เพลิงพิโรธสวรรค์ Fury towards the burning heaven - บทที่ 782 การเปลี่ยนแปลงของตำหนักดาว
- Home
- เพลิงพิโรธสวรรค์ Fury towards the burning heaven
- บทที่ 782 การเปลี่ยนแปลงของตำหนักดาว
หวงฝูเทาเทียนกลับมาในอีกหนึ่งชั่วโมงต่อมาและได้ข้อมูลบางอย่างมา ข้อมูลนั้นบอกว่าลู่หลินและลู่หยี่ได้เข้าไปยังตระกูลเหลยและยังไม่กลับออกมา และยังมีข้อมูลว่าแม่นางเชียนเชียนพักอยู่ที่เรือนรับรองเล็กซือถูของซือถูอีเนี่ยน อย่างไรก็ตาม ตระกูลลู่และตระกูลเหลยก็ยังไม่ได้มีการเคลื่อนไหวใดๆ
เจียงอี้รู้สึกผิดหวังเล็กน้อยเนื่องจากหวงฝูเทาเทียนไม่ได้ข้อมูลเกี่ยวกับเจ๊ใหญ่กระพรวนกังวานมามากนัก เขารู้เพียงว่านางเคยอภิเษกกับตระกูลลู่ แต่ขณะที่นางกำลังจะเดินทางไปตระกูลลู่ นายน้อยก็ถูกโจรสังหารเมื่อออกมาข้างนอก จากนั้นหนานกงหยุนยี่ก็สั่งเจ๊ใหญ่กระพรวนกังวานให้ถือการแต่งงานเอาไว้และกลายเป็นหม้าย
เจ๊ใหญ่กระพรวนกังวานไปเจออะไรในเมืองพยัคฆ์ขาว? ทำไมนางจึงไปยังเมืองอัสนีฟ้ากระจ่างและทำไมนางถึงกลับมาเมืองเทพประทาน? นางมีปัญหาอะไรกัน? หวงฝูเทาเทียนไม่สามารถหาข้อมูลอะไรได้เลยเนื่องจากมันเป็นเรื่องของตระกูลหนานกง เมื่อเห็นว่าหนานกงหยุนยี่เป็นคนหัวโบราณเพียงใดและกฎของตระกูลก็เข้มงวดมาก พวกเขาจะไม่มีวันยอมปล่อยให้ข้อมูลรั่วไหลออกมาอย่างแน่นอน
เจียงอี้ไม่อยากคิดเรื่องนี้อีกต่อไป หลังจากที่เมืองสงบลงและความวุ่นวายสงบลงไปแล้ว เขาก็จะไปเยี่ยมตระกูลหนานกง
ในวันถัดมา หวงฝูเทาเทียนก็นำศิลาสวรรค์ไปบางส่วนและนำกลุ่มผู้เชี่ยวชาญกลับมาภายในหกชั่วโมง ผู้เชี่ยวชาญเหล่านี้เป็นทาสที่ถูกซื้อมาจากตลาดมืดและมีความแข็งแกร่งในระดับต่างๆ ผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในนั้นเป็นขอบเขตเทียนจุนระดับต่ำและผู้ที่อ่อนแอที่สุดอยู่ขอบเขตจินกังขั้นที่ห้า พวกเขามีกันอยู่ทั้งหมดสิบคนขณะที่หวงฝูเทาเทียนนำรถม้าขนาดใหญ่กลับมาด้วย เฉียนว่านก้วนขึ้นรถม้าไปอย่างภาคภูมิและย้ายไปยังที่พักใหม่โดยที่เจียงอี้และหวงฝูเทาเทียนคอยคุ้มกันเขา
ที่พักใหม่นั้นอยู่ทางตะวันออกของเมืองและเป็นลานที่ใหญ่ที่สุด หวงฝูเทาเทียนซื้อเครื่องเรือนในบ้านใหม่มากมายและให้คนไปตกแต่งประดับสถานที่เรียบร้อยแล้ว ที่หน้าประตูนั้นถูกเขียนว่า….ตำหนักอี!
