เพลิงพิโรธสวรรค์ Fury towards the burning heaven - บทที่ 780 ใครสนเรื่องยศศักดิ์
- Home
- เพลิงพิโรธสวรรค์ Fury towards the burning heaven
- บทที่ 780 ใครสนเรื่องยศศักดิ์
“หลิงเอ๋อร์?”
หวงฝูเทาเทียนเผยสีหน้าทุกข์ทรมานในดวงตาและยืนเงียบอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่เขาจะพูดออกมา “ชื่อเต็มของนางคือ ฉีหลิงเอ๋อร์ นางเกิดมาในฐานะที่ต่ำต้อยและเป็นลูกสาวคนรับใช้ตระกูลเรา และคนรับใช้ผู้นั้นเป็นคนหูหนวกที่คอยกวาดพื้น!”
“แม่ของข้าเสียชีวิตลงเมื่อข้าอายุสามขวบและข้ามองนางฆ่าตัวตาย นางถูกตาแก่นั่นบังคับให้ตาย! ดังนั้น ตั้งแต่ยังเด็ก ข้าเกลียดตระกูลหวงฝูและไม่สามารถเข้ากับสมาชิกตระกูลหวงฝูได้ เมื่อข้ายังเด็ก ข้าอ่อนแอและป่วยอยู่เสมอ เนื่องจากแม่ข้าตายไปและเพราะตาแก่นั่นไม่ชอบข้า ข้าจึงถูกรังแกอยู่บ่อยครั้ง ข้าถูกทุบตีและเต็มไปด้วยรอยช้ำและบาดแผลและข้าก็แอบรักษาตัวเองมาตลอด”
“ตอนอายุเก้าขวบ ตามกฎของตระกูลข้าจะได้สาวใช้ของตัวเองและนางคือหลิงเอ๋อร์ ในตอนนั้นนางอายุได้เพียงห้าขวบเท่านั้น เนื่องจากแม่หลิงเอ๋อร์เสียชีวิตไปแต่เนิ่นๆและพ่อของนางก็หูหนวก เราจึงทำได้เพียงคอยช่วยเหลือกัน ทุกครั้งที่ข้าถูกทุบตี หลิงเอ๋อร์จะคอยช่วยทำแผลให้ข้าและนางก็ถูกทุบตีหลายครั้งเพราะเรื่องนี้ ในเวลานั้น ข้าสาบานว่าข้าจะแข็งแกร่งมากขึ้นเพื่อคอยปกป้องหลิงเอ๋อร์”
เมื่อฟังมาจนถึงตอนนี้ เจียงอี้และเจียงเสี่ยวนู๋ก็มองหน้ากันและยิ้มอย่างขมขื่น หวงฝูเทาเทียนพบเรื่องที่คล้ายกับเขาในขณะที่เจียงเสี่ยวนู๋ก็เป็นแบบนั้นเช่นกัน แต่ที่ต่างเพียงอย่างเดียวคือ…ตันเทียนของเจียงอี้ถูกผนึกไว้ แต่หวงฝูเทาเทียนนั้นเป็นอัจฉริยะ
อย่างที่คาดไว้!
