เพลิงพิโรธสวรรค์ Fury towards the burning heaven - บทที่ 807 ยอดสวรรค์สะท้านปฐพี
- Home
- เพลิงพิโรธสวรรค์ Fury towards the burning heaven
- บทที่ 807 ยอดสวรรค์สะท้านปฐพี
ในตอนนี้ แม้แต่คนโง่เขลาก็ยังรู้ว่ากองทัพจอมมารมีผู้หนุนหลังอยู่
หากไม่มีผู้หนุนหลัง กองโจรเหล่านี้จะกล้าขวางเรือลิขิตสวรรค์จากสมาคมการค้าวิหคมรกตซึ่งเป็นหนึ่งในสามสมาคมการค้าชั้นนำของเมืองเทพประทานได้อย่างไร?
การสกัดกั้นนั้นไม่ได้จริงจังขนาดนั้น แต่ตอนนี้สมาคมการค้าวิหคมรกตนำขอบเขตเทียนจุนหมื่นคนมาที่นี่ แล้วกองทัพจอมมารยังคงมั่นคงต่อเจตจำนงถึงเพียงนี้? ตราบใดที่พวกเขายังไม่ได้ตามที่ต้องการ พวกเขาก็จะสังหารตัวประกันและเริ่มสงคราม? มันเห็นได้ชัดว่าแรงจูงใจของพวกเขานั้นไม่ใช่ศิลาสวรรค์แสนล้านก้อน
“รอเดี๋ยว!”
มีเสียงตะโกนดังขึ้นมาและร่างสีแดงเพลิงก็พุ่งออกมาจากระวางเรือ เขายืนอยู่กลางอากาศและตะโกนด้วยเสียงอันเย็นชาว่า“ผู้บัญชาการโม๋หลง ข้าคือเจียงอี้ ข้าไม่ได้สนใจเรื่องความบาดหมางระหว่างเจ้ากับสมาคมการค้าวิหคมรกต แต่ในหมู่ตัวประกันมีสหายข้าสองคนและข้ายินดีจ่ายค่าไถ่ให้พวกเขา”
เจียงอี้ปรากฏตัวขึ้นและไม่ได้สนใจตัวประกันคนอื่นๆ เขาระบุอย่างชัดเจนว่าเขาต้องการเพียงจ้านอู๋ซวงและหยุนเฟย
“เจียงอี้?”
ดวงตาของโม๋หลงเปล่งประกายด้วยความหลักแหลมขณะที่ขอบเขตเทียนจุนจำนวนมากที่อยู่เบื้องหลังเขาก็ดวงตาลุกวาวเช่นกัน อย่างไรก็ตาม โม๋หลงก็รีบเปลี่ยนสีหน้าอย่างรวดเร็วและพูดว่า “เจ้าคือเจียงอี้ที่ใช้นามแฝงเป็นอีเพียวเพียวหรือไม่?”
เขาพยักหน้าอย่างไม่แยแสและพูดว่า “ข้าเอง!”
“ฮ่าฮ่าฮ่า!”
โม๋หลงหัวเราะออกมาและหยุดก่อนที่จะพูดว่า “เมื่อพวกเขาเป็นสหายอาจารย์ เช่นนั้นข้าก็คงต้องไว้หน้าบ้าง เอาอย่างนี้แล้วกัน อาจารย์มอบศิลาสวรรค์แสนล้านก้อนมาและข้าจะปล่อยสหายของเจ้า ว่ายังไงล่ะ?”
“แสนล้าน?”
ทหารของสมาคมการค้าวิหคมรกตตกตะลึง โม๋หลงบอกว่าจะไว้หน้าเขาแต่เขากลับขอศิลาสวรรค์แสนล้านก้อนจริงๆ? แสนล้านสำหรับตัวประกันคนอื่นๆและยังเอาอีกแสนล้านจากสหายสองคนด้วย?
เจียงอี้หัวเราะด้วยความโกรธสุดขีด “ฮ่าฮ่าฮ่า กองทัพจอมมารของพวกเจ้าไว้หน้าข้าจริงหรือ เหอะ?!”
“แน่อยู่แล้ว!”
