เพลิงพิโรธสวรรค์ Fury towards the burning heaven - บทที่ 806 สังหารตัวประกันทั้งหมด!
- Home
- เพลิงพิโรธสวรรค์ Fury towards the burning heaven
- บทที่ 806 สังหารตัวประกันทั้งหมด!
“เกาะจอมมารอยู่ห่างจากที่นี่เพียงครึ่งวันเท่านั้น และมันน่าจะอยู่ห่างออกไปอีกสิบล้านกิโลเมตร!” ในเรือลิขิตสวรรค์ หวงฝูเทาเทียนมองแผนที่ขณะที่เขาสอดแนมข้างนอกด้วยสัมผัสศักดิ์สิทธิ์และพูดกับเจียงอี้ที่กำลังพักผ่อนอยู่
เจียงอี้พยักหน้าและหลับตาลงขณะที่พิงเก้าอี้สิงโตแล้วพูดว่า “ปลุกข้าอีกทีหลังจากผ่านไปอีกสามล้านกิโลเมตร ข้าขอพักอีกครู่หนึ่งก่อนนะ”
“ได้เลย!”
สีหน้าของหวงฝูเทาเทียนรุนแรงยิ่งขึ้น แต่ดวงตาของเขาก็สว่างยิ่งขึ้นด้วยเพราะการต่อสู้ครั้งยิ่งใหญ่กำลังจะเริ่มต้นขึ้น และกลยุทธ์ที่พวกเขาจะใช้ในครั้งนี้ไม่ใช่การผ่อนปรนแต่เป็นการกำจัดศัตรูทั้งหมด แดนจอมมารมียอดฝีมือมากมายและเห็นได้ชัดว่าการต่อสู้ในครั้งนี้จะเข้มข้นอย่างแน่นอน เรือลิขิตสวรรค์เริ่มช้าลงและหวงฝูเทาเทียนก็ปลุกเจียงอี้หลังจากผ่านไปประมาณสองชั่วโมง และอีกฝ่ายก็นั่งขัดสมาธิและเข้าสู่สภาวะมนุษย์ประสานสวรรค์ทันทีขณะที่เขาปล่อยญาณศักดิ์สิทธิ์ออกมา
ญาณศักดิ์สิทธิ์แผ่ออกไปราวกับสายลมเย็นๆขณะที่ภาพได้ปรากฏขึ้นในใจของเจียงอี้ เขาสำรวจทุกที่และไม่พลาดแม้แต่จุดเดียว หนึ่งชั่วโมงต่อมา เขาก็ค้นพบเกาะจอมมาร
เกาะจอมมารนั้นกว้างใหญ่มาก!
แน่นอนว่ามันไม่สามารถเทียบกับเกาะเทพประทานได้ แต่มันก็ใหญ่กว่าเกาะอัสนีฟ้ากระจ่างหลายสิบเท่า เกาะจอมมารนั้นมีทิวเขาที่สูงชัน มีภูมิประเทศที่แปลกตาและมีความเขียวขจี มีสถานที่มากมายที่เจียงอี้สัมผัสได้ถึงม่านพลังอาคมและเห็นได้ชัดว่ามันเป็นเขตลวงตาที่ทรงพลัง
เขาสำรวจทั่วทั้งเกาะจอมมารและนอกจากจะพบหน่วยสอดแนมที่ซ่อนอยู่ในทะเลนอกเกาะมากมายแล้ว เขาก็ยังไม่เห็นใครอีกเลย เห็นได้ชัดว่ากองทัพนั้นอยู่ในเกาะจอมมารและถูกเขตลวงตาบังไว้
หลังจากที่สอดแนมเกาะจอมมารสามครั้ง ญาณศักดิ์สิทธิ์ของเขาก็กวาดไปรอบๆเกาะจอมมารและเห็นว่ามีเกาะใกล้เคียงกว่าสิบเกาะที่มีขนาดต่างกัน ซึ่งมีเขตลวงตาอยู่ด้วย มีคนซ่อนอยู่ภายในนั้นอย่างแน่นอน เนื่องจากมีหน่วยสอดแนมคอยซ่อนอยู่รอบๆเกาะเหล่านี้
รอบ สองรอบ!
