เพลิงพิโรธสวรรค์ Fury towards the burning heaven - บทที่ 809 เปลี่ยนวิกฤติเป็นโอกาส
- Home
- เพลิงพิโรธสวรรค์ Fury towards the burning heaven
- บทที่ 809 เปลี่ยนวิกฤติเป็นโอกาส
บรึฟ!
ห่างออกไปไม่กี่ร้อยกิโลเมตรทางตะวันออกของเกาะจอมมาร ภายในเรือลิขิตสวรรค์ของสมาคมการค้าวิหคมรกต, ป้ายของเฉียนว่านก้วนสว่างขึ้นมา จากนั้นเขาก็รู้สึกปลาบปลื้มและพูดขึ้นว่า “สมาชิกหมื่นคนของกองทัพดาราเรืองรองถูกกำจัดแล้ว ผู้อาวุโสนู่ให้เราเริ่มสอดแนมกองทหารอื่นต่อ!”
“เอ่อ…”
หวงฝูเทาเทียนและเฟิงปู้ชีมองหน้ากันและเห็นสีหน้าที่ประหลาดใจของกันและกัน มันนานขนาดไหนกัน? มันน่าจะใช้เวลาต่ำกว่าสามสิบนาทีใช่ไหม? ตระกูลซือถูส่งทหารมากี่คน? หรือยอดฝีมือแสดงความสามารถออกมาอย่างเต็มกำลัง?
ในตอนที่ทุกคนหารือกับซือถูอ้าว เขาไม่ได้ระบุเรื่องนี้ไว้อย่างชัดเจนนักและพวกเขาทั้งสองก็สันนิษฐานไว้ว่าต้องใช้เวลาอย่างน้อยหนึ่งชั่วโมงเพื่อกำจัดกองทัพดาราเรืองรอง
“ป่าเถื่อนนัก!”
เจียงอี้ลืมตาขึ้นมาและมองซือถูอีเสี้ยวด้วยรอยยิ้มอันขมขื่นและกล่าวว่า “พี่ซือถู ยอดฝีมือตระกูลเจ้าป่าเถื่อนนัก ไม่มีพวกเขาคนใดได้รับบาดเจ็บเลยหลังจากกำจัดกองทัพดาราเรืองรองไป ยอดสวรรค์สะท้านปฐพีของผู้อาวุโสนู่เองก็ทรงพลังยิ่งนัก!”
เจียงอี้แผ่ญาณศักดิ์สิทธิ์ของเขาอยู่ตลอดและเขาได้เห็นการต่อสู้ทั้งหมด การโจมตีจากขอบเขตเทียนจุนทั้งสองหมื่นคนนั้นทำให้ใจเขาเต้นแรงจนถึงตอนนี้ นี่เป็นครั้งแรกที่เจียงอี้ได้เห็นฉากที่งดงามเช่นนี้ ความแข็งแกร่งของยอดฝีมือตระกูลซือถูและยอดสวรรค์สะท้านปฐพีของซือถูนู่ที่ทำให้เกิดความผันผวนของห้วงอากาศในรัศมีนับร้อยกิโลเมตรนั้นเป็นสิ่งที่ทำให้เขาได้เปิดหูเปิดตาอย่างแท้จริง
“ไม่มีใครได้รับบาดเจ็บเลยหรือ?” เฟิงปู้ชีและหวงฝูเทาเทียนตกตะลึงมากกว่าเดิม พวกเขาไม่คาดคิดว่าตระกูลซือถูจะเป็นที่น่าเกรงขามต่อกลุ่มโจรมากขนาดนี้ หากมันไม่ใช่กองทัพตระกูลซือถู กองทัพดาราเรืองรองก็จะเสี่ยงชีวิตเพื่อสู้กลับและการต่อสู้นั้นก็จะไม่จบลงอย่างรวดเร็ว นอกจากนี้ ฝั่งตระกูลซือถูก็คงจะต้องมีผู้บาดเจ็บล้มตายด้วย
เจียงอี้กวาดดูแผนที่และชี้ไปที่เกาะที่อยู่ห่างจากพวกเขาห้าล้านกิโลเมตร “อย่าเพิ่งพูดเรื่องนี้เลย พี่ซือถู ส่งข้อความถึงผู้อาวุโสนู่เลย กองทัพเดือนมืดกำลังจะมาถึงเกาะจอมมารแล้ว ให้พวกเขาซุ่มโจมตีอยู่ใกล้ๆเกาะจอมมารเดี๋ยวนี๋!”
“ได้เลย!”