โม๋หลงออกท่าทางราวกับว่ามันเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้และเป็นเรื่องที่ถูกต้องแล้ว พร้อมกับพูดว่า “อาจารย์มีสถานะเช่นไร? หากภาพวาดสวรรค์เพียงภาพเดียวของเจ้าขายได้ถึงแสนล้าน เช่นนั้นเจ้าคงไม่มีปัญหาเรื่องศิลาสวรรค์หรอก ที่เราคิดแสนล้านเนื่องจากเราเคารพเจ้า หากเป็นสมาคมการค้าวิหคมรกต เราคงไม่แม้แต่จะไว้หน้าเช่นนี้หรอก”
สีหน้าของเจียงอี้เย็นชาลงและพูดว่า “ไม่มีทางเจราจาได้เลยหรือ?”
ดวงตาของโม๋หลงเป็นประกายด้วยกลิ่นอายสังหารและตอบว่า “ทำไม? หรือเจ้าต้องการจะทำสงครามกับกองทัพของเราด้วย?”
“ข้ามิกล้า!”
เจียงอี้เย้ยหยันและกลับไปยังเรือลิขิตสวรรค์เงียบๆ แต่เขาไม่ได้บอกว่าเขาจะจ่ายค่าไถ่ ดังนั้นโม๋หลงจึงรอครู่หนึ่งและรู้สึกหงุดหงิดพร้อมกับพูดว่า “เฟิงล่วน เจ้าจะจ่ายศิลาสวรรค์มาหรือจะทำสงคราม? ตัดสินใจมา! เวลาของข้ามีค่าและไม่อยากจะเสียมันไปเพราะเจ้า”
เฟิงล่วนเงียบไปครู่หนึ่งแล้วตะโกนออกมาว่า “โม๋หลง รอก่อนหนึ่งชั่วโมง ข้าจะส่งข้อความถึงประธาน! หลังจากที่เราจ่ายศิลาสวรรค์แล้ว เจ้าจะไม่กลับคำใช่ไหม?”
“อยู่แล้วล่ะ!”
โม๋หลงโบกมือและพูดว่า “กองทัพจอมมารของเราน่าเชื่อถือที่สุดและเราจะปล่อยตัวประกันไปหลังจากที่เจ้าจ่ายศิลาสวรรค์ และเนื่องจากสหายของอาจารย์อยู่ในนั้นด้วย เราจึงต้องไว้หน้าเขาด้วย ดังนั้น ตอนนี้เจ้าต้องจ่ายมาสองแสนล้าน!”
“เจ้า…”
เสียงของเฟิงล่วนโกรธมาก แต่เขาไม่ยั่วโม๋หลงอีกต่อไปและกัดฟันพูดว่า “ก็ได้ สองแสนล้าน รอหนึ่งชั่วโมง!”
โม๋หลงพยักหน้าเบาๆและพูดว่า “หนึ่งชั่วโมง หากเจ้ายังไม่มีศิลาสวรรค์ในตอนนั้น ก็อย่าโทษที่เราสังหารตัวประกันล่ะ!”
“เอ่อ…”
หวงฝูเทาเทียนและสมาชิกสมาคมการค้าวิหคมรกตมากมายต่างตกใจ โม๋หลงเต็มใจที่จะรอชั่วโมงหนึ่งจริงๆ? เขาไม่กลัวว่าสมาคมการค้าวิหคมรกตจะเล่นแง่อะไรหรือ? หรือบางที พกวเขาอาจจะคิดว่าตัวเองสูงส่งและไม่กลัวแผนการใดๆเลย?
ซือถูอีเสี้ยวและเฉียนว่านก้วนไม่ได้เผยความประหลาดใจใดๆเลย แต่เพียงแค่มองไปที่เจียงอี้ที่หลับตาอยู่ หลังจากนั้นไม่นาน เจียงอี้ก็ลืมตาและพูดว่า “ห่างออกไปราวสิบล้านกิโลเมตรทางตะวันตก, ทางใต้และทางเหนือ มีคนอยู่หมื่นคนในแต่ละทิศ และพวกเขาทั้งหมดเป็นขอบเขตเทียนจุน พวกนั้นน่าจะเป็น กองทัพดาราเรืองรอง, กองทัพเดือนมืดและกองทัพทิวาแผดเผาที่อยู่ใกล้ๆนี้ ดูเหมือนว่าผู้ที่อยู่เบื้องหลังจะใช้ศิลาสวรรค์นับไม่ถ้วนและเสนอเงื่อนไขที่ดีถึงได้ทำให้สี่กองโจรร่วมมือกันได้ ดูเหมือนว่าชีวิตข้า เจียงอี้ผู้นี้จะมีค่ามากจริงๆ”
ซือถูอีเสี้ยวและเฉียนว่านก้วนมองหน้ากันและยิ้มเพราะทุกสิ่งอยู่ในความคาดหมายแล้ว ซือถูอีเสี้ยวมองแผนที่และเขาก็ชี้ไปที่เกาะและพูดว่า “เราจะโจมตีกองทัพดาราเรืองรองก่อน ว่านก้วน ส่งข้อความให้กองทัพทั้งหมดโจมตีเลย!”
