เพลิงพิโรธสวรรค์ Fury towards the burning heaven - บทที่ 784 ศิลปินขั้นเทพจะต้องตาย
- Home
- เพลิงพิโรธสวรรค์ Fury towards the burning heaven
- บทที่ 784 ศิลปินขั้นเทพจะต้องตาย
เจียงอี้กลับไปยังลานบ้านของเขา เขาไม่ได้พักผ่อนแต่เขาไปยังห้องศึกษาของเขาแทน
เขากำลังเตรียมตัวที่จะมุ่งหน้าไปยังแดนลึกลับพรุ่งนี้ ดังนั้นเขาจึงต้องวาดภาพให้เฉียนว่านก้วนวันนี้ หลักๆนั้นเป็นเพราะว่าเขาได้สัญญากับเจ้าอ้วนไว้แล้ว และเจ้าอ้วนกำลังแอบอ้างเป็นอีเพียวเพียว ดังนั้นเขาจึงต้องเตรียมภาพวาดเอาไว้บางส่วนด้วย
ลานกว้างนั้นใหญ่มาก ไม่เพียงแต่ทุกคนจะมีห้องขนาดใหญ่แล้ว แต่ยังมีห้องพิเศษที่ทำขึ้นเพื่อเป็นห้องศึกษาด้วย เฟิ่งหลวนวิ่งมาช่วยเจียงอี้บดหมึกเมื่อนางได้ยินว่าเจียงอี้กำลังจะวาดภาพ ในขณะที่ชิงหยีเองก็แอบมาช่วยสนับสนุนด้วย
“ภาพทิวทัศน์?”
เจียงอี้คิดอยู่ครู่หนึ่งและเมืองเทพประทานก็ปรากฏขึ้นในใจของเขา เขาหลับตาลงช้าๆและเข้าสู่สภาวะมนุษย์ประสานสวรรค์ แก่นแท้พลังของเขาค่อยๆหมุนเวียนอยู่รอบมือของเขา และจากนั้นเขาก็ขยับแปรงราวกับใบมีด!
ก้อนหินยักษ์ที่ลอยอยู่บนฟ้าปรากฏขึ้นบนภาพวาดเพียงไม่นาน และเมืองโบราณเก่าแก่ที่มีมุมๆหนึ่งของเมืองโผล่ออกมาเหนือก้อนหินขนาดยักษ์ แม้จะมองเห็นเพียงมุมเดียว แต่มันก็ยังเห็นได้ว่าเมืองนี้เจริญรุ่งเรืองและสง่างามเพียงใด เมืองนี้ถูกหลอมรวมเข้ากับก้อนหินยักษ์ และเพียงแวบเดียวก็สามารถให้ความรู้สึกกว้างใหญ่ไพศาลซึ่งจะทำให้จิตใจของผู้คนตกตะลึง
“ดี! ฝีมือการวาดภาพของนายน้อยพัฒนาขึ้นอีกแล้วเจ้าค่ะ”
เฟิ่งหลวนพยักหน้าเล็กน้อยขณะที่ชิงหยีถอนหายใจไม่หยุดหย่อน ภาพวาดสวรรค์นี้อาจมีรูปแบบเต๋าธรณีแทรกซึมอยู่ แต่มันไม่มีความรู้สึกใดๆที่หลอมรวมเข้าไปด้วย แต่มันก็ยังคงสง่างามและเพียงแค่ชำเลืองมองก็พอจะทำให้ใจสั่นได้แล้ว
เห็นได้ชัดว่าภาพวาดนี้ดีกว่าภูเขาไฟระเบิดมาก แต่มันยังเทียบไม่ได้กับ “ความตรอมตรม” “ความโหยหา” “ความหลงใหล” บางทีเจียงอี้คงไม่สามารถวาดภาพวาดทั้งสามนี้ได้อีก
“ความตรอมตรม ความโหยหา ความหลงใหล?”