ซือถูอีเสี้ยวกวาดตาไปยังเฉียนว่านก้วนในขณะที่ฝ่ายหลังพยักหน้าและส่งข้อความอย่างรวดเร็ว
หลังจากส่งข้อความแล้ว เฉียนว่านก้วนก็เดินรอบระวางเรืออย่างตื่นเต้นและกำลังคำนวณเวลาเงียบๆในขณะที่เขารอให้การต่อสู้สิ้นสุดลง เจียงอี้หลับตาลงและปล่อยญาณศักดิ์สิทธิ์อีกครั้ง แม้ว่าเขาจะเหน็ดเหนื่อยมากแล้ว แต่เขาก็ต้องคอยสนใจการต่อสู้ครั้งใหญ่เช่นนี้ ไม่เช่นนั้น หากมีกองโจรอื่นอยู่ใกล้ๆจะเป็นเช่นไร?
สามสิบนาทีต่อมา ก่อนที่เฉียนว่านก้วนจะได้รับข้อความ เจียงอี้ก็ลืมตาขึ้นมาก่อนแล้ว ร่างของเขาเซไปมาและเกือบจะล้มลงกับพื้นขณะที่หวงฝูเทาเทียนช่วยพยุงเจียงอี้อย่างรวดเร็ว เจียงอี้หายใจอย่างแผ่วเบาและพูดว่า “กองทัพเดือนมืดถูกสังหารไปสี่พันคนและหกพันคนได้ยอมจำนน และมีสมาชิกตระกูลซือถูไม่กี่ร้อยคนที่ได้รับบาดเจ็บ…”
“ดี!”
หวงฝูเทาเทียนตะโกนออกมาเสียงดัง กองโจรสองในสี่กองทัพได้ถูกกำจัดไปแล้วและหลังจากที่กองทัพทิวาแผดเผาถูกกำจัดไปอีก กองทัพจอมมารก็จะเป็นเหมือนเต๋าที่ติดอยู่ในโถและไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากรอเพียงความตาย
เจียงอี้โบกมือขณะที่ซือถูอีเสี้ยวรีบนำแผนที่มาอย่างรวดเร็ว จากนั้นเจียงอี้ก็หรี่ตาและมองแผนที่และชี้ไปยังเกาะเล็กๆใกล้ๆด้วยนิ้วที่สั่นเทาแล้วพูดว่า “กองทัพทิวาแผดเผาอยู่ตรงนี้แล้ว ให้ผู้อาวุโสนู่คอยซุ่มอยู่ที่เกาะเงาอัคคี เกาะเงาอัคคีอยู่ห่างจากที่นี่เพียงห้าแสนกิโลเมตรและคลื่นการโจมตีจะแผ่มาถึงที่นี่ได้ และเมื่อถึงเวลานั้น กองทัพจอมมารจะรู้เรื่องนี้อย่างแน่นอน พี่อีเสี้ยว เราดำเนินแผนขั้นสองได้”
“ฮ่าฮ่าฮ่า!”
ซือถูอีเสี้ยวหัวเราะเสียงดังออกมาขณะที่เขามองเจียงอี้ด้วยดวงตาที่เร่าร้อน “เมื่อมีทักษะวิชาของน้องเจียง อย่าว่าแต่กองโจรเลย เราสามารถขจัดผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเทียนจุนแสนคนได้อย่างง่ายดาย ไม่ต้องกังวลไปน้องเจียง ทุกอย่างเตรียมพร้อมไว้หมดแล้ว ว่านก้วน ส่งคำสั่งไประดมกลุ่มลับ!”