“ได้เลย!”
เฉียนว่านก้วนมีป้ายที่เหมือนกับของเฟิงปู้ชือและป้ายนั้นก็ส่องแสงด้วยอักขระ จากนั้นซือถูอีเสี้ยวก็มองไปยังเจียงอี้และพูดว่า “น้องเจียง ข้าต้องรบกวนให้เจ้าช่วยดูลาดเลาต่อไปเรื่อยๆแล้ว ประธานเฟิงจะให้ทุกคนไปเตรียมพร้อมในการต่อสู้”
“ฮึฮึ! หากจะโกงใครแล้ว เจ้าก็ต้องเตรียมถูกโกงด้วย ครั้งนี้ เราจะกวาดกองทัพโจรทั้งสี่ให้สิ้นซากซะ” เจียงอี้ยิ้มออกมาและหลับตาเพื่อเข้าสู่สภาวะมนุษย์ประสานสวรรค์ขณะที่เขาแผ่ญาณศักดิ์สิทธิ์ออกไปด้วย
…
ทางตะวันตกของเกาะจอมมารห่างไปแปดล้านกิโลเมตร ผู้คนนับหมื่นกำลังบินอยู่เงียบๆ พวกเขาทั้งหมดสวมชุดเกราะสีน้ำเงินขณะที่เผยดวงตาที่เยือกเย็นออกมา พวกเขาไม่ได้ปล่อยกลิ่นอายออกมาจากร่างกาย แต่กลิ่นอายสังหารในดวงตาของพวกเขาก็เพียงพอที่จะทำให้ทุกคนสั่นสะท้านไปด้วยความกลัวแล้ว
“เร่งความเร็ว!”
ที่ด้านหน้า มียอดฝีมือที่สูงสามเมตร เขามีรูปร่างที่แข็งแกร่งราวกับยักษ์และเขาก็ตะโกนออกมาว่า “ท่านแม่ทัพใหญ่บอกว่า หากเราทำหน้าที่นี้ได้ดี เราก็จะได้กลับไปยังทวีปจักรพรรดิบูรพาและจะมีดินแดนในอนาคต พวกเราทุกคนจะเป็นเจ้าเมืองและเราจะมีเกียรติต่อไปอีกหลายรุ่น!”
ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเทียนจุนทั้งหมดที่อยู่เบื้องหลังเขามีดวงตาที่ลุกวาวและบางคนก็ตัวสั่นด้วยความตื่นเต้น พวกเขาอาจจะไม่ตื่นเต้นมากนักหากได้ศิลาสวรรค์หรือสมบัติล้ำค่ามา แต่เพราะครั้งนี้เป็นสิ่งที่ล่อตาล่อใจเกินไป หากพวกเขาได้โอกาสกลับไปยังทวีปจักรพรรดิบูรพาด้วยสถานะที่ถูกต้องที่ซึ่งพวกเขาทั้งหมดเป็นเจ้าเมืองและจะสบายไปได้หลายชั่วอายุคน การเป็นโจรอยู่ที่นี่ พวกเขาอาจตายได้ทุกเมื่อ และแม้ว่าพวกเขาจะไม่ตาย แต่พวกเขาจะมีอนาคตเช่นไร? แล้วลูกหลานรุ่นต่อๆไปของพวกเขาก็จะเป็นโจรด้วยหรือ?
ฟรึ่บ! ฟรั่บ!
