เพลิงพิโรธสวรรค์ Fury towards the burning heaven - บทที่ 787 เปิดเผยตัวตน
“ฟ้าก็มืดแล้ว ทำไมลูกพี่ยังไม่ออกมาอีก?”
ในห้องโถงเล็กๆภายในสมาคมการค้าของตระกูลหนานกง เฉียนว่านก้วนและหวงฝูเทาเทียนนั่งดื่มชากันอยู่ เมื่อเห็นถนนที่หนาวเหน็บและไร้สีสันภายนอกหน้าต่าง เฉียนว่านก้วนก็รู้สึกกังวลเล็กน้อย เขามองไปที่หวงฝูเทาเทียนและถามว่า “พี่ใหญ่หวงฝู หรือว่าจะเกิดอะไรขึ้นกัน?”
“ฮึฮึ!”
หวงฝูเทาเทียนยิ้มอย่างแผ่วเบาและพูดว่า “ไม่ต้องกังวลไป ถึงจะมีอะไรเกิดขึ้นมันก็เป็นเรื่องดี ความแข็งแกร่งของดวงจิตน้องเจียงนั้นดีมากและเสียงวิญญาณในแดนลึกลับทำร้ายเขาไม่ได้ เป็นไปได้ว่าเขากำลังเข้าถึงบางอย่างได้ เจ้ามีอะไรต้องทำหรือเปล่า? เจ้าไปก่อนได้เลย เดี๋ยวข้าจะรอเขาอยู่ที่นี่เอง” เฉียนว่านก้วนมีบางสิ่งต้องจัดการ เขาพึมพำครู่หนึ่งแล้วพยักหน้า “พี่ใหญ่เทาเทียน เจ้าอยู่ที่นี่ก่อน ข้าจะไปยังเรือนรับรองเล็กซือถูแล้วจะกลับมาที่นี่ภายหลัง แม่นางอีเนี่ยนเชิญข้าไปงานเลี้ยงคืนนี้และมันคงไม่ดีหากข้าไม่ได้ไป”
“เช่นนั้นก็ไปเถอะ”
หวงฝูเทาเทียนโบกมือและส่งข้อความเมื่อเขานึกบางอย่างขึ้นได้ “ว่านก้วน ข้าว่าจะเป็นการดีกว่าที่เจ้าจะห่างจากซือถูอีเนี่ยนไว้หน่อย เด็กสาวคนนั้นเป็นวิญญาณจิ้งจอก ชายที่ได้พูดคุยกับนางมักจะหลงทางไปหลังจากที่หลงมัวเมาไปกับนาง หากเจ้ายังถลำลึกไปเรื่อยๆ เจ้าจะเป็นคนที่เจ็บปวดในท้ายที่สุด”
ดวงตาของเฉียนว่านก้วนหรี่ลงเล็กน้อยก่อนที่เขาจะพยักหน้าและนำทหารไม่กี่คนไปกับเขาด้วย ในขณะที่เขาเดินออกไป ดวงตาของเขาก็เร่าร้อนขึ้นอีกครั้ง ซึ่งหวงฝูเทาเทียนส่ายหัวด้วยรอยยิ้มอันขมขื่น ดูเหมือนว่าคำแนะนำของเขาจะสายเกินไปแล้วเนื่องจากเฉียนว่านก้วนถูกมนตร์สะกดซือถูอีเนี่ยนแล้ว
หวงฝูเทาเทียนตระหนักถึงบางสิ่งได้เมื่อเขานึกถึงวิธีการของหญิงสาวตระกูลซือถู หญิงสาวเหล่านี้ได้รับการฝึกฝนอบรมเกี่ยวกับวิธีหลอกล่อและล่อลวงผู้ชาย หากซือถูอีเนี่ยนตั้งใจจะเล่นกับเฉียนว่านก้วน นางเพียงต้องใช้วิธีง่ายๆไม่กี่วิธีและเฉียนว่านก้วนก็จะไม่สามารถหาทางออกมาได้อย่างแน่นอน
