เพลิงพิโรธสวรรค์ Fury towards the burning heaven - บทที่ 821 หัวหน้าผู้นี้จะไม่อยู่ในเผ่าเทพประทานอีกต่อไป!
- Home
- เพลิงพิโรธสวรรค์ Fury towards the burning heaven
- บทที่ 821 หัวหน้าผู้นี้จะไม่อยู่ในเผ่าเทพประทานอีกต่อไป!
เจ๊ใหญ่กระพรวนกังวานพยายามยกศีรษะขึ้นมาและใบหน้าของนางก็ไม่ชัดเจนมากนัก เจียงอี้ไม่ใช้สัมผัสศักดิ์สิทธิ์เพื่อตรวจสอบด้วยมารยาทของเขา แต่สายตาของเขานั้นดีกว่าคนอื่นจึงทำให้เขาเห็นว่าเจ๊ใหญ่กระพรวนกังวานผอมลงมาก ดวงตาของนางมืดมัวและไม่มีแสงขณะที่มองเจียงอี้ด้วยดวงตาที่ตื่นตระหนกและทักทาย “หัวหน้าเจียง เราไม่ได้เจอกันนานนะเจ้าคะ”
“หัวหน้าเจียง?”
เจียงอี้เผยความเจ็บปวดที่มุมปากของเขา ด้วยความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดกัน นางเรียกเขาว่าหัวหน้าเจียงจริงหรือ? เจียงอี้รู้สึกปวดใจเมื่อเขาเห็นใบหน้าที่ผอมบางของนาง เกิดอะไรขึ้นกับนางกันแน่? อะไรที่ทำให้นางกลายเป็นเช่นนี้?
เขาจ้องอยู่นานก่อนจะพูดว่า “เจ๊ใหญ่กระพรวนกังวาน เราพูดคุยกันเป็นส่วนตัวได้ไหม?”
“ไม่!”
เหลยฉีเหยียนรับช่วงต่อและตอบว่า “เจียงอี้ ฉี่หลิงเป็นคู่หมั้นข้า รักษากิริยาด้วย!”
เจียงอี้ไม่ได้สนใจเหลยฉีเหยียนและไม่แม้แต่จะกระพริบตาและรอคำตอบจากนาง
เจ๊ใหญ่กระพรวนกังวานก็ทำให้เขาผิดหวังขณะที่ยิ้มอย่างขมขื่นและพูดว่า “หัวหน้าเจียง เราพูดคุยกันที่นี่ก็ได้”
“เอ่อ…”
เฉียนว่านก้วนและเฟิ่งหลวนมองหน้ากันอย่างประหลาดใจ มันแปลกมากที่เจ๊ใหญ่กระพรวนกังวานจะมางานกับเหลยฉีเหยียนในวันนี้ และพวกเขาก็นั่งด้วยกัน ตอนนี้ทัศนคติของนางต่อเจียงอี้นั้นแปลกมาก และจากที่พวกเขาจำได้ เจ๊ใหญ่กระพรวนกังวานไม่ใช่คนเช่นนี้
“เช่นนั้นก็ได้!” เจียงอี้พยักหน้าซ้ำและพูดด้วยน้ำเสียงแน่วแน่ “เจ๊ใหญ่กระพรวนกังวาน จำที่ข้าพูดตอนที่เจ้าออกไปได้ไหม? คำพูดเหล่านั้นจะมีผลตลอดไป”
ก่อนที่เจ๊ใหญ่กระพรวนกังวานจะจากไป เจียงอี้บอกว่า…หากนางเจออันตรายข้างนอก ให้รีบมาหาเขาทันที ตราบใดที่ยังไม่มีการเปิดใช้งานค่ายกลเก้ามังกรสยบเทพ เขาจะพานางหนีไปไม่ว่าใครจะไล่ล่านางอยู่
ร่างของเจ๊ใหญ่กระพรวนกังวานสั่นเทา แต่นางก็ก้มศีรษะลงอย่างรวดเร็วและตอบอย่างไม่แยแสว่า “หัวหน้าเจียงพูดอะไร? ฉี่หลิงลืมไปแล้ว ตอนนี้ฉี่หลิงเองก็สุขสบายดีและฉี่หลิงชื่นชมความหวังดีของหัวหน้าเจียง”
