เพลิงพิโรธสวรรค์ Fury towards the burning heaven - บทที่ 835 สายลับ
บทที่ 835 สายลับ
วิชาทลายมิติ!
มันเป็นรูปแบบเต๋ามิติที่เหนือกว่ายอดสวรรค์สะท้านปฐพีหนึ่งดาวและเป็นทักษะที่เลื่องชื่อของเหลยกู ทุกๆตระกูลมีผู้อาวุโสที่ไม่ค่อยยุ่งเกี่ยวกับเรื่องราวต่างๆและไม่ค่อยเคลื่อนไหวอะไรนัก การที่ผู้อาวุโสเก่าแก่ปลดปล่อยวิชา ‘ทลายมิติ’ ออกมานั้นมาจากความเห็นของปรมาจารย์ตระกูลเหลย
แม้ว่าสถานการณ์ในวันนี้จะเลยเถิดไปไกลและเขาอาจไม่สามารถช่วยเจียงอี้และคนอื่นๆได้ แต่ซือถูอ้าวก็ยังตัดสินใจที่จะทำทุกอย่างเพื่อช่วยพวกเขาเอาไว้ พรสวรรค์ของเจียงอี้ไม่ได้ด้อยไปกว่าหวงฝูเทาเทียนเลยในขณะที่เฉียนว่านก้วนใช้เวลาเพียงสองปีทำให้อิทธิพลตระกูลซือถูขยายไปอย่างรวดเร็วซึ่งทำให้พวกเขาเหนือกว่าตระกูลเหลยได้ นอกจากนี้ เฉียนว่านก้วนยังเป็นบุตรเขยเขาด้วยและเขาคงไม่สามารถมองดูทั้งสองพินาศไปได้
ด้วยคำสั่งเดียวจากซือถูอ้าว ทหารหลายพันคนจากตระกูลซือถูและยอดฝีมือตระกูลเหลย, ตระกูลหนานกงและตระกูลลู่ก็เคลื่อนไหวพร้อมกันซึ่งทำให้สถานการณ์วุ่นวายมาก
“จับพวกมัน!”
เหลยถิงเวยคำรามออกมาขณะที่ยอดฝีมือตระกูลเหลย, ตระกูลหนานกงและตระกูลลู่ต่างก็ใช้กำลังอย่างเต็มที่ ดูเหมือนว่าสมาชิกของทั้งสามตระกูลจะได้ข้อความที่ถูกส่งมาแล้วและไม่ได้ประหลาดใจเลย พวกเขารีบพุ่งไปที่เหลยฉีเหยียน, เจียงเสี่ยวนู๋, จ้านอู๋ซวง, เจียงอี้และคนอื่นๆทันที ขณะที่พวกเขาเตรียมที่จะจับตัวทุกคนไว้
“ตาย ตายซะเถอะ!”
เจียงอี้เองก็ถูกฝ่ามือปลิวออกมาเช่นกันและเขาก็เห็นว่าทุกคนกระจายไปทั่วทุกสารทิศ เฟิ่งหลวนและหยุนเฟยค่อนข้างโชคดีที่ปลิวไปทางตระกูลซือถู ส่วนเฉียนว่านก้วนและซือถูอีเนี่ยนเองก็โชคดีเช่นกันเพราะพวกเขาก็อยู่ใกล้ๆกับตระกูลซือถูและได้รับความช่วยเหลือในทันใด
ส่วนชิงหยีที่กำลังกอดจิ้งจอกน้อยไว้นั้นอยู่ในสถานการณ์ที่เลวร้าย เนื่องจากยอดฝีมือตระกูลลู่หลายสิบคนกำลังบินไปทางนางและนางกำลังจะถูกจับตัวไป ส่วนเจียงอี้ก็ตั้งมั่นร่างกายของเขาอยู่กลางอากาศและผ่าดาบมังกรเพลิงออกมาอย่างต่อเนื่อง
จี๊! จี๊!
ลมและเมฆเคลื่อนตัวเหนือเก้าสวรรค์ชั้นฟ้าขณะที่สายฟ้าพาดผ่านท้องฟ้าและฟาดลงมาพร้อมกับพลังที่ไร้เทียมทาน ยอดฝีมือตระกูลลู่ที่รายล้อมชิงหยีถูกกำจัดเป็นเถ้าถ่านไปในทันที
จี๊! จี๊!
เจียงอี้โจมตีออกมาอย่างต่อเนื่อง ขณะที่ผู้คนกว่าสิบคนที่แต่เดิมกำลังบินไปทางจ้านอู๋ซวง หลังจากที่เจียงอี้ปล่อยสายฟ้าแล้ว มีผู้ตกตายไปมากกว่าสิบคนซึ่งนั่นทำให้ยอดฝีมือจากทั้งสามตระกูลเริ่มลังเลใจและมันทำให้ตระกูลซือถูช่วยจ้านอู๋ซวงไว้ได้
แต่น่าเสียดายนัก
เพราะมียอดฝีมือจากสามตระกูลเยอะเกินไป ด้านสัตว์อสูรหยาจื้อถูกฝ่ามือกระแทกอย่างหนักและถูกจับไว้ ในเวลาเดียวกัน มังกรวารีสีทองก็ถูกตาเฒ่าคนหนึ่งรัดคอเอาไว้ซึ่งมันทำให้เขาไม่สามารถเคลื่อนไหวได้เลย
“เสี่ยวนู๋ มานี่เร็ว!”
