เพลิงพิโรธสวรรค์ Fury towards the burning heaven - บทที่ 826 นางเป็นคนกล่าวเอง
เจียงอี้ไม่มีอารมณ์ที่จะอยู่ในเขตพื้นที่การต่อสู้เนื่องจากอีเพียวเพียวแล้ว บันทึกการต่อสู้จำนวนมากก็ถูกเก็บไว้ในใจของเขาแล้วด้วย สำหรับผู้ที่หยั่งถึงการต่อสู้ได้ พวกเขาจะทำได้ทันทีหลังจากที่ดูเพียงครั้งเดียว ส่วนผู้ที่ไม่สามารถหยั่งถึงได้ แม้ว่าเขาจะมองดูมันทุกวันก็ไม่เกิดประโยชน์ เจียงอี้พูดกับซือถูอีเสี้ยวและหวงฝูเทาเทียนอีกไม่กี่คำก่อนที่จะกลับเข้าไปในราชวังจักพรรรดิเพื่อเข้าสู่สันโดษต่อ
ปกติแล้วเขาไม่ใช่คนที่อยู่อย่างสันโดษ แต่ในตอนนี้เขากำลังเป็นเช่นนั้นเนื่องจากเขากำลังได้รับความกระทบกระเทือนทางจิตใจและต้องการอยู่คนเดียวในสถานที่เงียบๆสักแห่ง นิสัยของเขามักเป็นเช่นนี้เสมอ เขาชอบที่จะแบ่งปันสุขกับสหายแต่กลับกลืนความเศร้าทั้งหมดไว้เองและชอบอยู่เงียบๆในตอนที่เขาเจ็บปวด เขาไม่เคยแสดงความอ่อนแอออกมาในที่สาธารณะเพราะเขาเป็นเสาหลักในการสนับสนุนสหายของเขา แล้วเสาหลักนั้นจะทรุดได้อย่างไร?
หลังจากนั่งเงียบๆอยู่ในห้องโถงกลางของราชวังจักรพรรดิครู่หนึ่ง เขาก็ให้กำลังใจตัวเองอีกครั้งและเริ่มนึกถึงการต่อสู้ เจียงอี้มองภาพการต่อสู้ที่ถูกบันทึกในเขตการต่อสู้มากมายและประทับใจอยู่หลายครั้ง เขาต้องการที่จะรีบจดจำทุกอย่างเพื่อดูว่ามันจะเป็นประโยชน์สำหรับการสร้างรูปแบบเต๋าหรือไม่
จากนั้นเจียงอี้ก็เข้าสู่สภาวะมนุษย์ประสานสวรรค์เพื่อนึกถึงการต่อสู้ แต่ว่า…ภาพของอีเพียวเพียวที่ยืนอยู่บนสันเขาอัสนีในระหว่างการต่อสู้ของชายชรากับยอดฝีมือตระกูลลู่กว่าสิบคนยังคงปรากฏอยู่ในใจของเขา จากนั้นเขาก็รู้สึกท้อแท้อีกครั้งและปล่อยให้จินตนาการของเขาล่องลอยไปชั่วขณะ จากนั้นเขาก็เริ่มดึงตัวเองกลับมาและท่องจำบันทึกการต่อสู้อื่นๆอีกครั้ง และมันก็หวนกลับเข้าสู่ภาพเดิมๆวนไปอย่างนั้น
“ไม่เป็นไร ข้าจะพยายามทำให้ดีที่สุดเพื่อเข้าถึงฝ่ามือที่ชายชรากึ่งเทพปลดปล่อยออกมา!”
หลังจากนั้นไม่กี่ชั่วโมง เจียงอี้ก็ตระหนักได้ว่าเขาไม่มีสมาธิ จากนั้นเขาก็ย้อนกลับไปนึกถึงการต่อสู้นั้นอีกครั้ง เขาหวนนึกถึงฝ่ามือยักษ์ที่ปราบขอบเขตเทียนจุนนับสิบ, อัสนีและสายฟ้าเหนือเกาะอัสนีฟ้ากระจ่าง และภาพของอีเพียวเพียวที่กำลังยืนอยู่อย่างสงบนิ่งและสง่างามบนฟ้า
“สายฟ้า?”