ที่พักนั้นมีลานทั้งด้านในและด้านนอก เจียงอี้และกลุ่มของเขาอยู่ที่พักชั้นใน ส่วนทหารยามก็จะอยู่ที่ลานตำหนักชั้นนอก ผู้คุ้มกันเหล่านี้เป็นทาสวิญญาณและผนึกแห่งดวงจิตของพวกเขาก็ถูกหวงฝูเทาเทียนยึดครอง จึงไม่จำเป็นต้องกลัวว่าข้อมูลของพวกเขาจะถูกเปิดเผย แน่นอนว่าลานด้านในและด้านนอกต่างก็มีข้อจำกัดซึ่งทำให้เจียงอี้และกลุ่มของเขาปลอดภัยมากขึ้นในการอยู่ในลานตำหนักชั้นใน
ทุกสิ่งกำลังเป็นไปได้ด้วยดี ในวันที่สาม เจียงอี้ก็รู้สึกสบายใจมากขึ้นเมื่อเฉียนว่านก้วนไปเยี่ยมซือถูอ้าวขณะที่หวงฝูเทาเทียนและผู้คุ้มกันห้าคนไปกับเขาด้วย ซือถูอ้าวและซือถูอีเสี้ยวมาต้อนรับเฉียนว่านก้วนด้วยตัวเองขณะที่ซือถูอีเนี่ยนก็มาทานอาหารกับเฉียนว่านก้วนด้วยเช่นกัน แต่แม่นางเชียนเชียนไม่ได้ปรากฏตัวออกมา
ซือถูอ้าวไม่ได้พยายามจะรับเขาเข้าตระกูลอย่างโจ่งแจ้ง แต่เห็นได้ชัดว่าเขาต้องการสร้างสัมพันธ์ที่ดีด้วย เขายังบอกเป็นนัยกับเฉียนว่านก้วนด้วยว่าตระกูลเหลยและตระกูลลู่จะไม่ทำตัวประมาท และตราบใดที่พวกเขาไม่ออกจากเมือง พวกเขาก็จะปลอดภัยมาก
ในวันที่สี่ เฉียนว่านก้วนและหวงฝูเทาเทียนได้ไปเยี่ยมตระกูลเหลย ซึ่งเหลยถิงเวยไม่ได้ออกมาต้อนรับและเหลยฉีเหยียนด้วยเช่นกัน ผู้อาวุโสเป็นคนต้อนรับพวกเขาทั้งสอง แต่เขาไม่ได้ส่อเจตนาใดๆออกมา มันจึงยากที่จะรู้ถึงเจตนาของเขา
หนึ่งเดือนต่อมา เฉียนว่านก้วนได้ไปเยี่ยมตระกูลหนานกง, ตระกูลหวงฝูและตระกูลที่เหลือในสิบสามตระกูล หนานกงหยุนยี่ไม่ได้ออกมาต้อนรับและเป็นนายน้อยตระกูลหนานกงที่มาต้อนรับเขา
และตอนที่ไปตระกูลหวงฝู หวงฝูเทาเทียนไม่ได้เข้าไปและหวงฝูฉีก็ไม่ออกมาเช่นกัน ผู้ที่ออกมาต้อนรับเป็นสตรีอันดับหนึ่งของตระกูลหวงฝู หวงฝูหยุนที่เป็นผู้ต้อนรับเฉียนว่านก้วน ทัศนคติของนางค่อนข้างดีซึ่งมันทำให้เฉียนว่านก้วนรู้สึกพอใจอยู่ในใจ
ตระกูลที่เหลือปฏิบัติกับเจียงอี้เป็นอย่างดีเช่นกัน ยกเว้นตระกูลลู่ เฉียนว่านก้วนได้ปลอมตัวเป็นนายน้อยอีเพียวเพียว ซึ่งเป็นศิลปินขั้นเทพเพียงคนเดียวของเผ่าเทพประทาน ตอนนี้เขาอาจจะอยู่ขอบเขตจินกังขั้นสูงสุดเท่านั้น แต่ไม่มีผู้ใดรู้ว่าเขาปรับแต่งชิ้นส่วนรูปแบบเต๋าวิญญาณ เขายังเด็กอยู่และเขายังสามารถบ่มเพาะพลังไปถึงขอบเขตที่สูงขึ้นได้ หากเขาสามารถสลักลวดลายเต๋าระดับกลางหรือแม้แต่…ลวดลายเต๋าระดับสูงลงไปในภาพวาดสวรรค์ได้ ภาพวาดสวรรค์ของเขาจะเป็นสมบัติล้ำค่า
ทั้งสิบสามตระกูลต้องการสร้างสัมพันธ์ที่ดีกับเฉียนว่านก้วนเพื่อที่พวกเขาจะได้ครองภาพวาดสวรรค์ที่มีมาตรฐานสูงในภายภาคหน้า มันจะช่วยให้ตระกูลของพวกเขามีแดนลึกลับอีกแห่งซึ่งมันจะทำให้ลูกหลานของพวกเขาในอนาคตได้ประโยชน์อย่างมหาศาล
ส่วนเจียงอี้ก็เข้าสู่สันโดษไปแล้ว!