เฟิงปู้ชีและหวงฝูเทาเทียนพยักหน้าเห็นด้วยอยู่เงียบๆ ด้วยทักษะของเจียงอี้ หากมีกองโจรมาอีก พวกนั้นก็จะต้องตายด้วยเช่นกัน แต่แน่นอนว่ามันจำเป็นต้องร่วมมือกับวิชาย้ายห้วงมิติของตระกูลซือถูด้วย ไม่เช่นนั้น แม้แต่กลุ่มกึ่งเทพเองก็ไม่สามารถเดินทางข้ามผ่านล้านกิโลเมตรมาได้อย่างรวดเร็ว ญาณศักดิ์สิทธิ์และวิชาย้ายห้วงมิตินั้นเป็นสิ่งที่ลงตัวและเป็นอาวุธที่มีประสิทธิภาพที่สุดที่จะเริ่มสงคราม
ซือถูนู่ได้พูดกับเสี่ยวสงว่าเจียงอี้มีสถานะที่เหนือกว่าซือถูอีเสี้ยวในใจของซือถูอ้าวเพราะญาณศักดิ์สิทธิ์ของเจียงอี้ หากเจียงอี้เต็มใจที่จะมอบศาสตร์เวทย์นี้ให้ตระกูลซือถู ซือถูอ้าวก็จะให้ทุกสิ่งที่เขาต้องการ
เฉียนว่านก้วนหยิบป้ายออกมาและส่งข้อความขณะที่ดวงตาเล็กๆของเขาเต็มไปด้วยความสดใส ครั้งนี้เขาใช้ความพยายามอย่างมากในการจัดการเรื่องทั้งหมดและหากการต่อสู้ในครั้งนี้ประสบความสำเร็จ เจียงอี้ก็จะได้รับชื่อเสียงหลักๆในขณะที่เฉียนว่านก้วนก็จะเป็นอันดับสองรองจากเจียงอี้อย่างแน่นอน มันอาจเป็นไปได้ว่าเฉียนว่านก้วนจะได้รับการยกย่องอย่างสูงเพราะซือถูอีเสี้ยวไม่เคยส่งข้อความเองและอนุญาตให้เฉียนว่านก้วนเป็นคนจัดการทุกอย่าง
เวลาค่อยๆผ่านพ้นไปทีละนิด
อีกไม่นาน กำหนดเวลาครบหนึ่งชั่วโมงก็ใกล้จะมาถึงแล้ว ทุกคนรู้สึกประหม่าเพราะการต่อสู้ครั้งนี้ไม่ใช่เพื่อมากำจัดกองทัพโจรแต่เพื่อช่วยเหลือตัวประกัน ร่างของเจียงอี้สั่นเทาเนื่องจากเขาใช้ญาณศักดิ์สิทธิ์อย่างต่อเนื่องเป็นเวลานาน หากไม่ใช่เพราะจ้านอู๋ซวงและหยุนเฟย เจียงอี้ก็คงจะกลายเป็นศพไปแล้ว
บรึฟ!
มีคลื่นมาจากทางใต้เล็กน้อย และคลื่นนั้นก็ทำให้สมาชิกจำนวนนับไม่ถ้วนของสมาคมการค้าวิหคมรกตตัวสั่นขณะที่โม๋หลงและคนของเขายืนอยู่บนฟ้าอย่างภาคภูมิซึ่งทุกคนมีสีหน้าที่เปลี่ยนไป “ความผันผวนห้วงอากาศรุนแรงอะไรเช่นนี้ เกิดอะไรขึ้นตรงนั้นกัน?”
ดวงตาของโม๋หลงกระพริบ เขาสัญญากับเฟิงล่วนว่าจะรอหนึ่งชั่วโมงเพราะเขากำลังรอกองทัพทั้งสามมาเพื่อกำจัดสมาคมการค้าวิหคมรกตและเจียงอี้ด้วยกัน แต่ตอนนี้เวลาใกล้จะหมดลงแล้ว แต่ไม่มีกำลังเสริมมาเลยและมีความผันผวนของห้วงอากาศที่รุนแรงทางใต้อีก? หรือจะมีใครสู้กันอยู่ตรงนั้น?
“หรือสมาคมการค้าวิหคมรกตจะขอกำลังเสริม?”
ดวงตาของโม๋หลงหดลง เขาส่งสายตาให้ลูกน้องห้าคนค่อยๆแอบบินไปทางใต้อย่างเงียบๆโดยใช้ประโยชน์จากความมืด เนื่องจากพวกเขาสัมผัสได้ถึงระลอกคลื่นของการต่อสู้ มันก็หมายความว่าสนามรบนั้นอยู่ไม่ไกลนัก
“นี่มันคลื่นอะไรกัน?”
ในตอนนั้นเอง เฟิงล่วนก็ตะโกนออกมาด้วยความงงงวย “โม๋หลง ทำไมถึงมีระลอกคลื่นที่รุนแรงอยู่ตรงนั้น? เจ้าจ้างกำลังเสริมมาหรือ? หรือเจ้ากำลังคิดจะกำจัดสมาคมการค้าของเรา?”
“เจ้าลูกสวะ!”
โม๋หลงตื่นตระหนกขณะที่เขาแค่สาปแช่งกลับ “ข้าบอกได้เลยว่าเจ้านั่นแหละที่จ้างกองกำลังเสริมมา กองทัพจอมมารของเราเป็นศัตรูกับกองโจรใกล้ๆ เราจะจ้างพวกมันได้อย่างไร?”