ด้านเจียงเสี่ยวนู๋ถูกขังไว้ด้านในสุด มีผู้คนจำนวนมากโจมตีนางพร้อมกัน แต่นางก็เร็วเกินไปซึ่งขอบเขตเทียนจุนธรรมดาไม่สามารถแม้แต่จะโจมตีนางได้เลย กรงเล็บของนางเปรียบดั่งกรงเล็บที่แหลมคมจากสัตว์อสูรโบราณซึ่งสามารถทลายโล่ศักดิ์สิทธิ์ของขอบเขตเทียนจุนได้อย่างง่ายดาย จากนั้นนางก็ฉีกหน้าอกของศัตรูออกได้อย่างอย่างง่ายดายและสังหารคนเหล่านั้นไปทีละคน
อันที่จริงแล้ว….เมื่อหนึ่งในขอบเขตเทียนจุนระดับสูงถูกกรงเล็บของเจียงเสี่ยวนู๋ฉีกร่างเหล่าผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเทียนจุนจำนวนมากจากทั้งสามตระกูลก็พากันตกตะลึง พวกเขาไม่คาดคิดว่าเด็กสาวที่ไม่มีที่มาที่ไปจะมีความแข็งแกร่งในการต่อสู้ได้ถึงเพียงนี้
“ศาสตร์ศักดิ์สิทธิ์ขนนกสีหมึกของน้องเสี่ยวนู๋มาถึงจุดสูงสุดของขั้นสองแล้วหรือ?” เฟิ่งหลวนและเฉียนว่านก้วนที่เพิ่งถูกช่วยเหลือต่างพากันประหลาดใจ ความแข็งแกร่งของเจียงเสี่ยวนู๋เพิ่มขึ้นมากและมันไม่มีคำอธิบายอื่นเลยนอกจากนางมาถึงจุดสูงสุดของขั้นที่สองแล้ว
ฟรึ่บ! ฟรั่บ! ฟรึ่บ!
เจียงอี้ไม่ได้สนใจเจียงเสี่ยวนู๋อีกต่อไปเนื่องจากมีผู้คนนับร้อยกำลังพุ่งมาทางเขา ผู้เชี่ยวชาญตระกูลซือถูเองก็เข้ามาใกล้เขาเช่นกัน แต่พวกเขาอยู่ไกลเกินไป เจียงอี้และเจียงเสี่ยวนู๋อยู่ในสภาพที่ค่อนข้างแย่เพราะพวกเขาถูกแรงปะทะหล่นไปทางเหลยถิงเวย
จี๊! จี๊!
ขณะที่เจียงอี้กำลังจะปล่อยโล่ศักดิ์สิทธิ์เปลวเพลิงอัสนีเพื่อสู้กลับ รอยฝ่ามือขนาดยักษ์ก็กระแทกลงมาจากฟากฟ้าในทันใด เขาหรี่ตาลงและไม่ได้ปล่อยโล่ศักดิ์สิทธิ์เปลวเพลิงอัสนีออกมาและแค่เปิดใช้งานโล่ศักดิ์สิทธิ์ธรรมดาเท่านั้น ซือถูนู่เคลื่อนไหวแล้วและเขาก็ใช้ยอดสวรรค์สะท้านปฐพี
ตูม! ตูม! ตูม! ตูม!
ทุกคนที่อยู่แถบนั้นพากันโซเซขณะที่ผู้เชี่ยวชาญที่ใกล้เข้ามาทั้งหมดกำลังร่วงไปที่พื้นเนื่องจากควาผมันผวนของห้วงอากาศ เมื่อพวกเขารักษาสมดุลไม่ได้ แล้วพวกเขาจะโจมตีได้อย่างไร?
“ชิ้ง…”
ห้วงอากาศข้างๆเจียงอี้ถูกฉีกออกมาขณะที่ซือถูนู่ปรากฏตัวอยู่ด้านหน้าเขา ความผันผวนของห้วงอากาศไม่ได้ส่งผลต่อซือถูนู่เลยขณะที่เขาอุ้มเจียงอี้เอาไว้และบินไปทางเจียงเสี่ยวนู๋ หลังจากที่เจียงเสี่ยวนู๋ออกมาจากพื้นที่ที่ถูกล้อมไว้ได้ นางก็กลับมากับเจียงอี้และซือถูนู่ “ฮ่าฮ่าฮ่า!”
