เพลิงพิโรธสวรรค์ Fury towards the burning heaven - บทที่ 830 งานแต่งงานครั้งใหญ่
- Home
- เพลิงพิโรธสวรรค์ Fury towards the burning heaven
- บทที่ 830 งานแต่งงานครั้งใหญ่
พิธีเทพประทานก็ไม่ต่างจากปีก่อนๆ แต่สิ่งที่เฉียนว่านก้วนประทับใจนั้นคือเขาเคยยืนอยู่ด้านล่างและไม่มีคุณสมบัติที่จะขึ้นมายืนที่แท่นด้านบน แต่ในวันนี้ เขาถือเป็นสมาชิกคนหนึ่งของตระกูลซือถู มีสิทธิ์ยืนอยู่บนแท่นสูงนี้และมองลงมาที่ผู้คนในเมือง ยิ่งไปกว่านั้น เขาจะแต่งงานกับสาวงามนามซือถูอีเนี่ยนในวันพรุ่งนี้และเพลิดเพลินกับชีวิตของเขา
แต่น่าเสียดายนัก เพราะหลังจากพรุ่งนี้ไป ทุกสิ่งก็จะหายไป ความพยายามทั้งหมดของเขาในช่วงกว่าหนึ่งปีที่ผ่านมาจะหายไป เขาต้องพาซือถูอีเนี่ยนหนีไปด้วยและอาจตกตายได้ทุกเมื่อ เขาเองก็อดไม่ได้ที่จะถามตัวเองว่าทั้งหมดนั้นมันคุ้มค่ากันหรือไม่?
ซึ่งคำตอบนั้นชัดเจน!
รอยยิ้มจางๆ ปรากฏขึ้นที่ริมฝีปากของเขา เขาจ้องมองไปที่ซือถูอีเนี่ยนที่โอบกอดเขาด้วยความรัก เขามีความมั่นใจอย่างท่วมท้นว่า ตราบใดที่เขารอดไปได้ในครั้งนี้ เขาก็เริ่มต้นใหม่ทั้งหมดได้ เขาจะใช้เวลาสิบปีหรือมากกว่านั้นในการสร้างสมาคมการค้าอีกแห่งขึ้นมาเพื่อที่จะเขย่าแดนเทียนชิงทั้งแดนเพื่อพิสูจน์ว่าซือถูอีเนี่ยนตัดสินใจถูกต้องแล้ว
ซือถูอีเนี่ยนสังเกตเห็นพฤติกรรมแปลกๆของเฉียนว่านก้วน นางจึงถามเบาๆว่า “ว่านก้วน เจ้าเป็นอะไรไหม?”
“ข้าไม่เป็นอะไร!”
เฉียนว่านก้วนลดน้ำหนักลงมาได้มากและมีเสน่ห์มากในตอนนี้ เขาโอบซือถูอีเนี่ยนไว้ในอ้อมแขนและพูดด้วยรอยยิ้มว่า “ข้ารู้สึกเป็นสุขมาก อีเนี่ยน เมื่อมีเจ้าและลูกพี่อยู่ข้างๆข้า แล้วข้ายังจะต้องการอะไรอีก?”
ซือถูอีเนี่ยนยิ้มหวานออกมา นางโอบรัดท้องของเขาอย่างแรง รอยยิ้มของนางนั้นสว่างจ้ายิ่งกว่าดอกไม้ซึ่งมันทำให้นายน้อยต่างพากันอิจฉา
พิธีจบลงเร็วมาก ต่อจากนั้นก็เป็นการประมูลที่สำคัญที่สุด ส่วนความผิดหวังของเฉียนว่านก้วนนั้นคือเจียงอี้ไม่ได้ออกจากสันโดษแม้ว่าการประมูลจะจบลงและพวกเขาก็กลับไปที่ปราสาทเจียงกัน
พรุ่งนี้เป็นวันแต่งงานของเฉียนว่านก้วนและเป็นวันที่พวกเขาจะดำเนินการตามแผน แล้วพวกเขาจะทำตามแผนได้อย่างไรโดยไม่มีเจียงอี้? เฉียนว่านก้วนรอจนถึงเที่ยงคืน จากนั้นเขาก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องออกมาจากลานบ้านและหมุนเวียนแก่นแท้พลังไว้ที่มือข้างหนึ่ง เขากำลังจะโจมตีอาคมยับยั้งของราชวังจักรพรรดิ
บรึฟ!
