เพลิงพิโรธสวรรค์ Fury towards the burning heaven - /บทที่ 816 โชคชะตากรรม
จิตวิทยาย้อนกลับ?
ความโกรธส่องประกายอยู่ในดวงตาของหวู่นี่ เขาสะเทือนกับคำพูดของจีทิงยวี่และความชังในสายตาของนาง หวู่นี่เหวี่ยงมือด้วยความโมโหขณะที่ร่างเล็กๆของจีทิงยวี่กระแทกเข้ากับผนังอย่างรุนแรง ในทางกลับกัน จีทิงยวี่ก็ไม่ได้เคลื่อนไหวหรือหมุนเวียนแก่นแท้พลังของนางเลย ร่างของนางกระแทกเข้ากับผนังก่อนที่จะกระเด้งกลับมา นางกระอักเลือดสดออกมา หลังจากนั้นนางก็หลับตาลงราวกับว่านางพร้อมรับความตายแล้ว
“ในเมื่อเจ้าอยากตายนัก ข้าจะสนองให้เอง!”
แก่นแท้พลังของหวู่นี่เปล่งประกายขึ้นมาที่ขาของเขา เขายกขาขึ้นมาและกำลังจะกระทืบหัวจีทิงยวี่อย่างหนัก สายตาของเขาจับจ้องไปยังจีทิงยวี่อย่างหนักแน่น แต่อย่างไรก็ตาม อีกฝ่ายไม่ขยับหนีและไม่มีอาการสั่นเทาเลย
ตูม!
ในช่วงวินาทีสุดท้าย หวู่นี่เปลี่ยนทิศทางของขาตัวเองไปด้านข้างและกระทืบแผ่นหินปูนอย่างหนัก ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความประหลาดใจเพราะจีทิงยวี่ไม่เคลื่อนไหวเลย นางพร้อมรับความตายของนางอย่างแท้จริงและไม่มีวี่แววว่าจะเสแสร้งเลย
“ฮึ่ม!”
เขามองจีทิงยวี่อย่างเย็นชาและพูดว่า “จีทิงยวี่ ข้าให้เวลาเจ้าสิบห้านาที หากเจ้าไม่สามารถโน้มน้าวใจข้าได้ ข้ามีขวดทลายพรหมจรรย์อยู่ขวดหนึ่ง และหลังจากที่เจ้าดื่มมันลงไปแล้ว แม้แต่สาวพรหมจรรย์ก็จะกลายเป็นนังโสเภณี จากนั้นข้าจะส่งเจ้าไปยังค่ายทหารจักรพรรดิอุดร ที่นั่นมีทหารนับล้านนาย….”
“ฮ่าฮ่าฮ่า!” จีทิงยวี่หัวเราะและยืนขึ้นมา นางเช็ดคราบเลือดที่มุมปากและมองหวู่นี่อย่างไม่ใส่ใจ “ท่านเคลื่อนไหวแล้วหรือ? ดูเหมือนว่าท่านจะยังมีความทะเยอทะยานอยู่เล็กน้อยนะเจ้าคะ ท่านอยากจะเป็นจักรพรรดิลี้ลับคนที่สองหรือไม่? นายน้อยหวู่นี่ หากท่านอยากจะเป็นจักรพรรดิอุดรก่อนที่จะกลายเป็นจักรพรรดิลี้ลับคนที่สอง ท่านจะต้องเปลี่ยนอารมณ์ของท่าน หากเป็นจักรพรรดิลี้ลับหรือท่านปู่ของท่าน พวกเขาจะใช้วิธีสกปรกที่ทุกคนรังเกียจหรือ? วุฒิภาวะนั้นแสดงถึงความสามารถของบุคคลผู้นั้นในการมองภาพใหญ่ และผู้ที่ไม่มีทั้งสองสิ่งนี้ย่อมไม่สามารถเป็นจักรพรรดิอุดรคนใหม่ได้หรอกเจ้าค่ะ”
อารมณ์ของหวู่นี่เปลี่ยนไปและความโกรธภายในดวงตาของเขาก็แผ่ออกมาอีกครั้ง แต่ครั้งนี้เขาก็ไม่ได้เคลื่อนไหว แต่กลับตอบอย่างเย็นชา “พูดต่อสิ!”
“ดีมากเจ้าค่ะ แม้ว่าจะโกรธ แต่ครั้งนี้ท่านไม่ได้เคลื่อนไหว และนี่ก็แสดงให้เห็นว่าท่านสามารถควบคุมอารมณ์ตัวเองได้!”