จิตใจของเขาค่อยๆจมอยู่กับสายฟ้าอย่างช้าๆ สายฟ้านั้นฟาดลงมาราวกับมังกรพิโรธที่ทะลวงท้องฟ้าและหายไปในภูเขาอัสนีและสันเขาอัสนีเงียบๆ
“มีบางอย่างไม่ถูกต้อง…”
จู่ๆเขาก็เกิดคำถามขึ้นมา สายฟ้านั้นทรงพลังมากและสามารถทำลายทุกอย่างได้ พลังแห่งการทำลายล้างที่ไร้เทียมทานก็ถูกซ่อนอยู่ภายใน แล้วเหตุใดสันเขาอัสนีและภูเขาอัสนีไม่ระเบิดเมื่อถูกฟ้าผ่าแต่มันกลับหายไปโดยไม่มีเหตุผล? ในอดีต เขาคิดว่ามันเป็นเพราะค่ายกลกักอัสนี แต่ในที่สุดเขาก็ตระหนักได้ถึงความผิดปกตินี้
ภูเขาอัสนีและสันเขาอัสนีถูกสายฟ้าฟาดแต่กลับไม่ถูกทำลาย แม้ว่าส่วนหนึ่งจะเป็นเพราะค่ายกลกักอัสนี แต่ค่ายกลก็ไม่สามารถดูดซับพลังงานมหาศาลได้ทุกครั้งเพราะการดูดซับแต่ละครั้งต้องใช้พลังงานมหาศาล เห็นได้ชัดว่ามันเป็นไม่ได้ที่สมาชิกตระกูลลู่จะใช้ศิลาสวรรค์จำนวนมากเพื่อรักษาค่ายกลกักอัสนี มันไม่คุ้มค่าที่จะใช้ศิลาสวรรค์จำนวนมหาศาลเพื่อให้ได้มาซึ่งหินอัสนีไม่กี่ร้อยก้อน
หากค่ายกลกักอัสนีไม่สามารถต้านพลังงานได้ เช่นนั้นต้นตอหลักก็น่าจะเป็นภูเขาอัสนีและสันเขาอัสนี พวกมันจะต้องมีวิธีการขจัดพลังงานรุนแรงจากสายฟ้าและแปลงพลังงานเองจนเกิดเป็นหินอัสนีได้! “ใช่แล้ว นี่คือวิธีการของมัน ธรณีสามารถดูดซับพลังงานทั้งหมดและสร้างชีวิตใหม่ ใบไม้ที่ร่วงหล่นหวนคืนสู่พื้นดินและให้สารอาหารแก่หญ้าและดอกไม้ พลังงานทั้งหมดถูกดินย่อยสลายไปและใช้หล่อเลี้ยงชีวิตใหม่เหมือนกับพลังสายแร่ศักดิ์สิทธิ์, สายแร่ธาตุ, ต้นไม้และดินสามารถหลอมรวมรูปแบบเต๋าชนิดใดก็ได้ ฮ่าฮ่าฮ่า….ในที่สุดข้าก็เข้าใจแล้ว!”
เจียงอี้ลืมตาขึ้นมาและหัวเราะออกมา เขาคลายปัญหาที่กวนจิตใจเขามานานลงได้แล้ว เขาหลอมรวมรูปแบบเต๋าเจ็ดในเก้าแบบได้และเหลือเพียงพลังธรณีและพลังโลหะเท่านั้น ในตอนนี้ ในที่สุดเขาก็สามารถหลอมรวมสิ่งแรกได้และเหลือเพียงพลังโลหะเพียงอย่างเดียวเท่านั้น
เจียงอี้รีบหลับตาลงและเข้าสู่สภาวะมนุษย์ประสานสวรรค์ เขาทำการอนุมานจากความคิดที่เพิ่งแล่นเข้ามาของเขา หลังจากที่ทดสอบไปซ้ำแล้วซ้ำเล่า เขาก็หลอมรวมมันได้ในที่สุด
สามวันต่อมา เจียงอี้ลืมตาขึ้นมาและเผยรอยยิ้มที่ริมฝีปากของเขา เขาติดอยู่กับสิ่งนี้มานานมากและตอนนี้เขาก็เหลือรูปแบบเต๋ารูปแบบสุดท้ายแล้ว
รูปแบบเต๋าระดับสูง!