เรือลิขิตสวรรค์หยุดลงและรอให้เจียงอี้คอยตรวจสอบพื้นที่รอบๆเสร็จสิ้น หลังจากนั้นเฟิงปู้ชีก็เข้ามาในห้องของพวกเขา หลังจากที่เจียงอี้ตรวจสอบราวๆสองชั่วโมง เขาก็ลืมตาขึ้นมาด้วยความเหนื่อยล้า
เจียงอี้มองหวงฝูเทาเทียนและเฟิงปู้ชีแต่ไม่ได้พูดอะไร เขาแค่หยิบแผนที่จากหวงฝูเทาเทียนและใช้แปรงวงรอบสถานที่ต่างๆ และวงกลมอย่างละเอียด ซึ่งมันระบุได้อย่างชัดเจนว่าอาคมยับยั้งบนเกาะทั้งหมดนี้อยู่ตรงจุดไหนบ้างและบอกถึงตำแหน่งของหน่วยสอดแนมที่อยู่ใกล้ๆ
ฟรึ่บ!
ขณะที่เจียงอี้กำลังทำเครื่องหมายแผนที่ ก็มีคลื่นหนึ่งเคลื่อนไหวใกล้ๆเรือลิขิตสวรรค์ ร่างหลายสิบร่างเดินออกมาจากพื้นที่โล่งราวกับพวกเขาเป็นภูตผีซึ่งทำให้ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเทียนจุนขั้นสูงสุดบนเรือลิขิตสวรรค์พากันตึงเครียด
“นั่นนายน้อยอีเสี้ยว!”
เฟิงปู้ชีกวาดสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของเขาและออกไปต้อนรับซือถูอีเสี้ยวอย่างรวดเร็ว ส่วนเจียงอี้ก็ไม่สนใจและจดจ่ออยู่กับการทำเครื่องหมายบนแผนที่ขณะที่หวงฝูเทาเทียนยืนขึ้นมามองผ่านประตูและเห็นซือถูอีเสี้ยว, เฉียนว่านก้วนและคนอื่นๆที่กำลังออกมาจากความว่างเปล่าและเขาก็แอบชื่นชมอยู่เงียบๆ “วิชาย้ายห้วงมิติของตระกูลซือถูนี่น่ากลัวจริงๆ!”
ฟรึ่บ! ซือถูอีเสี้ยวนำคนเหล่านั้นมาและขึ้นมาบนเรือลิขิตสวรรค์และตรงเข้าไปยังระวางเรือทันที เขายิ้มให้หวงฝูเทาเทียน “พี่ใหญ่หวงฝูรับศึกหนักแล้ว”
“ข้าเปล่า เจียงอี้ต่างหาก”
หวงฝูเทาเทียนยักไหล่ขณะที่ทุกคนมองไปยังเจียงอี้ พวกเขาทั้งหมดกลั้นหายใจและรอให้เจียงอี้ทำเครื่องหมายบนแผนที่ให้เสร็จ จากนั้นสิบห้านาทีต่อมา เจียงอี้ก็วางแผนที่ไว้บนโต๊ะและเงยหน้ามองทุกคนขณะที่พูดอย่างเหนื่อยล้าว่า “นี่คือที่ประจำการของกองทัพฝ่ายศัตรู ลองเอาไปดูสิ”
“น้องเจียง พักก่อนเถอะ”
ซือถูอีเสี้ยวพยักหน้าอย่างจริงจังขณะที่ทุกคนมองแผนที่บนโต๊ะ และหลังจากที่มองดีๆอีกครั้ง ซือถูอีเสี้ยวก็สบตากับเฉียนว่านก้วนแล้วพูดว่า “เราจะทำตามแผนการตอนพลบค่ำ!”