เหลยถิงเวยที่ยืนอยู่ห่างๆหัวเราะเสียงดังออกมา ดวงตาของเขาจับจ้องไปที่ซือถูอ้าวขณะที่เขาค่อยๆบินไปและพูดว่า “ซือถูอ้าว เจ้ามั่นใจแล้วหรือว่าต้องการจะต้านกระแสน้ำ? เจ้าอยากจะเริ่มสงครามกับเราสามตระกูลเพื่อบุคคลภายนอกสองคนงั้นรึ?”
เมื่อตอนที่เหลยถิงเวยออกคำสั่งก่อนหน้านี้ มันคือการจับกุมและไม่สังหาร ที่เขาทำเช่นนั้นเพื่อช่วยเหลยฉีเหยียน ที่สำคัญที่สุดคือเขาไม่ต้องการจะทำสงครามกับตระกูลซือถู ไม่เช่นนั้น เจียงอี้, จ้านอู๋ซวง, เจียงเสี่ยวนู๋คงถูกสังหารโดยไม่เหลือแม้แต่ซากศพไปแล้ว
ทั้งสามตระกูลได้นำผู้เชี่ยวชาญมากว่าหมื่นคนและหนึ่งในผู้อาวุโสใหญ่เองก็ลงมือด้วยตัวเอง ส่วนเจียงอี้ก็ได้สังหารสมาชิกของทั้งสามตระกูลไปแล้วและเห็นได้ชัดว่าเรื่องในวันนี้คงจะไม่เป็นไปในทางที่ดีนัก
ซือถูอ้าวหัวเราะอย่างขมขื่นอยู่ในใจ แต่เขาก็พูดอย่างสงบว่า “ข้ายังคงรักษาจุดยืนของข้า เจียงอี้เป็นผู้อาวุโสกิตติมศักดิ์ของตระกูลข้าและเฉียนว่านก้วนก็เป็นลูกเขยข้าด้วย มันคือเรื่องจริงที่พวกเขาทำผิดพลาดในวันนี้ ตระกูลซือถูของเราจะรับผิดชอบในการกระทำพวกเขา เพียงแค่บอกเงื่อนไขมา ส่วนข้าเองก็จะขอปกป้องทั้งสองอย่างแน่นอน!”
“ใช่แล้ว เรื่องนี้ ข้า หวงฝูเทา…..”
หวงฝูเทาเทียนบินมาแต่ไกล แต่ก่อนที่เขาจะทันพูดอะไรจบ เงาสีดำก็บินวาบผ่านมาและกระแทกที่หลังศีรษะของหวงฝูเทาเทียนก่อนที่เขาจะถูกนำตัวกลับไปยังเมืองเทพประทาน
หลายคนมองไปยังหวงฝูฉี แต่เขาก็ยังคงนิ่งเฉย เห็นได้ชัดว่าเขาออกคำสั่งให้เงานำตัวหวงฝูเทาเทียนกลับไป ซึ่งหมายความว่าหวงฝูฉีไม่ได้ต้องการจะมีส่วนร่วมในเรื่องนี้
“ฮึ่ม!”
ก่อนที่เหลยถิงเวยจะพูดออกมา ลู่หลี่ก็พูดว่า “ตระกูลซือถูของเจ้าไม่สามารถรับผิดชอบเรื่องในวันนี้ได้ หากตระกูลซือถูกล้าปกป้องสายลับสองคนนี้ ตระกูลซือถูก็จะกลายเป็นผู้สมรู้ร่วมคิดเช่นกัน เช่นนั้น ในวันนี้ ตระกูลซือถูก็จะต้องมอดมลายไปด้วย!”
“ไอ้สวะ!”
อารมณ์ของซือถูนู่ค่อนข้างเดือดดาลขณะที่เขาก่นสาปออกมาทันที เขาตะโกนออกมาด้วยดวงตาที่เต็มไปด้วยกลิ่นอายสังหาร “ลู่หลี่ เจ้ากำลังจะบอกว่าใครเป็นสายลับนะ? หากย้อนไปในช่วงสงครามศํกดิ์สิทธิ์ สมาชิกตระกูลซือถูของข้าตกตายไปกี่คนกัน? เป็นหมื่นๆใช่ไหม? แล้วตระกูลลู่ของเจ้าตกตายไปกี่คน? แค่เพียงพันคนเองไม่ใช่รึ? หากเจ้ามาพูดเรื่องสายลับ ข้าว่าตระกูลลู่ของเจ้านั่นแหละที่เป็นสายลับตัวจริง”
“ฮือฮา!”