แก่นแท้พลังนับหมื่นสายสั่นคลอนเมื่อพวกเขาทั้งหมดเพิ่มความเร็วและบินไปทางตะวันออก ดวงตาของพวกเขาเต็มไปด้วยไฟอันลุกโชนราวกับมีสาวงามเปลือยเปล่ารอให้พวกเขาไปเพลิดเพลินในยามราตรีด้วย
แต่ด้านหน้านั้นไม่ได้มีสาวงามใดๆอยู่เลย ความผันผวนของห้วงอากาศที่ห่างออกไปหลายร้อยกิโลเมตรปะทุรุนแรงขึ้นมาแทน หลังจากนั้น ร่างสีดำก็พุ่งออกมาจากห้วงอากาศทีละคน
หนึ่งร้อย, หนึ่งพัน….สองหมื่น!
ในเวลาเพียงไม่กี่สิบลมหายใจ ยอดฝีมือสองหมื่นคนก็ออกมาจากห้วงอากาศข้างหน้า พวกเขาสวมชุดเกราะสีเทาและถือกระบี่สีเทา และเมื่อบุคคลทั้งสองหมื่นคนปรากฏตัวขึ้นมาพวกเขาก็เปิดโล่ศักดิ์สิทธิ์ทันที และพวกเขาคือขอบเขตเทียนจุนทั้งหมด
“วิชาย้ายห้วงมิติ? ตระกูลซือถู!”
รองแม่ทัพของกองทัพดาราเรืองรองอุทานขณะที่ดวงตาของเขาหดลง เขาไม่ลังเลที่จะรีบถอยกลับไปยังที่ที่พวกเขามาทันทีและรีบตะโกนสุดเสียงว่า “มีการซุ่มโจมตี ถอยกลับไปยังเกาะดาราเรืองรอง!”
“ย๊าห์!”
กองโจรนับหมื่นต่างพากันตื่นตระหนก ข้อมูลเดิมที่พวกเขาได้มานั้นคือการจัดการกับสมาคมการค้าวิหคมรกต ใครจะไปคาดว่าตระกูลซือถูจะปรากฏขึ้นมาจริงๆ?
หากพวกเขารู้ว่าตระกูลซือถูเองก็เคลื่อนไหว พวกเขาคงไม่กล้าที่จะต่อต้านแม้จะมีคนทุบตีพวกเขาจนตายก็ตาม ตระกูลซือถูเป็นหนึ่งในเผ่าเทพประทาน และผู้ใดก็ตามที่กล้าสร้างศัตรูกับสิบสามตระกูลนั้นจะมีแต่ความตายเท่านั้นที่รอพวกเขาอยู่ ตระกูลซือถูอาจนำขอบเขตเทียนจุนมาสองหมื่นคนก็จริง ซึ่งมันไม่ใช่แค่เพียงจำนวนคนมากกว่าสองเท่า แต่แม้ว่าตระกูลซือถูจะนำทหารมาเพียงพันคน กองทัพดาราเรืองรองก็ไม่กล้าเริ่มต่อสู้แล้ว นี่คือตระกูลซือถูที่มีชื่อเสียงในด้านกองทัพอันทรงพลังที่ผ่านการนองเลือดมานักต่อนักแล้วนับแสนปี!
“ฮึ่ม! ยังพยายามจะหนีอีก?” ไอลีนโนเวล
เสียงเย้ยหยันดังก้องมาจากเบื้องบน ตามด้วยฝ่ามือยักษ์ที่กระแทกลงมาทันที
ฝ่ามือนั้นใหญ่กว่าสามร้อยเมตรและมันปกคลุมท้องฟ้าทั้งหมด ฝ่ามือนั้นไม่ได้กระแทกลงไปที่ผู้คนแต่มันอยู่ที่ห้วงมิติซึ่งทำให้ห้วงมิติสั่นสะเทือน จากนั้นห้วงอากาศในรัศมีร้อยกิโลเมตรก็สั่นสะเทือนอย่างรุนแรง มีเพียงคนไม่กี่ร้อยคนจากกองทัพดาราเรืองรองเท่านั้นที่ยังบินต่อได้ ในขณะที่คนอื่นๆทั้งหมดถูกตรึงเอาไว้
“รูปแบบเต๋าหกดาว ยอดสวรรค์สะท้านปฐพี! ผู้อาวุโสโถงสงครามซือถู ซือถูนู่!” รองแม่ทัพคำรามด้วยความกลัวขณะที่ดวงตาของเขาเผยถึงความสิ้นหวังออกมา ขอบเขตเทียนจุนที่แข็งแกร่งที่สุดของตระกูลซือถูอยู่ที่นี่….แล้วพวกเขาจะยังมีโอกาสรอดอีกหรือ?