เจียงอี้เงียบและไม่มองไปที่เจ๊ใหญ่กระพรวนกังวานอีกต่อไป มันไม่สำคัญว่านางหมายความตามที่พูดหรือมีเรื่องอยู่ แต่การพูดมากกว่านี้จะทำให้นางรู้สึกแย่ลง เขาจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องเงียบ
“ฮ่าฮ่าฮ่า!” เหลยฉีเหยียนหัวเราะออกมาอย่างเต็มที่ราวกับว่าเขาเพิ่งได้ชัยชนะมาและมีแรงใจมากขึ้น เขารินไวน์ให้เจ๊ใหญ่กระพรวนกังวานเองและมองซือถูอีเสี้ยวขณะที่พูดว่า “มา มา ฉี่หลิง เรามาดื่มอวยพรให้อีเสี้ยวกัน วันนี้เป็นวันเกิดของอีเสี้ยว”
เจ๊ใหญ่กระพรวนกังวานหยุดเล็กน้อยและยกแก้วของนางและสังสรรค์กับซือถูอีเสี้ยวที่นั่งอยู่ทางที่นั่งเจ้าของงาน พวกเขาทั้งสองเหมือนกับสามัคคีกันและทำให้เจียงอี้และคนอื่นๆไฟลุกตา เนื่องจากเจ๊ใหญ่กระพรวนกังวานมีพฤติกรรมเช่นนี้ พวกเขาจึงพูดอะไรไม่ได้
เจียงอี้ยังคงนิ่งเงียบอยู่ในขณะที่เขาก้มหน้าลงและจมอยู่กับความเศร้า บรรยากาศที่ตึงเครียดของห้องโถงค่อยๆบรรเทาลง ในฐานะเจ้าของงาน ซือถูอีเสี้ยวย่อมไม่ยอมให้เกิดความเงียบที่น่าอึดอัดใดๆขณะที่ซือถูอีเนี่ยนเองก็ลุกขึ้นยืนและชนแก้วกับนายน้อยและคุณหนูทั้งหลายอย่างรวดเร็ว ซึ่งทำให้บรรยากาศกลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง
“เจ๊ใหญ่กระพรวนกังวาน เจ้ามีปัญหาอะไรหรือเปล่า? เกิดอะไรขึ้น? เจ้าบอกเจียงอี้ได้ไหม? ข้าจะหาทางช่วยเจ้าอย่างแน่นอน!”
เจียงอี้ใช้โอกาสนี้เมื่อเหลยฉีเหยียนยืนขึ้นมาเพื่อดื่มกับคนอื่นๆขณะที่เขาส่งข้อความถึงเจ๊ใหญ่กระพรวนกังวานเงียบๆ แต่มันเหมือนกับว่าข้อความเขาจมสู่บึงโคลนเพราะเจ๊ใหญ่กระพรวนกังวานไม่มีปฏิกิริยาใดๆราวกับว่านางไม่ได้ยินอะไรเลย
เจียงอี้เองก็ไม่กล้าส่งข้อความอีกต่อไปขณะที่เขายังคงเศร้าอยู่ และด้วยเหตุนี้ เฉียนว่านก้วนจึงไม่มีอารมณ์ด้วยเช่นกัน หลายๆคนพากันดื่มอวยพรเขาแต่เขาไม่แม้แต่จะลุกไปจับอะไรเลย ซึ่งมันทำให้นายน้อยและคุณหนูรู้สึกอึดอัดเล็กน้อย
“มา มา มา ทุกคน ยกแก้วขึ้นมาเถอะ! ข้าจะดื่มอวยพรทุกคนเอง!”
ในตอนนี้ เหลยฉีเหยียนดูร่าเริงมากราวกับเขาเป็นเจ้าภาพเอง หน้าของเขาหนายิ่งกว่ากำแพงเมืองเสียอีกขณะที่เขาคอยชนกับทุกคนตลอดเวลา และในขณะที่เสียงหัวเราะของเขาดังก้องไม่หยุด มันก็ทำให้เจียงอี้และคนอื่นๆรู้สึกไม่สบายใจยิ่งขึ้น
งานเลี้ยงผ่านไปครึ่งทางแล้วและเจียงอี้พยายามส่งข้อความไปแต่ก็ไม่มีการตอบรับใดๆ เขาถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้และดูเหมือนว่างานเลี้ยงนี้จะจัดขึ้นอย่างเสียเปล่า จากนั้นเขาก็แจ้งเฉียนว่านก้วนไปและกำลังจะเตรียมตัวจากไป
“ฮ่าฮ่าฮ่า!”