“เลิกพูดจาไร้สาระเถอะ!” เฟิงล่วนพูดอย่างเย็นชา “ประธานของข้าส่งข้อความมาแล้ว เราจะมอบศิลาสวรรค์สองแสนล้านก้อนให้ ปล่อยตัวประกันเดี๋ยวนี้!”
“รอก่อน!”
โม๋หลงมองไปยังทิศใต้และมองกลับมาที่เรือลิขิตสวรรค์อย่างสงสัย “รอหน่วยสอดแนมข้ากลับมาก่อน ใครจะรู้ว่าเจ้าจ้างกำลังเสริมมาหรือเปล่า?”
กองทัพทั้งสามน่าจะมาถึงแล้ว แต่ไม่มีใครอยู่ที่นี่เลยสักคนและโม๋หลงคงจะไม่มอบตัวประกันให้อยู่แล้ว เฟิงล่วนไม่สนใจเรื่องนี้อีกต่อไปและพ่นลมหายใจออกมา “ไม่ มอบตัวประกันมาเดี๋ยวนี้ ไม่เช่นนั้นเราจะเริ่มสู้! ใครจะไปรู้ว่าเจ้ากำลังรอกำลังเสริมมาหรือเปล่า?”
“เช่นนั้นก็เริ่มสงครามเลยหากเจ้าต้องการ!”
โม๋หลงหยิบคทาที่มีหนามแหลมออกมาอย่างไม่เกรงกลัวขณะที่เขาแสดงท่าทีเย่อหยิ่ง เขารู้อยู่แล้วว่าสมาคมการค้าวิหคมรกตนั้นไม่กล้าเริ่มสู้เพราะสหายของเจียงอี้ยังอยู่กับพวกเขา หากเจียงอี้ปรากฏตัวอยู่ที่นี่ มันก็เห็นได้ชัดว่าเขาต้องการช่วยสหายของเขาและจะหยุดสมาคมการค้าวิหคมรกตเพื่อไม่ให้เริ่มต่อสู้
และมันก็เป็นอย่างที่คาด!
เสียงของเจียงอี้ดังก้องมาอย่างรวดเร็ว “ผู้อาวุโสเฟิงล่วน รออีกครู่หนึ่งก่อนเถอะ!”
เมื่อเวลาล่วงเลยไป หนึ่งชั่วโมงต่อมา, ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเทียนจุนทั้งห้าที่ออกไปก่อนหน้านี้และมีหน่วยสอดแนมบางคนกลับมา พวกเขาส่งข้อความถึงโม๋หลงว่า “ท่าไม่ดีขอรับ รองแม่ทัพ กองทัพดาราเรืองรอง, ทิวาแผดเผาและเดือนมืดได้มุ่งหน้าไปทางใต้โดยไม่รู้ความและพวกเขาก็เริ่มการต่อสู้กัน กองทัพทิวาแผดเผาและกองทัพดาราเรืองรองกำลังไล่ตาม กองทัพเดือนมืด และเหล่ากองทัพเดือนมืดที่เหลืออยู่กำลังหนีมาทางนี้ขอรับ…”
“อะไรนะ?”
โม๋หลงตะโกนออกมาโดยไม่ได้ตั้งใจ กองกำลังเสริมทั้งสามไม่ได้โจมตีสมาคมการค้าวิหคมรกตและกำลังปะทะกันอย่างวุ่นวายจริงๆ? หรือมันจะเป็นการแสดง? พวกนั้นเล่นแง่และทำข้อตกลงกับสมาคมการค้าวิหคมรกตหรือเปล่า?
“เตรียมโจมตี!”
ในเรือลิขิตสวรรค์, ซือถูอีเสี้ยวโบกมือด้วยสายตาที่ตื่นเต้น กระบี่อัสนีปรากฏขึ้นในมือของหวงฝูเทาเทียนขณะที่เขาเปิดโล่ศักดิ์สิทธิ์ของเขาออกมา ส่วนเฉียนว่านก้วนก็ตื่นเต้นมากจนมือสั่นไปหมด
ความจริงแล้ว กองทัพโจรทั้งสามไม่ได้สู้กันอย่างวุ่นวาย แต่ในการช่วยชีวิตจ้านอู๋ซวงและหยุนเฟยโดยไม่ได้รับอันตรายนั้น พวกเขาจะต้องทำให้กองทัพจอมมารตื่นตระหนกเพื่อเปลี่ยนวิกฤติให้เป็นโอกาส นี่คือแผนการที่เฉียนว่านก้วนวางแผนไว้กับซือถูอีเสี้ยว
และตอนนี้, มันก็อยู่ในความโกลาหลแล้ว!
