพแล้วและมันก็เป็นไปไม่ได้ที่จะสร้างภาพวาดที่น่าทึ่งเช่นนี้ได้โดยปราศจากประสบการณ์, ความยากลำบากและความรู้สึก
เฉียนว่านก้วนและมังกรวารีสีทองเองก็ค่อยๆเผยรูปร่างที่แท้จริงของพวกเขาเช่นกัน เจียงอี้เลือกที่จะไว้ใจหวงฝูเทาเทียนในขณะที่พวกเขาเลือกที่จะไว้ใจเจียงอี้ ไม่ว่าจะด้วยเหตุอะไร พวกเขาก็ไม่จำเป็นต้องปกปิดตัวเองอีกต่อไป
“ชื่อจริงๆของข้าคือเจียงอี้และนี่คือพี่น้องของข้า เฉียนว่านก้วนกับมังกรวารีสีทอง!”
ไม่เพียงแต่เจียงอี้จะเปิดเผยรูปลักษณ์ที่แท้จริงของตัวเองเท่านั้น แต่เขายังบอกชื่อจริงด้วย ซึ่งทำให้หวงฝูเทาเทียนตกตะลึงอีกครั้ง แต่ดวงตาของเขาก็เปล่งประกายอย่างรวดเร็วและถามว่า “เจียงอี้? เจ้าใช่คนเดียวกับที่ทำให้นายน้อยตระกูลเสียและตระกูลเจี้ยนกลับไปพร้อมกับความล้มเหลวหรือเปล่า? ผู้ที่ถูกไล่ล่าโดยสี่ตระกูลใหญ่และเจียงอี้ผู้เลื่องชื่อในทวีปจักรพรรดิบูรพา?”
“เอ๊ะ?”
เฉียนว่านก้วนเสริมบทสนทนาด้วยท่าทีประหลาดใจ “ลูกพี่ข้าเลื่องชื่อขนาดนั้นเลยหรือ?”
“ฮ่าฮ่าฮ่า!”
หวงฝูเทาเทียนหัวเราะออกมาและกล่าวว่า “วีรบุรุษนั้นถูกกำหนดมาจากรุ่นเยาว์อย่างแท้จริง ทองจะเป็นทองเสมอและมันจะไม่มีวันถูกปกคลุมด้วยทราย หวงฝูเทาเทียนรู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้รู้จักทุกท่าน”
“ฮ่าฮ่าฮ่า!”
เจียงอี้และหวงฝูเทาเทียนมองหน้ากันและหัวเราะออกมาอีกครั้ง ทั้งสองต่างรู้สึกเช่นกันว่าพวกเขาเป็นคนประเภทเดียวกันและไม่จำเป็นต้องพูดมากความเพื่อเข้าใจกัน พวกเขาเป็นเหมือนดั่งป๋อหยากับจื่อฉี [1], ราวกับว่าพวกเขารู้จักกันมาเนิ่นนาน
“โอ้ ใช่แล้ว!” Aileen-novel
หวงฝูเทาเทียนนึกบางอย่างขึ้นได้และขมวดคิ้วพร้อมกับถามว่า “นายน้อย เอ่อ…น้องเจียงอี้ เมื่อปีก่อนเจ้าเคยอยู่ที่เมืองอัสนีฟ้ากระจ่างมาหรือไม่? ข้าจำได้ว่าในเวลานั้น ลู่หลินได้ตามล่าผู้ที่ชื่อหัวหน้าเจียงอย่างบ้าคลั่ง และนามแฝงของเขาคือหมาป่าเดียวดาย? คนผู้นั้นคือน้องเจียงอี้ใช่ไหม?”
เจียงอี้พยักหน้าและกล่าวว่า “ลู่หลินต้องการบังคับสมรสกับน้องสาวตัวน้อยของข้า ความแข็งแกร่งของข้านั้นยังไม่เพียงพอนัก ไม่เช่นนั้นข้าคงสังหารเขาแล้ว”
“ฮ่าฮ่าฮ่า!”
หวงฝูเทาเทียนหัวเราะอีกครั้งและพูดว่า “ลู่หลินเป็นใครกัน? หากข้ามีโอกาส ข้าจะสังหารเขาเพื่อเจ้าเอง อย่าว่าแต่เขาเลย แม้ว่าเหลยฉีเหยียนจะกล้ามาหาเรื่องเจ้า ข้าจะหักขาเขาอย่างแน่นอน น้องเจียงอี้อยู่ในเมืองเทพประทานได้สบายๆเลย เมื่อมีข้าอยู่ด้วย จะไม่มีผู้ใดกล้ามาหาเรื่องเจ้า เบื้องหลังแล้ว สี่ตระกูลใหญ่อาจเป็นพวกชายโฉดหญิงชั่ว แต่พวกเขาก็ให้ความสำคัญกับชื่อเสียงและเคร่งกฎมาก”
“ชายโฉดหญิงชั่ว?”