เหลยฉีเหยียนเหลือบมองเจียงอี้และเมื่อเขาเห็นว่าเจียงอี้กำลังจะไป เหลยฉีเหยียนก็หัวเราะและลุกขึ้นยืน “ทุกคน ข้ามีข่าวดีที่ข้าลืมบอกทุกคนไป เมื่อสองวันก่อน ข้าได้หมั้นหมายกับฉี่หลิงอย่างเป็นทางการแล้วและงานแต่งจะจัดขึ้นในปีหน้า ในเวลานั้น ข้าหวังว่าทุกคนที่นี่จะได้มางานกันนะ”
เจียงอี้กำลังจะลุกขึ้นยืน แต่เขาก็นั่งลงและมองเหลยฉีเหยียน เขาอยากจะรู้ว่าเหลยฉีเหยียนต้องการหยอกล้อและทำให้เขาขายหน้าหรืออะไร? และเมื่อเหลยฉีเหยียนเห็นสายตาของเจียงอี้ เขาก็มองเจียงอี้ด้วยสายตาที่ยั่วยุและเย้ยว่า “น้องเจียง ข้าขอให้เจ้ามาร่วมงานด้วยนะ”
เจียงอี้อ้าปากค้างขณะที่เขาเผยรอยยิ้มอันเจิดจ้าและกล่าวว่า “ได้สิ ในวันนั้น ข้าจะให้เกราะพระแม่ธรณีและดาบเหล็กปฐมกาลเป็นของขวัญเพื่อแสดงความยินดีกับเจ๊ใหญ่กระพรวนกังวาน!”
“…..”
ฝูงชนทั้งหมดเงียบไปขณะที่นายน้อยหลายคนรู้สึกดีใจ เจียงอี้กำลังโต้กลับและคืนนี้จะมีเรื่องน่าดู ดาบเหล็กปฐมกาลและเกราะพระแม่ธรณีนั้นเป็นดั่งรอยแผลเป็นของเหลยฉีเหยียน และเห็นได้ชัดว่าเจียงอี้พยายามเปิดแผลเป็นเหล่านั้นในตอนนี้
สีหน้าของเหลยฉีเหยียนเปลี่ยนไปตามที่คาดไว้จริงๆ แต่ดวงตาของเขาสั่นไหวขณะที่ยิ้มและพูดว่า “ดาบเหล็กปฐมกาลและเกราะพระแม่ธรณี? พวกนั้นเป็นเพียงแค่ของเล่นระดับต่ำเท่านั้น ตระกูลเหลยของเรามีของเช่นนี้มากมาย ข้าและฉี่หลิงซาบซึ้งในความตั้งใจดีของน้องเจียงนัก ฉี่หลิง เนื่องจากน้องเจียงดีกับเรามาก เช่นนั้นเราก็น่าจะดื่มอวยพรแก่เขาหน่อยไหม?”
เหลยฉีเหยียนมองเจ๊ใหญ่กระพรวนกังวานและยกแก้วไวน์ขึ้นมาขณะที่อีกฝ่ายยืนขึ้นมาหลังจากลังเลอยู่ครู่หนึ่งและยกแก้วไวน์ขึ้น แต่ใครจะคาดคิดว่าเหลยฉีเหยียนจะใช้โอกาสนี้สวมกอดนาง?
ร่างของเจ๊ใหญ่กระพรวนกังวานสั่นเทาขณะที่นางดิ้นรนเพื่อสะบัดร่างของตัวเองออก แต่เหลยฉีเหยียนก็กอดแน่นยิ่งขึ้นและก้มหัวกระซิบว่า “ฉี่หลิง เจ้ารู้สึกไม่สบายหรือ? ให้ข้าส่งเจ้ากลับไปและให้ตระกูลหนานกงดูหน่อยไหม?”
คำพูดสุดท้ายของเหลยฉีเหยียนเหมือนกระทบจุดอ่อนของนางขณะที่นางหยุดดิ้นและอนุญาตให้เหลยฉีเหยียนกอดนาง เหลยฉีเหยียนหัวเราะเสียงดังและยกแก้วของเขาไปทางเจียงอี้จากไกลๆ “น้องเจียง มา เราขอดื่มให้เจ้า! ฉีเหยียนจะดูแลฉี่หลิงเพื่อเจ้าเป็นอย่างดีและรับรองว่านางจะต้องมีความสุข….”
