เพลิงพิโรธสวรรค์ Fury towards the burning heaven - บทที่ 786 พลังวายุ? พลังแห่งการทำลายล้าง?
- Home
- เพลิงพิโรธสวรรค์ Fury towards the burning heaven
- บทที่ 786 พลังวายุ? พลังแห่งการทำลายล้าง?
“ก็ได้!”
เจียงอี้พยักหน้าและจากนั้นเฉียนว่านก้วนก็ยื่นป้ายกิตติมศักดิ์และกำลังจะมอบศิลาสวรรค์ให้ห้าร้อยล้านก้อนแต่ผู้บัญชาการผู้นั้นก็หัวเราะและพูดว่า “นายน้อยตระกูลข้ากล่าวว่าหากกลุ่มของท่านต้องการเข้าไปยังแดนลึกลับ ครั้งแรกนั้นไม่มีค่าใช้จ่ายและพวกท่านสามารถอยู่ที่นั่นได้ตามต้องการเลยขอรับ”
“เช่นนั้นข้าวานไปขอบคุณนายน้อยของเจ้าด้วย”
เฉียนว่านก้วนพยักหน้าขณะที่เจียงอี้เดินไปทางค่ายกลเคลื่อนย้าย เฉียนว่านก้วนหันไปมองพี่ใหญ่หวงฝูเทาเทียนและส่งข้อความว่า “พี่ใหญ่เทาเทียน เจ้าอยากเข้าไปดูไหม?”
เฉียนว่านก้วนปรับแต่งชิ้นส่วนรูปแบบเต๋าวิญญาณไปแล้วและมันไม่มีความหายสำหรับเขาที่จะเข้าไป จากสถานการณ์แล้ว ดูเหมือนว่าพวกเขาจะเข้าไปได้โดยไม่มีค่าใช้จ่ายแต่เขาไม่ได้ต้องการเข้าไปด้วย
“ไม่ล่ะ ข้าเคยไปที่นั่นแล้วและแดนลึกลับในนั้นก็ไม่มีประโยชน์อะไรสำหรับข้าเลย”
หวงฝูเทาเทียนส่ายหัวและส่งข้อความไปยังเจียงอี้ลับๆ “น้องเจียง หากเจ้าทนอยู่ในนั้นไม่ได้ เจ้าก็ออกมาจากค่ายกลเคลื่อนย้ายได้ทันที เพียงแค่เทแก่นแท้พลังไปในค่ายกลเคลื่อนย้าย”
ทนอยู่ไม่ได้?
เจียงอี้ขมวดคิ้ว หวงฝูเทาเทียนไม่ได้บอกว่าข้างในนั้นปลอดภัยหรอกหรือ? แล้วข้าจะทนไม่ได้ได้อย่างไร?
บรึฟ!
เมื่อผู้บัญชาการยืนยันแล้วว่ามีเพียงเจียงอี้ที่เข้าไปในนั้น เขาก็สั่งให้คนเปิดใช้งานค่ายกลเคลื่อนย้าย จากนั้นร่างของเจียงอี้ก็หายไป และเฉียนว่านก้วนกับหวงฝูเทาเทียนก็จะไม่เสียเวลารอเจียงอี้อยู่ที่นี่ พวกเขาเดินไปรอบๆสมาคมการค้าพร้อมกับผู้บัญชาการและทิ้งทหารยามไว้รอเจียงอี้
บรึฟ!
เจียงอี้รู้สึกถึงแสงสีขาวที่วาบผ่านหน้าเขาก่อนที่เขาจะย้ายมาอยู่โลกที่ประหลาด ที่นี่เป็นที่ที่ต่างไปจากเดิมเหมือนกับเขตแดนลึกลับภายในสุสานราชันสวรรค์และราชวังลี้ลับ
สิ่งที่เข้ามาในดวงตาของเจียงอี้คือความรกร้าง มีพระอาทิตย์ที่เหมือนเลือดอยู่แต่ไกลและรอบๆนั้นไม่มีอะไรเลยนอกจากดินแดนแห้งแล้ง มีซากปรักหักพังอยู่ข้างล่างขณะที่เจียงอี้ยืนอยู่บนหินที่ลอยอยู่ มีหินลอยอยู่บนฟ้ามากมายซึ่งมีจำนวนอย่างน้อยหลายร้อยก้อน และตอนนี้มีคนมากมายนั่งอยู่บนหินซึ่งมีม่านพลังโปร่งใสอยู่ เจียงอี้ไม่ต้องตรวจสอบก็รู้ว่าม่านพลังนั้นไม่สามารถทลายลงได้
เจียงอี้เดินออกมาจากค่ายกลเคลื่อนย้ายและยืนอยู่บนขอบหินพร้อมกับมองพระอาทิตย์และรู้สึกว่ามันแปลกเล็กน้อย เหมือนว่ามันจะมีกลิ่นอายแห่งเต๋าอยู่ในนั้น?
ภูเขาที่แห้งแล้ง, ถิ่นกันดาร, ทะเลทรายสีเหลือง, ผืนดินที่ถูกทำลาย….กำแพงถล่ม!