“ได้เลย!” ทุกคนพยักหน้าและดวงตาของพวกเขาเต็มไปด้วยอารมณ์ การต่อสู้ครั้งใหญ่ทำให้เลือดของทุกคนพลุกพล่าน
ฟรึ่บ! ฟรั่บ! ไอรีนโนเวล
เรือลิขิตสวรรค์สั่นเล็กน้อยก่อนที่มันจะออกเดินทางไปยังเกาะจอมมาร คราวนี้พวกเขาเดินหน้าด้วยความเร็วเต็มกำลัง และดวงอาทิตย์ค่อยๆลับขอบฟ้าทางทิศตะวันตก ทำให้ทะเลเทพประทานสาดแสงสีแดงออกมา เรือลิขิตสวรรค์แล่นไปตามผิวน้ำราวกับสัตว์ร้ายขนาดใหญ่ และเมื่อทหารนับร้อยบนดาดฟ้าเรือถูกกระทบด้วยแสงอาทิตย์ เกราะของพวกเขาก็เปล่งแสงสีแดงออกมาขณะที่พวกเขามีกลิ่นอายอันเย็นยะเยือกและกลิ่นอายสังหาร
ท้องฟ้าเริ่มมืดครึ้มและเมฆดำปกคลุมท้องฟ้า คลื่นทะเลซัดกระหน่ำมาขณะที่เกาะจอมมารปกคลุมไปด้วยความมืดมิด
จี๊! จี๊! มีเสียงแหวกท้องฟ้าดังมาจากทางทิศตะวันออกและเรือลิขิตสวรรค์ขนาดยักษ์ก็ฝ่าลมพายุในคืนมืดมิดมา เรือลิขิตสวรรค์ไม่ได้เปิดม่านพลังไว้ แต่เหล่าผู้เชี่ยวชาญนับร้อยเปิดโล่ศักดิ์สิทธิ์ของพวกเขาเอาไว้ขณะที่กำกระบี่สงครามไว้แน่น กระบี่สงครามนั้นถูกเทด้วยแก่นแท้พลังและมันปล่อยคลื่นกลิ่นอายกระบี่ออกมา ใบหน้าอันเคร่งขรึมของพวกเขามีกลิ่นอายสังหารสว่างไสวอยู่ในความมืดมิด
“ย๊าก!”
ห่างออกไปหนึ่งร้อยกิโลเมตรทางตะวันออกของเกาะจอมมารนั้นเป็นพื้นที่ทะเลที่ซึ่งจอมยุทธนับร้อยคนที่สวมชุดเกราะสีดำทะลวงออกมาจากทะเล พวกเขาเหมือนทหารจากแดนมรณะและพวกเขาทั้งหมดถือหอกเอาไว้ ผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในหมู่พวกเขาคือแม่ทัพขอบเขตเทียนจุนระดับกลางที่ตะโกนออกมาว่า “นั่นใคร? ที่นี่คืออาณาเขตของกองทัพจอมมาร หยุดเดี๋ยวนี้ ไม่เช่นนั้นจะถือว่าพวกเจ้าเป็นผู้บุกรุกและจะถูกสังหารโดยไม่มีการเจรจาใดๆ!”
“ฮึ่ม!”
มีเสียงดังออกมาจากเรือลิขิตสวรรค์ในขณะที่ผู้อาวุโสตะโกนออกมาอย่างเย็นชาว่า “ข้าคือเฟิงล่วน นำโม๋เทียนมาพบเรา สมาคมการค้าวิหคมรกตของเราก็ไม่ได้เสนอสินบนให้น้อยลงทุกๆเดือน ใช่ไหม? เหตุใดพวกเจ้าจึงสกัดกั้นเรือลิขิตสวรรค์ของเรา? แล้วลักพาตัวลูกค้าของเรา? หากเจ้าไม่ให้คำอธิบายในวันนี้ สมาคมการค้าวิหคมรกตของเราจะไม่นิ่งดูดายแน่นอน”
“ผู้เฒ่าเฟิงเองสินะ!”