แม้ว่าเจียงอี้จะไม่รู้ว่ามันจะเป็นรูปแบบเต๋ากี่ดาว แต่ความแข็งแกร่งของเขาก็จะก้าวกระโดดมากเมื่อหลอมมันได้สำเร็จ มันเป็นเรื่องยากมากที่จะตระหนักถึงรูปแบบเต๋าระดับสูงได้ มีขอบเขตเทียนจุนหลายคนที่ไม่สามารถหลอมรวมมันได้เลยอย่างชิงหลงจากสมาคมการค้าวิหคมรกตที่ตระหนักถึงรูปแบบเต๋าระดับกลางได้มากมายและไปถึงขอบเขตเทียนจุนขั้นสูงสุดได้ แต่ความแข็งแกร่งในการต่อสู้โดยรวมของเขาอ่อนแอมากจนแม้แต่หวงฝูเทาเทียนก็สามารถสังหารเขาได้อย่างง่ายดาย
ภูเขาอัสนีอยู่ที่นั่นมาเป็นเวลาหลายหมื่นปีและก่อรูปแบบเต๋าธรรมชาติขึ้นมาหลังจากที่ถูกสายฟ้าฟาดอย่างต่อเนื่อง เจียงอี้เชื่อว่าพลังเต๋าระดับสูงนี้ไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน พลังที่มาจากพลังฟ้าดินจะอ่อนแอได้อย่างไร?
เขาจะต้องฉวยโอกาสเอาไว้!
เจียงอี้รีบเข้าสู่สันโดษอย่างรวดเร็ว เขาต้องการจะรวมพลังโลหะรูปแบบสุดท้ายเข้ากับรูปแบบเต๋าเพื่อให้ไปถึงขั้นบรรลุได้ แต่น่าเสียดายที่ผ่านไปยี่สิบวันแล้วก็ยังไม่มีความคืบหน้าใดๆเลย
บรึฟ!
อาคมยับยั้งภายในราชวังจักรพรรดิส่องแสงขึ้นมาซึ่งทำให้เจียงอี้ตกใจ เมื่อเขาคำนวณเวลาแล้ว เฉียนว่านก้วนน่าจะกลับมาแล้ว จากนั้นเขาก็ย้ายร่างออกมาจากราชวังจักรพรรดิ
“ลูกพี่!”
ตามที่คาดไว้ เฉียนว่านก้วนและเฟิ่งหลวนกำลังรอเขาอยู่นอกราชวัง เจียงอี้โบกมือและพูดว่า เข้าไปคุยกันข้างในเถอะ! ร่างของพวกเขาส่องประกายและทุกคนก็เข้ามาในราชวังจักรพรรดิและเฉียนว่านก้วนไม่ต้องการให้หวงฝูเทาเทียนและซือถูอีเสี้ยวรู้เรื่องเจ๊ใหญ่กระพรวนกังวาน มันไม่ใช่ว่าพวกเขาไม่ไว้ใจ แต่พวกเขาไม่ต้องการสร้างปัญหาให้ทั้งสองคนและทำให้เป็นเรื่องหนักใจ
เฟิ่งหลวนหยิบชุดน้ำชาและน้ำจากแหวนของนางออกมา หลังจากต้มน้ำด้วยแก่นแท้พลังของนางแล้ว นางก็ชงชาให้พวกเขาทีละถ้วย จากนั้นเจียงอี้ก็ถามว่า “เป็นยังไงบ้าง?”
“ต่อรองไม่ได้เลย!”
เฉียนว่านก้วนถอนหายใจอย่างหนักและพูดว่า “ตระกูลหนานกงต้องการเข้าร่วมสมาคมการค้ามังกรโผบินมาก ข้าได้พูดคุยเรื่องนางกับหนานกงมู่หยีเป็นนัยไป และหลังจากที่เขากลับมาเมื่อวานนี้ หนานกงมู่หยีก็ส่งข้อความมาว่าพวกเขาได้ตัดสินใจในเรื่องนี้ไปแล้ว หนานกงหยุนยี่กลับไปพร้อมกับหัวเสีย และหนานกงมู่หยียังขอให้เราปล่อยเรื่องนี้ไปซะ เพราะพวกเขาจะไม่ประนีประนอมใดๆทั้งสิ้น”
“ตาเฒ่าหัวรั้น!”