และในตอนนั้นเอง ราชวังจักรพรรดิก็ส่องแสงขึ้น ร่างสี่ร่างปรากฏออกมา จากนั้นเฉียนว่านก้วนก็แสดงท่าทางประหลาดใจและตะโกนออกมา “ลูกพี่, พี่ใหญ่อู๋ซวง, องค์หญิงหยุนเฟย เสี่ยวนู๋ ในที่สุดพวกเจ้าก็ออกมา”
“ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า!”
เจียงอี้หัวเราะและกอดเฉียนว่านก้วน “พี่น้องข้ากำลังจะแต่งงาน แล้วข้าจะพลาดงานนั้นได้อย่างไรเล่า?”
จ้านอู๋ซวงตบบ่าของเฉียนว่านก้วนและพูดว่า “ว่านก้วน หากท่านลุงรู้ว่าเจ้าประสบความสำเร็จอยู่ในเผ่าเทพประทานเป็นอย่างมากและสามารถแต่งงานกับสตรีตระกูลซือถูได้ เขาคงมีความสุขมากและคงดื่มไปสามวันสามคืนเลย ว่านก้วน ยินดีกับเจ้าด้วย!”
เมื่อจ้านอู๋ซวงพูดจบ ดวงตาของพวกเขาทั้งสองก็มืดมนลง เจียงอี้เองก็เงียบไปเช่นกัน จิตใจของพวกเขาได้ล่องลอยกลับไปยังทวีปเทียนชิงที่ห่างออกไปหลายล้านล้านกิโลเมตร
แม้ว่าเฉียนกุ้ยและจ้านอีหมิงจะมั่นใจว่าจะรอดและที่ซ่อนของเจียงหยุนไฮ่มิดชิดมาก และเก้าตระกูลจักรพรรดิเองก็คงไม่น่าไปหาเรื่องพวกเขา แต่ใครจะรู้ว่าสถานการณ์ของทวีปเทียนชิงเป็นอย่างไรบ้าง? แล้วใครจะรับประกันได้ว่าเฉียนกุ้ย, จ้านอีหมิงและเจียงหยุนไฮ่จะยังมีชีวิตอยู่?
“อู๋ซวง ทำไมเจ้าถึงพูดเรื่องเช่นนั้นในวันดีอย่างนี้?” หยุนเฟยติงจ้านอู๋ซวงและอารมณ์เสียเล็กน้อย “วันนี้เป็นวันสำคัญของว่านก้วน เราควรที่จะมีความสุขกันนะ”
“ฮ่าฮ่าฮ่า วันนี้เป็นวันสำราญ เราควรจะปล่อยเรื่องนี้ไปก่อน!”
ดวงตาของเจียงอี้เปล่งประกายและเขาก็กล่าวอย่างกล้าหาญ “ตราบใดที่เราขันแข็ง ในวันหนึ่งเราก็จะกลับไปที่ทวีปจักรพรรดิบูรพาและทวีปเทียนชิงได้อย่างเปิดเผย และจากนั้นเราจะไปเจอพวกเขาและให้พวกเขาได้มีชีวิตที่ดีขึ้นได้”
“อื้ม!”
เฉียนว่านก้วนและจ้านอู๋ซวงพยักหน้าและรู้สึกประทับใจกับจิตวิญญาณของเจียงอี้ เฉียนว่านก้วนและเจียงอี้มองหน้ากัน พวกเขาไม่ต้องพูดอะไรออกมาเลยแม้แต่น้อยก็เข้าใจในกันและกันแล้ว ใบหน้าของเฉียนว่านก้วนเป็นสีแดงจากความตื่นเต้น และเมื่อมองเจียงอี้แล้ว….ดูเหมือนว่าเขาจะทะลวงบางสิ่งที่ยิ่งใหญ่ได้? “มาดื่มกันเถอะ!”