ผู้บัญชาการขอบเขตเทียนจุนระดับกลางป้องกำปั้นแล้วพูดว่า “หยุดเรือลิขิตสวรรค์ แล้วเราจะให้คนไปรายงานผู้บัญชาการ!”
เรือลิขิตสวรรค์สั่นเทาเล็กน้อยและลอยอยู่เหนือทะเลขณะที่คนสองคนแยกตัวเข้าไปในเกาะจอมมาร บริเวณรอบๆนั้นกลับคืนสู่ความสงบและเหลือเพียงผู้คนนับร้อยและเรือลิขิตสวรรค์ที่ลอยอยู่กลางอากาศอย่างเงียบเชียบ
“ฮ่าฮ่าฮ่า!”
สามสิบนาทีต่อมา มีเสียงหัวเราะดังมาจากเกาะจอมมาร เห็นได้ชัดว่าเสียงนั้นถูกแผ่โดยแก่นแท้พลังเมื่อมันสะท้อนมาเป็นร้อยกิโลเมตร ซึ่งทำให้น้ำทะเลสั่นสะเทือน ผู้อาวุโสผู้หนึ่งที่มีกลิ่นอายราวกับภูเขาซึ่งสวมชุดคลุมสีดำบินข้ามท้องฟ้าออกมาพร้อมกับคนนับพัน
ด้านหลังเขาเป็นกลุ่มชายที่สวมเกราะสีดำและดวงตาที่เยือกเย็น ที่ด้านหลังชุดเกราะนั้นมีรูปจอมมารที่น่าสะพรึงอยู่ พวกเขาทั้งพันคนนั้นมีกลิ่นอายที่ทรงพลังราวกับปีศาจพันตนที่เดินออกมาจากอเวจีและพวกเขาทั้งหมดล้วนเป็นขอบเขตเทียนจุน
ผู้คนนับพันบินมาอย่างเป็นระเบียบโดยไม่มีเสียงใดๆ หลังจากที่พวกเขามาถึงจุดสอดแนมของกองทัพจอมมารบนท้องฟ้าใกล้เคียง ผู้อาวุโสที่สวมชุดดำก็ผายมือของเขาและทำให้คนพันคนหยุดพร้อมกัน พวกเขาคู่ควรกับตำแหน่งกองโจรสิบอันดับแรกของทะเลเทพประทานซึ่งมันเห็นได้จากระเบียบวินัยของทหารพวกเขา
“รองผู้บัญชาการ!”
หน่วยสอดแนมใกล้ๆนับร้อยคำนับและเคารพเขาก่อนที่จะกลับลงทะเลไป พวกเขานั้นเป็นเพียงหน่วยสอดแนม และเนื่องจากผู้มีอิทธิพลของเกาะอยู่ที่นี่มันจึงไม่มีเหตุให้พวกเขาต้องอยู่แล้ว
“เฟิงล่วน เจ้าได้นำศิลาสวรรค์แสนล้านก้อนมาหรือไม่?”
ผู้อาวุโสชุดดำกล่าวขณะที่รองผู้บัญชาการกวาดตามุ่งร้ายไปทั่วเรือลิขิตสวรรค์และพูดอย่างเย็นชาว่า “เฟิงล่วน ผู้บัญชาการใหญ่ของเรากล่าวว่า หากไม่มีศิลาสวรรค์ เราจะสังหารตัวประกันซะ”
“ฮึ่ม!”
เฟิงล่วนเดือดดาลมากขณะที่เขาพ่นลมหายใจและตะโกนว่า “โม๋หลง เจ้าแน่ใจหรือว่ากองทัพจอมมารต้องการทำเช่นนี้? ปล่อยตัวประกันเดี๋ยวนี้ แล้วเราจะยังเจรจากันได้ไม่เช่นนั้น สมาคมการค้าวิหคมรกตของเราก็พร้อมเสี่ยงเป็นเสี่ยงตายเพื่อกำจัดกองทัพของเจ้า!”
“กำจัดทัพเรา?”