….
หากไม่มีผู้หนุนหลัง กองโจรเหล่านี้จะกล้าขวางเรือลิขิตสวรรค์จากสมาคมการค้าวิหคมรกตซึ่งเป็นหนึ่งในสามสมาคมการค้าชั้นนำของเมืองเทพประทานได้อย่างไร?
การสกัดกั้นนั้นไม่ได้จริงจังขนาดนั้น แต่ตอนนี้สมาคมการค้าวิหคมรกตนำขอบเขตเทียนจุนหมื่นคนมาที่นี่ แล้วกองทัพจอมมารยังคงมั่นคงต่อเจตจำนงถึงเพียงนี้? ตราบใดที่พวกเขายังไม่ได้ตามที่ต้องการ พวกเขาก็จะสังหารตัวประกันและเริ่มสงคราม? มันเห็นได้ชัดว่าแรงจูงใจของพวกเขานั้นไม่ใช่ศิลาสวรรค์แสนล้านก้อน
“รอเดี๋ยว!”
มีเสียงตะโกนดังขึ้นมาและร่างสีแดงเพลิงก็พุ่งออกมาจากระวางเรือ เขายืนอยู่กลางอากาศและตะโกนด้วยเสียงอันเย็นชาว่า“ผู้บัญชาการโม๋หลง ข้าคือเจียงอี้ ข้าไม่ได้สนใจเรื่องความบาดหมางระหว่างเจ้ากับสมาคมการค้าวิหคมรกต แต่ในหมู่ตัวประกันมีสหายข้าสองคนและข้ายินดีจ่ายค่าไถ่ให้พวกเขา”
เจียงอี้ปรากฏตัวขึ้นและไม่ได้สนใจตัวประกันคนอื่นๆ เขาระบุอย่างชัดเจนว่าเขาต้องการเพียงจ้านอู๋ซวงและหยุนเฟย
“เจียงอี้?”
ดวงตาของโม๋หลงเปล่งประกายด้วยความหลักแหลมขณะที่ขอบเขตเทียนจุนจำนวนมากที่อยู่เบื้องหลังเขาก็ดวงตาลุกวาวเช่นกัน อย่างไรก็ตาม โม๋หลงก็รีบเปลี่ยนสีหน้าอย่างรวดเร็วและพูดว่า “เจ้าคือเจียงอี้ที่ใช้นามแฝงเป็นอีเพียวเพียวหรือไม่?”
เขาพยักหน้าอย่างไม่แยแสและพูดว่า “ข้าเอง!”
“ฮ่าฮ่าฮ่า!”
โม๋หลงหัวเราะออกมาและหยุดก่อนที่จะพูดว่า “เมื่อพวกเขาเป็นสหายอาจารย์ เช่นนั้นข้าก็คงต้องไว้หน้าบ้าง เอาอย่างนี้แล้วกัน อาจารย์มอบศิลาสวรรค์แสนล้านก้อนมาและข้าจะปล่อยสหายของเจ้า ว่ายังไงล่ะ?”
“แสนล้าน?”
ทหารของสมาคมการค้าวิหคมรกตตกตะลึง โม๋หลงบอกว่าจะไว้หน้าเขาแต่เขากลับขอศิลาสวรรค์แสนล้านก้อนจริงๆ? แสนล้านสำหรับตัวประกันคนอื่นๆและยังเอาอีกแสนล้านจากสหายสองคนด้วย?
เจียงอี้หัวเราะด้วยความโกรธสุดขีด “ฮ่าฮ่าฮ่า กองทัพจอมมารของพวกเจ้าไว้หน้าข้าจริงหรือ เหอะ?!”
“แน่อยู่แล้ว!”
โม๋หลงออกท่าทางราวกับว่ามันเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้และเป็นเรื่องที่ถูกต้องแล้ว พร้อมกับพูดว่า “อาจารย์มีสถานะเช่นไร? หากภาพวาดสวรรค์เพียงภาพเดียวของเจ้าขายได้ถึงแสนล้าน เช่นนั้นเจ้าคงไม่มีปัญหาเรื่องศิลาสวรรค์หรอก ที่เราคิดแสนล้านเนื่องจากเราเคารพเจ้า หากเป็นสมาคมการค้าวิหคมรกต เราคงไม่แม้แต่จะไว้หน้าเช่นนี้หรอก”
สีหน้าของเจียงอี้เย็นชาลงและพูดว่า “ไม่มีทางเจราจาได้เลยหรือ?”