เจียงอี้เดือดดาลมาก หนานกงหยุนยี่เลื่องชื่อในด้านความดื้อด้านและเข้มงวดในเผ่าเทพประทาน แต่เจียงอี้ไม่เคยคาดหวังว่าหนานกงหยุนยี่จะหัวแข็งขนาดนี้ มันคงจะไม่เป็นอะไรที่เขาจะให้เจ๊ใหญ่กระพรวนกังวานเสียสละไปครั้งนึง ตอนนี้เขากลับต้องการจะทำร้ายนางอีกครั้ง
สิ่งสำคัญคือ….เพื่อให้ตระกูลหนานกงเข้าร่วมสมาคมการค้ามังกรโผบิน เจียงอี้ได้ยื่นข้อเสนอที่เหนือจริงอย่างไร้เหตุผล รางวัลนั้นสูงกว่าการแต่งงานเพราะพันธมิตรกับตระกูลเหลยมากๆ แต่เขาก็ได้ยุติความหวังของพวกเขาไปเพียงเพื่อจะรักษาชื่อเสียงเอาไว้
เจียงอี้เดินวนไปวนมาในห้องโถงกลาง ดวงตาของเขาเป็นประกายขึ้นมา และเขาก็พูดขึ้นมาอย่างแน่วแน่ว่า “เราต้องช่วยนาง! เมื่อตกลงกันไม่ได้ ตาเฒ่าผายลมนั่นผลักไสคนอื่นเกินไป เช่นนั้นก็อย่าโทษข้าที่ไร้หัวใจ!” เจียงอี้ไม่สามารถนิ่งนอนใจในเรื่องที่จะเฝ้ามองเจ๊ใหญ่กระพรวนกังวานแต่งงานกับเหลยฉีเหยียนและถูกเหลยฉีเหยียนทำร้ายเพื่อที่เขาจะได้ระบายความโกรธที่มีต่อเจียงอี้ได้ หากเจ๊ใหญ่กระพรวนกังวานแต่งงานกับเหลยฉีเหยียน มันคงเลวร้ายเสียยิ่งกว่าการสังหารเขาเสียอีก!
“ลูกพี่!”
เฉียนว่านก้วนปากกระตุกและพูดทันทีว่า “ยังมีอีกเรื่องหนึ่ง ตอนที่ข้าไปเยี่ยมซือถูอ้าวเมื่อวานนี้ เขา….เป็นคนสัญญากับข้าเองเลยว่าจะให้ซือถูอีเนี่ยนแต่งกับข้า และอีเนี่ยนก็เห็นด้วยเช่นกัน”
“เอ่อ….”
เจียงอี้และเฟิ่งหลวนตกตะลึงชั่วขณะ หากพวกเขาไม่เคยรู้มาก่อนว่าเกิดอะไรขึ้นกับเจ๊ใหญ่กระพรวนกังวาน พวกเขาจะมีความสุขกับเฉียนว่านก้วนมาก แต่ตอนนี้พวกเขากลับมีความรู้สึกปนกันไปหมด
“ว่านก้วน!” เจียงอี้ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะพูดอย่างแน่วแน่ว่า “เจ้าจะเข้ามายุ่งเรื่องนี้ไม่ได้ เจ้าห้ามส่งใครไปแม้แต่คนเดียว ข้าจะจัดการเรื่องนี้เอง เจ้าเป็นบุตรเขยของตระกูลซือถูและเป็นรองประธานสมาคมการค้ามังกรโผบิน แม้ว่าข้าจะช่วยเจ๊ใหญ่กระพรวนกังวาน ตระกูลซือถูก็จะปกป้องเจ้าได้”
“ฮึฮึ!”
เฉียนว่านก้วนยิ้มกว้างและมองเจียงอี้พร้อมกับยักไหล่ “ลูกพี่ เจ้าพูดอะไรน่ะ? เจ้าคิดว่าข้าเป็นคนเช่นไร? ข้าบอกเจ้าตรงๆเลย เมื่อคืนนี้ข้าไปพบอีเนี่ยนมา และนางเป็นคนขอสิ่งนี้ นางบอกข้าว่านางเป็นของข้าตั้งแต่นางตัดสินใจจะแต่งงานกับข้า อย่าว่าแต่หนีไปกับข้าเลย นางจะอยู่เคียงข้างข้าแม้ว่าข้าจะประกาศสงครามกับตระกูลซือถูด้วย ลูกพี่ เลิกพูดเลอะเทอะเถอะ เราควรทำอย่างไรกัน? เรามาวางแผนกันก่อนเถอะ คราวนี้เราจะขุ่นเคืองกับตระกูลหนานกง หรือไม่อย่างนั้น ข้าจะใช้แซ่พวกเขาเลย!”