ห่างออกไปไม่กี่ร้อยกิโลเมตรทางตะวันออกของเกาะจอมมาร ภายในเรือลิขิตสวรรค์ของสมาคมการค้าวิหคมรกต, ป้ายของเฉียนว่านก้วนสว่างขึ้นมา จากนั้นเขาก็รู้สึกปลาบปลื้มและพูดขึ้นว่า “สมาชิกหมื่นคนของกองทัพดาราเรืองรองถูกกำจัดแล้ว ผู้อาวุโสนู่ให้เราเริ่มสอดแนมกองทหารอื่นต่อ!”
“เอ่อ…”
หวงฝูเทาเทียนและเฟิงปู้ชีมองหน้ากันและเห็นสีหน้าที่ประหลาดใจของกันและกัน มันนานขนาดไหนกัน? มันน่าจะใช้เวลาต่ำกว่าสามสิบนาทีใช่ไหม? ตระกูลซือถูส่งทหารมากี่คน? หรือยอดฝีมือแสดงความสามารถออกมาอย่างเต็มกำลัง?
ในตอนที่ทุกคนหารือกับซือถูอ้าว เขาไม่ได้ระบุเรื่องนี้ไว้อย่างชัดเจนนักและพวกเขาทั้งสองก็สันนิษฐานไว้ว่าต้องใช้เวลาอย่างน้อยหนึ่งชั่วโมงเพื่อกำจัดกองทัพดาราเรืองรอง
“ป่าเถื่อนนัก!”
เจียงอี้ลืมตาขึ้นมาและมองซือถูอีเสี้ยวด้วยรอยยิ้มอันขมขื่นและกล่าวว่า “พี่ซือถู ยอดฝีมือตระกูลเจ้าป่าเถื่อนนัก ไม่มีพวกเขาคนใดได้รับบาดเจ็บเลยหลังจากกำจัดกองทัพดาราเรืองรองไป ยอดสวรรค์สะท้านปฐพีของผู้อาวุโสนู่เองก็ทรงพลังยิ่งนัก!”
เจียงอี้แผ่ญาณศักดิ์สิทธิ์ของเขาอยู่ตลอดและเขาได้เห็นการต่อสู้ทั้งหมด การโจมตีจากขอบเขตเทียนจุนทั้งสองหมื่นคนนั้นทำให้ใจเขาเต้นแรงจนถึงตอนนี้ นี่เป็นครั้งแรกที่เจียงอี้ได้เห็นฉากที่งดงามเช่นนี้ ความแข็งแกร่งของยอดฝีมือตระกูลซือถูและยอดสวรรค์สะท้านปฐพีของซือถูนู่ที่ทำให้เกิดความผันผวนของห้วงอากาศในรัศมีนับร้อยกิโลเมตรนั้นเป็นสิ่งที่ทำให้เขาได้เปิดหูเปิดตาอย่างแท้จริง
“ไม่มีใครได้รับบาดเจ็บเลยหรือ?” เฟิงปู้ชีและหวงฝูเทาเทียนตกตะลึงมากกว่าเดิม พวกเขาไม่คาดคิดว่าตระกูลซือถูจะเป็นที่น่าเกรงขามต่อกลุ่มโจรมากขนาดนี้ หากมันไม่ใช่กองทัพตระกูลซือถู กองทัพดาราเรืองรองก็จะเสี่ยงชีวิตเพื่อสู้กลับและการต่อสู้นั้นก็จะไม่จบลงอย่างรวดเร็ว นอกจากนี้ ฝั่งตระกูลซือถูก็คงจะต้องมีผู้บาดเจ็บล้มตายด้วย
เจียงอี้กวาดดูแผนที่และชี้ไปที่เกาะที่อยู่ห่างจากพวกเขาห้าล้านกิโลเมตร “อย่าเพิ่งพูดเรื่องนี้เลย พี่ซือถู ส่งข้อความถึงผู้อาวุโสนู่เลย กองทัพเดือนมืดกำลังจะมาถึงเกาะจอมมารแล้ว ให้พวกเขาซุ่มโจมตีอยู่ใกล้ๆเกาะจอมมารเดี๋ยวนี๋!”
“ได้เลย!”