ดวงตาของโม๋หลงเป็นประกายด้วยกลิ่นอายสังหารและตอบว่า “ทำไม? หรือเจ้าต้องการจะทำสงครามกับกองทัพของเราด้วย?”
“ข้ามิกล้า!”
เจียงอี้เย้ยหยันและกลับไปยังเรือลิขิตสวรรค์เงียบๆ แต่เขาไม่ได้บอกว่าเขาจะจ่ายค่าไถ่ ดังนั้นโม๋หลงจึงรอครู่หนึ่งและรู้สึกหงุดหงิดพร้อมกับพูดว่า “เฟิงล่วน เจ้าจะจ่ายศิลาสวรรค์มาหรือจะทำสงคราม? ตัดสินใจมา! เวลาของข้ามีค่าและไม่อยากจะเสียมันไปเพราะเจ้า”
เฟิงล่วนเงียบไปครู่หนึ่งแล้วตะโกนออกมาว่า “โม๋หลง รอก่อนหนึ่งชั่วโมง ข้าจะส่งข้อความถึงประธาน! หลังจากที่เราจ่ายศิลาสวรรค์แล้ว เจ้าจะไม่กลับคำใช่ไหม?”
“อยู่แล้วล่ะ!”
โม๋หลงโบกมือและพูดว่า “กองทัพจอมมารของเราน่าเชื่อถือที่สุดและเราจะปล่อยตัวประกันไปหลังจากที่เจ้าจ่ายศิลาสวรรค์ และเนื่องจากสหายของอาจารย์อยู่ในนั้นด้วย เราจึงต้องไว้หน้าเขาด้วย ดังนั้น ตอนนี้เจ้าต้องจ่ายมาสองแสนล้าน!”
“เจ้า…”
เสียงของเฟิงล่วนโกรธมาก แต่เขาไม่ยั่วโม๋หลงอีกต่อไปและกัดฟันพูดว่า “ก็ได้ สองแสนล้าน รอหนึ่งชั่วโมง!”
โม๋หลงพยักหน้าเบาๆและพูดว่า “หนึ่งชั่วโมง หากเจ้ายังไม่มีศิลาสวรรค์ในตอนนั้น ก็อย่าโทษที่เราสังหารตัวประกันล่ะ!”
“เอ่อ…”
หวงฝูเทาเทียนและสมาชิกสมาคมการค้าวิหคมรกตมากมายต่างตกใจ โม๋หลงเต็มใจที่จะรอชั่วโมงหนึ่งจริงๆ? เขาไม่กลัวว่าสมาคมการค้าวิหคมรกตจะเล่นแง่อะไรหรือ? หรือบางที พกวเขาอาจจะคิดว่าตัวเองสูงส่งและไม่กลัวแผนการใดๆเลย?
ซือถูอีเสี้ยวและเฉียนว่านก้วนไม่ได้เผยความประหลาดใจใดๆเลย แต่เพียงแค่มองไปที่เจียงอี้ที่หลับตาอยู่ หลังจากนั้นไม่นาน เจียงอี้ก็ลืมตาและพูดว่า “ห่างออกไปราวสิบล้านกิโลเมตรทางตะวันตก, ทางใต้และทางเหนือ มีคนอยู่หมื่นคนในแต่ละทิศ และพวกเขาทั้งหมดเป็นขอบเขตเทียนจุน พวกนั้นน่าจะเป็น กองทัพดาราเรืองรอง, กองทัพเดือนมืดและกองทัพทิวาแผดเผาที่อยู่ใกล้ๆนี้ ดูเหมือนว่าผู้ที่อยู่เบื้องหลังจะใช้ศิลาสวรรค์นับไม่ถ้วนและเสนอเงื่อนไขที่ดีถึงได้ทำให้สี่กองโจรร่วมมือกันได้ ดูเหมือนว่าชีวิตข้า เจียงอี้ผู้นี้จะมีค่ามากจริงๆ”
ซือถูอีเสี้ยวและเฉียนว่านก้วนมองหน้ากันและยิ้มเพราะทุกสิ่งอยู่ในความคาดหมายแล้ว ซือถูอีเสี้ยวมองแผนที่และเขาก็ชี้ไปที่เกาะและพูดว่า “เราจะโจมตีกองทัพดาราเรืองรองก่อน ว่านก้วน ส่งข้อความให้กองทัพทั้งหมดโจมตีเลย!”