เห็นได้ชัดว่าการรวบรวมข้อมูลของเหลยฉีเหยียนนั้นไม่ตรงจุดเพราะเขาสันนิษฐานว่าเจ๊ใหญ่กระพรวนกังวานเคยมีสัมพันธ์กับเจียงอี้ คำพูดของเขาในวันนี้ทำให้ทุกคนเข้าใจผิดขณะที่พวกเขาคิดว่าเหลยฉีเหยียนกำลังแย่งชิงหญิงของเจียงอี้อย่างเปิดเผยและทำให้เขาอับอายในที่สาธารณะ
ฝูงชนเงียบสนิทเมื่อพวกเขามองไปที่เจียงอี้และต้องการเห็นปฏิกิริยาของเขา
เจียงอี้นั้นไม่ได้โกรธแต่กลับสงบอย่างน่าประหลาดใจ เขามองเจ๊ใหญ่กระพรวนกังวานด้วยความงุนงงพร้อมกับดวงตาที่เจ็บปวด เมื่อผ่านไปสิบกว่าลมหายใจ เขาก็ลุกขึ้นยืนและพาเฟิ่งหลวนและหวงฝูทาเทียนออกไปทันที
เมื่อกลับมาที่ปราสาทเจียง เจียงอี้ก็ยังพูดไม่ออกขณะที่หวงฝูเทาเทียนรอและพูดออกมาอย่างขุ่นเคือง “เจียงอี้ ข้าจะซุ่มโจมตีพวกเขาในภายหลังและชิงหนานกงฉี่หลิงกลับมาหาเจ้าดีไหม?”
เจียงอี้ส่ายมือของเขาและให้หวงฝูเทาเทียนอดทน หลังจากที่เฉียนว่านก้วนรีบเข้ามาในปราสาทเจียง เจียงอี้ก็ยืนขึ้นและพูดว่า “ว่านก้วน เจ๊ใหญ่กระพรวนกังวานต้องมีปัญหาอะไรที่ขัดกับความต้องการของนางแน่ เจ้าต้องทำทุกวิถีทางเพื่อตรวจสอบให้แน่ใจ แล้วก็ ให้ทุกอย่างแก่ตระกูลหนานกงและเสี่ยงทุกอย่างให้พวกเขาเลิกหมั้นกัน หากไม่มีอะไรสามารถทำได้จริงๆ….ข้าจะไปชิงนางมาเอง เจ้ากับหวงฝูเทาเทียนไม่มีส่วนเกี่ยวข้องด้วย เหอะๆ เหลยฉีเหยียน…..หากเจ้าบังคับข้า, หัวหน้าคนนี้จะดับเจ้าให้มอดซะ หัวหน้าผู้นี้จะไม่อยู่ในเผ่าเทพประทานอีกต่อไป!”
“หัวหน้าเจียง?”
เจียงอี้เผยความเจ็บปวดที่มุมปากของเขา ด้วยความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดกัน นางเรียกเขาว่าหัวหน้าเจียงจริงหรือ? เจียงอี้รู้สึกปวดใจเมื่อเขาเห็นใบหน้าที่ผอมบางของนาง เกิดอะไรขึ้นกับนางกันแน่? อะไรที่ทำให้นางกลายเป็นเช่นนี้?
เขาจ้องอยู่นานก่อนจะพูดว่า “เจ๊ใหญ่กระพรวนกังวาน เราพูดคุยกันเป็นส่วนตัวได้ไหม?”
“ไม่!”
เหลยฉีเหยียนรับช่วงต่อและตอบว่า “เจียงอี้ ฉี่หลิงเป็นคู่หมั้นข้า รักษากิริยาด้วย!”