ซือถูอีเสี้ยวกวาดตาไปยังเฉียนว่านก้วนในขณะที่ฝ่ายหลังพยักหน้าและส่งข้อความอย่างรวดเร็ว
หลังจากส่งข้อความแล้ว เฉียนว่านก้วนก็เดินรอบระวางเรืออย่างตื่นเต้นและกำลังคำนวณเวลาเงียบๆในขณะที่เขารอให้การต่อสู้สิ้นสุดลง เจียงอี้หลับตาลงและปล่อยญาณศักดิ์สิทธิ์อีกครั้ง แม้ว่าเขาจะเหน็ดเหนื่อยมากแล้ว แต่เขาก็ต้องคอยสนใจการต่อสู้ครั้งใหญ่เช่นนี้ ไม่เช่นนั้น หากมีกองโจรอื่นอยู่ใกล้ๆจะเป็นเช่นไร?
สามสิบนาทีต่อมา ก่อนที่เฉียนว่านก้วนจะได้รับข้อความ เจียงอี้ก็ลืมตาขึ้นมาก่อนแล้ว ร่างของเขาเซไปมาและเกือบจะล้มลงกับพื้นขณะที่หวงฝูเทาเทียนช่วยพยุงเจียงอี้อย่างรวดเร็ว เจียงอี้หายใจอย่างแผ่วเบาและพูดว่า “กองทัพเดือนมืดถูกสังหารไปสี่พันคนและหกพันคนได้ยอมจำนน และมีสมาชิกตระกูลซือถูไม่กี่ร้อยคนที่ได้รับบาดเจ็บ…”
“ดี!”
หวงฝูเทาเทียนตะโกนออกมาเสียงดัง กองโจรสองในสี่กองทัพได้ถูกกำจัดไปแล้วและหลังจากที่กองทัพทิวาแผดเผาถูกกำจัดไปอีก กองทัพจอมมารก็จะเป็นเหมือนเต๋าที่ติดอยู่ในโถและไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากรอเพียงความตาย
เจียงอี้โบกมือขณะที่ซือถูอีเสี้ยวรีบนำแผนที่มาอย่างรวดเร็ว จากนั้นเจียงอี้ก็หรี่ตาและมองแผนที่และชี้ไปยังเกาะเล็กๆใกล้ๆด้วยนิ้วที่สั่นเทาแล้วพูดว่า “กองทัพทิวาแผดเผาอยู่ตรงนี้แล้ว ให้ผู้อาวุโสนู่คอยซุ่มอยู่ที่เกาะเงาอัคคี เกาะเงาอัคคีอยู่ห่างจากที่นี่เพียงห้าแสนกิโลเมตรและคลื่นการโจมตีจะแผ่มาถึงที่นี่ได้ และเมื่อถึงเวลานั้น กองทัพจอมมารจะรู้เรื่องนี้อย่างแน่นอน พี่อีเสี้ยว เราดำเนินแผนขั้นสองได้”
“ฮ่าฮ่าฮ่า!”
ซือถูอีเสี้ยวหัวเราะเสียงดังออกมาขณะที่เขามองเจียงอี้ด้วยดวงตาที่เร่าร้อน “เมื่อมีทักษะวิชาของน้องเจียง อย่าว่าแต่กองโจรเลย เราสามารถขจัดผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเทียนจุนแสนคนได้อย่างง่ายดาย ไม่ต้องกังวลไปน้องเจียง ทุกอย่างเตรียมพร้อมไว้หมดแล้ว ว่านก้วน ส่งคำสั่งไประดมกลุ่มลับ!”