เจียงอี้โบกมือของเขา มันยังมืดอยู่และพิธีแต่งงานก็จะจัดขึ้นในอีกไม่กี่ชั่วโมงข้างหน้า ตระกูลซือถูได้จัดเตรียมทุกอย่างไว้หมดแล้ว และพวกเขาก็ไปยังห้องโถงกลาง จากนั้นก็หยิบเครื่องดื่มออกมาและเริ่มดื่มสังสรรค์กัน
เมื่อรุ่งอรุณมาถึง พิธีต่างๆ ก็เริ่มต้นขึ้น
เฉียนว่านก้วนถูกลากไปอาบน้ำ จากนั้นก็ถวายบรรณาการแก่บรรพบุรุษของตระกูลซือถูซึ่งตามมาด้วยพิธีกรรมที่ยุ่งยากและซับซ้อนอีกมากมาย และสุดท้ายเขาก็ไปยังจัตุรัสเทพประทานเพื่อจัดงาน
ทั้งสองแต่งงานกันต่อหน้าคนทั้งปวงในเมืองและรูปปั้นจักรพรรดิหนานกง ในตอนเที่ยง งานเลี้ยงของตระกูลซือถูก็เริ่มขึ้น แขกรับเชิญมากมายรวมถึงประมุขและผู้อาวุโสของตระกูลต่างๆพากันนำของขวัญมากมายมาที่งาน
ส่วนเหลยถิงเวย, หนานกงหยุนยี่และลู่หลี่ไม่ได้ปรากฏตัวมา แต่พวกเขาส่งผู้อาวุโสและนายน้อยของตระกูลไปงานแทน จากที่คำนวณดูแล้ว มีของขวัญที่เป็นสิ่งประดิษฐ์ศักดิ์สิทธิ์แฝงกว่าสิบสองชิ้น แต่เฉียนว่านก้วนไม่ได้เก็บมันไว้และมอบทุกอย่างให้กับตระกูลซือถูไป
เจียงอี้และจ้านอู๋ซวงเข้าร่วมงานพิธีและงานเลี้ยงในฐานะครอบครัวของเฉียนว่านก้วน เจียงอี้ได้มอบภาพวาดสวรรค์ให้เป็นของขวัญ แต่เขาเขียนชื่อตัวเองแทนชื่ออีเพียวเพียว วันเป็นภาพวาดของเฉียนว่านก้วนและซือถูอีเนี่ยนที่ดูเหมือนจริงมาก มีลวดลายเต๋าที่พิเศษมากซ่อนอยู่ภายในภาพวาดนั้น เมื่อซือถูอ้าวเห็นภาพนี้เขาก็ตัวสั่นเทา
หลังจากนั้นเจียงอี้ก็ยังมอบภาพวาดสวรรค์หนึ่งพันภาพและม้วนกระดาษให้กับซือถูอ้าวเป็นของขวัญแทนฝั่งครอบครัวเฉียนว่านก้วน เมื่อเขาเปิดภาพวาดออกดู เขาก็ตัวสั่นเทาอีกครั้ง และเมื่อเขาเปิดม้วนกระดาษและเห็นศาสตร์ญาณศักดิ์สิทธิ์อยู่ในนั้นแล้ว มือของเขาก็ยิ่งสั่นเทากว่าเดิม
ก่อนที่สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของฝูงชนจะจับจ้องมาที่เขา ซือถูอ้าวก็รีบเก็บภาพวาดและม้วนกระดาษทันที เขาจับมือเจียงอี้ไม่ปล่อยอยู่นาน
ด้านจ้านอู๋ซวง, เฟิ่งหลวนและคนอื่นๆต่างก็มอบของขวัญให้ ซึ่งแน่นอนว่ามันมีค่าน้อยกว่า และของขวัญทั้งหมดนี้ก็ถูกจัดเตรียมโดยเฟิ่งหลวน แม้ว่าเฉียนว่านก้วนจะเป็นครอบครัวและไม่ต้องมีพิธีรีตองใดๆ แต่พวกเขาก็ยังต้องแสดงความเคารพต่อซือถูอีเนี่ยนอยู่ดี
ราตรีกำลังใกล้มาถึงอย่างช้าๆ!