โม๋หลงเย้ยหยันเมื่อธนูยาวสีดำปรากฏขึ้นในมือของเขา เขาหัวเราะอย่างเคร่งขรึมและพูดว่า “ก็เอาสิ มาดูกันว่าจะเป็นเจ้าหรือเราที่ต้องพินาศไป ใครก็ได้ ส่งข้อความถึงผู้บัญชาการสูงสุด….สังหารตัวประกันให้หมด!”
เจียงอี้พยักหน้าและหลับตาลงขณะที่พิงเก้าอี้สิงโตแล้วพูดว่า “ปลุกข้าอีกทีหลังจากผ่านไปอีกสามล้านกิโลเมตร ข้าขอพักอีกครู่หนึ่งก่อนนะ”
“ได้เลย!”
สีหน้าของหวงฝูเทาเทียนรุนแรงยิ่งขึ้น แต่ดวงตาของเขาก็สว่างยิ่งขึ้นด้วยเพราะการต่อสู้ครั้งยิ่งใหญ่กำลังจะเริ่มต้นขึ้น และกลยุทธ์ที่พวกเขาจะใช้ในครั้งนี้ไม่ใช่การผ่อนปรนแต่เป็นการกำจัดศัตรูทั้งหมด แดนจอมมารมียอดฝีมือมากมายและเห็นได้ชัดว่าการต่อสู้ในครั้งนี้จะเข้มข้นอย่างแน่นอน เรือลิขิตสวรรค์เริ่มช้าลงและหวงฝูเทาเทียนก็ปลุกเจียงอี้หลังจากผ่านไปประมาณสองชั่วโมง และอีกฝ่ายก็นั่งขัดสมาธิและเข้าสู่สภาวะมนุษย์ประสานสวรรค์ทันทีขณะที่เขาปล่อยญาณศักดิ์สิทธิ์ออกมา
ญาณศักดิ์สิทธิ์แผ่ออกไปราวกับสายลมเย็นๆขณะที่ภาพได้ปรากฏขึ้นในใจของเจียงอี้ เขาสำรวจทุกที่และไม่พลาดแม้แต่จุดเดียว หนึ่งชั่วโมงต่อมา เขาก็ค้นพบเกาะจอมมาร
เกาะจอมมารนั้นกว้างใหญ่มาก!
แน่นอนว่ามันไม่สามารถเทียบกับเกาะเทพประทานได้ แต่มันก็ใหญ่กว่าเกาะอัสนีฟ้ากระจ่างหลายสิบเท่า เกาะจอมมารนั้นมีทิวเขาที่สูงชัน มีภูมิประเทศที่แปลกตาและมีความเขียวขจี มีสถานที่มากมายที่เจียงอี้สัมผัสได้ถึงม่านพลังอาคมและเห็นได้ชัดว่ามันเป็นเขตลวงตาที่ทรงพลัง
เขาสำรวจทั่วทั้งเกาะจอมมารและนอกจากจะพบหน่วยสอดแนมที่ซ่อนอยู่ในทะเลนอกเกาะมากมายแล้ว เขาก็ยังไม่เห็นใครอีกเลย เห็นได้ชัดว่ากองทัพนั้นอยู่ในเกาะจอมมารและถูกเขตลวงตาบังไว้
หลังจากที่สอดแนมเกาะจอมมารสามครั้ง ญาณศักดิ์สิทธิ์ของเขาก็กวาดไปรอบๆเกาะจอมมารและเห็นว่ามีเกาะใกล้เคียงกว่าสิบเกาะที่มีขนาดต่างกัน ซึ่งมีเขตลวงตาอยู่ด้วย มีคนซ่อนอยู่ภายในนั้นอย่างแน่นอน เนื่องจากมีหน่วยสอดแนมคอยซ่อนอยู่รอบๆเกาะเหล่านี้
รอบ สองรอบ!