ปกติแล้วเขาไม่ใช่คนที่อยู่อย่างสันโดษ แต่ในตอนนี้เขากำลังเป็นเช่นนั้นเนื่องจากเขากำลังได้รับความกระทบกระเทือนทางจิตใจและต้องการอยู่คนเดียวในสถานที่เงียบๆสักแห่ง นิสัยของเขามักเป็นเช่นนี้เสมอ เขาชอบที่จะแบ่งปันสุขกับสหายแต่กลับกลืนความเศร้าทั้งหมดไว้เองและชอบอยู่เงียบๆในตอนที่เขาเจ็บปวด เขาไม่เคยแสดงความอ่อนแอออกมาในที่สาธารณะเพราะเขาเป็นเสาหลักในการสนับสนุนสหายของเขา แล้วเสาหลักนั้นจะทรุดได้อย่างไร?
หลังจากนั่งเงียบๆอยู่ในห้องโถงกลางของราชวังจักรพรรดิครู่หนึ่ง เขาก็ให้กำลังใจตัวเองอีกครั้งและเริ่มนึกถึงการต่อสู้ เจียงอี้มองภาพการต่อสู้ที่ถูกบันทึกในเขตการต่อสู้มากมายและประทับใจอยู่หลายครั้ง เขาต้องการที่จะรีบจดจำทุกอย่างเพื่อดูว่ามันจะเป็นประโยชน์สำหรับการสร้างรูปแบบเต๋าหรือไม่
จากนั้นเจียงอี้ก็เข้าสู่สภาวะมนุษย์ประสานสวรรค์เพื่อนึกถึงการต่อสู้ แต่ว่า…ภาพของอีเพียวเพียวที่ยืนอยู่บนสันเขาอัสนีในระหว่างการต่อสู้ของชายชรากับยอดฝีมือตระกูลลู่กว่าสิบคนยังคงปรากฏอยู่ในใจของเขา จากนั้นเขาก็รู้สึกท้อแท้อีกครั้งและปล่อยให้จินตนาการของเขาล่องลอยไปชั่วขณะ จากนั้นเขาก็เริ่มดึงตัวเองกลับมาและท่องจำบันทึกการต่อสู้อื่นๆอีกครั้ง และมันก็หวนกลับเข้าสู่ภาพเดิมๆวนไปอย่างนั้น
“ไม่เป็นไร ข้าจะพยายามทำให้ดีที่สุดเพื่อเข้าถึงฝ่ามือที่ชายชรากึ่งเทพปลดปล่อยออกมา!”
หลังจากนั้นไม่กี่ชั่วโมง เจียงอี้ก็ตระหนักได้ว่าเขาไม่มีสมาธิ จากนั้นเขาก็ย้อนกลับไปนึกถึงการต่อสู้นั้นอีกครั้ง เขาหวนนึกถึงฝ่ามือยักษ์ที่ปราบขอบเขตเทียนจุนนับสิบ, อัสนีและสายฟ้าเหนือเกาะอัสนีฟ้ากระจ่าง และภาพของอีเพียวเพียวที่กำลังยืนอยู่อย่างสงบนิ่งและสง่างามบนฟ้า
“สายฟ้า?”