เจียงอี้และกลุ่มของเขาพร้อมที่จะเดินทางขึ้นไปยังยอดเขานทีสวรรค์ทางเหนือของเมืองซึ่งมันเป็นจุดเด่นของคืนนี้ หลังจากคืนนี้ เจียงอี้และกลุ่มของเขาจะออกจากเผ่าเทพประทานไป ซึ่งเฉียนว่านก้วนได้เตรียมการเอาไว้หมดแล้ว เขาและเฟิ่งหลวนคาดคิดซ้ำแล้วซ้ำอีกว่าจะเกิดอะไรขึ้นในค่ำคืนนี้ แผนการณ์ในคืนนี้จะสมบูรณ์แบบยกเว้นแต่ว่าจะเกิดเรื่องอะไรขึ้นมา
ฟรึ่บ! ฟรั่บ!
รถม้าศึกหลายคันพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้าในยามค่ำคืนซึ่งมันบินไปทางเหนือ หลังจากที่แน่ใจว่าเหลยฉีเหยียนไปที่ยอดเขานทีสวรรค์กับเจ๊ใหญ่กระพรวนกังวาน เจียงอี้และเฉียนว่านก้วนก็สูดลมหายใจลึกๆในเวลาเดียวกัน
“ทำตามแผนเลย! หลังจากคืนนี้ พวกเจ้าจะได้คืนอสรภาพ ไปหาที่หลบภัยในตระกูลซือถูหรือมาหาเราก็ได้ หากพวกเจ้ากลับมาได้อย่างปลอดภัย ข้าจะคืนอิสรภาพให้แก่พวกเจ้า ข้าเตรียมทุกอย่างให้ครอบครัวพวกเจ้าแล้ว พวกเขาจะมีชีวิตที่ไร้กังวลไปได้หลายชั่วอายุคนเลย”
เฉียนว่านก้วนโบกมือและชายชราในชุดคลุมสีเทาก็โค้งคำนับก่อนที่จะหายไปในความมืด เฉียนว่านก้วนยิ้มและพูดว่า “ลูกพี่ เราไปยอดเขานทีสวรรค์กันไหม?”
“ก็ได้!” เจียงอี้นำราชวังจักรพรรดิออกมาและพาเฟิ่งหลวน, จ้านอู๋ซวงและคนอื่นๆเข้าไปข้างในยกเว้นเจียงเสี่ยวนู๋ เฉียนว่านก้วนจึงถามเขาอย่างประหลาดใจ “ลูกพี่ เสี่ยวนู๋จะไปกับเราด้วยหรอ? มันจะอันตรายเกินไปไหม?”
“ฮ่าฮ่าฮ่า! ข้ามีแผนของข้า!”
เจียงอี้เผยรอยยิ้มลึกลับและเดินออกมาพร้อมกับเ)ยนว่านก้วนและเจียงเสี่ยวนู๋ พวกเขาไปรวมตัวกับซือถูอีเนี่ยนและหวงฝูเทาเทียนที่รออยู่ข้างนอก จากนั้นก็ขึ้นรถม้าศึกสองคันและบินตรงไปยังยอดเขานทีสวรรค์พร้อมกับเหล่าองครักษ์ตระกูลซือถู
หวงฝูเทาเทียน, เจียงอี้และเจียงเสี่ยวนู๋อยู่บนรถม้าศึกคันเดียวกัน หลังจากที่รถม้าโผบินสุ่ฟากฟ้าและเปิดม่านพลังแล้ว หวงฝูเทาเทียนก็มองเจียงอี้และพูดว่า “เจียงอี้ เจ้ามีอะไรที่ปิดบังเขาอยู่? ทำไมข้าถึงรู้สึกไม่สบายใจเล็กน้อย?”
“ฮ่าฮ่า พี่ใหญ่หวงฝู เจ้าคิดมากไป!”