เจียงอี้ถอนหายใจด้วยความเสียใจหลังจากนึกถึงภาพวาดทั้งสามนั้น แต่ดวงตาของเขาก็สว่างขึ้นอย่างรวดเร็ว นับตั้งแต่การประมูล มันก็ผ่านมาสองเดือนแล้ว เขาคิดว่าพ่อค้าบางคนน่าจะเผยแพร่สิ่งที่เกิดขึ้นในการประมูลไปยังทวีปจักรพรรดิบูรพาแล้วใช่ไหมนะ? ชื่อของ “อีเพียวเพียว” ก็น่าจะดังก้องไปทั่วทั้งทวีปจักรพรรดิบูรพาแล้ว และตอนนี้ก็ถึงเวลาแล้วที่จะหาว่าอีเพียวเพียวอยู่ในทวีปจักรพรรดิบูรพาหรือไม่
“ท่านแม่ ท่านอยู่ที่ไหนกัน? หยูเวินผู้นั้นคือใครกันแน่?”
เจียงอี้ถอนหายใจเบาๆและจิตใจของเขาก็เต็มไปด้วยความสับสน ตระกูลที่มีชื่อเสียงที่สุดซึ่งมีแซ่อีนั้นเป็นตระกูลจักรพรรดิอรหัง แต่อีฉานบอกว่านางไม่เคยได้ยินชื่ออีเพียวเพียวและหยูเวินมาก่อน เรื่องนี้จึงน่าเป็นกังวลนัก
“ไม่คิดแล้ว!”
เจียงอี้ส่ายหัวและเดินออกจากห้องศึกษาไป เขาส่งต่อเรื่องให้เฟิ่งหลวนไปจัดการ ก่อนหน้านี้ เฟิ่งหลวนก็เป็นคนทิ้งนามผู้วาดเอาไว้ในภาพ และในภาพวาดทั้งสามที่เจียงอี้วาดออกมานั้น….ช่างน่าเกลียดเหลือเกิน!
…
เจียงอี้เดาไว้ไม่ผิด ชื่ออีเพียวเพียวถูกแพร่ไปโดยพ่อค้าจากทวีปจักรพรรดิบูรพามากมายและทำให้เกิดความโกลาหลขึ้น
โดยเฉพาะเรื่องน่าอัศจรรย์ในการประมูล ผู้คนต่างแย่งชิงกันเป็นคนแรกที่ได้เล่าเรื่องเหล่านั้นออกมา ภาพวาดทั้งสามถูกประมูลออกไปในราคาที่สูงถึงแสนสองหมื่นล้าน? รถม้าศึกจักรพรรดิโลหิตปรากฏขึ้นอีกครั้ง? แล้วยังมีไข่มุกแห่งชีวิตที่ถูกประมูลไปที่สองแสนล้านและถูกใช้กับคนตาย?
เรื่องทั้งหมดนี้ท่วมท้นหัวใจของผู้คนและทุกคนก็ชอบเผยแพร่เรื่องราวที่น่าสนใจเช่นนี้ไปทั่ว เก้าจักรพรรดิเองก็ได้ข่าวนี้ทันที ซึ่งผู้อาวุโสในตระกูลที่ดูแลเกาะแห่งบาปมีภาพวาดทั้งสามอยู่ในห้องของพวกเขา นอกจากนี้มันยังมีข้อมูลที่ละเอียดมากอีกด้วย
ณ เมืองจักรพรรดิอรหัง….!
ภายในลานเล็กๆอันงดงาม หญิงสาวผมสีม่วงผู้สวมผ้าปิดหน้ากวาดตามองไปยังภาพวาดทั้งสาม นางขมวดคิ้วแล้วพึมพำว่า “อีเพียวเพียว? หรือว่าจะเป็นเจียงอี้?” ไอลีนโนเวล
อีฉานจำชื่ออีเพียวเพียวได้อย่างชัดเจนเป็นพิเศษ เจียงอี้เคยถามนางว่านางรู้จักอีเพียวเพียวและหยูเวินหรือไม่ในตอนที่เขาออกมาจากราชวังจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์ลี้ลับ เดิมทีเจียงอี้คิดว่าอีเพียวเพียวเป็นป้าของอีฉาน แต่หลังจากที่เขารู้ว่ามันไม่ได้เป็นเช่นนั้น สีหน้าที่ผิดหวังของเขาเหมือนจะปรากฏขึ้นต่อหน้าอีฉานอีกครั้ง
“เจ้าได้ตรวจสอบตัวตนของอีเพียวเพียวแล้วหรือยัง? มีรูปเขาไหม?”