จิตใจของเขาค่อยๆจมอยู่กับสายฟ้าอย่างช้าๆ สายฟ้านั้นฟาดลงมาราวกับมังกรพิโรธที่ทะลวงท้องฟ้าและหายไปในภูเขาอัสนีและสันเขาอัสนีเงียบๆ
“มีบางอย่างไม่ถูกต้อง…”
จู่ๆเขาก็เกิดคำถามขึ้นมา สายฟ้านั้นทรงพลังมากและสามารถทำลายทุกอย่างได้ พลังแห่งการทำลายล้างที่ไร้เทียมทานก็ถูกซ่อนอยู่ภายใน แล้วเหตุใดสันเขาอัสนีและภูเขาอัสนีไม่ระเบิดเมื่อถูกฟ้าผ่าแต่มันกลับหายไปโดยไม่มีเหตุผล? ในอดีต เขาคิดว่ามันเป็นเพราะค่ายกลกักอัสนี แต่ในที่สุดเขาก็ตระหนักได้ถึงความผิดปกตินี้
ภูเขาอัสนีและสันเขาอัสนีถูกสายฟ้าฟาดแต่กลับไม่ถูกทำลาย แม้ว่าส่วนหนึ่งจะเป็นเพราะค่ายกลกักอัสนี แต่ค่ายกลก็ไม่สามารถดูดซับพลังงานมหาศาลได้ทุกครั้งเพราะการดูดซับแต่ละครั้งต้องใช้พลังงานมหาศาล เห็นได้ชัดว่ามันเป็นไม่ได้ที่สมาชิกตระกูลลู่จะใช้ศิลาสวรรค์จำนวนมากเพื่อรักษาค่ายกลกักอัสนี มันไม่คุ้มค่าที่จะใช้ศิลาสวรรค์จำนวนมหาศาลเพื่อให้ได้มาซึ่งหินอัสนีไม่กี่ร้อยก้อน
หากค่ายกลกักอัสนีไม่สามารถต้านพลังงานได้ เช่นนั้นต้นตอหลักก็น่าจะเป็นภูเขาอัสนีและสันเขาอัสนี พวกมันจะต้องมีวิธีการขจัดพลังงานรุนแรงจากสายฟ้าและแปลงพลังงานเองจนเกิดเป็นหินอัสนีได้! “ใช่แล้ว นี่คือวิธีการของมัน ธรณีสามารถดูดซับพลังงานทั้งหมดและสร้างชีวิตใหม่ ใบไม้ที่ร่วงหล่นหวนคืนสู่พื้นดินและให้สารอาหารแก่หญ้าและดอกไม้ พลังงานทั้งหมดถูกดินย่อยสลายไปและใช้หล่อเลี้ยงชีวิตใหม่เหมือนกับพลังสายแร่ศักดิ์สิทธิ์, สายแร่ธาตุ, ต้นไม้และดินสามารถหลอมรวมรูปแบบเต๋าชนิดใดก็ได้ ฮ่าฮ่าฮ่า….ในที่สุดข้าก็เข้าใจแล้ว!”
เจียงอี้ลืมตาขึ้นมาและหัวเราะออกมา เขาคลายปัญหาที่กวนจิตใจเขามานานลงได้แล้ว เขาหลอมรวมรูปแบบเต๋าเจ็ดในเก้าแบบได้และเหลือเพียงพลังธรณีและพลังโลหะเท่านั้น ในตอนนี้ ในที่สุดเขาก็สามารถหลอมรวมสิ่งแรกได้และเหลือเพียงพลังโลหะเพียงอย่างเดียวเท่านั้น
เจียงอี้รีบหลับตาลงและเข้าสู่สภาวะมนุษย์ประสานสวรรค์ เขาทำการอนุมานจากความคิดที่เพิ่งแล่นเข้ามาของเขา หลังจากที่ทดสอบไปซ้ำแล้วซ้ำเล่า เขาก็หลอมรวมมันได้ในที่สุด
สามวันต่อมา เจียงอี้ลืมตาขึ้นมาและเผยรอยยิ้มที่ริมฝีปากของเขา เขาติดอยู่กับสิ่งนี้มานานมากและตอนนี้เขาก็เหลือรูปแบบเต๋ารูปแบบสุดท้ายแล้ว
รูปแบบเต๋าระดับสูง!