เขาเข้าไปในราชวังจักรพรรดิและปล่อยให้เฟิ่งหลวน, หวงฝูเทาเทียนและเฉียนว่านก้วนคอยจัดการเรื่องต่างๆขณะที่เขาจดจ่ออยู่กับการบ่มเพาะแก่นแท้พลังของเขาอย่างเต็มที่ ในเวลาเดียวกัน เขาก็คิดหาทางหลอมรวมรูปแบบเต๋าระดับสูงและเข้าถึงสวรรค์สยบเพลิงอเวจีด้วย
ขณะที่เฉียนว่านก้วนเดินเล่นไปรอบๆด้วยชื่อเสียงและสร้างสัมพันธ์ที่ดีกับตระกูลต่างๆในเมือง ลู่หลินและเหลยฉีเหยียนต่างก็กัดฟันเงียบๆ เหลยถิงเวยสั่งพวกเขาไว้ว่าห้ามทำอะไรในที่สาธารณะ หากพวกเขาหลอกล่อเฉียนว่านก้วนและคนอื่นๆให้ออกจากเมืองได้ พวกเขาจะทำอะไรก็ได้ตามที่ต้องการ แต่หากพวกเขาทำอะไรโดยประมาทในเมือง พวกเขาจะถูกลงโทษโดยกฎของตระกูล
หลอกล่อพวกเขาออกจากเมืองรึ?
ลู่หลินและเหลยฉีเหยียนไม่มีความสามารถเช่นนั้น พวกเขาจงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องรอให้โอกาสนั้นมาถึง
หนึ่งเดือนต่อมา ลู่หลีและประมุขตระกูลอื่นๆก็พากันกลับไปเรื่อยๆขณะที่ลู่หลินและลู่หยี่ยังอยู่ หากพวกเขาไม่ได้แก้แค้น พวกเขาคงเจ็บปวดใจและส่งผลต่อการฝึกฝนของพวกเขาด้วย ส่วนลู่หลีก็ไม่ได้พูดอะไรเลยและเพียงแค่ให้ผู้อาวุโสหรงคอยอยู่ดูแลพวกเขาทั้งสองคน
ในวันรุ่งขึ้น แม่นางเชียนเชียนก็เดินทางกลับไปยังทะเลลึกไร้สิ้นสุดเช่นกัน ดูเหมือนว่าประมุขของทั้งสี่ตระกูลต่างก็ออกไปส่งลานางขณะที่เมืองก็เริ่มฟื้นคืนความสงบ
ในช่วงเวลานี้ เจียงอี้ไม่เคยโผล่ออกมาจากสันโดษเลย แม้แต่ช่วงเทพสะอื้นเองก็ตาม เนื่องจากหวงฝูเทาเทียนซื้อยาเทพสะอื้นไว้มากแล้ว ทำให้คนอื่นๆก็ไม่ได้รับผลกระทบจากเทพสะอื้นเช่นกัน
ด้านเจียงเสี่ยวนู๋ได้เข้าไปในราชวังจักรพรรดิเพื่อบ่มเพาะพลังขณะที่เฟิ่งหลวนและชิงหยีอยู่ข้างนอกเพื่อเลี้ยงสัตว์ตัวน้อยๆ, เย็บปักถักร้อยและวาดภาพ วันเวลาผ่านพ้นไปอย่างสงบสุขมาก ส่วนเฉียนว่านก้วนเป็นผู้ที่ไร้กังวลที่สุดเนื่องจากบางครั้งเขาจะพากลุ่มทหารไปเดินเล่นในเมือง บ้างก็ไปในฐานะแขกของสถานที่หนึ่ง จากนั้นก็ไปงานเลี้ยงในอีกสถานที่หนึ่ง เขาเป็นที่ต้อนรับอย่างมากในทุกๆที่
หวงฝูเทาเทียนเองก็เข้าสู่สันโดษเช่นกัน แต่เขานั่งอยู่ที่ลานด้านนอก การมีเขาคอยดูแลที่พักแห่งนี้ มันจะปลอดภัยมากและไม่มีผู้ใดกล้าทำอะไรสุ่มสี่สุ่มห้า หากผู้ใดกล้าบุกเข้ามาในลานบ้าน เขาอาจจะสังหารคนเหล่านั้นด้วยคมกระบี่เดียว!
เมื่อมีผู้พิทักษ์อยู่ที่นี่ เจียงอี้ก็รู้สึกสบายใจและเข้าสู่สันโดษ และในคืนหนึ่งหลังจากผ่านมานานนับสองเดือน ก็ได้มีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้น!
ซู่ ซู่!