เจียงอี้มองดูดวงดาวบนฟ้าและยิ้มอย่างแผ่วเบา “ยอดเขานทีสวรรค์น่าจะมีชีวิตชีวามากเลย เมื่อเราไปถึงที่นั่น มันคงจะฮือฮายิ่งกว่านี้ พี่ใหญ่หวงฝูอย่าคิดมาก คืนนี้พักผ่อนให้สบายเถอะ วันนี้เป็นวันที่ควรค่าแก่การจดจำ”
แต่น่าเสียดายนัก เพราะหลังจากพรุ่งนี้ไป ทุกสิ่งก็จะหายไป ความพยายามทั้งหมดของเขาในช่วงกว่าหนึ่งปีที่ผ่านมาจะหายไป เขาต้องพาซือถูอีเนี่ยนหนีไปด้วยและอาจตกตายได้ทุกเมื่อ เขาเองก็อดไม่ได้ที่จะถามตัวเองว่าทั้งหมดนั้นมันคุ้มค่ากันหรือไม่?
ซึ่งคำตอบนั้นชัดเจน!
รอยยิ้มจางๆ ปรากฏขึ้นที่ริมฝีปากของเขา เขาจ้องมองไปที่ซือถูอีเนี่ยนที่โอบกอดเขาด้วยความรัก เขามีความมั่นใจอย่างท่วมท้นว่า ตราบใดที่เขารอดไปได้ในครั้งนี้ เขาก็เริ่มต้นใหม่ทั้งหมดได้ เขาจะใช้เวลาสิบปีหรือมากกว่านั้นในการสร้างสมาคมการค้าอีกแห่งขึ้นมาเพื่อที่จะเขย่าแดนเทียนชิงทั้งแดนเพื่อพิสูจน์ว่าซือถูอีเนี่ยนตัดสินใจถูกต้องแล้ว
ซือถูอีเนี่ยนสังเกตเห็นพฤติกรรมแปลกๆของเฉียนว่านก้วน นางจึงถามเบาๆว่า “ว่านก้วน เจ้าเป็นอะไรไหม?”
“ข้าไม่เป็นอะไร!”
เฉียนว่านก้วนลดน้ำหนักลงมาได้มากและมีเสน่ห์มากในตอนนี้ เขาโอบซือถูอีเนี่ยนไว้ในอ้อมแขนและพูดด้วยรอยยิ้มว่า “ข้ารู้สึกเป็นสุขมาก อีเนี่ยน เมื่อมีเจ้าและลูกพี่อยู่ข้างๆข้า แล้วข้ายังจะต้องการอะไรอีก?”
ซือถูอีเนี่ยนยิ้มหวานออกมา นางโอบรัดท้องของเขาอย่างแรง รอยยิ้มของนางนั้นสว่างจ้ายิ่งกว่าดอกไม้ซึ่งมันทำให้นายน้อยต่างพากันอิจฉา
พิธีจบลงเร็วมาก ต่อจากนั้นก็เป็นการประมูลที่สำคัญที่สุด ส่วนความผิดหวังของเฉียนว่านก้วนนั้นคือเจียงอี้ไม่ได้ออกจากสันโดษแม้ว่าการประมูลจะจบลงและพวกเขาก็กลับไปที่ปราสาทเจียงกัน
พรุ่งนี้เป็นวันแต่งงานของเฉียนว่านก้วนและเป็นวันที่พวกเขาจะดำเนินการตามแผน แล้วพวกเขาจะทำตามแผนได้อย่างไรโดยไม่มีเจียงอี้? เฉียนว่านก้วนรอจนถึงเที่ยงคืน จากนั้นเขาก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องออกมาจากลานบ้านและหมุนเวียนแก่นแท้พลังไว้ที่มือข้างหนึ่ง เขากำลังจะโจมตีอาคมยับยั้งของราชวังจักรพรรดิ
บรึฟ!