เรือลิขิตสวรรค์หยุดลงและรอให้เจียงอี้คอยตรวจสอบพื้นที่รอบๆเสร็จสิ้น หลังจากนั้นเฟิงปู้ชีก็เข้ามาในห้องของพวกเขา หลังจากที่เจียงอี้ตรวจสอบราวๆสองชั่วโมง เขาก็ลืมตาขึ้นมาด้วยความเหนื่อยล้า
เจียงอี้มองหวงฝูเทาเทียนและเฟิงปู้ชีแต่ไม่ได้พูดอะไร เขาแค่หยิบแผนที่จากหวงฝูเทาเทียนและใช้แปรงวงรอบสถานที่ต่างๆ และวงกลมอย่างละเอียด ซึ่งมันระบุได้อย่างชัดเจนว่าอาคมยับยั้งบนเกาะทั้งหมดนี้อยู่ตรงจุดไหนบ้างและบอกถึงตำแหน่งของหน่วยสอดแนมที่อยู่ใกล้ๆ
ฟรึ่บ!
ขณะที่เจียงอี้กำลังทำเครื่องหมายแผนที่ ก็มีคลื่นหนึ่งเคลื่อนไหวใกล้ๆเรือลิขิตสวรรค์ ร่างหลายสิบร่างเดินออกมาจากพื้นที่โล่งราวกับพวกเขาเป็นภูตผีซึ่งทำให้ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเทียนจุนขั้นสูงสุดบนเรือลิขิตสวรรค์พากันตึงเครียด
“นั่นนายน้อยอีเสี้ยว!”
เฟิงปู้ชีกวาดสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของเขาและออกไปต้อนรับซือถูอีเสี้ยวอย่างรวดเร็ว ส่วนเจียงอี้ก็ไม่สนใจและจดจ่ออยู่กับการทำเครื่องหมายบนแผนที่ขณะที่หวงฝูเทาเทียนยืนขึ้นมามองผ่านประตูและเห็นซือถูอีเสี้ยว, เฉียนว่านก้วนและคนอื่นๆที่กำลังออกมาจากความว่างเปล่าและเขาก็แอบชื่นชมอยู่เงียบๆ “วิชาย้ายห้วงมิติของตระกูลซือถูนี่น่ากลัวจริงๆ!”
ฟรึ่บ! ซือถูอีเสี้ยวนำคนเหล่านั้นมาและขึ้นมาบนเรือลิขิตสวรรค์และตรงเข้าไปยังระวางเรือทันที เขายิ้มให้หวงฝูเทาเทียน “พี่ใหญ่หวงฝูรับศึกหนักแล้ว”
“ข้าเปล่า เจียงอี้ต่างหาก”
หวงฝูเทาเทียนยักไหล่ขณะที่ทุกคนมองไปยังเจียงอี้ พวกเขาทั้งหมดกลั้นหายใจและรอให้เจียงอี้ทำเครื่องหมายบนแผนที่ให้เสร็จ จากนั้นสิบห้านาทีต่อมา เจียงอี้ก็วางแผนที่ไว้บนโต๊ะและเงยหน้ามองทุกคนขณะที่พูดอย่างเหนื่อยล้าว่า “นี่คือที่ประจำการของกองทัพฝ่ายศัตรู ลองเอาไปดูสิ”
“น้องเจียง พักก่อนเถอะ”
ซือถูอีเสี้ยวพยักหน้าอย่างจริงจังขณะที่ทุกคนมองแผนที่บนโต๊ะ และหลังจากที่มองดีๆอีกครั้ง ซือถูอีเสี้ยวก็สบตากับเฉียนว่านก้วนแล้วพูดว่า “เราจะทำตามแผนการตอนพลบค่ำ!”