จีทิงยวี่เย้าแหย่ขณะที่นางจ้องมองออกไปนอกหน้าต่าง “หากอยากเป็นจักรพรรดิอุดร ไม่เพียงแต่จะต้องได้รับการอนุมัติจากท่านปู่และบิดาเท่านั้น แต่ท่านยังต้องผ่านการทดสอบจากโถงอาวุโสด้วย! สิ่งที่เกิดขึ้นในเกาะแห่งบาปนั้นก็เป็นหนึ่งในข้อพิจารณา ประสิทธิภาพของท่านหลังจากล้มเหลวมาก็เป็นข้อพิจารณาอีกข้อเช่นกัน”
“ทายาทของเก้าตระกูลจักรพรรดินั้นยอมรับความล้มเหลวได้ แต่ต้องไม่สูญเสียความหัวแข็งไปนายน้อยหวู่นี่ หลังจากท่านล้มเหลว ท่านตบตีผู้ใต้บัญชาของท่าน และในตอนนี้ ท่านก็มีเจตนาที่จะสังหารข้าอย่างเลือดเย็น หากโถงผู้อาวุโสรู้เรื่องนี้ พวกเขาจะคิดเช่นไร? ผู้ที่ไม่สามารถรับมือกับความล้มเหลวของตัวเองและหาคนมาบันดาลโทสะของตัวเองนั้นคุ้มค่าหรือที่จะมีคนไว้วางใจคนเช่นนั้น? หากท่านปู่ท่านล้มเหลว เขาจะสังหารคนของตระกูลหวู่หรือ? เขาจะสังหารลูกน้องของเขาหรือ? หากเป็นเช่นนั้น สมาชิกตระกูลหวู่ของท่านจะไม่มั่นใจในตระกูลอย่างเต็มที่และตระกูลก็คงล่มสลายไปนานแล้ว ท่านสามารถดูข้อมูลและดูได้ว่าปรมาจารย์และประมุขเก้าตระกูลจักรพรรดิคนอื่นๆปฏิบัติตัวและจัดการกับสถานการณ์ดังกล่าวเช่นไรนะเจ้าคะ”
คราวนี้ คำพูดของจีทิงยวี่เต็มไปด้วยความจริงใจและทำให้หวู่นี่ได้รับผลกระทบด้านอารมณ์อยู่บ้าง เขานิ่งไปครู่หนึ่งก่อนจะพยักหน้า “ก็ได้ ข้าจะคืนคำสิ่งที่พูดไปก่อนหน้านี้ หากเจ้าไม่สามารถโน้มน้าวข้าได้ ข้าจะมอบความตายให้เจ้าอย่างมีเกียรติ”
“ดีมากเจ้าค่ะ”
จีทิงยวี่ยิ้มจางๆ รอยยิ้มของนางนั้นราวกับดอกไม้ที่เบ่งบานและทำให้ดวงตาของหวู่นี่สว่างขึ้น นางยิ้มอย่างอ่อนโยน “เด็กน้อยคนหนึ่งจะมีคุณธรรมที่ยิ่งใหญ่ก็ต่อเมื่อเขายังถูกสั่งสอนได้! ไม่มีผู้ใดสมบูรณ์แบบ ตราบใดที่ผู้นั้นแก้ไขข้อบกพร่องของตนเองได้ พวกเขาก็จะใช้มันเป็นบทเรียนในการพัฒนาตนได้ เหล่าผู้อาวุโสทั้งหลายและยังรวมถึงท่านพ่อและท่านปู่ของท่านนั้น มีผู้ใดไม่เคยผิดพลาดบ้าง? ความล้มเหลวนั้นไม่สามารถแก้ต่างอะไรได้ แต่การที่จะปีนกลับขึ้นมาได้หลังจากที่ล้มเหลวไปนั้นสำคัญกว่า! ข้าเสนอแผนการรบในเกาะแห่งบาปไป แต่คนโง่สองคนนั้นไม่ได้ทำตามแผนการของข้า หากข้าเป็นผู้นำ เจียงอี้จะต้องตายอย่างไม่ต้องสงสัย!”
“เห้อะ!”
หวู่นี่หัวเราะอย่างเย็นชา “ทุกคนรู้ว่าจะอวดดีเช่นไร ตระกูลซือถูส่งกองทหารมา แล้วกองโจรทั้งสี่กองจะกำจัดพวกเขาได้หรือไง? ถึงเราจะระดมพลกองโจรทั้งสิบกองจากทะเลเทพประทาน พวกเขาก็จะยังคงพ่ายแพ้ต่อวิชาย้ายห้วงมิติของตระกูลซือถูอยู่ดี!”
“ผิดแล้ว!”