เกาะแห่งบาปถือเป็นความอัปยศแก่เก้าตระกูลจักรพรรดิ พวกเขาไม่เคยหยุดคิดจะทำลายเกาะแห่งบาปเลย ดังนั้นพวกเขาจึงใส่ใจเรื่องเกี่ยวกับเกาะแห่งบาปมาก การบ่มเพาะพลังของอีฉานอยู่ในช่วงคอขวดหลังจากที่นางกลับมาและบิดาของนางอนุญาตให้นางเข้าไปในโถงอาวุโสของตระกูลอีเพื่อขัดเกลาตัวเอง
จริงหรือนี่!
ห้องโถงอาวุโสมีทางเลือกให้อีฉานมากมาย และสุดท้ายนางก็เลือกที่จะติดตามสถานการณ์และข่าวกรองของเกาะแห่งบาป นางรู้ว่าเจียงอี้เข้าไปในเกาะอัสนีฟ้ากระจ่างและค้าหินอัสนีกับลู่ผิงด้วย เพราะว่า….พ่อค้าจากทวีปจักรพรรดิบูรพามากมายที่ซ่อนตัวอยู่ในเกาะแห่งบาปนั้นเป็นสมาชิกเก้าตระกูลจักรพรรดิ
ความเร็วที่เจียงอี้เติบโตขึ้นนั้นทำให้อีฉานถอนหายใจด้วยความเศร้า มันมีคำสั่งจากเก้าตระกูลจักรพรรดิว่าผู้ใดก็ตามที่เข้าไปยังเกาะแห่งบาปแล้วก็ถือเป็นศัตรูของเก้าตระกูลจักรพรรดิ และพวกเขาก็จะไม่มีสิทธิ์เข้าร่วมตระกูลไปอย่างสมบูรณ์
ผู้บัญชาการยืนอยู่ข้างในห้องศึกษาและตอบคำถามอีฉานด้วยความเคารพ “เราไม่สามารถระบุตัวตนเขาได้ขอรับ ในตอนนี้อาจารย์อีเพียวเพียวอาศัยอยู่ทางตะวันออกของเมืองเทพประทาน และมีทหารยามประจำการอยู่ทุกทางเข้าออก และเขาได้ความเคารพนับถือจากตระกูลที่มีอิทธิพลในเมืองเทพประทาน แม้แต่ลู่หลินและเหลยฉีเหยียนเองก็ยังไม่กล้าเคลื่อนไหว นอกจากนี้ หวงฝูเทาเทียนยังคอยเฝ้าอยู่ที่ลานด้านนอกตำหนักอีด้วย จึงไม่มีผู้ใดกล้าไปสำรวจรอบๆเลยขอรับ”
“เอาล่ะ เจ้าไปได้แล้ว หากได้ข้อมูลใหม่มารีบมาแจ้งข้าทันที และหาทางนำภาพผู้ที่ชื่ออีเพียวเพียวมาด้วย”
อีฉานโบกมือของนางและหยิบภาพวาดทั้งสามขึ้นมา ภาพทั้งสามนี้คือความตรอมตรม ความโหยหา ความหลงใหล แน่นอนว่ามันไม่ใช่ของจริงแต่เป็นเพียงภาพเลียนแบบ นอกจากนี้มันยังมีระดับมาตรฐานอีกด้วย
“เขาจงใจมุ่งเป้าไปที่ลู่หลินหรือเปล่านะ? เขาซื้อกระดิ่งวิญญาณอินทนิลและมอบมันให้กับหนานกงฉี่หลิง? แล้วเขายังให้หวงฝูเทาเทียนยืนศิลาสวรรค์แปดหมื่นล้าน? นี่มันเหมือนนิสัยของเจียงอี้เลย!”
ดวงตาคู่งามกระพริบอยู่ภายใต้หน้ากากปีศาจของอีฉาน นางหยุดนิ่งไปครู่หนึ่งก่อนที่จะพึมพำ “อีเพียวเพียว? คนผู้นี้มีสัมพันธ์กับตระกูลเราหรือเปล่า? เฮ้อ…ท่านปู่เองก็เข้าสู่สันโดษอีกครั้งหลังจากกลับมาจากภูเขาลี้ลับ ข้าไม่มีโอกาสได้เจอเขาเลย ไม่เช่นนั้นข้าอาจจะถามเขาและเขาน่าจะรู้เรื่องนี้ แล้ว ใครคือหยูเวินกัน?”
“ศิลปินขั้นเทพ? ฮึ่ม!”