และในตอนนั้นเอง ราชวังจักรพรรดิก็ส่องแสงขึ้น ร่างสี่ร่างปรากฏออกมา จากนั้นเฉียนว่านก้วนก็แสดงท่าทางประหลาดใจและตะโกนออกมา “ลูกพี่, พี่ใหญ่อู๋ซวง, องค์หญิงหยุนเฟย เสี่ยวนู๋ ในที่สุดพวกเจ้าก็ออกมา”
“ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า!”
เจียงอี้หัวเราะและกอดเฉียนว่านก้วน “พี่น้องข้ากำลังจะแต่งงาน แล้วข้าจะพลาดงานนั้นได้อย่างไรเล่า?”
จ้านอู๋ซวงตบบ่าของเฉียนว่านก้วนและพูดว่า “ว่านก้วน หากท่านลุงรู้ว่าเจ้าประสบความสำเร็จอยู่ในเผ่าเทพประทานเป็นอย่างมากและสามารถแต่งงานกับสตรีตระกูลซือถูได้ เขาคงมีความสุขมากและคงดื่มไปสามวันสามคืนเลย ว่านก้วน ยินดีกับเจ้าด้วย!”
เมื่อจ้านอู๋ซวงพูดจบ ดวงตาของพวกเขาทั้งสองก็มืดมนลง เจียงอี้เองก็เงียบไปเช่นกัน จิตใจของพวกเขาได้ล่องลอยกลับไปยังทวีปเทียนชิงที่ห่างออกไปหลายล้านล้านกิโลเมตร
แม้ว่าเฉียนกุ้ยและจ้านอีหมิงจะมั่นใจว่าจะรอดและที่ซ่อนของเจียงหยุนไฮ่มิดชิดมาก และเก้าตระกูลจักรพรรดิเองก็คงไม่น่าไปหาเรื่องพวกเขา แต่ใครจะรู้ว่าสถานการณ์ของทวีปเทียนชิงเป็นอย่างไรบ้าง? แล้วใครจะรับประกันได้ว่าเฉียนกุ้ย, จ้านอีหมิงและเจียงหยุนไฮ่จะยังมีชีวิตอยู่?
“อู๋ซวง ทำไมเจ้าถึงพูดเรื่องเช่นนั้นในวันดีอย่างนี้?” หยุนเฟยติงจ้านอู๋ซวงและอารมณ์เสียเล็กน้อย “วันนี้เป็นวันสำคัญของว่านก้วน เราควรที่จะมีความสุขกันนะ”
“ฮ่าฮ่าฮ่า วันนี้เป็นวันสำราญ เราควรจะปล่อยเรื่องนี้ไปก่อน!”
ดวงตาของเจียงอี้เปล่งประกายและเขาก็กล่าวอย่างกล้าหาญ “ตราบใดที่เราขันแข็ง ในวันหนึ่งเราก็จะกลับไปที่ทวีปจักรพรรดิบูรพาและทวีปเทียนชิงได้อย่างเปิดเผย และจากนั้นเราจะไปเจอพวกเขาและให้พวกเขาได้มีชีวิตที่ดีขึ้นได้”
“อื้ม!”
เฉียนว่านก้วนและจ้านอู๋ซวงพยักหน้าและรู้สึกประทับใจกับจิตวิญญาณของเจียงอี้ เฉียนว่านก้วนและเจียงอี้มองหน้ากัน พวกเขาไม่ต้องพูดอะไรออกมาเลยแม้แต่น้อยก็เข้าใจในกันและกันแล้ว ใบหน้าของเฉียนว่านก้วนเป็นสีแดงจากความตื่นเต้น และเมื่อมองเจียงอี้แล้ว….ดูเหมือนว่าเขาจะทะลวงบางสิ่งที่ยิ่งใหญ่ได้? “มาดื่มกันเถอะ!”