เกิดความโกลาหลขึ้นครั้งใหญ่ ไม่มีผู้ใดรู้เหตุการณ์ในอดีตเช่นนี้นอกจากว่าพวกเขาจะเป็นระดับเบื้องบนของสิบสามตระกูล หากวันนี้เรื่องราวไม่ได้เป็นเช่นนี้ ซือถูนู่ก็คงไม่ระเบิดออกมาแบบนี้
“เจ้า…”
ลู่หลี่ตัวสั่นเทาไปด้วยความเดือดดาลแต่เขาไม่กล้าเถียงออกมาเพราะเขากลัวว่าซือถูนู่จะแพร่งพรายเรื่องที่น่าอับอายมามากกว่านี้ ดวงตาของเขาสั่นไหวขณะที่เขาโบกมือและพูดว่า “ซือถูนู่ ข้าจะไม่ถกเถียงกับเจ้าหรอก ข้าไม่ใช่คนที่จะตัดสินว่าเจียงอี้และเฉียนว่านก้วนเป็นสายลับหรือไม่ นำพวกมันมานี่!”
ฟรึ่บ! ฟรั่บ!
ณ เบื้องล่างยอดเขานทีสวรรค์, ร่างกว่าสิบร่างบินมาอย่างรวดเร็วซึ่งทำให้การแสดงออกของเจียงอี้มืดมนทันที เนื่องจากสามคนนั้นเป็นคนที่เขาคุ้นเคย หนึ่งในนั้นคือลู่ผิง ขณะที่อีกสองคนคือหยางตงและหนิวเติง!
“เจียงอี้ เฉียนว่านก้วน ข้าว่าพวกเจ้าน่าจะจำพวกเขาทั้งสามได้ใช่ไหมล่ะ?”
ลู่หลี่เย้ยหยันและพูดว่า “เรื่องที่เจ้าสมรู้ร่วมคิดกับลู่ผิงเพื่อลักลอบขนหินอัสนีนั้นถูกเราตรวจสอบอย่างชัดเจนแล้ว ทุกคนก็น่าจะรู้เรื่องนี้ดีว่าหินอัสนีคืออะไรมช่ไหม? สิ่งเหล่านั้นเป็นสิ่งที่ห้ามขาย ซึ่งเจียงอี้และเฉียนว่านก้วนแอบขายมันให้กับเก้าตระกูลจักรพรรดิจากทวีปจักรพรรดิบูรพา พวกเขากำลังสมรู้ร่วมคิดกับศัตรู!”
เหลยถิงเวยยังเสริมต่ออีกว่า “เฉียนว่านก้วน เจ้ายังได้แอบคัดกรองของเขตเทียนจุนขั้นสูงสุดสิบคนมาจากทวีปจักรพรรดิบูรพาด้วย เจ้ายังมาติดสินบนกับสมาชิกตระกูลหนานกงสามคนและกำลังเตรียมที่จะลักพาตัวนายหญิงชิ่วของตระกูลหนานกง เรารู้เรื่องทุกอย่างแล้วและเราก็ได้จับตัวสิบคนนั้นมาทั้งหมดด้วย นอกจากนี้…เจ้ายังใช้สมาคมการค้ามังกรโผบินมาเป็นการปกปิดและเลี้ยงสายลับหลายพันคนในเกาะเทพประทานไว้ เราเก็บหลักฐานและจับคนเหล่านั้นมาแล้ว ทุกคนสามารถดำเนินเรื่องนี้ในที่สาธารณะได้เลย ประธานหลิวได้ส่งข้อมูลมาให้เราแล้วเฉียนว่านก้วน เจ้าคงจำประธานหลิวได้ใช่ไหม? พาตัวมันมาที่นี่!”
ฟรึ่บ!
ผู้คนนับสิบบินมาจากด้านล่างยอกเขานทีสวรรค์ และเมื่อเฉียนว่านก้วนเห็นคนพวกนั้น สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปทันทีเนื่องจากบุคคลผู้นั้นเป็นตัวแทนสมาคมการค้ามังกรโผบินในทวีปจักรพรรดิบูรพา เขาเป็นประธานสมาคมการค้าเปลือกหุ้ม และเป็นลูกน้องของเฉียนว่านก้วน หากไม่ใช่เพราะประธานหลิว การพัฒนาสมาคมการค้ามังกรโผบินคงไม่เร็วเพียงนี้
เมื่อประธานหลิวถูกนำตัวมา เขาก็ทรุดและคุกเข่าลงพร้อมกับหันไปหาเฉียนว่านก้วนและพูดว่า “นายน้อยว่านก้วน ข้อมูลของเราถูดเปิดเผย คนรับใช้เฒ่าผู้นี้ทำให้ท่านผิดหวังแล้ว!”
“ฮือฮา!”
ฝูงชนทั้งหมดตกอยู่ในความโกลาหล แม้แต่ดวงตาของซือถูอ้าวและและดวงตาของอีกฝ่ายก็ยังกระพริบปริบๆ หากเหลยถิงเวยพูดออกมาโต้งๆ คงไม่มีผู้ใดเชื่อเขา แต่ตอนนี้ หลักฐานอยู่ตรงหน้าและยังมีสายลับนับพันที่ถูกจับตัวมาได้ แถมเหลยถิงเวยยังกล่าวอีกว่าพวกเขาสามารถดำเนินเรื่องในที่สาธารณะอีกด้วย
วิชาทลายมิติ!