ใบหน้าของอีฉานเยือกเย็นลงอย่างรวดเร็ว “ไม่ว่าอีเพียวเพียวจะเป็นเจียงอี้หรือไม่ก็ตาม ความตายก็ยังรอเขาอยู่ เก้าตระกูลจักรพรรดิจะไม่ยอมให้ศิลปินขั้นเทพปรากฏในเกาะแห่งบาป แม้ว่าตระกูลอีจะไม่เคลื่อนไหวแต่ตระกูลอื่นๆก็ยังคงเคลื่อนไหวอยู่ดี เจียงอี้ หากเป็นเจ้าจริงๆก็คงได้แต่โทษตัวเองที่โชคไม่ดีเช่นนี้”
อีฉานรู้ดีมากว่าศิลปินขั้นเทพมีความสำคัญเพียงใด ปู่ของนางคือจักรพรรดิอรหังผู้เป็นศิลปินขั้นเทพ ภาพวาดของเขาทำให้ลูกหลานตระกูลอีได้ประโยชน์อย่างไร้ที่สิ้นสุด อีฉานเข้าใจรูปแบบเต๋าระดับต่ำที่ต่างกันได้ถึงแปดรูปแบบจากภาพวาดและมันเพิ่มความเร็วในการเข้าถึงรูปแบบเต๋ามากนัก
หากพวกเขาปล่อยให้เจียงอี้เติบโตขึ้นเช่นนี้ไปเรื่อยๆ ลูกหลานของสิบสามตระกูลก็จะได้รับประโยชน์อย่างไม่มีสิ้นสุดหากพวกเขาได้ภาพวาดมาตรฐานระดับสูงจากเขาไป
เกาะแห่งบาปต้องถูกทำลายลง เหตุผลที่อีฉานเลือกเฝ้าเกาะแห่งบาปนั้น มันเป็นเพราะนางคิดที่จะทำลายมัน ดังนั้น…นางจึงไม่มีวันยอมให้บุคคลที่อาจเป็นศิลปินขั้นเทพมีชีวิตอยู่ต่อไปได้
…
“ใครก็ได้ ส่งข้อความถึงกองทัพมารคนบาปและหาทางทุกวิถีทางเพื่อสังหารอีเพียวเพียวซะ! หากมันจำเป็น แม้ว่าพวกเขาจะถูกเปิดเผยตัวตน มันก็ไม่สำคัญ!”
ภายในเมืองจักรพรรดิอุดร, หวู่นี่ตะโกนออกมาอย่างหนักแน่น หวู่นี่คอยรับผิดชอบเรื่องอื่นๆอีกมากมาย ไม่เพียงแต่เขาจะได้รับคำสั่งให้ติดตามทวีปจักรพรรดิบูรพาเท่านั้น แต่เขายังเฝ้าติดตามทุกการเคลื่อนไหวในอาณาเขตตระกูลหวู่ด้วย เขาจึงไม่ลังเลที่จะออกคำสั่งเมื่อได้รับข่าวมาเลย
เมืองจักรพรรดิแห่งหมู่มาร, เมืองจักรพรรดิแห่งมวลอสูร, และเมืองจักรพรรดิลี้ลับ…
นอกจากอีฉานแล้ว ผู้อาวุโสตระกูลจักรพรรดิอื่นๆที่เหลืออีกแปดตระกูลได้สั่งให้คนไปลอบสังหารอีเพียวเพียว เก้าตระกูลจักรพรรดิได้ควบคุมสมาคมการค้าที่ซ่อนอยู่ในเกาะแห่งบาปมากมายและได้นำมือสังหารมากมายเข้าไปที่นั่น จุดประสงค์ของมือสังหารนั้นง่ายมาก พวกเขาจะสังหารทายาทที่มีความสามารถจากสิบสามตระกูลและคิดหาทางสร้างความขัดแย้งในหมู่สิบสามตระกูลเอง หรือเพื่อทำลายค่ายกลเก้ามังกรสยบเทพและงานอื่นๆอีกมากมาย
อันที่จริงเจียงอี้นั้นอยู่ในเมืองเทพประทาน ในเมืองไม่อนุญาตให้เกิดการต่อสู้กัน อย่างไรก็ตามแต่ ทำไมพวกเขาจึงได้ชื่อว่ามือสังหาร? เพราะพวกเขาทั้งหมดพร้อมที่จะละทิ้งชีวิตของพวกเขา ดังนั้นพวกเขาจึงไม่กลัวในสิ่งที่พวกเขาทำและจะเคลื่อนไหวตราบใดที่มีโอกาส