เฟิงปู้ชีและหวงฝูเทาเทียนพยักหน้าเห็นด้วยอยู่เงียบๆ ด้วยทักษะของเจียงอี้ หากมีกองโจรมาอีก พวกนั้นก็จะต้องตายด้วยเช่นกัน แต่แน่นอนว่ามันจำเป็นต้องร่วมมือกับวิชาย้ายห้วงมิติของตระกูลซือถูด้วย ไม่เช่นนั้น แม้แต่กลุ่มกึ่งเทพเองก็ไม่สามารถเดินทางข้ามผ่านล้านกิโลเมตรมาได้อย่างรวดเร็ว ญาณศักดิ์สิทธิ์และวิชาย้ายห้วงมิตินั้นเป็นสิ่งที่ลงตัวและเป็นอาวุธที่มีประสิทธิภาพที่สุดที่จะเริ่มสงคราม
ซือถูนู่ได้พูดกับเสี่ยวสงว่าเจียงอี้มีสถานะที่เหนือกว่าซือถูอีเสี้ยวในใจของซือถูอ้าวเพราะญาณศักดิ์สิทธิ์ของเจียงอี้ หากเจียงอี้เต็มใจที่จะมอบศาสตร์เวทย์นี้ให้ตระกูลซือถู ซือถูอ้าวก็จะให้ทุกสิ่งที่เขาต้องการ
เฉียนว่านก้วนหยิบป้ายออกมาและส่งข้อความขณะที่ดวงตาเล็กๆของเขาเต็มไปด้วยความสดใส ครั้งนี้เขาใช้ความพยายามอย่างมากในการจัดการเรื่องทั้งหมดและหากการต่อสู้ในครั้งนี้ประสบความสำเร็จ เจียงอี้ก็จะได้รับชื่อเสียงหลักๆในขณะที่เฉียนว่านก้วนก็จะเป็นอันดับสองรองจากเจียงอี้อย่างแน่นอน มันอาจเป็นไปได้ว่าเฉียนว่านก้วนจะได้รับการยกย่องอย่างสูงเพราะซือถูอีเสี้ยวไม่เคยส่งข้อความเองและอนุญาตให้เฉียนว่านก้วนเป็นคนจัดการทุกอย่าง
เวลาค่อยๆผ่านพ้นไปทีละนิด
อีกไม่นาน กำหนดเวลาครบหนึ่งชั่วโมงก็ใกล้จะมาถึงแล้ว ทุกคนรู้สึกประหม่าเพราะการต่อสู้ครั้งนี้ไม่ใช่เพื่อมากำจัดกองทัพโจรแต่เพื่อช่วยเหลือตัวประกัน ร่างของเจียงอี้สั่นเทาเนื่องจากเขาใช้ญาณศักดิ์สิทธิ์อย่างต่อเนื่องเป็นเวลานาน หากไม่ใช่เพราะจ้านอู๋ซวงและหยุนเฟย เจียงอี้ก็คงจะกลายเป็นศพไปแล้ว
บรึฟ!
มีคลื่นมาจากทางใต้เล็กน้อย และคลื่นนั้นก็ทำให้สมาชิกจำนวนนับไม่ถ้วนของสมาคมการค้าวิหคมรกตตัวสั่นขณะที่โม๋หลงและคนของเขายืนอยู่บนฟ้าอย่างภาคภูมิซึ่งทุกคนมีสีหน้าที่เปลี่ยนไป “ความผันผวนห้วงอากาศรุนแรงอะไรเช่นนี้ เกิดอะไรขึ้นตรงนั้นกัน?”
ดวงตาของโม๋หลงกระพริบ เขาสัญญากับเฟิงล่วนว่าจะรอหนึ่งชั่วโมงเพราะเขากำลังรอกองทัพทั้งสามมาเพื่อกำจัดสมาคมการค้าวิหคมรกตและเจียงอี้ด้วยกัน แต่ตอนนี้เวลาใกล้จะหมดลงแล้ว แต่ไม่มีกำลังเสริมมาเลยและมีความผันผวนของห้วงอากาศที่รุนแรงทางใต้อีก? หรือจะมีใครสู้กันอยู่ตรงนั้น?
“หรือสมาคมการค้าวิหคมรกตจะขอกำลังเสริม?”
ดวงตาของโม๋หลงหดลง เขาส่งสายตาให้ลูกน้องห้าคนค่อยๆแอบบินไปทางใต้อย่างเงียบๆโดยใช้ประโยชน์จากความมืด เนื่องจากพวกเขาสัมผัสได้ถึงระลอกคลื่นของการต่อสู้ มันก็หมายความว่าสนามรบนั้นอยู่ไม่ไกลนัก
“นี่มันคลื่นอะไรกัน?”
ในตอนนั้นเอง เฟิงล่วนก็ตะโกนออกมาด้วยความงงงวย “โม๋หลง ทำไมถึงมีระลอกคลื่นที่รุนแรงอยู่ตรงนั้น? เจ้าจ้างกำลังเสริมมาหรือ? หรือเจ้ากำลังคิดจะกำจัดสมาคมการค้าของเรา?”
“เจ้าลูกสวะ!”
โม๋หลงตื่นตระหนกขณะที่เขาแค่สาปแช่งกลับ “ข้าบอกได้เลยว่าเจ้านั่นแหละที่จ้างกองกำลังเสริมมา กองทัพจอมมารของเราเป็นศัตรูกับกองโจรใกล้ๆ เราจะจ้างพวกมันได้อย่างไร?”