มันเป็นรูปแบบเต๋ามิติที่เหนือกว่ายอดสวรรค์สะท้านปฐพีหนึ่งดาวและเป็นทักษะที่เลื่องชื่อของเหลยกู ทุกๆตระกูลมีผู้อาวุโสที่ไม่ค่อยยุ่งเกี่ยวกับเรื่องราวต่างๆและไม่ค่อยเคลื่อนไหวอะไรนัก การที่ผู้อาวุโสเก่าแก่ปลดปล่อยวิชา ‘ทลายมิติ’ ออกมานั้นมาจากความเห็นของปรมาจารย์ตระกูลเหลย
แม้ว่าสถานการณ์ในวันนี้จะเลยเถิดไปไกลและเขาอาจไม่สามารถช่วยเจียงอี้และคนอื่นๆได้ แต่ซือถูอ้าวก็ยังตัดสินใจที่จะทำทุกอย่างเพื่อช่วยพวกเขาเอาไว้ พรสวรรค์ของเจียงอี้ไม่ได้ด้อยไปกว่าหวงฝูเทาเทียนเลยในขณะที่เฉียนว่านก้วนใช้เวลาเพียงสองปีทำให้อิทธิพลตระกูลซือถูขยายไปอย่างรวดเร็วซึ่งทำให้พวกเขาเหนือกว่าตระกูลเหลยได้ นอกจากนี้ เฉียนว่านก้วนยังเป็นบุตรเขยเขาด้วยและเขาคงไม่สามารถมองดูทั้งสองพินาศไปได้
ด้วยคำสั่งเดียวจากซือถูอ้าว ทหารหลายพันคนจากตระกูลซือถูและยอดฝีมือตระกูลเหลย, ตระกูลหนานกงและตระกูลลู่ก็เคลื่อนไหวพร้อมกันซึ่งทำให้สถานการณ์วุ่นวายมาก
“จับพวกมัน!”
เหลยถิงเวยคำรามออกมาขณะที่ยอดฝีมือตระกูลเหลย, ตระกูลหนานกงและตระกูลลู่ต่างก็ใช้กำลังอย่างเต็มที่ ดูเหมือนว่าสมาชิกของทั้งสามตระกูลจะได้ข้อความที่ถูกส่งมาแล้วและไม่ได้ประหลาดใจเลย พวกเขารีบพุ่งไปที่เหลยฉีเหยียน, เจียงเสี่ยวนู๋, จ้านอู๋ซวง, เจียงอี้และคนอื่นๆทันที ขณะที่พวกเขาเตรียมที่จะจับตัวทุกคนไว้
“ตาย ตายซะเถอะ!”
เจียงอี้เองก็ถูกฝ่ามือปลิวออกมาเช่นกันและเขาก็เห็นว่าทุกคนกระจายไปทั่วทุกสารทิศ เฟิ่งหลวนและหยุนเฟยค่อนข้างโชคดีที่ปลิวไปทางตระกูลซือถู ส่วนเฉียนว่านก้วนและซือถูอีเนี่ยนเองก็โชคดีเช่นกันเพราะพวกเขาก็อยู่ใกล้ๆกับตระกูลซือถูและได้รับความช่วยเหลือในทันใด
ส่วนชิงหยีที่กำลังกอดจิ้งจอกน้อยไว้นั้นอยู่ในสถานการณ์ที่เลวร้าย เนื่องจากยอดฝีมือตระกูลลู่หลายสิบคนกำลังบินไปทางนางและนางกำลังจะถูกจับตัวไป ส่วนเจียงอี้ก็ตั้งมั่นร่างกายของเขาอยู่กลางอากาศและผ่าดาบมังกรเพลิงออกมาอย่างต่อเนื่อง
จี๊! จี๊!
ลมและเมฆเคลื่อนตัวเหนือเก้าสวรรค์ชั้นฟ้าขณะที่สายฟ้าพาดผ่านท้องฟ้าและฟาดลงมาพร้อมกับพลังที่ไร้เทียมทาน ยอดฝีมือตระกูลลู่ที่รายล้อมชิงหยีถูกกำจัดเป็นเถ้าถ่านไปในทันที
จี๊! จี๊!
เจียงอี้โจมตีออกมาอย่างต่อเนื่อง ขณะที่ผู้คนกว่าสิบคนที่แต่เดิมกำลังบินไปทางจ้านอู๋ซวง หลังจากที่เจียงอี้ปล่อยสายฟ้าแล้ว มีผู้ตกตายไปมากกว่าสิบคนซึ่งนั่นทำให้ยอดฝีมือจากทั้งสามตระกูลเริ่มลังเลใจและมันทำให้ตระกูลซือถูช่วยจ้านอู๋ซวงไว้ได้
แต่น่าเสียดายนัก
เพราะมียอดฝีมือจากสามตระกูลเยอะเกินไป ด้านสัตว์อสูรหยาจื้อถูกฝ่ามือกระแทกอย่างหนักและถูกจับไว้ ในเวลาเดียวกัน มังกรวารีสีทองก็ถูกตาเฒ่าคนหนึ่งรัดคอเอาไว้ซึ่งมันทำให้เขาไม่สามารถเคลื่อนไหวได้เลย
“เสี่ยวนู๋ มานี่เร็ว!”