นี่คือสิ่งที่เจียงอี้เห็นทั้งหมด ไม่มีต้นไม้ใบหญ้าแม้แต่ต้นเดียว มันไม่มีแม้แต่สิ่งมีชีวิตใดๆเลย
เจียงอี้จับจ้องอยู่ครู่หนึ่งและนั่งบนก้อนหินก่อนที่จะเข้าสู่สภาวะมนุษย์ประสานสวรรค์เพื่อสัมผัสรอบๆอย่างละเอียด
หลังจากที่ตรวจสอบอยู่ครู่หนึ่ง เขาก็ไม่ได้รู้สึกถึงการปรากฏแห่งเต๋าเลย จากนั้นก็มีแสงสีขาวแวบผ่านก้อนหินยักษ์แต่ไกลไป ผู้ที่นั่งอยู่ที่นั่นหายไปจากม่านพลังหินนั้น มันเห็นได้ชัดว่าเวลาของเขาหมดลงแล้วและเขาก็ถูกเคลื่อนย้ายออกไปเอง
ฮู่ ฮู่!
และทันใดนั้นเอง!
ลมเริ่มพัดมาจากภายนอกซึ่งทำให้ฟ้ากลายเป็นสีเหลืองและทำให้รอบๆดูรกร้างมากกว่าเดิม มีพายุอยู่แต่ไกลซึ่งทำให้ทรายสีเหลืองนับไม่ถ้วนถูกก่อขึ้นและปกคลุมพระอาทิตย์ทางตะวันตกและทำให้ที่นี่ครึ้มไป
“ฮู่ ฮู่…” ไอรีนโนเวล
มีเสียงแผ่วๆมาจากภายในพายุนั้นซึ่งมันเหมือนเสียงสะอื้นและมันก็เกินทนมาก จากนั้นเจียงอี้ก็เข้าใจว่าเหตุใดหวงฝูเทาเทียนจึงพูดเรื่องนั้นออกมา มันน่าจะเป็นเพราะเสียงนี้
“นี่คือเสียงเทพสะอื้น?”
เจียงอี้เกิดความสงสัยขณะที่เขาตรวจสอบดวงจิตของเขาอย่างระมัดระวัง แต่เขาก็ไม่ได้รู้สึกว่ามีสิ่งใดโจมตีดวงจิตวิญญาณของเขา
เมื่อเสียงดังขึ้นเรื่อยๆ ก็มีคนที่อยู่ด้านหลังเจียงอี้ไปสามกิโลเมตรไม่สามารถต้านทานเสียงนั้นได้อีกต่อไปและเข้าไปในค่ายกลเคลื่อนย้ายเพื่อออกไปจากที่นี่ แต่เจียงอี้ไม่ได้สนใจมันเลย เสียงนี้อาจดูไม่น่าอภิรมย์นักแต่เขาก็ยังทนได้
“รูปแบบเต๋าวายุยังทำให้เกิดการโจมตีดวงจิตวิญญาณได้ด้วย? มันเป็นรูปแบบเต๋าวายุประเภทใดกันนะ?”
เจียงอี้มองพายุที่อยู่ไกลๆอย่างสงสัย ลมนั้นสามารถสร้างเสียงที่ทำให้ผู้คนรู้สึกกังวลใจและทำให้ดวงจิตวิญญาณของพวกเขาพังทลายได้ นี่ถือเป็นการโจมตีดวงจิตวิญญาณ
“อืม ไหนข้าลองดูมันหน่อยว่าจะเข้าถึงรูปแบบเต๋าวายุระดับกลางหรือระดับสูงชนิดนี้ได้หรือไม่”
เจียงอี้ต้านความรู้สึกทั้งหมดเพื่อสัมผัสเสียงของลม, พายุลูกนั้นและสภาพแวดล้อมอย่างระมัดระวัง
แต่น่าเสียดาย…
มันผ่านไปได้หลายชั่วโมงแล้วแต่เขาก็ไม่ได้อะไรเลยเพราะรูปแบบเต๋านี้ไม่ได้เข้าใจได้ง่ายๆ มันอาจจะง่ายกว่าที่จะเข้าถึงรูปแบบเต๋าในแดนลึกลับ แต่หากผู้ใดไม่มีโชคชะตาก็จะไม่สามารถคว้าโอกาสนั้นไว้ได้ บางคนก็ยังคงกลับไปมือเปล่าแม้ว่าพวกเขาจะได้เข้าไปยังภูเขาแห่งขุมทรัพย์แล้วก็ตาม
ขณะที่พายุเคลื่อนผ่านถิ่นกันดารไป ทรายสีเหลืองก็กระทบกับม่านพลังของหิน และซากปรักหักพังด้านล่างที่ถูกทำลายไปแล้วกลับยิ่งเลวร้ายกว่าเดิม บ้านหลายหลังพังทลายไปเพราะแรงลมขณะที่เปลือกไม้ที่แตกแห้งถูกซัดกลืนไปหมด พื้นดินกลายเป็นความว่างเปล่า
“ฮู ฮู ฮู!”