หญิงงามจากตระกูลใหญ่มักจะเป็นเพียงเครื่องมือในการคัดเลือกหนุ่มผู้มีพรสวรรค์เข้าตระกูลหญิงสาวเหล่านี้ล้วนเป็นวิญญาณจิ้งจอก และมักจะควบคุมผู้ชายที่พวกนางหยอกเล่นด้วยได้อย่างสมบูรณ์ พวกนางจะไม่ยอมเผยความคิดที่แท้จริงออกมาและจะไม่ยอมให้ผู้ใดได้สมปรารถนาและจะมีสัมพันธ์ที่คลุมเครือกับอีกคนหนึ่งขณะที่พวกนางจะวนเวียนอยู่รอบๆเหล่าผู้ชายทั้งหลาย และในท้ายที่สุดแล้วพวกนางก็จะไม่สามารถตัดสินใจได้ว่าจะแต่งงานกับใคร เนื่องจากผู้อาวุโสจะเป็นคนวิเคราะห์ว่าควรแต่งงานกับผู้ใดเพื่อให้ได้ประโยชน์สูงสุด จากนั้นพวกเขาจึงจะตัดสินใจรอบสุดท้ายว่าผู้ใดจะได้แต่งกับพวกนาง
เฉียนว่านก้วนเองนั้นเป็นคนที่ค่อนข้างหลักแหลมและได้เห็นสาวงามมากมาย แต่มันก็ง่ายเกินไปสำหรับซือถูอีเนี่ยน หากนางต้องการจะเล่นกับเขาจริงๆ นางก็สามารถทำให้เฉียนว่านก้วนจำนนต่อนางได้ตลอดเวลาที่ต้องการ หากเฉียนว่านก้วนเป็นศิลปินขั้นเทพจริงๆ มันก็อาจมีที่สำหรับเขาก็ได้ แต่เขาไม่ใช่ศิลปินขั้นเทพ ดังนั้นการมัวเมาไปกับซือถูอีเนี่ยนนั้นจะมีแต่การจบลงด้วยความเศร้าเท่านั้น
“ดูเหมือนว่าข้าจะต้องคุยเรื่องนี้กับน้องเจียงแล้ว ก่อนที่เฉียนว่านก้วนจะถลำลึกเกินไป เราจะต้องตัดความรู้สึกนั้นออกไป ไม่เช่นนั้นหากเขาถลำลึกเกินไป สุดท้ายเขาก็จะต้องทนทุกข์ไปตลอดชีวิตเช่นเดียวกับข้า”
หวงฝูเทาเทียนถอนหายใจและดื่มชาต่อก่อนที่เขาจะนั่งสมาธิอยู่ในห้องโถงเล็กๆ
…
บรึฟ!
กว่าสองชั่วโมงต่อมา หวงฝูเทาเทียนก็ลืมตาขึ้นมาและเผยรอยยิ้มออกมาทันที เขาเดินออกมาและเป็นไปตามที่คาดไว้ เขาเห็นว่าเจียงอี้ย้ายออกมาแล้วและกำลังยืนอยู่ที่ห้องโถงเล็ก
เขาส่งข้อความไปว่า “เป็นอย่างไรบ้าง? น้องเจียงได้อะไรมาบ้างหรือเปล่า?”
“ฮึฮึ!”
เจียงอี้ยิ้มและพยักหน้า “มันถือว่าได้ว่าเล็กน้อย ข้าเหลือลวดลายแห่งเต๋าระดับต่ำอีกสองแบบและลวดลายเต๋าระดับสูงของข้าก็จะสมบูรณ์”
“ฮ่าฮ่าฮ่า!”
หวงฝูเทาเทียนหัวเราะเสียงดังและพยักหน้า “เจ้าช่างเป็นอัจฉริยะเสียจริง ข้าตั้งตารอวันที่ลวดลายเต๋าระดับสูงของน้องเจียงสมบูรณ์ ข้าสงสัยจริงๆว่ามันจะอยู่ระดับดาวไหน?”
เจียงอี้มองออกไปนอกหน้าต่างและเห็นว่าฟ้ามืดแล้ว เขาจึงส่งข้อความถามด้วยความสงสัย “ว่านก้วนกลับไปแล้วหรือ?”