แม้ว่าเจียงอี้จะไม่รู้ว่ามันจะเป็นรูปแบบเต๋ากี่ดาว แต่ความแข็งแกร่งของเขาก็จะก้าวกระโดดมากเมื่อหลอมมันได้สำเร็จ มันเป็นเรื่องยากมากที่จะตระหนักถึงรูปแบบเต๋าระดับสูงได้ มีขอบเขตเทียนจุนหลายคนที่ไม่สามารถหลอมรวมมันได้เลยอย่างชิงหลงจากสมาคมการค้าวิหคมรกตที่ตระหนักถึงรูปแบบเต๋าระดับกลางได้มากมายและไปถึงขอบเขตเทียนจุนขั้นสูงสุดได้ แต่ความแข็งแกร่งในการต่อสู้โดยรวมของเขาอ่อนแอมากจนแม้แต่หวงฝูเทาเทียนก็สามารถสังหารเขาได้อย่างง่ายดาย
ภูเขาอัสนีอยู่ที่นั่นมาเป็นเวลาหลายหมื่นปีและก่อรูปแบบเต๋าธรรมชาติขึ้นมาหลังจากที่ถูกสายฟ้าฟาดอย่างต่อเนื่อง เจียงอี้เชื่อว่าพลังเต๋าระดับสูงนี้ไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน พลังที่มาจากพลังฟ้าดินจะอ่อนแอได้อย่างไร?
เขาจะต้องฉวยโอกาสเอาไว้!
เจียงอี้รีบเข้าสู่สันโดษอย่างรวดเร็ว เขาต้องการจะรวมพลังโลหะรูปแบบสุดท้ายเข้ากับรูปแบบเต๋าเพื่อให้ไปถึงขั้นบรรลุได้ แต่น่าเสียดายที่ผ่านไปยี่สิบวันแล้วก็ยังไม่มีความคืบหน้าใดๆเลย
บรึฟ!
อาคมยับยั้งภายในราชวังจักรพรรดิส่องแสงขึ้นมาซึ่งทำให้เจียงอี้ตกใจ เมื่อเขาคำนวณเวลาแล้ว เฉียนว่านก้วนน่าจะกลับมาแล้ว จากนั้นเขาก็ย้ายร่างออกมาจากราชวังจักรพรรดิ
“ลูกพี่!”
ตามที่คาดไว้ เฉียนว่านก้วนและเฟิ่งหลวนกำลังรอเขาอยู่นอกราชวัง เจียงอี้โบกมือและพูดว่า เข้าไปคุยกันข้างในเถอะ! ร่างของพวกเขาส่องประกายและทุกคนก็เข้ามาในราชวังจักรพรรดิและเฉียนว่านก้วนไม่ต้องการให้หวงฝูเทาเทียนและซือถูอีเสี้ยวรู้เรื่องเจ๊ใหญ่กระพรวนกังวาน มันไม่ใช่ว่าพวกเขาไม่ไว้ใจ แต่พวกเขาไม่ต้องการสร้างปัญหาให้ทั้งสองคนและทำให้เป็นเรื่องหนักใจ
เฟิ่งหลวนหยิบชุดน้ำชาและน้ำจากแหวนของนางออกมา หลังจากต้มน้ำด้วยแก่นแท้พลังของนางแล้ว นางก็ชงชาให้พวกเขาทีละถ้วย จากนั้นเจียงอี้ก็ถามว่า “เป็นยังไงบ้าง?”
“ต่อรองไม่ได้เลย!”
เฉียนว่านก้วนถอนหายใจอย่างหนักและพูดว่า “ตระกูลหนานกงต้องการเข้าร่วมสมาคมการค้ามังกรโผบินมาก ข้าได้พูดคุยเรื่องนางกับหนานกงมู่หยีเป็นนัยไป และหลังจากที่เขากลับมาเมื่อวานนี้ หนานกงมู่หยีก็ส่งข้อความมาว่าพวกเขาได้ตัดสินใจในเรื่องนี้ไปแล้ว หนานกงหยุนยี่กลับไปพร้อมกับหัวเสีย และหนานกงมู่หยียังขอให้เราปล่อยเรื่องนี้ไปซะ เพราะพวกเขาจะไม่ประนีประนอมใดๆทั้งสิ้น”
“ตาเฒ่าหัวรั้น!”