เจียงอี้ไม่ได้สนใจเหลยฉีเหยียนและไม่แม้แต่จะกระพริบตาและรอคำตอบจากนาง
เจ๊ใหญ่กระพรวนกังวานก็ทำให้เขาผิดหวังขณะที่ยิ้มอย่างขมขื่นและพูดว่า “หัวหน้าเจียง เราพูดคุยกันที่นี่ก็ได้”
“เอ่อ…”
เฉียนว่านก้วนและเฟิ่งหลวนมองหน้ากันอย่างประหลาดใจ มันแปลกมากที่เจ๊ใหญ่กระพรวนกังวานจะมางานกับเหลยฉีเหยียนในวันนี้ และพวกเขาก็นั่งด้วยกัน ตอนนี้ทัศนคติของนางต่อเจียงอี้นั้นแปลกมาก และจากที่พวกเขาจำได้ เจ๊ใหญ่กระพรวนกังวานไม่ใช่คนเช่นนี้
“เช่นนั้นก็ได้!” เจียงอี้พยักหน้าซ้ำและพูดด้วยน้ำเสียงแน่วแน่ “เจ๊ใหญ่กระพรวนกังวาน จำที่ข้าพูดตอนที่เจ้าออกไปได้ไหม? คำพูดเหล่านั้นจะมีผลตลอดไป”
ก่อนที่เจ๊ใหญ่กระพรวนกังวานจะจากไป เจียงอี้บอกว่า…หากนางเจออันตรายข้างนอก ให้รีบมาหาเขาทันที ตราบใดที่ยังไม่มีการเปิดใช้งานค่ายกลเก้ามังกรสยบเทพ เขาจะพานางหนีไปไม่ว่าใครจะไล่ล่านางอยู่
ร่างของเจ๊ใหญ่กระพรวนกังวานสั่นเทา แต่นางก็ก้มศีรษะลงอย่างรวดเร็วและตอบอย่างไม่แยแสว่า “หัวหน้าเจียงพูดอะไร? ฉี่หลิงลืมไปแล้ว ตอนนี้ฉี่หลิงเองก็สุขสบายดีและฉี่หลิงชื่นชมความหวังดีของหัวหน้าเจียง”
เจียงอี้เงียบและไม่มองไปที่เจ๊ใหญ่กระพรวนกังวานอีกต่อไป มันไม่สำคัญว่านางหมายความตามที่พูดหรือมีเรื่องอยู่ แต่การพูดมากกว่านี้จะทำให้นางรู้สึกแย่ลง เขาจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องเงียบ
“ฮ่าฮ่าฮ่า!” เหลยฉีเหยียนหัวเราะออกมาอย่างเต็มที่ราวกับว่าเขาเพิ่งได้ชัยชนะมาและมีแรงใจมากขึ้น เขารินไวน์ให้เจ๊ใหญ่กระพรวนกังวานเองและมองซือถูอีเสี้ยวขณะที่พูดว่า “มา มา ฉี่หลิง เรามาดื่มอวยพรให้อีเสี้ยวกัน วันนี้เป็นวันเกิดของอีเสี้ยว”
เจ๊ใหญ่กระพรวนกังวานหยุดเล็กน้อยและยกแก้วของนางและสังสรรค์กับซือถูอีเสี้ยวที่นั่งอยู่ทางที่นั่งเจ้าของงาน พวกเขาทั้งสองเหมือนกับสามัคคีกันและทำให้เจียงอี้และคนอื่นๆไฟลุกตา เนื่องจากเจ๊ใหญ่กระพรวนกังวานมีพฤติกรรมเช่นนี้ พวกเขาจึงพูดอะไรไม่ได้
เจียงอี้ยังคงนิ่งเงียบอยู่ในขณะที่เขาก้มหน้าลงและจมอยู่กับความเศร้า บรรยากาศที่ตึงเครียดของห้องโถงค่อยๆบรรเทาลง ในฐานะเจ้าของงาน ซือถูอีเสี้ยวย่อมไม่ยอมให้เกิดความเงียบที่น่าอึดอัดใดๆขณะที่ซือถูอีเนี่ยนเองก็ลุกขึ้นยืนและชนแก้วกับนายน้อยและคุณหนูทั้งหลายอย่างรวดเร็ว ซึ่งทำให้บรรยากาศกลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง
“เจ๊ใหญ่กระพรวนกังวาน เจ้ามีปัญหาอะไรหรือเปล่า? เกิดอะไรขึ้น? เจ้าบอกเจียงอี้ได้ไหม? ข้าจะหาทางช่วยเจ้าอย่างแน่นอน!”