จีทิงยวี่ส่ายหัวพร้อมกับยิ้ม “นายน้อยหวู่นี่ หากข้าเป็นผู้กำกับเอง ตระกูลซือถูจะไม่มีโอกาสได้ส่งทหารของพวกเขาออกมา และพวกเขาจะไม่กล้าทำเช่นนั้นแน่! หากเราให้คนกระจายข่าวลือโดยบอกว่าตระกูลเหลยและตระกูลลู่ร่วมมือกันและกำลังจะจัดการตระกูลซือถูโดยขับพวกเขาออกจากเกาะเทพประทาน ท่านคิดว่าตระกูลซือถูจะกล้าส่งกองกำลังของพวกเขาออกมาหรือ? แม้ว่าซือถูอ้าวจะกล้าส่งกองทหารออกมา แต่โถงอาวุโสตระกูลซือถูจะเห็นด้วยหรือ?”
“ทั้งสิบสามตระกูลอยู่ฝ่ายเดียวกันก็จริง แต่ทำไมสี่ตระกูลหลักจึงเป็นเพียงสี่ตระกูลที่สามารถแบ่งที่กันในเกาะเทพประทานได้และอีกเก้าตระกูลที่เหลือถึงประจำการอยู่ในเก้าหมู่เกาะกัน? เจียงอี้สังหารลู่หลินซึ่งเป็นการตบหน้าตระกูลลู่ แต่ตระกูลซือถูกลับเลือกที่จะปกป้องเจียงอี้ ท่านกล้าพูดไหมล่ะว่าตระกูลลู่ไม่คิดเรื่องนี้? เป็นไปได้หรือที่เหลยฉีเหยียนจะขัดขวางเจียงอี้ในจัตุรัสเทพประทานโดยที่เหลยถิงเวยไม่ได้อนุญาต?”
“ในช่วงไม่กี่ปีมานี้ อิทธิพลของตระกูลซือถูขยายขึ้นอย่างต่อเนื่องและพวกเขากำลังจะมีอำนาจในการปราบตระกูลเหลย ท่านกล้าบอกไหมว่าเหลยถิงเวยไม่คิดจะปราบตระกูลซือถูลง? เมื่อข่าวลือแพร่ออกไป ไม่ว่าจะตระกูลเหลยหรือตระกูลลู่ พวกเขาต่างจะมีความคิดที่จะทำเรื่องนั้น แม้ว่าซือถูอ้าวกล้าที่จะเคลื่อนไหว แต่โถงอาวุโสจะไม่กล้าทำอะไรโดยไม่มีการอนุมัติ จากนั้นเจียงอี้ก็ทำได้เพียงมุ่งหน้าไปยังเกาะจอมมารเพียงลำพัง แล้วกองทัพจอมมารทั้งสี่กองทัพจะไม่สามารถกำจัดเจียงอี้เพียงคนเดียวได้อย่างไร?”
ทุกคำพูดของจีทิงยวี่ทำให้หวู่นี่พูดไม่ออก เมื่อนางพูด ดวงตาที่เหมือนไข่มุกของนางนั้นเต็มไปด้วยกลยุทธ์ที่วางแผนเอาไว้แล้ว เชาว์ปัญญาของนางจะทำให้คนเชื่อนางอย่างไม่ต้องสงสัย และเมื่อหวู่นี่ฟังแล้วก็รู้สึกปวดหัวเพราะเขาไม่ได้เชี่ยวชาญการวางกลยุทธ์ แต่เขารู้สึกได้ว่าเรื่องนี้จะสำเร็จได้หากหญิงสาวคนนี้เป็นผู้นำ
จีทิงยวี่เหลือบมองหวู่นี่และพูดต่อ “ที่เลวร้ายยิ่งกว่านั้นคือ แม้ว่าตระกูลซือถูจะส่งกองกำลังออกมาและตระกูลเหลยกับตระกูลลู่ไม่ได้เคลื่อนไหว แต่เราก็ยังมีโอกาสกำจัดเจียงอี้ได้ เป้าหมายในครั้งนี้ไม่ใช่การกำจัดสมาคมการค้าวิหคมรกตและตระกูลซือถู แต่มันคือการสังหารคนผู้หนึ่ง ตราบใดที่เราสังหารเจียงอี้ได้ เราจะบรรลุวัตถุประสงค์ของเราแม้ว่ากองทัพทั้งสี่จะถูกทำลายล้างไปอย่างสมบูรณ์และนายน้อยก็จะยังคงประสบความสำเร็จเจ้าค่ะ”
“และเมื่อเป็นเช่นนั้น ทำไมท่านไม่รวบรวมกองทัพทั้งสี่ไปยังเกาะจอมมารและรอเจียงอี้ปรากฏตัวเพื่อที่พวกนั้นจะได้สังหารเขาด้วยกัน? มีผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเทียนจุนกว่าห้าหมื่นคนและอยู่ขั้นสูงสุดหลายร้อยคน หากมียอดฝีมือที่คอยคุ้มกันเจียงอี้แล้วยังไงล่ะ? นายน้อยนี่น่าจะมีความเข้าใจที่แจ่มแจ้งกว่าข้า หากการต่อสู้ใหญ่โตเช่นนั้นเกิดขึ้น แม้แต่ผู้เชี่ยวชาญขอบเทียนจุนขั้นสูงสุดเองก็ตายได้ง่ายๆ อย่าว่าแต่เจียงอี้เลยเจ้าค่ะ” หวู่นี่ประหลาดใจอย่างสมบูรณ์ เขากลืนน้ำลายหนึ่งอึกแล้วถามว่า “เจ้า….ทำไมเจ้าถึงได้รู้เรื่องพวกนี้อย่างชัดเจนเช่นนี้? เจ้ามีสถานะอะไรในโถงแห่งบาป?”