เจียงอี้เดือดดาลมาก หนานกงหยุนยี่เลื่องชื่อในด้านความดื้อด้านและเข้มงวดในเผ่าเทพประทาน แต่เจียงอี้ไม่เคยคาดหวังว่าหนานกงหยุนยี่จะหัวแข็งขนาดนี้ มันคงจะไม่เป็นอะไรที่เขาจะให้เจ๊ใหญ่กระพรวนกังวานเสียสละไปครั้งนึง ตอนนี้เขากลับต้องการจะทำร้ายนางอีกครั้ง
สิ่งสำคัญคือ….เพื่อให้ตระกูลหนานกงเข้าร่วมสมาคมการค้ามังกรโผบิน เจียงอี้ได้ยื่นข้อเสนอที่เหนือจริงอย่างไร้เหตุผล รางวัลนั้นสูงกว่าการแต่งงานเพราะพันธมิตรกับตระกูลเหลยมากๆ แต่เขาก็ได้ยุติความหวังของพวกเขาไปเพียงเพื่อจะรักษาชื่อเสียงเอาไว้
เจียงอี้เดินวนไปวนมาในห้องโถงกลาง ดวงตาของเขาเป็นประกายขึ้นมา และเขาก็พูดขึ้นมาอย่างแน่วแน่ว่า “เราต้องช่วยนาง! เมื่อตกลงกันไม่ได้ ตาเฒ่าผายลมนั่นผลักไสคนอื่นเกินไป เช่นนั้นก็อย่าโทษข้าที่ไร้หัวใจ!” เจียงอี้ไม่สามารถนิ่งนอนใจในเรื่องที่จะเฝ้ามองเจ๊ใหญ่กระพรวนกังวานแต่งงานกับเหลยฉีเหยียนและถูกเหลยฉีเหยียนทำร้ายเพื่อที่เขาจะได้ระบายความโกรธที่มีต่อเจียงอี้ได้ หากเจ๊ใหญ่กระพรวนกังวานแต่งงานกับเหลยฉีเหยียน มันคงเลวร้ายเสียยิ่งกว่าการสังหารเขาเสียอีก!
“ลูกพี่!”
เฉียนว่านก้วนปากกระตุกและพูดทันทีว่า “ยังมีอีกเรื่องหนึ่ง ตอนที่ข้าไปเยี่ยมซือถูอ้าวเมื่อวานนี้ เขา….เป็นคนสัญญากับข้าเองเลยว่าจะให้ซือถูอีเนี่ยนแต่งกับข้า และอีเนี่ยนก็เห็นด้วยเช่นกัน”
“เอ่อ….”
เจียงอี้และเฟิ่งหลวนตกตะลึงชั่วขณะ หากพวกเขาไม่เคยรู้มาก่อนว่าเกิดอะไรขึ้นกับเจ๊ใหญ่กระพรวนกังวาน พวกเขาจะมีความสุขกับเฉียนว่านก้วนมาก แต่ตอนนี้พวกเขากลับมีความรู้สึกปนกันไปหมด
“ว่านก้วน!” เจียงอี้ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะพูดอย่างแน่วแน่ว่า “เจ้าจะเข้ามายุ่งเรื่องนี้ไม่ได้ เจ้าห้ามส่งใครไปแม้แต่คนเดียว ข้าจะจัดการเรื่องนี้เอง เจ้าเป็นบุตรเขยของตระกูลซือถูและเป็นรองประธานสมาคมการค้ามังกรโผบิน แม้ว่าข้าจะช่วยเจ๊ใหญ่กระพรวนกังวาน ตระกูลซือถูก็จะปกป้องเจ้าได้”
“ฮึฮึ!”
เฉียนว่านก้วนยิ้มกว้างและมองเจียงอี้พร้อมกับยักไหล่ “ลูกพี่ เจ้าพูดอะไรน่ะ? เจ้าคิดว่าข้าเป็นคนเช่นไร? ข้าบอกเจ้าตรงๆเลย เมื่อคืนนี้ข้าไปพบอีเนี่ยนมา และนางเป็นคนขอสิ่งนี้ นางบอกข้าว่านางเป็นของข้าตั้งแต่นางตัดสินใจจะแต่งงานกับข้า อย่าว่าแต่หนีไปกับข้าเลย นางจะอยู่เคียงข้างข้าแม้ว่าข้าจะประกาศสงครามกับตระกูลซือถูด้วย ลูกพี่ เลิกพูดเลอะเทอะเถอะ เราควรทำอย่างไรกัน? เรามาวางแผนกันก่อนเถอะ คราวนี้เราจะขุ่นเคืองกับตระกูลหนานกง หรือไม่อย่างนั้น ข้าจะใช้แซ่พวกเขาเลย!”