เจียงอี้โบกมือของเขา มันยังมืดอยู่และพิธีแต่งงานก็จะจัดขึ้นในอีกไม่กี่ชั่วโมงข้างหน้า ตระกูลซือถูได้จัดเตรียมทุกอย่างไว้หมดแล้ว และพวกเขาก็ไปยังห้องโถงกลาง จากนั้นก็หยิบเครื่องดื่มออกมาและเริ่มดื่มสังสรรค์กัน
เมื่อรุ่งอรุณมาถึง พิธีต่างๆ ก็เริ่มต้นขึ้น
เฉียนว่านก้วนถูกลากไปอาบน้ำ จากนั้นก็ถวายบรรณาการแก่บรรพบุรุษของตระกูลซือถูซึ่งตามมาด้วยพิธีกรรมที่ยุ่งยากและซับซ้อนอีกมากมาย และสุดท้ายเขาก็ไปยังจัตุรัสเทพประทานเพื่อจัดงาน
ทั้งสองแต่งงานกันต่อหน้าคนทั้งปวงในเมืองและรูปปั้นจักรพรรดิหนานกง ในตอนเที่ยง งานเลี้ยงของตระกูลซือถูก็เริ่มขึ้น แขกรับเชิญมากมายรวมถึงประมุขและผู้อาวุโสของตระกูลต่างๆพากันนำของขวัญมากมายมาที่งาน
ส่วนเหลยถิงเวย, หนานกงหยุนยี่และลู่หลี่ไม่ได้ปรากฏตัวมา แต่พวกเขาส่งผู้อาวุโสและนายน้อยของตระกูลไปงานแทน จากที่คำนวณดูแล้ว มีของขวัญที่เป็นสิ่งประดิษฐ์ศักดิ์สิทธิ์แฝงกว่าสิบสองชิ้น แต่เฉียนว่านก้วนไม่ได้เก็บมันไว้และมอบทุกอย่างให้กับตระกูลซือถูไป
เจียงอี้และจ้านอู๋ซวงเข้าร่วมงานพิธีและงานเลี้ยงในฐานะครอบครัวของเฉียนว่านก้วน เจียงอี้ได้มอบภาพวาดสวรรค์ให้เป็นของขวัญ แต่เขาเขียนชื่อตัวเองแทนชื่ออีเพียวเพียว วันเป็นภาพวาดของเฉียนว่านก้วนและซือถูอีเนี่ยนที่ดูเหมือนจริงมาก มีลวดลายเต๋าที่พิเศษมากซ่อนอยู่ภายในภาพวาดนั้น เมื่อซือถูอ้าวเห็นภาพนี้เขาก็ตัวสั่นเทา
หลังจากนั้นเจียงอี้ก็ยังมอบภาพวาดสวรรค์หนึ่งพันภาพและม้วนกระดาษให้กับซือถูอ้าวเป็นของขวัญแทนฝั่งครอบครัวเฉียนว่านก้วน เมื่อเขาเปิดภาพวาดออกดู เขาก็ตัวสั่นเทาอีกครั้ง และเมื่อเขาเปิดม้วนกระดาษและเห็นศาสตร์ญาณศักดิ์สิทธิ์อยู่ในนั้นแล้ว มือของเขาก็ยิ่งสั่นเทากว่าเดิม
ก่อนที่สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของฝูงชนจะจับจ้องมาที่เขา ซือถูอ้าวก็รีบเก็บภาพวาดและม้วนกระดาษทันที เขาจับมือเจียงอี้ไม่ปล่อยอยู่นาน
ด้านจ้านอู๋ซวง, เฟิ่งหลวนและคนอื่นๆต่างก็มอบของขวัญให้ ซึ่งแน่นอนว่ามันมีค่าน้อยกว่า และของขวัญทั้งหมดนี้ก็ถูกจัดเตรียมโดยเฟิ่งหลวน แม้ว่าเฉียนว่านก้วนจะเป็นครอบครัวและไม่ต้องมีพิธีรีตองใดๆ แต่พวกเขาก็ยังต้องแสดงความเคารพต่อซือถูอีเนี่ยนอยู่ดี
ราตรีกำลังใกล้มาถึงอย่างช้าๆ!