ด้านเจียงเสี่ยวนู๋ถูกขังไว้ด้านในสุด มีผู้คนจำนวนมากโจมตีนางพร้อมกัน แต่นางก็เร็วเกินไปซึ่งขอบเขตเทียนจุนธรรมดาไม่สามารถแม้แต่จะโจมตีนางได้เลย กรงเล็บของนางเปรียบดั่งกรงเล็บที่แหลมคมจากสัตว์อสูรโบราณซึ่งสามารถทลายโล่ศักดิ์สิทธิ์ของขอบเขตเทียนจุนได้อย่างง่ายดาย จากนั้นนางก็ฉีกหน้าอกของศัตรูออกได้อย่างอย่างง่ายดายและสังหารคนเหล่านั้นไปทีละคน
อันที่จริงแล้ว….เมื่อหนึ่งในขอบเขตเทียนจุนระดับสูงถูกกรงเล็บของเจียงเสี่ยวนู๋ฉีกร่างเหล่าผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเทียนจุนจำนวนมากจากทั้งสามตระกูลก็พากันตกตะลึง พวกเขาไม่คาดคิดว่าเด็กสาวที่ไม่มีที่มาที่ไปจะมีความแข็งแกร่งในการต่อสู้ได้ถึงเพียงนี้
“ศาสตร์ศักดิ์สิทธิ์ขนนกสีหมึกของน้องเสี่ยวนู๋มาถึงจุดสูงสุดของขั้นสองแล้วหรือ?” เฟิ่งหลวนและเฉียนว่านก้วนที่เพิ่งถูกช่วยเหลือต่างพากันประหลาดใจ ความแข็งแกร่งของเจียงเสี่ยวนู๋เพิ่มขึ้นมากและมันไม่มีคำอธิบายอื่นเลยนอกจากนางมาถึงจุดสูงสุดของขั้นที่สองแล้ว
ฟรึ่บ! ฟรั่บ! ฟรึ่บ!
เจียงอี้ไม่ได้สนใจเจียงเสี่ยวนู๋อีกต่อไปเนื่องจากมีผู้คนนับร้อยกำลังพุ่งมาทางเขา ผู้เชี่ยวชาญตระกูลซือถูเองก็เข้ามาใกล้เขาเช่นกัน แต่พวกเขาอยู่ไกลเกินไป เจียงอี้และเจียงเสี่ยวนู๋อยู่ในสภาพที่ค่อนข้างแย่เพราะพวกเขาถูกแรงปะทะหล่นไปทางเหลยถิงเวย
จี๊! จี๊!
ขณะที่เจียงอี้กำลังจะปล่อยโล่ศักดิ์สิทธิ์เปลวเพลิงอัสนีเพื่อสู้กลับ รอยฝ่ามือขนาดยักษ์ก็กระแทกลงมาจากฟากฟ้าในทันใด เขาหรี่ตาลงและไม่ได้ปล่อยโล่ศักดิ์สิทธิ์เปลวเพลิงอัสนีออกมาและแค่เปิดใช้งานโล่ศักดิ์สิทธิ์ธรรมดาเท่านั้น ซือถูนู่เคลื่อนไหวแล้วและเขาก็ใช้ยอดสวรรค์สะท้านปฐพี
ตูม! ตูม! ตูม! ตูม!
ทุกคนที่อยู่แถบนั้นพากันโซเซขณะที่ผู้เชี่ยวชาญที่ใกล้เข้ามาทั้งหมดกำลังร่วงไปที่พื้นเนื่องจากควาผมันผวนของห้วงอากาศ เมื่อพวกเขารักษาสมดุลไม่ได้ แล้วพวกเขาจะโจมตีได้อย่างไร?
“ชิ้ง…”
ห้วงอากาศข้างๆเจียงอี้ถูกฉีกออกมาขณะที่ซือถูนู่ปรากฏตัวอยู่ด้านหน้าเขา ความผันผวนของห้วงอากาศไม่ได้ส่งผลต่อซือถูนู่เลยขณะที่เขาอุ้มเจียงอี้เอาไว้และบินไปทางเจียงเสี่ยวนู๋ หลังจากที่เจียงเสี่ยวนู๋ออกมาจากพื้นที่ที่ถูกล้อมไว้ได้ นางก็กลับมากับเจียงอี้และซือถูนู่ “ฮ่าฮ่าฮ่า!”
