เพลิงพิโรธสวรรค์ Fury towards the burning heaven - บทที่ 841 ทักษะการอ่านใจ
สังหารเขาด้วยฝ่ามือเดียว!
คำพูดของเอ๋าหลูชัดเจนมาก เหลยกูเป็นผู้อาวุโสที่ยิ่งใหญ่ของตระกูลเหลยและมีอำนาจสูงสุดในตระกูลเหลย หลังจากที่ถูกชี้เป้าและถูกคนบางคนสาปแช่งแล้ว เขาจะรักษาอำนาจในเมืองเทพประทานต่อได้อย่างไร? ตระกูลเหลยจะยืนหยัดอย่างภาคภูมิได้อย่างไรกัน?
ตระกูลเหลยนับไม่ถ้วนเดือดดาลขึ้นมาในทันที ทะเลลึกไร้สิ้นสุดอาจทรงพลัง แต่พวกเขาเป็นเผ่าพันธุ์ปีศาจ หากปีศาจเฒ่าตบผู้อาวุโสหลักจนตาย เยาวชนรุ่นหลังจากไม่โกรธเคืองได้อย่างไร? หากไม่ใช่เพราะกฎที่เข้มงวดของตระกูลเหลย หลายๆคนคงจะเคลื่อนไหวไปแล้ว
ซือถูอ้าวและคนอื่นๆต่างมองหน้ากันขณะที่สีหน้าของผู้อาวุโสทั้งสิบดูมืดมน หากเอ๋าหลูไม่ไว้หน้าเหลยกู นั่นก็หมายความว่าเขากำลังไม่ไว้หน้าเผ่าเทพประทาน ในฐานะผู้ที่เป็นผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดสิบเอ็ดคนของเผ่าเทพประทาน หากพวกเขาไม่ยืนหยัด พวกเขาคงไม่มีทางเชิดหน้าชูคอต่อหน้าเผ่าปีศาจจากทะเลลึกไร้สิ้นสุดได้ในภายภาคหน้า
ดังนั้น ปรมาจารย์เหลย เหลยป้านเซียนจึงพูดขึ้นมาว่า “ท่านใต้เท้าเอ๋าหลู พันธมิตรระหว่างทะเลลึกไร้สิ้นสุดและเผ่าเทพประทานนั้นมีมานานกว่าเจ็ดแสนปีแล้ว เราไม่จำเป็นต้องทำลายสัมพันธ์ของเราเพื่อคนเพียงคนเดียว เราต้องดูข้อเท็จจริงและหลักฐานเพื่อพิจารณาว่าคนผู้นี้ใช่สายลับหรือไม่”
“พันธมิตร?”
เอ๋าหลูจ้องเหลยป้านเซียนและเย้ยหยัน “หากเจ้าไม่ชอบใจ เช่นนั้นเราก็ทำลายพันธมิตรได้ตามที่เจ้าต้องการ เจ้าจะลองให้เราทั้งหมดพินาศกันที่นี่ก็ได้ ไม่ว่าเจ้าจะมีความสามารถที่จะทำเช่นนั้นหรือไม่ เปิดใช้งานค่ายกลเก้าหนอนของเจ้าสิ หากข้าผู้นี้ไม่สามารถทำลายมันได้ในครั้งเดียว ข้าจะพาคนของข้าออกไปจากที่นี่โดยทันที”
“…..”
ทุกคนตกตะลึงและไม่มีอะไรเลยนอกจากความเงียบสงัดราวป่าช้า
เหลยถิงเวยและคนอื่นๆตกตะลึงและดวงตาของพวกเขาก็แสดงความวิตกออกมา จักรพรรดิแห่งทะเลลึกไร้สิ้นสุดนี่บ้าไปแล้วหรือ? ทำไมเขาถึงต้องการทำลายพันธมิตรเพื่อเจียงอี้เพียงคนเดียว? หากปราศจากเผ่าเทพประทานแล้ว ทะเลลึกไร้สิ้นสุดจะต้องเผชิญหน้ากับเหล่าทวีปจักรพรรดิบูรพาด้วยตัวเอง แล้วเหตุใดเอ๋าหลูจึงหัวแข็งเช่นนี้? เขามีความมั่นใจที่จะเผชิญหน้ากับเก้าตระกูลจักพรรรดิหรือ?