“ได้เลย!”
เฉียนว่านก้วนมีป้ายที่เหมือนกับของเฟิงปู้ชือและป้ายนั้นก็ส่องแสงด้วยอักขระ จากนั้นซือถูอีเสี้ยวก็มองไปยังเจียงอี้และพูดว่า “น้องเจียง ข้าต้องรบกวนให้เจ้าช่วยดูลาดเลาต่อไปเรื่อยๆแล้ว ประธานเฟิงจะให้ทุกคนไปเตรียมพร้อมในการต่อสู้”
“ฮึฮึ! หากจะโกงใครแล้ว เจ้าก็ต้องเตรียมถูกโกงด้วย ครั้งนี้ เราจะกวาดกองทัพโจรทั้งสี่ให้สิ้นซากซะ” เจียงอี้ยิ้มออกมาและหลับตาเพื่อเข้าสู่สภาวะมนุษย์ประสานสวรรค์ขณะที่เขาแผ่ญาณศักดิ์สิทธิ์ออกไปด้วย
…
ทางตะวันตกของเกาะจอมมารห่างไปแปดล้านกิโลเมตร ผู้คนนับหมื่นกำลังบินอยู่เงียบๆ พวกเขาทั้งหมดสวมชุดเกราะสีน้ำเงินขณะที่เผยดวงตาที่เยือกเย็นออกมา พวกเขาไม่ได้ปล่อยกลิ่นอายออกมาจากร่างกาย แต่กลิ่นอายสังหารในดวงตาของพวกเขาก็เพียงพอที่จะทำให้ทุกคนสั่นสะท้านไปด้วยความกลัวแล้ว
“เร่งความเร็ว!”
ที่ด้านหน้า มียอดฝีมือที่สูงสามเมตร เขามีรูปร่างที่แข็งแกร่งราวกับยักษ์และเขาก็ตะโกนออกมาว่า “ท่านแม่ทัพใหญ่บอกว่า หากเราทำหน้าที่นี้ได้ดี เราก็จะได้กลับไปยังทวีปจักรพรรดิบูรพาและจะมีดินแดนในอนาคต พวกเราทุกคนจะเป็นเจ้าเมืองและเราจะมีเกียรติต่อไปอีกหลายรุ่น!”
ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเทียนจุนทั้งหมดที่อยู่เบื้องหลังเขามีดวงตาที่ลุกวาวและบางคนก็ตัวสั่นด้วยความตื่นเต้น พวกเขาอาจจะไม่ตื่นเต้นมากนักหากได้ศิลาสวรรค์หรือสมบัติล้ำค่ามา แต่เพราะครั้งนี้เป็นสิ่งที่ล่อตาล่อใจเกินไป หากพวกเขาได้โอกาสกลับไปยังทวีปจักรพรรดิบูรพาด้วยสถานะที่ถูกต้องที่ซึ่งพวกเขาทั้งหมดเป็นเจ้าเมืองและจะสบายไปได้หลายชั่วอายุคน การเป็นโจรอยู่ที่นี่ พวกเขาอาจตายได้ทุกเมื่อ และแม้ว่าพวกเขาจะไม่ตาย แต่พวกเขาจะมีอนาคตเช่นไร? แล้วลูกหลานรุ่นต่อๆไปของพวกเขาก็จะเป็นโจรด้วยหรือ?
ฟรึ่บ! ฟรั่บ!
แก่นแท้พลังนับหมื่นสายสั่นคลอนเมื่อพวกเขาทั้งหมดเพิ่มความเร็วและบินไปทางตะวันออก ดวงตาของพวกเขาเต็มไปด้วยไฟอันลุกโชนราวกับมีสาวงามเปลือยเปล่ารอให้พวกเขาไปเพลิดเพลินในยามราตรีด้วย
แต่ด้านหน้านั้นไม่ได้มีสาวงามใดๆอยู่เลย ความผันผวนของห้วงอากาศที่ห่างออกไปหลายร้อยกิโลเมตรปะทุรุนแรงขึ้นมาแทน หลังจากนั้น ร่างสีดำก็พุ่งออกมาจากห้วงอากาศทีละคน
หนึ่งร้อย, หนึ่งพัน….สองหมื่น!