“ได้เลย!” ทุกคนพยักหน้าและดวงตาของพวกเขาเต็มไปด้วยอารมณ์ การต่อสู้ครั้งใหญ่ทำให้เลือดของทุกคนพลุกพล่าน
ฟรึ่บ! ฟรั่บ! ไอรีนโนเวล
เรือลิขิตสวรรค์สั่นเล็กน้อยก่อนที่มันจะออกเดินทางไปยังเกาะจอมมาร คราวนี้พวกเขาเดินหน้าด้วยความเร็วเต็มกำลัง และดวงอาทิตย์ค่อยๆลับขอบฟ้าทางทิศตะวันตก ทำให้ทะเลเทพประทานสาดแสงสีแดงออกมา เรือลิขิตสวรรค์แล่นไปตามผิวน้ำราวกับสัตว์ร้ายขนาดใหญ่ และเมื่อทหารนับร้อยบนดาดฟ้าเรือถูกกระทบด้วยแสงอาทิตย์ เกราะของพวกเขาก็เปล่งแสงสีแดงออกมาขณะที่พวกเขามีกลิ่นอายอันเย็นยะเยือกและกลิ่นอายสังหาร
ท้องฟ้าเริ่มมืดครึ้มและเมฆดำปกคลุมท้องฟ้า คลื่นทะเลซัดกระหน่ำมาขณะที่เกาะจอมมารปกคลุมไปด้วยความมืดมิด
จี๊! จี๊! มีเสียงแหวกท้องฟ้าดังมาจากทางทิศตะวันออกและเรือลิขิตสวรรค์ขนาดยักษ์ก็ฝ่าลมพายุในคืนมืดมิดมา เรือลิขิตสวรรค์ไม่ได้เปิดม่านพลังไว้ แต่เหล่าผู้เชี่ยวชาญนับร้อยเปิดโล่ศักดิ์สิทธิ์ของพวกเขาเอาไว้ขณะที่กำกระบี่สงครามไว้แน่น กระบี่สงครามนั้นถูกเทด้วยแก่นแท้พลังและมันปล่อยคลื่นกลิ่นอายกระบี่ออกมา ใบหน้าอันเคร่งขรึมของพวกเขามีกลิ่นอายสังหารสว่างไสวอยู่ในความมืดมิด
“ย๊าก!”
ห่างออกไปหนึ่งร้อยกิโลเมตรทางตะวันออกของเกาะจอมมารนั้นเป็นพื้นที่ทะเลที่ซึ่งจอมยุทธนับร้อยคนที่สวมชุดเกราะสีดำทะลวงออกมาจากทะเล พวกเขาเหมือนทหารจากแดนมรณะและพวกเขาทั้งหมดถือหอกเอาไว้ ผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในหมู่พวกเขาคือแม่ทัพขอบเขตเทียนจุนระดับกลางที่ตะโกนออกมาว่า “นั่นใคร? ที่นี่คืออาณาเขตของกองทัพจอมมาร หยุดเดี๋ยวนี้ ไม่เช่นนั้นจะถือว่าพวกเจ้าเป็นผู้บุกรุกและจะถูกสังหารโดยไม่มีการเจรจาใดๆ!”
“ฮึ่ม!”
มีเสียงดังออกมาจากเรือลิขิตสวรรค์ในขณะที่ผู้อาวุโสตะโกนออกมาอย่างเย็นชาว่า “ข้าคือเฟิงล่วน นำโม๋เทียนมาพบเรา สมาคมการค้าวิหคมรกตของเราก็ไม่ได้เสนอสินบนให้น้อยลงทุกๆเดือน ใช่ไหม? เหตุใดพวกเจ้าจึงสกัดกั้นเรือลิขิตสวรรค์ของเรา? แล้วลักพาตัวลูกค้าของเรา? หากเจ้าไม่ให้คำอธิบายในวันนี้ สมาคมการค้าวิหคมรกตของเราจะไม่นิ่งดูดายแน่นอน”
“ผู้เฒ่าเฟิงเองสินะ!”
ผู้บัญชาการขอบเขตเทียนจุนระดับกลางป้องกำปั้นแล้วพูดว่า “หยุดเรือลิขิตสวรรค์ แล้วเราจะให้คนไปรายงานผู้บัญชาการ!”