“ฮิฮิ!”
จีทิงยวี่ส่ายหัวและยิ้มจางๆ “ข้าเป็นเพียงคนไม่สำคัญในโถงแห่งบาป เหตุผลที่ข้าเข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้นในเกาะแห่งบาปนั้นเป็นเพราะเจียงอี้เองก็เป็นศัตรูตัวฉกาจของข้าเช่นกัน ข้าเชื่อมั่นมากว่า หากข้าไม่สังหารเขาซะ วันหนึ่งเขาจะกลับมายังทวีปจักรพรรดิบูรพาเพื่อมาสังหารข้า”
“เจ้ามีความแค้นกับเจียงอี้หรือ?”
หวู่นี่ตกใจเล็กน้อย แต่ต่อมาเขาก็นึกขึ้นได้ “โอ้ ใช่แล้ว เจ้ามาจากทวีปเทียนชิงด้วย ดูเหมือนว่าโถงสาขาทวีปเทียนชิงจะถูกเจียงอี้ทำลายด้วยใช่ไหม?”
“ใช่แล้ว”
จีทิงยวี่พยักหน้า “เจียงอี้เป็นศัตรูตัวฉกาจของข้า ความปรารถนาที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของข้าในตอนนี้คือการกำจัดเจียงอี้ นายน้อยนี่ หากท่านเชื่อข้า ทิงยวี่จะช่วยวางแผนที่สามารถสังหารเจียงอี้ได้ภายในสามปี ในอีกสิบปี ข้าจะช่วยให้ท่านกลายเป็นประมุขหวู่ได้ และในอีกห้าสิบปี ข้าจะช่วยให้ตระกูลหวู่ของท่านรวมแดนเทียนชิงให้เป็นหนึ่งเดียวได้ด้วย”
“ฮึฮึ!”
หวู่นี่ยิ้มอย่างขมขื่น “อย่าพูดเรื่องที่มันไม่จริงเหล่านั้นและมุ่งเป้าไปยังเจียงอี้เถอะ เจ้าจะสังหารเขาได้เช่นไร? เราได้เปิดเผยตัวหมากของเราไปมากกว่าครึ่งแล้ว เราจะถูกตระกูลซือถูปราบปรามอย่างแน่นอน ยิ่งไปกว่านั้น….มันคงจะยากสำหรับข้าที่จะระดมกองทัพขึ้นมาอีกครั้งเพราะความล้มเหลวในครั้งนี้”
“ไม่จำเป็นต้องระดมพลหรอกเจ้าค่ะ”
ดวงตาของจีทิงยวี่เป็นประกายซึ่งมันทำให้ไม่มีผู้ใดกล้ามองนางตรงๆขณะที่นางพูดอย่างตรงไปตรงมาอย่างมั่นใจว่า “หากนายน้อยหวู่นี่เต็มใจมอบอำนาจให้ข้า ข้าก็ไม่จำเป็นต้องระดมกำลังตระกูลและยังสามารถกำจัดเจียงอี้ได้อย่างง่ายดาย”
“ก็ได้!”
เหมือนว่าหวู่นี่จะถูกจีทิงยวี่โน้มน้าวได้แล้ว เขากวักมือของเขา “ข้าจะเสี่ยงดู จีทิงยวี่ ข้าหวังว่าเจ้าจะไม่ทำให้ข้าผิดหวัง ไม่เช่นนั้นเราทั้งสองคนจะต้องถูกสาปแช่งชั่วนิจนิรันดร์ไปด้วยกัน”
“ข้าจะไม่ทำให้ท่านผิดหวัง!”
จีทิงยวี่ยิ้มเบาๆ ดวงตาของนางมองผ่านหน้าต่างและจ้องไปยังที่ห่างไกล นางพึมพำกับตัวเองว่า “ข้า จีทิงยวี่ผู้นี้เป็นหญิงที่จะกลายเป็นจักรพรรดินี ข้าจะถูกสาปแช่งไปชั่วนิรันดร์ได้เช่นไร…?”