เจียงอี้และกลุ่มของเขาพร้อมที่จะเดินทางขึ้นไปยังยอดเขานทีสวรรค์ทางเหนือของเมืองซึ่งมันเป็นจุดเด่นของคืนนี้ หลังจากคืนนี้ เจียงอี้และกลุ่มของเขาจะออกจากเผ่าเทพประทานไป ซึ่งเฉียนว่านก้วนได้เตรียมการเอาไว้หมดแล้ว เขาและเฟิ่งหลวนคาดคิดซ้ำแล้วซ้ำอีกว่าจะเกิดอะไรขึ้นในค่ำคืนนี้ แผนการณ์ในคืนนี้จะสมบูรณ์แบบยกเว้นแต่ว่าจะเกิดเรื่องอะไรขึ้นมา
ฟรึ่บ! ฟรั่บ!
รถม้าศึกหลายคันพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้าในยามค่ำคืนซึ่งมันบินไปทางเหนือ หลังจากที่แน่ใจว่าเหลยฉีเหยียนไปที่ยอดเขานทีสวรรค์กับเจ๊ใหญ่กระพรวนกังวาน เจียงอี้และเฉียนว่านก้วนก็สูดลมหายใจลึกๆในเวลาเดียวกัน
“ทำตามแผนเลย! หลังจากคืนนี้ พวกเจ้าจะได้คืนอสรภาพ ไปหาที่หลบภัยในตระกูลซือถูหรือมาหาเราก็ได้ หากพวกเจ้ากลับมาได้อย่างปลอดภัย ข้าจะคืนอิสรภาพให้แก่พวกเจ้า ข้าเตรียมทุกอย่างให้ครอบครัวพวกเจ้าแล้ว พวกเขาจะมีชีวิตที่ไร้กังวลไปได้หลายชั่วอายุคนเลย”
เฉียนว่านก้วนโบกมือและชายชราในชุดคลุมสีเทาก็โค้งคำนับก่อนที่จะหายไปในความมืด เฉียนว่านก้วนยิ้มและพูดว่า “ลูกพี่ เราไปยอดเขานทีสวรรค์กันไหม?”
“ก็ได้!” เจียงอี้นำราชวังจักรพรรดิออกมาและพาเฟิ่งหลวน, จ้านอู๋ซวงและคนอื่นๆเข้าไปข้างในยกเว้นเจียงเสี่ยวนู๋ เฉียนว่านก้วนจึงถามเขาอย่างประหลาดใจ “ลูกพี่ เสี่ยวนู๋จะไปกับเราด้วยหรอ? มันจะอันตรายเกินไปไหม?”
“ฮ่าฮ่าฮ่า! ข้ามีแผนของข้า!”
เจียงอี้เผยรอยยิ้มลึกลับและเดินออกมาพร้อมกับเ)ยนว่านก้วนและเจียงเสี่ยวนู๋ พวกเขาไปรวมตัวกับซือถูอีเนี่ยนและหวงฝูเทาเทียนที่รออยู่ข้างนอก จากนั้นก็ขึ้นรถม้าศึกสองคันและบินตรงไปยังยอดเขานทีสวรรค์พร้อมกับเหล่าองครักษ์ตระกูลซือถู
หวงฝูเทาเทียน, เจียงอี้และเจียงเสี่ยวนู๋อยู่บนรถม้าศึกคันเดียวกัน หลังจากที่รถม้าโผบินสุ่ฟากฟ้าและเปิดม่านพลังแล้ว หวงฝูเทาเทียนก็มองเจียงอี้และพูดว่า “เจียงอี้ เจ้ามีอะไรที่ปิดบังเขาอยู่? ทำไมข้าถึงรู้สึกไม่สบายใจเล็กน้อย?”
“ฮ่าฮ่า พี่ใหญ่หวงฝู เจ้าคิดมากไป!”
เจียงอี้มองดูดวงดาวบนฟ้าและยิ้มอย่างแผ่วเบา “ยอดเขานทีสวรรค์น่าจะมีชีวิตชีวามากเลย เมื่อเราไปถึงที่นั่น มันคงจะฮือฮายิ่งกว่านี้ พี่ใหญ่หวงฝูอย่าคิดมาก คืนนี้พักผ่อนให้สบายเถอะ วันนี้เป็นวันที่ควรค่าแก่การจดจำ”