“เลิกพูดจาไร้สาระเถอะ!” เฟิงล่วนพูดอย่างเย็นชา “ประธานของข้าส่งข้อความมาแล้ว เราจะมอบศิลาสวรรค์สองแสนล้านก้อนให้ ปล่อยตัวประกันเดี๋ยวนี้!”
“รอก่อน!”
โม๋หลงมองไปยังทิศใต้และมองกลับมาที่เรือลิขิตสวรรค์อย่างสงสัย “รอหน่วยสอดแนมข้ากลับมาก่อน ใครจะรู้ว่าเจ้าจ้างกำลังเสริมมาหรือเปล่า?”
กองทัพทั้งสามน่าจะมาถึงแล้ว แต่ไม่มีใครอยู่ที่นี่เลยสักคนและโม๋หลงคงจะไม่มอบตัวประกันให้อยู่แล้ว เฟิงล่วนไม่สนใจเรื่องนี้อีกต่อไปและพ่นลมหายใจออกมา “ไม่ มอบตัวประกันมาเดี๋ยวนี้ ไม่เช่นนั้นเราจะเริ่มสู้! ใครจะไปรู้ว่าเจ้ากำลังรอกำลังเสริมมาหรือเปล่า?”
“เช่นนั้นก็เริ่มสงครามเลยหากเจ้าต้องการ!”
โม๋หลงหยิบคทาที่มีหนามแหลมออกมาอย่างไม่เกรงกลัวขณะที่เขาแสดงท่าทีเย่อหยิ่ง เขารู้อยู่แล้วว่าสมาคมการค้าวิหคมรกตนั้นไม่กล้าเริ่มสู้เพราะสหายของเจียงอี้ยังอยู่กับพวกเขา หากเจียงอี้ปรากฏตัวอยู่ที่นี่ มันก็เห็นได้ชัดว่าเขาต้องการช่วยสหายของเขาและจะหยุดสมาคมการค้าวิหคมรกตเพื่อไม่ให้เริ่มต่อสู้
และมันก็เป็นอย่างที่คาด!
เสียงของเจียงอี้ดังก้องมาอย่างรวดเร็ว “ผู้อาวุโสเฟิงล่วน รออีกครู่หนึ่งก่อนเถอะ!”
เมื่อเวลาล่วงเลยไป หนึ่งชั่วโมงต่อมา, ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเทียนจุนทั้งห้าที่ออกไปก่อนหน้านี้และมีหน่วยสอดแนมบางคนกลับมา พวกเขาส่งข้อความถึงโม๋หลงว่า “ท่าไม่ดีขอรับ รองแม่ทัพ กองทัพดาราเรืองรอง, ทิวาแผดเผาและเดือนมืดได้มุ่งหน้าไปทางใต้โดยไม่รู้ความและพวกเขาก็เริ่มการต่อสู้กัน กองทัพทิวาแผดเผาและกองทัพดาราเรืองรองกำลังไล่ตาม กองทัพเดือนมืด และเหล่ากองทัพเดือนมืดที่เหลืออยู่กำลังหนีมาทางนี้ขอรับ…”
“อะไรนะ?”
โม๋หลงตะโกนออกมาโดยไม่ได้ตั้งใจ กองกำลังเสริมทั้งสามไม่ได้โจมตีสมาคมการค้าวิหคมรกตและกำลังปะทะกันอย่างวุ่นวายจริงๆ? หรือมันจะเป็นการแสดง? พวกนั้นเล่นแง่และทำข้อตกลงกับสมาคมการค้าวิหคมรกตหรือเปล่า?
“เตรียมโจมตี!”
ในเรือลิขิตสวรรค์, ซือถูอีเสี้ยวโบกมือด้วยสายตาที่ตื่นเต้น กระบี่อัสนีปรากฏขึ้นในมือของหวงฝูเทาเทียนขณะที่เขาเปิดโล่ศักดิ์สิทธิ์ของเขาออกมา ส่วนเฉียนว่านก้วนก็ตื่นเต้นมากจนมือสั่นไปหมด
ความจริงแล้ว กองทัพโจรทั้งสามไม่ได้สู้กันอย่างวุ่นวาย แต่ในการช่วยชีวิตจ้านอู๋ซวงและหยุนเฟยโดยไม่ได้รับอันตรายนั้น พวกเขาจะต้องทำให้กองทัพจอมมารตื่นตระหนกเพื่อเปลี่ยนวิกฤติให้เป็นโอกาส นี่คือแผนการที่เฉียนว่านก้วนวางแผนไว้กับซือถูอีเสี้ยว
และตอนนี้, มันก็อยู่ในความโกลาหลแล้ว!