ความโกรธส่องประกายอยู่ในดวงตาของหวู่นี่ เขาสะเทือนกับคำพูดของจีทิงยวี่และความชังในสายตาของนาง หวู่นี่เหวี่ยงมือด้วยความโมโหขณะที่ร่างเล็กๆของจีทิงยวี่กระแทกเข้ากับผนังอย่างรุนแรง ในทางกลับกัน จีทิงยวี่ก็ไม่ได้เคลื่อนไหวหรือหมุนเวียนแก่นแท้พลังของนางเลย ร่างของนางกระแทกเข้ากับผนังก่อนที่จะกระเด้งกลับมา นางกระอักเลือดสดออกมา หลังจากนั้นนางก็หลับตาลงราวกับว่านางพร้อมรับความตายแล้ว
“ในเมื่อเจ้าอยากตายนัก ข้าจะสนองให้เอง!”
แก่นแท้พลังของหวู่นี่เปล่งประกายขึ้นมาที่ขาของเขา เขายกขาขึ้นมาและกำลังจะกระทืบหัวจีทิงยวี่อย่างหนัก สายตาของเขาจับจ้องไปยังจีทิงยวี่อย่างหนักแน่น แต่อย่างไรก็ตาม อีกฝ่ายไม่ขยับหนีและไม่มีอาการสั่นเทาเลย
ตูม!
ในช่วงวินาทีสุดท้าย หวู่นี่เปลี่ยนทิศทางของขาตัวเองไปด้านข้างและกระทืบแผ่นหินปูนอย่างหนัก ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความประหลาดใจเพราะจีทิงยวี่ไม่เคลื่อนไหวเลย นางพร้อมรับความตายของนางอย่างแท้จริงและไม่มีวี่แววว่าจะเสแสร้งเลย
“ฮึ่ม!”
เขามองจีทิงยวี่อย่างเย็นชาและพูดว่า “จีทิงยวี่ ข้าให้เวลาเจ้าสิบห้านาที หากเจ้าไม่สามารถโน้มน้าวใจข้าได้ ข้ามีขวดทลายพรหมจรรย์อยู่ขวดหนึ่ง และหลังจากที่เจ้าดื่มมันลงไปแล้ว แม้แต่สาวพรหมจรรย์ก็จะกลายเป็นนังโสเภณี จากนั้นข้าจะส่งเจ้าไปยังค่ายทหารจักรพรรดิอุดร ที่นั่นมีทหารนับล้านนาย….”
“ฮ่าฮ่าฮ่า!” จีทิงยวี่หัวเราะและยืนขึ้นมา นางเช็ดคราบเลือดที่มุมปากและมองหวู่นี่อย่างไม่ใส่ใจ “ท่านเคลื่อนไหวแล้วหรือ? ดูเหมือนว่าท่านจะยังมีความทะเยอทะยานอยู่เล็กน้อยนะเจ้าคะ ท่านอยากจะเป็นจักรพรรดิลี้ลับคนที่สองหรือไม่? นายน้อยหวู่นี่ หากท่านอยากจะเป็นจักรพรรดิอุดรก่อนที่จะกลายเป็นจักรพรรดิลี้ลับคนที่สอง ท่านจะต้องเปลี่ยนอารมณ์ของท่าน หากเป็นจักรพรรดิลี้ลับหรือท่านปู่ของท่าน พวกเขาจะใช้วิธีสกปรกที่ทุกคนรังเกียจหรือ? วุฒิภาวะนั้นแสดงถึงความสามารถของบุคคลผู้นั้นในการมองภาพใหญ่ และผู้ที่ไม่มีทั้งสองสิ่งนี้ย่อมไม่สามารถเป็นจักรพรรดิอุดรคนใหม่ได้หรอกเจ้าค่ะ”
อารมณ์ของหวู่นี่เปลี่ยนไปและความโกรธภายในดวงตาของเขาก็แผ่ออกมาอีกครั้ง แต่ครั้งนี้เขาก็ไม่ได้เคลื่อนไหว แต่กลับตอบอย่างเย็นชา “พูดต่อสิ!”
“ดีมากเจ้าค่ะ แม้ว่าจะโกรธ แต่ครั้งนี้ท่านไม่ได้เคลื่อนไหว และนี่ก็แสดงให้เห็นว่าท่านสามารถควบคุมอารมณ์ตัวเองได้!”