เจียงอี้ใช้โอกาสนี้เมื่อเหลยฉีเหยียนยืนขึ้นมาเพื่อดื่มกับคนอื่นๆขณะที่เขาส่งข้อความถึงเจ๊ใหญ่กระพรวนกังวานเงียบๆ แต่มันเหมือนกับว่าข้อความเขาจมสู่บึงโคลนเพราะเจ๊ใหญ่กระพรวนกังวานไม่มีปฏิกิริยาใดๆราวกับว่านางไม่ได้ยินอะไรเลย
เจียงอี้เองก็ไม่กล้าส่งข้อความอีกต่อไปขณะที่เขายังคงเศร้าอยู่ และด้วยเหตุนี้ เฉียนว่านก้วนจึงไม่มีอารมณ์ด้วยเช่นกัน หลายๆคนพากันดื่มอวยพรเขาแต่เขาไม่แม้แต่จะลุกไปจับอะไรเลย ซึ่งมันทำให้นายน้อยและคุณหนูรู้สึกอึดอัดเล็กน้อย
“มา มา มา ทุกคน ยกแก้วขึ้นมาเถอะ! ข้าจะดื่มอวยพรทุกคนเอง!”
ในตอนนี้ เหลยฉีเหยียนดูร่าเริงมากราวกับเขาเป็นเจ้าภาพเอง หน้าของเขาหนายิ่งกว่ากำแพงเมืองเสียอีกขณะที่เขาคอยชนกับทุกคนตลอดเวลา และในขณะที่เสียงหัวเราะของเขาดังก้องไม่หยุด มันก็ทำให้เจียงอี้และคนอื่นๆรู้สึกไม่สบายใจยิ่งขึ้น
งานเลี้ยงผ่านไปครึ่งทางแล้วและเจียงอี้พยายามส่งข้อความไปแต่ก็ไม่มีการตอบรับใดๆ เขาถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้และดูเหมือนว่างานเลี้ยงนี้จะจัดขึ้นอย่างเสียเปล่า จากนั้นเขาก็แจ้งเฉียนว่านก้วนไปและกำลังจะเตรียมตัวจากไป
“ฮ่าฮ่าฮ่า!”
เหลยฉีเหยียนเหลือบมองเจียงอี้และเมื่อเขาเห็นว่าเจียงอี้กำลังจะไป เหลยฉีเหยียนก็หัวเราะและลุกขึ้นยืน “ทุกคน ข้ามีข่าวดีที่ข้าลืมบอกทุกคนไป เมื่อสองวันก่อน ข้าได้หมั้นหมายกับฉี่หลิงอย่างเป็นทางการแล้วและงานแต่งจะจัดขึ้นในปีหน้า ในเวลานั้น ข้าหวังว่าทุกคนที่นี่จะได้มางานกันนะ”
เจียงอี้กำลังจะลุกขึ้นยืน แต่เขาก็นั่งลงและมองเหลยฉีเหยียน เขาอยากจะรู้ว่าเหลยฉีเหยียนต้องการหยอกล้อและทำให้เขาขายหน้าหรืออะไร? และเมื่อเหลยฉีเหยียนเห็นสายตาของเจียงอี้ เขาก็มองเจียงอี้ด้วยสายตาที่ยั่วยุและเย้ยว่า “น้องเจียง ข้าขอให้เจ้ามาร่วมงานด้วยนะ”
เจียงอี้อ้าปากค้างขณะที่เขาเผยรอยยิ้มอันเจิดจ้าและกล่าวว่า “ได้สิ ในวันนั้น ข้าจะให้เกราะพระแม่ธรณีและดาบเหล็กปฐมกาลเป็นของขวัญเพื่อแสดงความยินดีกับเจ๊ใหญ่กระพรวนกังวาน!”
“…..”
ฝูงชนทั้งหมดเงียบไปขณะที่นายน้อยหลายคนรู้สึกดีใจ เจียงอี้กำลังโต้กลับและคืนนี้จะมีเรื่องน่าดู ดาบเหล็กปฐมกาลและเกราะพระแม่ธรณีนั้นเป็นดั่งรอยแผลเป็นของเหลยฉีเหยียน และเห็นได้ชัดว่าเจียงอี้พยายามเปิดแผลเป็นเหล่านั้นในตอนนี้
สีหน้าของเหลยฉีเหยียนเปลี่ยนไปตามที่คาดไว้จริงๆ แต่ดวงตาของเขาสั่นไหวขณะที่ยิ้มและพูดว่า “ดาบเหล็กปฐมกาลและเกราะพระแม่ธรณี? พวกนั้นเป็นเพียงแค่ของเล่นระดับต่ำเท่านั้น ตระกูลเหลยของเรามีของเช่นนี้มากมาย ข้าและฉี่หลิงซาบซึ้งในความตั้งใจดีของน้องเจียงนัก ฉี่หลิง เนื่องจากน้องเจียงดีกับเรามาก เช่นนั้นเราก็น่าจะดื่มอวยพรแก่เขาหน่อยไหม?”