ค่ำคืนนี้มีดวงดาวกระจัดกระจายและไม่มีเมฆในบริเวณใกล้เคียง ในช่วงตกกลางคืนก็มีพายุรุนแรงขึ้นเนื่องจากพลังฟ้าดินได้มารวมตัวกันอย่างบ้าคลั่งบนท้องฟ้าเหนือเมือง เหนือสวรรค์เก้าชั้นฟ้า ดาวดวงหนึ่งสว่างขึ้นมาและส่องลำแสงศักดิ์สิทธิ์เข้ามาในที่พักเมืองเทพประทาน
“ฮือฮา!”
ทั้งเมืองรับรู้เรื่องนี้ทันที พลังดาราเก้าสวรรค์? นี่เป็นสิ่งที่ไม่เคยเห็นมานานกว่าสองปี ซึ่งครั้งก่อนนั้นคือเมื่อตอนที่หวงฝูเทาเทียนออกจากสันโดษ
เจียงอี้และคนอื่นๆไม่รู้มาก่อนว่าจะต้องมีคนเข้าถึงอะไรบางอย่างที่เทียบเท่ากับรูปแบบเต๋าระดับสูงห้าดาวหรือรูปแบบเต๋าพิเศษเพื่อให้ได้มาซึ่งพลังของดาราเก้าสวรรค์ ในสถานการณ์ทั่วไป จะไม่มีผู้ใดสามารถสื่อกับกฎแห่งสวรรค์และโลกาและได้อำนาจจากดาราเก้าสวรรค์ได้
“ผู้ใดกล้าแผ่สัมผัสศักดิ์สิทธิ์มา ก็อย่าโทษข้าที่โหดเหี้ยมแล้วกัน!” Aileen-novel
เมื่อหวงฝูเทาเทียนสัมผัสได้ถึงสัมผัสศักดิ์สิทธิ์มากมายที่ส่องเข้ามา เขาก็โกรธเคืองทันทีและพุ่งขึ้นไปบนฟ้าเหนือลานบ้าน ร่างของเขาเปล่งแสงอัสนีออกมาขณะที่กระบี่ยาวของเขาปรากฏออกมาซึ่งมันปะทุด้วยสายฟ้า หากเขาฟาดฟันสัมผัสศักดิ์สิทธิ์เหล่านั้น เขาก็จะขจัดสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ออกไปได้อย่างแน่นอน
จากนั้นสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ทั้งหมดก็ถอนกลับไป และยอดฝีมือบางคนต่างรู้สึกงุนงง หรือว่าหวงฝูเทาเทียนสามารถผสานรูปแบบเต๋าระดับสูงที่เหนือกว่าห้าดาวได้อีก? หรือเป็นนายน้อยอีเพียวเพียวผู้นั้น? พลังดารานั้นล้ำค่าและลึกลับ คนผู้นั้นจะใช้พลังแห่งดวงดาราเพื่ออยู่ใกล้สวรรค์และโลกามากขึ้นได้
“เขาเป็นอัจฉริยะจริงๆ!”
หวงฝูเทาเทียนรู้โดยธรรมชาติว่าพลังดาราได้เข้าสู่ราชวังจักรพรรดิและเห็นได้ชัดว่าเจียงอี้สื่อกับกฎแห่งสวรรค์และโลกาได้ซึ่งมันส่งผลให้ดาราเก้าสวรรค์ประทานพลังดาราให้เขา
ส่วนเจียงอี้ไม่รู้สถานการณ์ภายนอกเลย เขาเข้าสู่สันโดษมาสองเดือนและดาวดวงที่สี่ของเขาก็เปลี่ยนไปในที่สุด การบ่มเพาะพลังของเขามาถึงขอบเขตจินกังขั้นสูงสุดแล้ว และเมื่อดาวในตันเทียนดวงถัดไปของเขาเปลี่ยนรูป เขาก็จะกลายเป็นขอบเขตเทียนจุนอย่างแท้จริง
“ความเร็วในการบ่มแก่นแท้พลังนี้เร็วเหลือเกิน ข้าคิดว่าข้าจะใช้เวลาราวๆครึ่งปีเพื่อเปลี่ยนแปลงดาวดวงที่ห้าได้ หากข้าสามารถฝึกฝนอยู่ที่นี่ได้สักสองสามปี ข้าจะสามารถเปลี่ยนดาวในตันเทียนของข้าได้เรื่อยๆ และเมื่อดาวทั้งเก้าดวงเปลี่ยนไปจนหมดแล้ว พลังของข้าจะอยู่ในระดับไหนกันนะ? หากข้าไม่พึ่งพารูปแบบเต๋าและเพียงแค่ใช้แก่นแท้พลังของข้า มันจะแข็งแกร่งเพียงใดกัน?”
เจียงอี้ไม่กล้าจินตนาการไปไกล แต่เขาก็เต็มเปี่ยมไปด้วยความหวังของอนาคตแล้ว