จีทิงยวี่เย้าแหย่ขณะที่นางจ้องมองออกไปนอกหน้าต่าง “หากอยากเป็นจักรพรรดิอุดร ไม่เพียงแต่จะต้องได้รับการอนุมัติจากท่านปู่และบิดาเท่านั้น แต่ท่านยังต้องผ่านการทดสอบจากโถงอาวุโสด้วย! สิ่งที่เกิดขึ้นในเกาะแห่งบาปนั้นก็เป็นหนึ่งในข้อพิจารณา ประสิทธิภาพของท่านหลังจากล้มเหลวมาก็เป็นข้อพิจารณาอีกข้อเช่นกัน”
“ทายาทของเก้าตระกูลจักรพรรดินั้นยอมรับความล้มเหลวได้ แต่ต้องไม่สูญเสียความหัวแข็งไปนายน้อยหวู่นี่ หลังจากท่านล้มเหลว ท่านตบตีผู้ใต้บัญชาของท่าน และในตอนนี้ ท่านก็มีเจตนาที่จะสังหารข้าอย่างเลือดเย็น หากโถงผู้อาวุโสรู้เรื่องนี้ พวกเขาจะคิดเช่นไร? ผู้ที่ไม่สามารถรับมือกับความล้มเหลวของตัวเองและหาคนมาบันดาลโทสะของตัวเองนั้นคุ้มค่าหรือที่จะมีคนไว้วางใจคนเช่นนั้น? หากท่านปู่ท่านล้มเหลว เขาจะสังหารคนของตระกูลหวู่หรือ? เขาจะสังหารลูกน้องของเขาหรือ? หากเป็นเช่นนั้น สมาชิกตระกูลหวู่ของท่านจะไม่มั่นใจในตระกูลอย่างเต็มที่และตระกูลก็คงล่มสลายไปนานแล้ว ท่านสามารถดูข้อมูลและดูได้ว่าปรมาจารย์และประมุขเก้าตระกูลจักรพรรดิคนอื่นๆปฏิบัติตัวและจัดการกับสถานการณ์ดังกล่าวเช่นไรนะเจ้าคะ”
คราวนี้ คำพูดของจีทิงยวี่เต็มไปด้วยความจริงใจและทำให้หวู่นี่ได้รับผลกระทบด้านอารมณ์อยู่บ้าง เขานิ่งไปครู่หนึ่งก่อนจะพยักหน้า “ก็ได้ ข้าจะคืนคำสิ่งที่พูดไปก่อนหน้านี้ หากเจ้าไม่สามารถโน้มน้าวข้าได้ ข้าจะมอบความตายให้เจ้าอย่างมีเกียรติ”
“ดีมากเจ้าค่ะ”
จีทิงยวี่ยิ้มจางๆ รอยยิ้มของนางนั้นราวกับดอกไม้ที่เบ่งบานและทำให้ดวงตาของหวู่นี่สว่างขึ้น นางยิ้มอย่างอ่อนโยน “เด็กน้อยคนหนึ่งจะมีคุณธรรมที่ยิ่งใหญ่ก็ต่อเมื่อเขายังถูกสั่งสอนได้! ไม่มีผู้ใดสมบูรณ์แบบ ตราบใดที่ผู้นั้นแก้ไขข้อบกพร่องของตนเองได้ พวกเขาก็จะใช้มันเป็นบทเรียนในการพัฒนาตนได้ เหล่าผู้อาวุโสทั้งหลายและยังรวมถึงท่านพ่อและท่านปู่ของท่านนั้น มีผู้ใดไม่เคยผิดพลาดบ้าง? ความล้มเหลวนั้นไม่สามารถแก้ต่างอะไรได้ แต่การที่จะปีนกลับขึ้นมาได้หลังจากที่ล้มเหลวไปนั้นสำคัญกว่า! ข้าเสนอแผนการรบในเกาะแห่งบาปไป แต่คนโง่สองคนนั้นไม่ได้ทำตามแผนการของข้า หากข้าเป็นผู้นำ เจียงอี้จะต้องตายอย่างไม่ต้องสงสัย!”
“เห้อะ!”
หวู่นี่หัวเราะอย่างเย็นชา “ทุกคนรู้ว่าจะอวดดีเช่นไร ตระกูลซือถูส่งกองทหารมา แล้วกองโจรทั้งสี่กองจะกำจัดพวกเขาได้หรือไง? ถึงเราจะระดมพลกองโจรทั้งสิบกองจากทะเลเทพประทาน พวกเขาก็จะยังคงพ่ายแพ้ต่อวิชาย้ายห้วงมิติของตระกูลซือถูอยู่ดี!”
“ผิดแล้ว!”