หวงฝูเทาเทียนยังคงเล่าต่อว่า “ข้ามีพรสวรรค์และมีความเร็วในการฝึกฝนที่ไวมาก ตอนอายุสิบห้า ข้าได้ทะลวงขอบเขตจินกังและกลับไปทุบตีคนที่รังแกข้า เมื่อข้าอายุสิบแปดปี ข้าทะลวงขอบเขตจินกังขั้นสูงสุดได้ และในอายุยี่สิบปี ข้าก็ทะลวงขอบเขตเทียนจุนได้ เมื่อข้าอายุยี่สิบห้าปี ข้าได้ผสานรูปแบบเต๋าระดับสูงห้าดาวได้ มันคือเงาอัสนี ซึ่งมันสะเทือนไปทั่วเผ่าเทพประทาน ข้าใช้กำลังของข้าทั้งหมดเพื่อปราบรุ่นเยาว์ของทั้งสิบสามตระกูลได้”
“ครั้งหนึ่ง ข้าเคยสัญญากับหลิงเอ๋อร์ว่าเมื่อข้ากลายเป็นคนที่แข็งแกร่งที่สุดในหมู่คนรุ่นเยาว์ได้แล้ว ข้าจะแต่งงานกับนางอย่างน่าประทับใจ ข้าไม่ได้คิดมาก่อนเลยว่าตาแก่นั่นจะจัดการเรื่องหมั้นหมายตอนที่ข้าเข้าสู่สันโดษไปสองปี พวกเจ้าน่าจะรู้ดีอยู่แล้ว….นางเป็นบุตรสาวตระกูลเหลย เหลยจื่อหาน ข้าต้องไม่เห็นด้วยกับเรื่องนี้อยู่แล้วเพราะข้ากับหลิงเอ๋อร์ เรารักกันมาห้าปีแล้ว ข้าได้ฝึกฝนอย่างขันแข็งเพื่อมีอำนาจในตระกูลหวงฝูเพื่อที่จะได้แต่งงานกับนางได้”
“ข้าทะเลาะกับตาแก่นั่นอย่างใหญ่โตและยืนกรานว่าจะไม่หมั้นหมายกับตระกูลเหลย หลิงเอ๋อร์เป็นคนรักในวัยเด็กของข้าและมันเป็นความรักที่ลึกซึ้งสำหรับข้า ข้าจะทำให้นางผิดหวังได้อย่างไร? แต่ตาแก่นั่นโกรธเคือง เขาให้คนลักพาตัวหลิงเอ๋อร์และพ่อของนางไปซ่อน โกหกข้าว่าหลิงเอ๋อร์ไม่อยากฉุดรั้งความก้าวหน้าของข้าไว้และหนีไปอยู่ต่างแดนแล้ว…”
“ข้าตามหาหลิงเอ๋อร์อย่างคนบ้าและตามหาทั่วทั้งเผ่าเทพประทานแต่ก็คว้าน้ำเหลว จนสุดท้ายข้าพบนางในลานบ้านตระกูลเหลย แต่นางตายแล้ว! สองปีก่อน ตาแก่หลอกนางและบอกว่าข้าแต่งงานกับเหลยจื่อหานแล้วและสร้างหลักฐานปลอมขึ้นมามากมาย ทำให้หลิงเอ๋อร์หดหู่ใจมากในช่วงสองปีและล้มป่วยลง ตอนที่ข้าพบนาง นางก็กลายเป็นหยกที่สลายไปแล้ว…”
ขณะที่หวงฝูเทาเทียนกำลังเล่าเรื่องนี้ ใบหน้าของเขาก็เต็มไปด้วยน้ำตา เจียงอี้และคนอื่นๆถอนหายใจพร้อมกับก้มหน้าลง ในขณะที่หญิงสาวคนอื่นๆต่างก็สะอื้นไห้โดยเฉพาะเจียงเสี่ยวนู๋ที่พิงเจียงอี้เงียบๆและจับมือเขาแน่นขณะที่ร่างของนางสั่นเทา
มันเป็นเรื่องที่น่าเศร้านัก!
อันที่จริง เรื่องนี้เป็นเรื่องปกติ หลายตระกูลที่มีอิทธิพลจะมีเรื่องราวความรักที่ต้องเลิกรากันไป ตระกูลใหญ่ๆเหล่านี้ให้ความสำคัญกับชื่อเสียงของพวกเขามากและมักจะจับคู่ที่เหมาะสมให้ หากหวงฝูเทาเทียนเป็นนายน้อยธรรมดา ตอนนี้ตระกูลหวงฝูอาจเข้มงวดมาก แต่มันเป็นเพราะว่าพรสวรรค์ของเขาท้าทายสวรรค์มากและเขาได้รับการยกย่องโดยตระกูลมาก แต่สุดท้ายแล้ว เขาก็มีอารมณ์ที่อ่อนไหวและดื้อรั้นเกินไป หากเขาเต็มใจยอมแพ้และแต่งกับเหลยจื่อหานเพื่อแสดงภายนอกขณะที่แต่งหลิงเอ๋อร์เป็นนางสนมของเขา โศกนาฏกรรมนี้ก็จะไม่เกิดขึ้น
และไม่จำเป็นที่หวงฝูเทาเทียนจะต้องเล่าอะไรต่อแล้วเพราะมันชัดเจนมาก เขาโกรธแค้นมากและกลับไปสอบเรื่องจากหวงฝูฉีและเริ่มต่อสู้กับตระกูลหวงฝู และสุดท้านเขาก็ทรยศตระกูลและไปยังทะเลเทพประทานเพื่อปล้นชิงศิลาสวรรค์เพียงเพื่อซื้อไข่มุกแห่งชีวิต
“หากข้าเป็นหวงฝูเทาเทียน ข้าจะแต่งกับเหลยจื่อหานไหม?”