เจียงอี้และเฉียนว่านก้วนมองหน้ากันขณะที่พวกเขาเคยรู้สึกอึดอัดใจ หวงฝูเทาเทียนอาจจะเกิดในตระกูลหวงฝูจริงๆ แต่เขากลับบอกว่าสี่ตระกูลใหญ่สกปรก? และเมื่อหวงฝูเทาเทียนพูดออกมา ทั้งสามคนก็รู้สึกผ่อนคลายขึ้นมาบ้าง
“อันที่จริง”
หวงฝูเทาเทียนหยุดชั่วครู่และพูดต่อว่า “น้องเจียงอี้ไม่เพียงแต่จะมีชื่อเสียงไปทั่วทั้งเผ่าเทพประทานและข้าคิดว่าชื่อของอีเพียวเพียวจะโด่งดังในแดนเทียนชิงทั้งหมดในไม่ช้า หากเจ้าไม่ใช้ประโยชน์จากสถานะของเจ้า มันก็คงจะน่าเสียดายจริงๆ น้องเจียงอี้สามารถแสร้งทำเป็นสุภาพกับสี่ตระกูลใหญ่และแสดงความเต็มใจสร้างสัมพันธ์ฉันมิตรก็ได้ สี่ตระกูลใหญ่จะไม่ทำเรื่องลำบากใจให้เจ้าแน่นอน แต่แน่นอนว่า….หากน้องเจียงอี้อยากจะเข้าร่วมตระกูลใดตระกูลหนึ่งแล้ว มันก็เป็นไปได้เช่นกัน ท้ายที่สุดแล้วทั้งสี่ตระกูลก็มีทรัพยากรมากมาย”
“ฮ่าฮ่า!”
เจียงอี้หัวเราะเบาๆและมองไปที่หวงฝูเทาเทียน “พี่ใหญ่เทาเทียน เจ้าคิดว่าข้าเป็นคนชอบเข้าร่วมตระกูลอื่นและกลายเป็นผู้ติดตามหรือ?”
หวงฝูเทาเทียนมองที่เจียงอี้และพยักหน้า “ข้าปากพล่อยเอง ทุกคนอยู่ที่นี่ได้อย่างสบายใจเลย ตระกูลเหลยและลู่หลี จะไม่มาหาเรื่องเรา ส่วนพวกลู่หลินและเหลยฉีเหยียน ข้าจะจัดการพวกนั้นเอง ตราบใดที่เจ้าไม่ออกจากเมือง จะไม่มีผู้ใดทำร้ายเจ้าได้แม้แต่ผมเส้นเดียว”
“ได้เลย!”
เจียงอี้รู้สึกผ่อนคลายอย่างสมบูรณ์เพราะนี่คือสิ่งที่เขาต้องการในตอนนี้ ตราบเท่าที่เขาสามารถอยู่ในเมืองเทพประทานได้อย่างสงบและไม่มีใครมาหาเรื่อง แล้วเขาจะโง่เขลาออกจากเมืองทำไม? เมื่อความแข็งแกร่งของเขาไปได้ถึงระดับหนึ่งแล้ว เขาจะใช้วิชาหลีกสวรรค์และหนีไปยังทวีปจักรพรรดิบูรพาทันที
ขณะที่ราชวังจักรพรรดิปรากฏขึ้นในมือของเขา เขาก็นำเฟิ่งหลวนและสาวๆออกมาและหัวเราะเสียงดังพร้อมกับพูดว่า “เฟิ่งเอ๋อร์ ชิงหยี ไปเตรียมไวน์เลิศรสและอาหารดีๆสักมื้อเถอะ ข้าอยากดื่มไวน์กับพี่ใหญ่หวงฝูสักสามร้อยครั้งให้หนำใจเลย”
“ลืมเรื่องดื่มไวน์เถอะ!”
หวงฝูเทาเทียนส่ายหัวด้วยความเจ็บปวดและกล่าวว่า “หลังจากที่หลิงเอ๋อร์จากไป ข้าก็งดสุรา ข้าสาบานว่าตราบใดที่หลิงเอ๋อร์ยังไม่ฟื้น ข้าจะไม่แตะต้องสุราแม้แต่หยดเดียว”
“หลิงเอ๋อร์!”
สีหน้าของเจียงอี้เปลี่ยนไปทันทีขณะที่เขาเหลือบมองเฟิ่งหลวน, เจียงเสี่ยวนู๋และชิงหยี เขาหยุดนิ่งไปชั่วขณะก่อนที่จะถามว่า “พี่ใหญ่หวงฝู หากท่านสะดวก ท่านเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับแม่นางหลินเอ๋อร์ให้ข้าฟังได้หรือไม่? แล้วดูว่าเราจะคิดหาทางร่วมกันได้ไหม”
[1]หยูป๋อหยากับจงจื่อฉี คนหนึ่งเป็นนักดนตรีขณะอีกอีกคนเป็นผู้ที่ชื่นชอบดนตรี และตั้งแต่ที่พวกเขาพบกันครั้งแรก พวกเขาก็รู้สึกชะตาต้องกันมากและเข้าใจซึ่งกันและกันอย่างลึกซึ้ง