จีทิงยวี่ส่ายหัวพร้อมกับยิ้ม “นายน้อยหวู่นี่ หากข้าเป็นผู้กำกับเอง ตระกูลซือถูจะไม่มีโอกาสได้ส่งทหารของพวกเขาออกมา และพวกเขาจะไม่กล้าทำเช่นนั้นแน่! หากเราให้คนกระจายข่าวลือโดยบอกว่าตระกูลเหลยและตระกูลลู่ร่วมมือกันและกำลังจะจัดการตระกูลซือถูโดยขับพวกเขาออกจากเกาะเทพประทาน ท่านคิดว่าตระกูลซือถูจะกล้าส่งกองกำลังของพวกเขาออกมาหรือ? แม้ว่าซือถูอ้าวจะกล้าส่งกองทหารออกมา แต่โถงอาวุโสตระกูลซือถูจะเห็นด้วยหรือ?”
“ทั้งสิบสามตระกูลอยู่ฝ่ายเดียวกันก็จริง แต่ทำไมสี่ตระกูลหลักจึงเป็นเพียงสี่ตระกูลที่สามารถแบ่งที่กันในเกาะเทพประทานได้และอีกเก้าตระกูลที่เหลือถึงประจำการอยู่ในเก้าหมู่เกาะกัน? เจียงอี้สังหารลู่หลินซึ่งเป็นการตบหน้าตระกูลลู่ แต่ตระกูลซือถูกลับเลือกที่จะปกป้องเจียงอี้ ท่านกล้าพูดไหมล่ะว่าตระกูลลู่ไม่คิดเรื่องนี้? เป็นไปได้หรือที่เหลยฉีเหยียนจะขัดขวางเจียงอี้ในจัตุรัสเทพประทานโดยที่เหลยถิงเวยไม่ได้อนุญาต?”
“ในช่วงไม่กี่ปีมานี้ อิทธิพลของตระกูลซือถูขยายขึ้นอย่างต่อเนื่องและพวกเขากำลังจะมีอำนาจในการปราบตระกูลเหลย ท่านกล้าบอกไหมว่าเหลยถิงเวยไม่คิดจะปราบตระกูลซือถูลง? เมื่อข่าวลือแพร่ออกไป ไม่ว่าจะตระกูลเหลยหรือตระกูลลู่ พวกเขาต่างจะมีความคิดที่จะทำเรื่องนั้น แม้ว่าซือถูอ้าวกล้าที่จะเคลื่อนไหว แต่โถงอาวุโสจะไม่กล้าทำอะไรโดยไม่มีการอนุมัติ จากนั้นเจียงอี้ก็ทำได้เพียงมุ่งหน้าไปยังเกาะจอมมารเพียงลำพัง แล้วกองทัพจอมมารทั้งสี่กองทัพจะไม่สามารถกำจัดเจียงอี้เพียงคนเดียวได้อย่างไร?”
ทุกคำพูดของจีทิงยวี่ทำให้หวู่นี่พูดไม่ออก เมื่อนางพูด ดวงตาที่เหมือนไข่มุกของนางนั้นเต็มไปด้วยกลยุทธ์ที่วางแผนเอาไว้แล้ว เชาว์ปัญญาของนางจะทำให้คนเชื่อนางอย่างไม่ต้องสงสัย และเมื่อหวู่นี่ฟังแล้วก็รู้สึกปวดหัวเพราะเขาไม่ได้เชี่ยวชาญการวางกลยุทธ์ แต่เขารู้สึกได้ว่าเรื่องนี้จะสำเร็จได้หากหญิงสาวคนนี้เป็นผู้นำ
จีทิงยวี่เหลือบมองหวู่นี่และพูดต่อ “ที่เลวร้ายยิ่งกว่านั้นคือ แม้ว่าตระกูลซือถูจะส่งกองกำลังออกมาและตระกูลเหลยกับตระกูลลู่ไม่ได้เคลื่อนไหว แต่เราก็ยังมีโอกาสกำจัดเจียงอี้ได้ เป้าหมายในครั้งนี้ไม่ใช่การกำจัดสมาคมการค้าวิหคมรกตและตระกูลซือถู แต่มันคือการสังหารคนผู้หนึ่ง ตราบใดที่เราสังหารเจียงอี้ได้ เราจะบรรลุวัตถุประสงค์ของเราแม้ว่ากองทัพทั้งสี่จะถูกทำลายล้างไปอย่างสมบูรณ์และนายน้อยก็จะยังคงประสบความสำเร็จเจ้าค่ะ”
“และเมื่อเป็นเช่นนั้น ทำไมท่านไม่รวบรวมกองทัพทั้งสี่ไปยังเกาะจอมมารและรอเจียงอี้ปรากฏตัวเพื่อที่พวกนั้นจะได้สังหารเขาด้วยกัน? มีผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเทียนจุนกว่าห้าหมื่นคนและอยู่ขั้นสูงสุดหลายร้อยคน หากมียอดฝีมือที่คอยคุ้มกันเจียงอี้แล้วยังไงล่ะ? นายน้อยนี่น่าจะมีความเข้าใจที่แจ่มแจ้งกว่าข้า หากการต่อสู้ใหญ่โตเช่นนั้นเกิดขึ้น แม้แต่ผู้เชี่ยวชาญขอบเทียนจุนขั้นสูงสุดเองก็ตายได้ง่ายๆ อย่าว่าแต่เจียงอี้เลยเจ้าค่ะ” หวู่นี่ประหลาดใจอย่างสมบูรณ์ เขากลืนน้ำลายหนึ่งอึกแล้วถามว่า “เจ้า….ทำไมเจ้าถึงได้รู้เรื่องพวกนี้อย่างชัดเจนเช่นนี้? เจ้ามีสถานะอะไรในโถงแห่งบาป?”