เหลยถิงเวยที่ยืนอยู่ห่างๆหัวเราะเสียงดังออกมา ดวงตาของเขาจับจ้องไปที่ซือถูอ้าวขณะที่เขาค่อยๆบินไปและพูดว่า “ซือถูอ้าว เจ้ามั่นใจแล้วหรือว่าต้องการจะต้านกระแสน้ำ? เจ้าอยากจะเริ่มสงครามกับเราสามตระกูลเพื่อบุคคลภายนอกสองคนงั้นรึ?”
เมื่อตอนที่เหลยถิงเวยออกคำสั่งก่อนหน้านี้ มันคือการจับกุมและไม่สังหาร ที่เขาทำเช่นนั้นเพื่อช่วยเหลยฉีเหยียน ที่สำคัญที่สุดคือเขาไม่ต้องการจะทำสงครามกับตระกูลซือถู ไม่เช่นนั้น เจียงอี้, จ้านอู๋ซวง, เจียงเสี่ยวนู๋คงถูกสังหารโดยไม่เหลือแม้แต่ซากศพไปแล้ว
ทั้งสามตระกูลได้นำผู้เชี่ยวชาญมากว่าหมื่นคนและหนึ่งในผู้อาวุโสใหญ่เองก็ลงมือด้วยตัวเอง ส่วนเจียงอี้ก็ได้สังหารสมาชิกของทั้งสามตระกูลไปแล้วและเห็นได้ชัดว่าเรื่องในวันนี้คงจะไม่เป็นไปในทางที่ดีนัก
ซือถูอ้าวหัวเราะอย่างขมขื่นอยู่ในใจ แต่เขาก็พูดอย่างสงบว่า “ข้ายังคงรักษาจุดยืนของข้า เจียงอี้เป็นผู้อาวุโสกิตติมศักดิ์ของตระกูลข้าและเฉียนว่านก้วนก็เป็นลูกเขยข้าด้วย มันคือเรื่องจริงที่พวกเขาทำผิดพลาดในวันนี้ ตระกูลซือถูของเราจะรับผิดชอบในการกระทำพวกเขา เพียงแค่บอกเงื่อนไขมา ส่วนข้าเองก็จะขอปกป้องทั้งสองอย่างแน่นอน!”
“ใช่แล้ว เรื่องนี้ ข้า หวงฝูเทา…..”
หวงฝูเทาเทียนบินมาแต่ไกล แต่ก่อนที่เขาจะทันพูดอะไรจบ เงาสีดำก็บินวาบผ่านมาและกระแทกที่หลังศีรษะของหวงฝูเทาเทียนก่อนที่เขาจะถูกนำตัวกลับไปยังเมืองเทพประทาน
หลายคนมองไปยังหวงฝูฉี แต่เขาก็ยังคงนิ่งเฉย เห็นได้ชัดว่าเขาออกคำสั่งให้เงานำตัวหวงฝูเทาเทียนกลับไป ซึ่งหมายความว่าหวงฝูฉีไม่ได้ต้องการจะมีส่วนร่วมในเรื่องนี้
“ฮึ่ม!”
ก่อนที่เหลยถิงเวยจะพูดออกมา ลู่หลี่ก็พูดว่า “ตระกูลซือถูของเจ้าไม่สามารถรับผิดชอบเรื่องในวันนี้ได้ หากตระกูลซือถูกล้าปกป้องสายลับสองคนนี้ ตระกูลซือถูก็จะกลายเป็นผู้สมรู้ร่วมคิดเช่นกัน เช่นนั้น ในวันนี้ ตระกูลซือถูก็จะต้องมอดมลายไปด้วย!”
“ไอ้สวะ!”
อารมณ์ของซือถูนู่ค่อนข้างเดือดดาลขณะที่เขาก่นสาปออกมาทันที เขาตะโกนออกมาด้วยดวงตาที่เต็มไปด้วยกลิ่นอายสังหาร “ลู่หลี่ เจ้ากำลังจะบอกว่าใครเป็นสายลับนะ? หากย้อนไปในช่วงสงครามศํกดิ์สิทธิ์ สมาชิกตระกูลซือถูของข้าตกตายไปกี่คนกัน? เป็นหมื่นๆใช่ไหม? แล้วตระกูลลู่ของเจ้าตกตายไปกี่คน? แค่เพียงพันคนเองไม่ใช่รึ? หากเจ้ามาพูดเรื่องสายลับ ข้าว่าตระกูลลู่ของเจ้านั่นแหละที่เป็นสายลับตัวจริง”
“ฮือฮา!”