เรือลิขิตสวรรค์สั่นเทาเล็กน้อยและลอยอยู่เหนือทะเลขณะที่คนสองคนแยกตัวเข้าไปในเกาะจอมมาร บริเวณรอบๆนั้นกลับคืนสู่ความสงบและเหลือเพียงผู้คนนับร้อยและเรือลิขิตสวรรค์ที่ลอยอยู่กลางอากาศอย่างเงียบเชียบ
“ฮ่าฮ่าฮ่า!”
สามสิบนาทีต่อมา มีเสียงหัวเราะดังมาจากเกาะจอมมาร เห็นได้ชัดว่าเสียงนั้นถูกแผ่โดยแก่นแท้พลังเมื่อมันสะท้อนมาเป็นร้อยกิโลเมตร ซึ่งทำให้น้ำทะเลสั่นสะเทือน ผู้อาวุโสผู้หนึ่งที่มีกลิ่นอายราวกับภูเขาซึ่งสวมชุดคลุมสีดำบินข้ามท้องฟ้าออกมาพร้อมกับคนนับพัน
ด้านหลังเขาเป็นกลุ่มชายที่สวมเกราะสีดำและดวงตาที่เยือกเย็น ที่ด้านหลังชุดเกราะนั้นมีรูปจอมมารที่น่าสะพรึงอยู่ พวกเขาทั้งพันคนนั้นมีกลิ่นอายที่ทรงพลังราวกับปีศาจพันตนที่เดินออกมาจากอเวจีและพวกเขาทั้งหมดล้วนเป็นขอบเขตเทียนจุน
ผู้คนนับพันบินมาอย่างเป็นระเบียบโดยไม่มีเสียงใดๆ หลังจากที่พวกเขามาถึงจุดสอดแนมของกองทัพจอมมารบนท้องฟ้าใกล้เคียง ผู้อาวุโสที่สวมชุดดำก็ผายมือของเขาและทำให้คนพันคนหยุดพร้อมกัน พวกเขาคู่ควรกับตำแหน่งกองโจรสิบอันดับแรกของทะเลเทพประทานซึ่งมันเห็นได้จากระเบียบวินัยของทหารพวกเขา
“รองผู้บัญชาการ!”
หน่วยสอดแนมใกล้ๆนับร้อยคำนับและเคารพเขาก่อนที่จะกลับลงทะเลไป พวกเขานั้นเป็นเพียงหน่วยสอดแนม และเนื่องจากผู้มีอิทธิพลของเกาะอยู่ที่นี่มันจึงไม่มีเหตุให้พวกเขาต้องอยู่แล้ว
“เฟิงล่วน เจ้าได้นำศิลาสวรรค์แสนล้านก้อนมาหรือไม่?”
ผู้อาวุโสชุดดำกล่าวขณะที่รองผู้บัญชาการกวาดตามุ่งร้ายไปทั่วเรือลิขิตสวรรค์และพูดอย่างเย็นชาว่า “เฟิงล่วน ผู้บัญชาการใหญ่ของเรากล่าวว่า หากไม่มีศิลาสวรรค์ เราจะสังหารตัวประกันซะ”
“ฮึ่ม!”
เฟิงล่วนเดือดดาลมากขณะที่เขาพ่นลมหายใจและตะโกนว่า “โม๋หลง เจ้าแน่ใจหรือว่ากองทัพจอมมารต้องการทำเช่นนี้? ปล่อยตัวประกันเดี๋ยวนี้ แล้วเราจะยังเจรจากันได้ไม่เช่นนั้น สมาคมการค้าวิหคมรกตของเราก็พร้อมเสี่ยงเป็นเสี่ยงตายเพื่อกำจัดกองทัพของเจ้า!”
“กำจัดทัพเรา?”
โม๋หลงเย้ยหยันเมื่อธนูยาวสีดำปรากฏขึ้นในมือของเขา เขาหัวเราะอย่างเคร่งขรึมและพูดว่า “ก็เอาสิ มาดูกันว่าจะเป็นเจ้าหรือเราที่ต้องพินาศไป ใครก็ได้ ส่งข้อความถึงผู้บัญชาการสูงสุด….สังหารตัวประกันให้หมด!”