เหลยฉีเหยียนมองเจ๊ใหญ่กระพรวนกังวานและยกแก้วไวน์ขึ้นมาขณะที่อีกฝ่ายยืนขึ้นมาหลังจากลังเลอยู่ครู่หนึ่งและยกแก้วไวน์ขึ้น แต่ใครจะคาดคิดว่าเหลยฉีเหยียนจะใช้โอกาสนี้สวมกอดนาง?
ร่างของเจ๊ใหญ่กระพรวนกังวานสั่นเทาขณะที่นางดิ้นรนเพื่อสะบัดร่างของตัวเองออก แต่เหลยฉีเหยียนก็กอดแน่นยิ่งขึ้นและก้มหัวกระซิบว่า “ฉี่หลิง เจ้ารู้สึกไม่สบายหรือ? ให้ข้าส่งเจ้ากลับไปและให้ตระกูลหนานกงดูหน่อยไหม?”
คำพูดสุดท้ายของเหลยฉีเหยียนเหมือนกระทบจุดอ่อนของนางขณะที่นางหยุดดิ้นและอนุญาตให้เหลยฉีเหยียนกอดนาง เหลยฉีเหยียนหัวเราะเสียงดังและยกแก้วของเขาไปทางเจียงอี้จากไกลๆ “น้องเจียง มา เราขอดื่มให้เจ้า! ฉีเหยียนจะดูแลฉี่หลิงเพื่อเจ้าเป็นอย่างดีและรับรองว่านางจะต้องมีความสุข….”
เห็นได้ชัดว่าการรวบรวมข้อมูลของเหลยฉีเหยียนนั้นไม่ตรงจุดเพราะเขาสันนิษฐานว่าเจ๊ใหญ่กระพรวนกังวานเคยมีสัมพันธ์กับเจียงอี้ คำพูดของเขาในวันนี้ทำให้ทุกคนเข้าใจผิดขณะที่พวกเขาคิดว่าเหลยฉีเหยียนกำลังแย่งชิงหญิงของเจียงอี้อย่างเปิดเผยและทำให้เขาอับอายในที่สาธารณะ
ฝูงชนเงียบสนิทเมื่อพวกเขามองไปที่เจียงอี้และต้องการเห็นปฏิกิริยาของเขา
เจียงอี้นั้นไม่ได้โกรธแต่กลับสงบอย่างน่าประหลาดใจ เขามองเจ๊ใหญ่กระพรวนกังวานด้วยความงุนงงพร้อมกับดวงตาที่เจ็บปวด เมื่อผ่านไปสิบกว่าลมหายใจ เขาก็ลุกขึ้นยืนและพาเฟิ่งหลวนและหวงฝูทาเทียนออกไปทันที
เมื่อกลับมาที่ปราสาทเจียง เจียงอี้ก็ยังพูดไม่ออกขณะที่หวงฝูเทาเทียนรอและพูดออกมาอย่างขุ่นเคือง “เจียงอี้ ข้าจะซุ่มโจมตีพวกเขาในภายหลังและชิงหนานกงฉี่หลิงกลับมาหาเจ้าดีไหม?”
เจียงอี้ส่ายมือของเขาและให้หวงฝูเทาเทียนอดทน หลังจากที่เฉียนว่านก้วนรีบเข้ามาในปราสาทเจียง เจียงอี้ก็ยืนขึ้นและพูดว่า “ว่านก้วน เจ๊ใหญ่กระพรวนกังวานต้องมีปัญหาอะไรที่ขัดกับความต้องการของนางแน่ เจ้าต้องทำทุกวิถีทางเพื่อตรวจสอบให้แน่ใจ แล้วก็ ให้ทุกอย่างแก่ตระกูลหนานกงและเสี่ยงทุกอย่างให้พวกเขาเลิกหมั้นกัน หากไม่มีอะไรสามารถทำได้จริงๆ….ข้าจะไปชิงนางมาเอง เจ้ากับหวงฝูเทาเทียนไม่มีส่วนเกี่ยวข้องด้วย เหอะๆ เหลยฉีเหยียน…..หากเจ้าบังคับข้า, หัวหน้าคนนี้จะดับเจ้าให้มอดซะ หัวหน้าผู้นี้จะไม่อยู่ในเผ่าเทพประทานอีกต่อไป!”