เกิดความโกลาหลขึ้นครั้งใหญ่ ไม่มีผู้ใดรู้เหตุการณ์ในอดีตเช่นนี้นอกจากว่าพวกเขาจะเป็นระดับเบื้องบนของสิบสามตระกูล หากวันนี้เรื่องราวไม่ได้เป็นเช่นนี้ ซือถูนู่ก็คงไม่ระเบิดออกมาแบบนี้
“เจ้า…”
ลู่หลี่ตัวสั่นเทาไปด้วยความเดือดดาลแต่เขาไม่กล้าเถียงออกมาเพราะเขากลัวว่าซือถูนู่จะแพร่งพรายเรื่องที่น่าอับอายมามากกว่านี้ ดวงตาของเขาสั่นไหวขณะที่เขาโบกมือและพูดว่า “ซือถูนู่ ข้าจะไม่ถกเถียงกับเจ้าหรอก ข้าไม่ใช่คนที่จะตัดสินว่าเจียงอี้และเฉียนว่านก้วนเป็นสายลับหรือไม่ นำพวกมันมานี่!”
ฟรึ่บ! ฟรั่บ!
ณ เบื้องล่างยอดเขานทีสวรรค์, ร่างกว่าสิบร่างบินมาอย่างรวดเร็วซึ่งทำให้การแสดงออกของเจียงอี้มืดมนทันที เนื่องจากสามคนนั้นเป็นคนที่เขาคุ้นเคย หนึ่งในนั้นคือลู่ผิง ขณะที่อีกสองคนคือหยางตงและหนิวเติง!
“เจียงอี้ เฉียนว่านก้วน ข้าว่าพวกเจ้าน่าจะจำพวกเขาทั้งสามได้ใช่ไหมล่ะ?”
ลู่หลี่เย้ยหยันและพูดว่า “เรื่องที่เจ้าสมรู้ร่วมคิดกับลู่ผิงเพื่อลักลอบขนหินอัสนีนั้นถูกเราตรวจสอบอย่างชัดเจนแล้ว ทุกคนก็น่าจะรู้เรื่องนี้ดีว่าหินอัสนีคืออะไรมช่ไหม? สิ่งเหล่านั้นเป็นสิ่งที่ห้ามขาย ซึ่งเจียงอี้และเฉียนว่านก้วนแอบขายมันให้กับเก้าตระกูลจักรพรรดิจากทวีปจักรพรรดิบูรพา พวกเขากำลังสมรู้ร่วมคิดกับศัตรู!”
เหลยถิงเวยยังเสริมต่ออีกว่า “เฉียนว่านก้วน เจ้ายังได้แอบคัดกรองของเขตเทียนจุนขั้นสูงสุดสิบคนมาจากทวีปจักรพรรดิบูรพาด้วย เจ้ายังมาติดสินบนกับสมาชิกตระกูลหนานกงสามคนและกำลังเตรียมที่จะลักพาตัวนายหญิงชิ่วของตระกูลหนานกง เรารู้เรื่องทุกอย่างแล้วและเราก็ได้จับตัวสิบคนนั้นมาทั้งหมดด้วย นอกจากนี้…เจ้ายังใช้สมาคมการค้ามังกรโผบินมาเป็นการปกปิดและเลี้ยงสายลับหลายพันคนในเกาะเทพประทานไว้ เราเก็บหลักฐานและจับคนเหล่านั้นมาแล้ว ทุกคนสามารถดำเนินเรื่องนี้ในที่สาธารณะได้เลย ประธานหลิวได้ส่งข้อมูลมาให้เราแล้วเฉียนว่านก้วน เจ้าคงจำประธานหลิวได้ใช่ไหม? พาตัวมันมาที่นี่!”
ฟรึ่บ!
ผู้คนนับสิบบินมาจากด้านล่างยอกเขานทีสวรรค์ และเมื่อเฉียนว่านก้วนเห็นคนพวกนั้น สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปทันทีเนื่องจากบุคคลผู้นั้นเป็นตัวแทนสมาคมการค้ามังกรโผบินในทวีปจักรพรรดิบูรพา เขาเป็นประธานสมาคมการค้าเปลือกหุ้ม และเป็นลูกน้องของเฉียนว่านก้วน หากไม่ใช่เพราะประธานหลิว การพัฒนาสมาคมการค้ามังกรโผบินคงไม่เร็วเพียงนี้
เมื่อประธานหลิวถูกนำตัวมา เขาก็ทรุดและคุกเข่าลงพร้อมกับหันไปหาเฉียนว่านก้วนและพูดว่า “นายน้อยว่านก้วน ข้อมูลของเราถูดเปิดเผย คนรับใช้เฒ่าผู้นี้ทำให้ท่านผิดหวังแล้ว!”
“ฮือฮา!”
ฝูงชนทั้งหมดตกอยู่ในความโกลาหล แม้แต่ดวงตาของซือถูอ้าวและและดวงตาของอีกฝ่ายก็ยังกระพริบปริบๆ หากเหลยถิงเวยพูดออกมาโต้งๆ คงไม่มีผู้ใดเชื่อเขา แต่ตอนนี้ หลักฐานอยู่ตรงหน้าและยังมีสายลับนับพันที่ถูกจับตัวมาได้ แถมเหลยถิงเวยยังกล่าวอีกว่าพวกเขาสามารถดำเนินเรื่องในที่สาธารณะอีกด้วย