“เขาไม่ได้กลับไป…”
สีหน้าของหวงฝูเทาเทียนเปลี่ยนไปขณะที่ส่งข้อความไปอย่างจริงจัง “เขาไปหาซือถูอีเนี่ยน น้องเจียง หากเจ้ามีเวลา พยายามเกลี้ยกล่อมให้ว่านก้วนอย่าไปเยือนเรือนรับรองเล็กซือถูบ่อยนักเลย”
“อืม”
เจียงอี้เองก็เข้าใจเหตุผลเหมือนกัน เขาเดินไปกับหวงฝูเทาเทียนและออกจากสมาคมการค้าตระกูลหนานกงไป เมื่อเจียงอี้เห็นถนนที่ร้างและลานโล่งๆ เขาก็หยุดฝีเท้าของเขา
เขามองไปยังปราสาทตระกูลซือถูขณะที่ดวงตาเขาเป็นประกายและพูดว่า “พี่ใหญ่ เราไปดูเรือนรับรองเล็กซือถูหน่อยดีไหม?” เฉียนว่านก้วนเป็นพี่น้องเจียงอี้และเขาไม่อยากเห็นเฉียนว่านก้วนได้รับอันตรายใดๆ เฉียนว่านก้วนไม่เคยมีความสัมพันธ์ที่จริงจังเลยและครั้งนี้เขาอาจจะตกหลุมรักนางจริงๆ เจียงอี้จึงเป็นห่วงเขามากและอยากไปดูสถานการณ์และดูว่าเขาจะเกลี้ยกล่อมเฉียนว่านก้วนได้หรือไม่
“ไปสิ!” ไอรีนโนเวล
หวงฝูเทาเทียนเกลียดการมีสัมพันธ์กับสมาชิกสี่ตระกูลหลักมากที่สุด แต่เมื่อเจียงอี้พูดออกมา เขาก็ไม่อยากปฏิเสธ ท้ายที่สุดแล้วเขาก็ตัดสินใจให้เจียงอี้เป็นเจ้านายของเขาสิบปีแล้ว
ทหารยามทั้งหมดตามเฉียนว่านก้วนไปและทั้งคู่ไม่มีรถม้า พวกเขาจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องเดินไปยังปราสาทตระกูลซือถู เมื่อพวกเขาเดินอยู่ที่จัตุรัส พวกเขาก็จะเดินผ่านเจ้าหน้าที่รักษาการณ์ประจำเมืองเป็นครั้งคราว แต่เมื่อทหารเหล่านั้นเห็นหวงฝูเทาเทียนก็ไม่มีผู้ใดกล้าตรวจสอบพวกเขาเลยเพราะพวกเขากลัวจะทำให้คนบ้าคลั่งผู้นี้ขุ่นเคือง
ปราสาทตระกูลซือถูอยู่ด้านหลังสมาคมการค้าตระกูลซือถูในจัตุรัสเทพประทาน เมื่อทั้งคู่ไปถึงลานตำหนัก เมื่อทหารยามเห็นหวงฝูเทาเทียนแต่ไกลและเข้าไปรายงาน หัวหน้าฝ่ายกิจการภายนอกก็รีบเข้ามาต้อนรับและป้องมือ “เป็นเกียรติแก่เรานักที่นายน้อยหวงฝูมาเยือน ข้าขออภัยด้วยที่ไม่ได้ออกมาต้อนรับท่าน ข้าได้สั่งให้คนไปแจ้งนายน้อยอีเสี้ยวและแม่นางอีเนี่ยนแล้ว เชิญเข้ามาเถิด”
ขณะที่เจียงอี้เดินอยู่ข้างหลังหวงฝูเทาเทียน ผู้บัญชาการก็ไม่ได้สนใจเขาเป็นพิเศษ เขาเพียงแค่ยิ้มและพยักหน้าให้เจียงอี้ซึ่งมันก็เป็นการไว้หน้าเขามากแล้ว
หวงฝูเทาเทียนพยักหน้าอย่างเย่อหยิ่งและนำเจียงอี้เข้าไปข้างใน ผู้บัญชาการผู้นั้นยิ้มอย่างประจบและนำทั้งคู่ไป ด้านในตระกูลซือถูเองก็ยังมีปราสาทเรียงกันเป็นแถวและพวกเขาเดินจนเจียงอี้ตาพร่ามัว หลังจากผ่านไปสิบห้านาที ผู้บัญชาการก็ชี้ไปที่ปราสาทเล็กๆข้างหน้าแล้วพูดว่า “นายน้อยหวงฝู เรามาถึงเรือนรับรองเล็กซือถูแล้วขอรับ”
หวงฝูเทาเทียนเคยมาที่นี่หลายครั้งแล้วและรู้จักที่นี่เป็นอย่างดี เขาพยักหน้าอย่างเฉยเมยและก่อนที่เขาจะเข้าไปใกล้ประตู เขาก็เห็นซือถูอีเสี้ยวและซือถูอีเนี่ยนออกมาต้อนรับเขาด้วยตัวเองแล้ว
ซือถูอีเสี้ยวสวมเสื้อคลุมปักลายสีขาวซึ่งแสดงถึงความสะอาดตาได้เป็นอย่างดีและสง่างามมาก ส่วนซือถูอีเนี่ยนสวมชุดสีดำซึ่งเผยไหล่ของนางและนางก็แต่งหน้าบางๆ รอยยิ้มของนางช่างน่าหลงใหลนักซึ่งทำให้เจียงอี้และหวงฝูเทาเทียนเป็นกังวลมากขึ้น
หวงฝูเทาเทียนแลกเปลี่ยนคำทักทายกับทั้งสองคนและเมื่อซือถูอีเนี่ยนเห็นว่าหวงฝุเทาเทียนนำเจียงอี้มาด้วย นางก็มองไปยังเจียงอี้ด้วยสายตาเสน่หาและถามว่า “พี่ใหญ่หวงฝู ท่านจะไม่แนะนำสหายของท่านให้เรารู้จักหรือ?”