ในเวลาเพียงไม่กี่สิบลมหายใจ ยอดฝีมือสองหมื่นคนก็ออกมาจากห้วงอากาศข้างหน้า พวกเขาสวมชุดเกราะสีเทาและถือกระบี่สีเทา และเมื่อบุคคลทั้งสองหมื่นคนปรากฏตัวขึ้นมาพวกเขาก็เปิดโล่ศักดิ์สิทธิ์ทันที และพวกเขาคือขอบเขตเทียนจุนทั้งหมด
“วิชาย้ายห้วงมิติ? ตระกูลซือถู!”
รองแม่ทัพของกองทัพดาราเรืองรองอุทานขณะที่ดวงตาของเขาหดลง เขาไม่ลังเลที่จะรีบถอยกลับไปยังที่ที่พวกเขามาทันทีและรีบตะโกนสุดเสียงว่า “มีการซุ่มโจมตี ถอยกลับไปยังเกาะดาราเรืองรอง!”
“ย๊าห์!”
กองโจรนับหมื่นต่างพากันตื่นตระหนก ข้อมูลเดิมที่พวกเขาได้มานั้นคือการจัดการกับสมาคมการค้าวิหคมรกต ใครจะไปคาดว่าตระกูลซือถูจะปรากฏขึ้นมาจริงๆ?
หากพวกเขารู้ว่าตระกูลซือถูเองก็เคลื่อนไหว พวกเขาคงไม่กล้าที่จะต่อต้านแม้จะมีคนทุบตีพวกเขาจนตายก็ตาม ตระกูลซือถูเป็นหนึ่งในเผ่าเทพประทาน และผู้ใดก็ตามที่กล้าสร้างศัตรูกับสิบสามตระกูลนั้นจะมีแต่ความตายเท่านั้นที่รอพวกเขาอยู่ ตระกูลซือถูอาจนำขอบเขตเทียนจุนมาสองหมื่นคนก็จริง ซึ่งมันไม่ใช่แค่เพียงจำนวนคนมากกว่าสองเท่า แต่แม้ว่าตระกูลซือถูจะนำทหารมาเพียงพันคน กองทัพดาราเรืองรองก็ไม่กล้าเริ่มต่อสู้แล้ว นี่คือตระกูลซือถูที่มีชื่อเสียงในด้านกองทัพอันทรงพลังที่ผ่านการนองเลือดมานักต่อนักแล้วนับแสนปี!
“ฮึ่ม! ยังพยายามจะหนีอีก?” ไอลีนโนเวล
เสียงเย้ยหยันดังก้องมาจากเบื้องบน ตามด้วยฝ่ามือยักษ์ที่กระแทกลงมาทันที
ฝ่ามือนั้นใหญ่กว่าสามร้อยเมตรและมันปกคลุมท้องฟ้าทั้งหมด ฝ่ามือนั้นไม่ได้กระแทกลงไปที่ผู้คนแต่มันอยู่ที่ห้วงมิติซึ่งทำให้ห้วงมิติสั่นสะเทือน จากนั้นห้วงอากาศในรัศมีร้อยกิโลเมตรก็สั่นสะเทือนอย่างรุนแรง มีเพียงคนไม่กี่ร้อยคนจากกองทัพดาราเรืองรองเท่านั้นที่ยังบินต่อได้ ในขณะที่คนอื่นๆทั้งหมดถูกตรึงเอาไว้
“รูปแบบเต๋าหกดาว ยอดสวรรค์สะท้านปฐพี! ผู้อาวุโสโถงสงครามซือถู ซือถูนู่!” รองแม่ทัพคำรามด้วยความกลัวขณะที่ดวงตาของเขาเผยถึงความสิ้นหวังออกมา ขอบเขตเทียนจุนที่แข็งแกร่งที่สุดของตระกูลซือถูอยู่ที่นี่….แล้วพวกเขาจะยังมีโอกาสรอดอีกหรือ?
….