ปากของเหลยป้านเซียนและคนอื่นๆกระตุกขึ้นมาและชายชราสองคนก็ตัวสั่นเทาด้วยความเดือดดาล เอ๋าหลูพูดจาเช่นนี้ได้อย่างไร? เขาอยู่มากว่าเจ็ดแสนปีแล้ว ทำไมอารมณ์ของเขาจึงยังฉุนเฉียวเช่นนี้? เขาจะไม่เปิดช่องให้เจรจาเลยหรือไง? ทำไมเขาไม่นึกถึงคนรุ่นหลังล่ะ? จะมีประโยชน์อันใดที่ทะเลลึกไร้สิ้นสุดจะทำลายพันธมิตรไป?
อันที่จริงแล้ว เหลยป้านเซียนและคนอื่นๆไม่รู้บางอย่าง มันเป็นเพราะช่วงเวลาเจ็ดแสนปีที่ผ่านมามันทำให้ร่างกายของเอ๋าหลูปกปิดพลังอันร้ายกาจเอาไว้ เขามีอายุขัยเป็นล้านปี แต่สองในสามส่วนของอายุขัยเขาต้องไปติดอยู่ในราชวังจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์ลี้ลับ เขาถูกขังอยู่ในสระน้ำแข็งและมีชีวิตอยู่อย่างไร้แสงแดด มันน่ายกย่องมากพอแล้วที่เขาไม่ได้เสียสติไปก่อน
และในที่สุดเขาก็ได้ออกมาแล้ว เขาต้องการจะระบายความเดือดดาลในใจออกมาอยู่แล้ว เขาไม่สามารถยั่วยุเก้าจักรพรรดิได้เองและไม่สามารถระบายความโกรธด้วยการสังหารผู้คนนับไม่ถ้วนได้ ดังนั้น ผู้อาวุโสจากเผ่าเทพประทานเหล่านี้จึงกลายเป็นเป้าหมายให้เขาระบายความโกรธไปโดยปริยาย
เจียงอี้ได้ช่วยเหลือเขาไว้ และเผ่าปีศาจนั้นไม่ได้เป็นเพียงการช่วยเหลือผิวเผินเหมือนเผ่ามนุษย์ แต่พวกเขาจะตอบแทนการแก้แค้นด้วยการแก้แค้นและตอบแทนบุญคุณด้วยความกตัญญู เขายังมีอายุขัยอีกมากกว่าสองแสนปีและเมื่อมีเขาอยู่ใกล้ๆ ทวีปจักรพรรดิบูรพาจะไม่สามารถบุกเข้ามาในทะเลลึกไร้สิ้นสุดได้ แล้วเขาจะต้องกลัวอะไร?
เมื่อเห็นเหลยป้านเซียนและคนอื่นๆพูดไม่ออก เอ๋าหลูก็ถือวิสาสะพูดว่า “ทำไมไม่พูดล่ะ? เผ่ามนุษย์ของพวกเจ้ามักจะทำตัวขี้ขลาดเสมอและพวกเจ้าคงอยากจะยอมเจอสถานการณ์ยุ่งยากมากกว่าต้องขายขี้หน้า! เมื่อพวกเจ้าบอกว่าเด็กคนนี้เป็นสายลับ และเจ้าบอกว่ามีหลักฐานใช่ไหม? เช่นนั้นเราก็มาคุยเรื่องการเป็นสายลับกัน!”
เมื่อเอ๋าหลูเห็นว่าเหลยกูกำลังจะพูดบางอย่างออกมา เขาก็โบกมือและพูดว่า “พอๆ เจ้าไม่จำเป็นต้องเรียกคนของเจ้ามาเพื่อบอกหลักฐานหรอก หลักฐานของเจ้าทั้งหมดนั้นไม่มีอะไรเลย คำพูดของข้าผู้นี้แหละที่จะเป็นหลักฐาน!” “เจ้าคือเหลยกูใช่ไหม? ส่วนข้างๆเจ้าคือเหลยป้านเซียน และเขาคือปรมาจารย์ตระกูลเจ้าใช่ไหม? เมื่อสองปีก่อนในช่วงเดือนหก เจ้าแต่งกับหญิงผู้เป็นงูมาเป็นสนม และสนมของเจ้าคลอดบุตรชายออกมาและตอนนี้อายุได้สามเดือนแล้วใช่ไหม?”