เจียงอี้ถามตัวเองอย่างซื่อสัตย์และเขาก็ตระหนักได้ว่าสุดท้ายเขาก็จะเลือกแบบเดียวกับหวงฝูเทาเทียน
เจียงอี้ถอนหายใจและตบบ่าเจียงเสี่ยวนู๋และพูดขณะที่มองไปยังหวงฝูเทาเทียนว่า “พี่ใหญ่หวงฝู ข้าไม่รู้หรอกว่าโลกอมตะนั้นมีอยู่จริงหรือเปล่า แต่เมื่อจักรพรรดิลี้ลับสามารถทะลวงความว่างเปล่าและขึ้นไปสู่สรวงสวรรค์ได้ ข้าเชื่อว่าเจ้าก็ทำได้เช่นกัน! หากข้ากลับไปยังทวีปจักรพรรดิบูรพาและมีโอกาสพบยาครอบจักรวาลที่สามารถชุบชีวิตคนตายได้ ข้าจะไปหามันมาให้เจ้าและชุบชีวิตแม่นางหลินเอ๋อร์แน่นอน!” ไอรีนโนเวล
หวงฝูเทาเทียนหันหน้าหนีไปครู่หนึ่ง และหลังจากที่ใบหน้าของเขาสงบแล้วเขาก็พยักหน้าและตอบว่า “ใครจะสนเรื่องยศศักดิ์กัน? หากจักรพรรดิลี้ลับทะลวงสู่ความว่างเปล่าได้ ทำไม ข้า หวงฝูเทาเทียนจะทำเช่นนั้นไม่ได้”
“ใช่แล้ว….”
เจียงอี้นึกบางอย่างที่หวงฝูเทาเทียนพูดถึงได้และถามด้วยความสงสัยว่า “พี่ใหญ่หวงฝู เจ้าเคยพูดเรื่องรูปแบบเต๋าระดับสูงห้าดาว มันคืออะไรกัน? รูปแบบเต๋ามีระดับดาวหรือ?”
“ใช่แล้ว!”
หวงฝูเทาเทียนพยักหน้าและกล่าวว่า “ในระดับต่ำและระดับกลางมันไม่มีความแตกต่าง แต่สำหรับระดับสูงนั้นมี รูปแบบเต๋าระดับสูงสามารถเข้าถึงได้โดยตรงหรือผสานก็ได้ รูปแบบเต๋าระดับสูงจะหลอมรวมจากรูปแบบเต๋าระดับต่ำเก้าแบบที่มีพลังต่างกัน อันที่จริงแล้ว….มีรูปแบบเต๋าระดับสูงบางประเภทที่ไร้ประโยชน์ พวกมันไม่มีการโจมตี, การป้องกัน, ความเร็ว หรือทักษะอะไรเลย ดังนั้นยอดฝีมือจึงแบ่งระดับรูปแบบเต๋าระดับสูงออกเป็นเก้าดาว หนึ่งดาวจะอ่อนแอที่สุดขณะที่เก้าดาวจะแข็งแกร่งที่สุด อย่างตาแก่ตระกูลเหลยที่ผสานรูปแบบเต๋าระดับสูงเจ็ดดาวได้นั้นมีพลังโจมตีทีได้รับการยอมรับว่าเป็นอันดับหนึ่งในเผ่าเทพประทาน”
“ข้าเข้าใจแล้ว!”
เจียงอี้พยักหน้าเงียบๆและพบว่ามันค่อนข้างเข้าใจง่าย มีขอบเขตเทียนจุนที่แข็งแกร่งและอ่อนแอเช่นหยางตงกับหัวหน้าเหลิ่งที่เป็นขอบเขตเทียนจุนระดับกลางเหมือนกัน แต่ความแข็งแกร่งในการต่อสู้ของพวกเขาต่างกันมาก เป็นเพราะรูปแบบเต๋าที่พวกเขาเข้าใจ ชิงหลงแห่งสมาคมการค้าอาจเป็นขอบเขตเทียนจุนขั้นสูงสุด แต่รูปแบบเต๋าที่เขาเข้าใจนั้นไม่ทรงพลังอย่างแน่นอน บางทีเขาอาจไม่ได้รวมรูปแบบเต๋าระดับสูงใดๆได้ แต่เขาอาจมีรูปแบบเต๋าระดับกลางหลายรูปแบบเท่านั้น
นี่คือความต่างของปริมาณและคุณภาพ!