พายุนั้นไม่ได้พัดมา แต่ถึงมันจะพัดผ่านมา มันก็ไม่สามารถทำลายม่านพลังได้ ในม่านพลังนั้นปลอดภัยมาก แต่เสียงนั้นก็ยิ่งดังขึ้นอีก แม้ว่าเจียงอี้จะปิดประสาทสัมผัสของเขาทั้งหมดแล้วแต่มันก็ยังสะท้อนอยู่ในดวงจิตของเขาซึ่งทำให้รู้สึกคลื่นไส้มากและเขาก็แทบอยากจะอาเจียนออกมา
หลังจากนั้นอีกสี่ชั่วโมง เจียงอี้ก็ลืมตาขึ้นมาอย่างไร้หนทางและถอนใจ “เฮ้อ…ดูเหมือนข้าจะไร้โชคชะตา ข้างนอกคงมืดแล้วใช่ไหมนะ ว่านก้วนและคนอื่นคงกังวลและรอข้าอยู่ ทำไมข้าไม่กลับมาครั้งหน้านะ?”
เดิมทีเขาสามารถอยู่ที่นั่นได้เพียงสองชั่วโมง แต่เจียงอี้อยู่ข้างในนี้มากว่าสิบชั่วโมงแล้ว แต่เขาก็ยังไม่ได้อะไรเลย มันก็หมายความว่าเขาไม่มีโชคกับแดนลึกลับนี้ ตอนอยู่ที่ภูเขาอัสนี เขาสามารถสัมผัสถึงการปรากฏแห่งเต๋าได้ตั้งแต่คืนแรกเลย
การทำความเข้าใจแห่งเต๋านั้นไม่สามารถฝืนกันได้และมันก็ไร้ประโยชน์หากยังฝืนต่อไป เจียงอี้กำลังจะยอมแพ้แล้ว เขายืนขึ้นมาและมองพายุที่เหมือนมังกรยักษ์ห่างไกลออกไป และมองดูพายุที่ผ่านแดนรกร้างและกำลังคิดกับตัวเองว่าหากไม่มีเสียงนี้ มันคงน่าตื่นเต้นมากที่ได้เห็นทิวทัศน์นี้
ตูม! ตูม! ตูม!
อาคารอีกหลังพังทลายลงเพราะแรงลมขณะที่อิฐมากมายลอยขึ้นสู่ฟ้า เจียงอี้ก็ส่ายหัวและหัวเราะอย่างขมขื่น ถึงแม้ว่าพายุเหมือนไม่ได้จะพัดเข้ามาในเมือง แต่ถ้ามีพายุพัดมาอย่างต่อเนื่อง เมืองยักษ์ก็คงจะถล่มทลายลงอย่างสมบูรณ์
“ถล่มทลาย? การทำลายล้าง? พลังแห่งวายุ?”
ขณะที่เจียงอี้กำลังมองมัน ดวงตาของเขาก็หรี่ลงทันใด เสียงนั้นดังขึ้นเรื่อยๆ แต่เขาไม่ได้สนใจมันเลย ครู่ต่อมาเขาก็ตบหัวตัวเองแล้วอุทานว่า “ข้าคิดผิดแล้ว ข้าเข้าใจผิดมาโดยตลอด ข้าตามเสียงนั้นไปเพื่อเข้าถึงรูปแบบเต๋าวายุระดับสูง ซึ่งมันไม่ใช่ความตั้งใจเดิมของข้า ข้ามาที่นี่เพื่อหลอมรวมรูปแบบเต๋าระดับสูงของข้า…พลังแห่งวายุทำลายทุกสิ่งได้ ซึ่งหมายความว่าพลังวายุสามารถหลอมรวมกับพลังแห่งการทำลายล้างได้ หากข้าหลอมรวมรูปแบบเต๋าทั้งสองได้ ข้าก็จะหลอมเต๋าเจ็ดประเภทได้อย่างง่ายดาย”
เจียงอี้นั่งขัดสมาธิและเข้าสู่สภาวะมนุษย์ประสานสวรรค์โดยไม่สนใจสิ่งอื่นใดเลย เขาสรุปความเป็นไปได้ในการหลอมรวมพลังวายุและการทำลายล้าง จากนั้นเขาก็ค่อยๆตรวจสอบและเริ่มวิเคราะห์ขณะที่พยายามหลอมพลังวายุ
ย้อนไปในทะเลเทพประทาน เจียงอี้สังเกตเห็นการต่อสู้ระหว่างหวงฝูเทาเทียนและชิงหลงและได้หลอมรวมพลังอัสนี, การทำลายล้าง, แสงสว่าง, ความมืดและชีวิตเข้าด้วยกัน ในตอนนี้ หากเขาหลอมพลังวายุได้ เขาจะเหลือเต๋าอีกเพียงสองรูปแบบเพื่อหลอมรวมมัน และเมื่อเขาพบวิธีที่จะหลอมรวมพลังโลหะและธรณีได้แล้ว ลวดลายเต๋าระดับสูงนี้ก็จะสมบูรณ์