“ฮิฮิ!”
จีทิงยวี่ส่ายหัวและยิ้มจางๆ “ข้าเป็นเพียงคนไม่สำคัญในโถงแห่งบาป เหตุผลที่ข้าเข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้นในเกาะแห่งบาปนั้นเป็นเพราะเจียงอี้เองก็เป็นศัตรูตัวฉกาจของข้าเช่นกัน ข้าเชื่อมั่นมากว่า หากข้าไม่สังหารเขาซะ วันหนึ่งเขาจะกลับมายังทวีปจักรพรรดิบูรพาเพื่อมาสังหารข้า”
“เจ้ามีความแค้นกับเจียงอี้หรือ?”
หวู่นี่ตกใจเล็กน้อย แต่ต่อมาเขาก็นึกขึ้นได้ “โอ้ ใช่แล้ว เจ้ามาจากทวีปเทียนชิงด้วย ดูเหมือนว่าโถงสาขาทวีปเทียนชิงจะถูกเจียงอี้ทำลายด้วยใช่ไหม?”
“ใช่แล้ว”
จีทิงยวี่พยักหน้า “เจียงอี้เป็นศัตรูตัวฉกาจของข้า ความปรารถนาที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของข้าในตอนนี้คือการกำจัดเจียงอี้ นายน้อยนี่ หากท่านเชื่อข้า ทิงยวี่จะช่วยวางแผนที่สามารถสังหารเจียงอี้ได้ภายในสามปี ในอีกสิบปี ข้าจะช่วยให้ท่านกลายเป็นประมุขหวู่ได้ และในอีกห้าสิบปี ข้าจะช่วยให้ตระกูลหวู่ของท่านรวมแดนเทียนชิงให้เป็นหนึ่งเดียวได้ด้วย”
“ฮึฮึ!”
หวู่นี่ยิ้มอย่างขมขื่น “อย่าพูดเรื่องที่มันไม่จริงเหล่านั้นและมุ่งเป้าไปยังเจียงอี้เถอะ เจ้าจะสังหารเขาได้เช่นไร? เราได้เปิดเผยตัวหมากของเราไปมากกว่าครึ่งแล้ว เราจะถูกตระกูลซือถูปราบปรามอย่างแน่นอน ยิ่งไปกว่านั้น….มันคงจะยากสำหรับข้าที่จะระดมกองทัพขึ้นมาอีกครั้งเพราะความล้มเหลวในครั้งนี้”
“ไม่จำเป็นต้องระดมพลหรอกเจ้าค่ะ”
ดวงตาของจีทิงยวี่เป็นประกายซึ่งมันทำให้ไม่มีผู้ใดกล้ามองนางตรงๆขณะที่นางพูดอย่างตรงไปตรงมาอย่างมั่นใจว่า “หากนายน้อยหวู่นี่เต็มใจมอบอำนาจให้ข้า ข้าก็ไม่จำเป็นต้องระดมกำลังตระกูลและยังสามารถกำจัดเจียงอี้ได้อย่างง่ายดาย”
“ก็ได้!”
เหมือนว่าหวู่นี่จะถูกจีทิงยวี่โน้มน้าวได้แล้ว เขากวักมือของเขา “ข้าจะเสี่ยงดู จีทิงยวี่ ข้าหวังว่าเจ้าจะไม่ทำให้ข้าผิดหวัง ไม่เช่นนั้นเราทั้งสองคนจะต้องถูกสาปแช่งชั่วนิจนิรันดร์ไปด้วยกัน”
“ข้าจะไม่ทำให้ท่านผิดหวัง!”
จีทิงยวี่ยิ้มเบาๆ ดวงตาของนางมองผ่านหน้าต่างและจ้องไปยังที่ห่างไกล นางพึมพำกับตัวเองว่า “ข้า จีทิงยวี่ผู้นี้เป็นหญิงที่จะกลายเป็นจักรพรรดินี ข้าจะถูกสาปแช่งไปชั่วนิรันดร์ได้เช่นไร…?”