เมื่อจอมยุทธเข้าถึงรูปแบบเต๋าระดับต่ำสามรูปแบบและมีแก่นพลังเพียงพอ จอมยุทธผู้นั้นจะกลายเป็นยอดฝีมือขอบเขตจินกัง แต่หากเขาเข้าถึงรูปแบบเต๋าระกับกลางได้เพียงรูปแบบเดียว เขาก็จะกลายเป็นยอดฝีมือขอบเขตจินกังเหมือนกัน แต่ความแข็งแกร่งของฝ่ายหลังย่อมแข็งแกร่งกว่าอย่างแน่นอน
อย่างที่เจียงอี้เข้าถึงรูปแบบเต๋าระดับต่ำได้กว่าสิบรูปแบบ และเมื่อแก่นแท้พลังเขาได้รับการฝึกปรือไประดับหนึ่งแล้ว เขาก็จะถือว่าเป็นขอบเขตเทียนจุนจริงๆ แต่หากเขาไม่มีเปลวเพลิงอัสนี ความแข็งแกร่งในการต่อสู้ของเขาก็จะอ่อนแออย่างน่าสมเพช
ระดับการบ่มเพาะพลังนั้นสามารถเพิ่มได้อย่างง่ายดาย แต่หากจะให้ความแข็งแกร่งในการต่อสู้เพิ่มขึ้น เราจะต้องหลอมรวมเต๋าระดับสูง ยิ่งระดับเต๋าสูงมากเท่าไหร่ ความแข็งแกร่งในการต่อสู้ก็จะยิ่งโดดเด่นมากขึ้นเท่านั้น
“ข้าสงสัยจังว่ารูปแบบเต๋าระดับสูงของข้าจะเป็นดาวอะไรหลังจากที่หลอมรวมมันได้แล้ว?”
เจียงอี้มีความคาดหวังอย่างมากขณะที่เขาได้หลอมรวมรูปแบบเต๋าระดับต่ำได้หกรูปแบบแล้ว หากเขาสามารถหลอมรวมรูปแบบเต๋าระดับต่ำทั้งสามที่เหลือเข้าไปได้ เขาก็จะเห็นได้ว่ามันทรงพลังเพียงใด
เจียงอี้ถามด้วยความสงสัยว่า “พี่ใหญ่หวงฝู ใครตัดสินระดับดาวกัน? แล้วระดับดาวของรูปแบบเต๋าระดับสูงที่ปกติอยู่ในดาวไหนกัน?”
“ง่ายมาก!”
หวงฝูเทาเทียนตอบว่า “ตระกูลหนานกงมีห้องโถงฝึกการต่อสู้ขนาดใหญ่และทรงพลัง หากเจ้ารวมรูปแบบเต๋าระดับสูงได้ เจ้าสามารถไปที่นั่นเพื่อทดสอบมันได้ แต่จอมยุทธทั่วไปจะหลอมรูปแบบเต๋าระดับสูงที่สามดาวและต่ำกว่านั้น อ้อใช่…ตระกูลหนานกงมีแดนลึกลับที่เปิดสาธารณะด้วย แต่ทุกการเข้าไปที่นั่นครั้งหนึ่งจะต้องใช้ศิลาสวรรค์พันล้านก้อนและมีเวลาจำกัดสองชั่วโมง มันจะขึ้นอยู่กับโชคชะตาของเจ้าว่าเจ้าจะเข้าถึงอะไรได้หรือไม่ หากน้องเจียงอยากไปดู ข้าพาเจ้าไปที่นั่นได้”
“แดนลึกลับ?”
ที่ภูเขาอัสนีเป็นแดนลึกลับที่เขาสัมผัสรูปแบบเต๋าระดับสูงนี้ได้ มันจะสมบูรณ์แบบมากหากเขาเข้าสู่แดนลึกลับนั้นและตระหนักถึงบางอย่างเพื่อหลอมรวมรูปแบบเต๋าระดับสูงนี้ได้อย่างสมบูรณ์