“นี่คือสหายของอาจารย์” หวงฝูเทาเทียนรู้ว่าเจียงอี้ไม่ชอบการเป็นคนโด่งดัง ดังนั้นเขาจึงตอบอย่างไม่ใส่ใจและไม่เอ่ยแม้กระทั่งชื่อแซ่ด้วยซ้ำ ส่วนซือถูอีเนี่ยนก็ยังคงแสดงท่าทียิ้มแย้มและพยักหน้าให้เจียงอี้ นางเป็นผู้เชี่ยวชาญการมีสัมพันธ์ทางสังคมอย่างแท้จริง
ซือถูอีเสี้ยวยิ้มและพยักหน้าเล็กน้อยให้เจียงอี้ก่อนที่พวกเขาจะพาทั้งคู่ไปข้างใน เรือนรับรองเล็กซือถูมีการประดับตกแต่งที่ค่อนข้างดี แต่มันไม่ได้ดูหรูหราเกินไปและให้ความรู้สึกที่ประณีตแทน ซือถูอีเนี่ยนมีรสนิยมที่ดีซึ่งทำให้คนที่ไม่ซับซ้อนอย่างเจียงอี้ตาเบิกกว้าง
เมื่อพวกเขาเข้าไปในห้องโถงใหญ่ ซือถูอีเสี้ยวก็เดินเข้ามาด้วยเสียงหัวเราะและกล่าวว่า “ฮ่าฮ่าฮ่า ทุกคน ยินดีกับการมาของพี่ใหญ่หวงฝูกันเถอะ”
เมื่อเจียงอี้เดินเข้ามาพร้อมกับหวงฝูเทาเทียน การแสดงออกของเขาก็เปลี่ยนไปเมื่อเขาเหลือบมองเหลยฉีเหยียน, ลู่หลินและหลู่หยี่ที่อยู่ที่นี่ นายน้อยและคุณหนูของทั้งสิบสามตระกูลหลายคนก็อยู่ที่นี่เหมือนกัน
“เอ๊ะ?”
ลู่หลินเหลือบมองหวงฝูเทาเทียนและมองเจียงอี้อย่างไม่เป็นทางการ แต่ดวงตาของเขาก็เปล่งประกายด้วยความสับสนในขณะที่เขาแผ่สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ออกมาทันที จากนั้นร่างของเขาก็ระเบิดกลิ่นอายสังหารออกมาขณะที่ยืนขึ้นมาทันที เขาชี้มาที่เจียงอี้และพูดว่า “ฮ่าฮ่าฮ่า ข้าหาตัวเจ้าไปทั่วและใช้ความพยายามมากมาย ในที่สุดข้าก็เจอเจ้า ไอ้สารเลว ข้าขอดูหน่อยว่าคราวนี้เจ้าจะหนีไปได้อย่างไร?”
“ให้ตายเถอะ ลู่หลินตรวจกลิ่นอายวิญญาณข้า!” เจียงอี้สาปแช่งออกมา เขาไม่เคยคาดหวังว่าลู่หลินจะอยู่ที่นี่และเปิดเผยตัวตนของเขาทันที