“เอ่อ…”
ทุกคนตกใจมาก โดยเฉพาะเหลยกูและเหลยป้านเซียน ผู้อาวุโสชราอีกคนจากตระกูลเหลยก็มีดวงตาราวกับว่าเขาเห็นผี พวกเขากำลังจ้องมองเอ๋าหลูอย่างว่างเปล่าและพูดไม่ออก
“เหอะเหอะ!”
ใบหน้าย่นๆของเหลยกูสั่นเล็กน้อย ก่อนเอ๋าหลูจะพูดต่อว่า “เหลยกู ความสามารถที่แข็งแกร่งที่สุดของเจ้าคือรูปแบบเต๋าหกดาว วิชาทลายมิติใช่ไหม? เจ้ามีรูปแบบเต๋าห้าดาวอีกรูปแบบที่เรียกว่าสว่านมังกรวายุ และเจ้าเพิ่งผสานมันได้เมื่อสองเดือนก่อนใช่ไหม? เจ้ามีสนมทั้งหมดหกสิบเจ็ดคนและสี่คนที่เป็นคนโปรดปรานของเจ้าคือ ฝูหรง, เหลิ่งเย่, เหอลี่ และหลิงเยี่ยน เจ้าเพิ่งจะไปพักที่ตำหนักของหลิงเยี่ยนมาเมื่อคืนใช่ไหม? เจ้าอยากให้ข้าบอกท่วงท่าที่เจ้าใช้เมื่อคืนไหมล่ะ?”
“ท่านใต้เท้า เหลยกู….เชื่อท่านแล้ว!”
หน้าผากของเหลยกูมีเหงื่ออันเย็นเยียบผุดออกมาอย่างล้นหลามขณะที่ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความอับอาย ใบหน้าชราของเขาแดงเป็นก้นลิงและเขาแทบอยากจะขุดหลุมฝังตัวเองอยู่บนยอดเขานทีสวรรค์ไปเลย เขาหวาดกลัวเอ๋าหลูอย่างสุดหัวใจ
เอ๋าหลูมองเหลยป้านเซียนและพูดว่า “เหลยป้านเซียน เจ้าต้องการให้ข้าบอกทุกคนไหมล่ะว่าเที่ยงคืนก่อนนั้นเจ้าทำอะไรอยู่?”
“ไม่ ไม่จำเป็นเลยขอรับ!”
เหลยป้านเซียนคำนับอย่างรวดเร็วและป้องกำปั้นพร้อมพูดว่า “ท่านใต้เท้าเอ๋าหลูมากสามารถนัก ป้านเซียนเชื่อท่านแล้ว”
ทุกคนเกิดความโกลาหลขึ้น หากเอ๋าหลูรู้แค่ทักษะสูงสุดอันเลื่องชื่อของเหลยกู คงไม่มีใครคิดมากในเรื่องนี้เพราะสายลับของเผ่าปีศาจจากทะเลลึกไร้สิ้นสุดที่ซ่อนอยู่ในเกาะเทพประทานคงมีข้อมูลเรื่องนี้
แต่เอ๋าหลูยังรู้แม้กระทั่งว่าเหลยกูมีสนมกี่คนและแม้แต่ชื่อของคนโปรดปรานของเขา เขายังรู้ด้วยซ้ำว่าเมื่อคืนเหลยกูไปนอนที่ไหนและรู้ว่าเหลยป้านเซียนทำอะไรในตอนกลางคืน นี่คือสิ่งที่สายลับไม่สามารถเสาะหาได้ หากความแข็งแกร่งกึ่งเทพของเหลยป้านเซียนและเหลยกูถูกสายลับสอดแนมอย่างทะลุปรุโปร่งเช่นนี้ พวกเขาคงไม่สามารถเบ่งอำนาจต่อไปได้
มันมีเพียงคำอธิบายเดียวเท่านั้น
นั่นคือเอ๋าหลูมีความสามารถอันทรงพลังที่ทำให้เขามองทะลุดวงจิตวิญญาณ อย่างทักษะวิชาการอ่านใจอันทรงพลัง
ผู้อาวุโสตระกูลซือถู, ตระกูลหวงฝูและคนอื่นๆเองก็มองหน้ากันและตกตะลึงเงียบๆ พวกเขาได้ยินมาว่าความแข็งแกร่งของเอ๋าหลูนั้นมาถึงจุดสูงสุดของกึ่งเทพแล้วและด้อยกว่าจักรพรรดิลี้ลับในอดีตเท่านั้น ดูเหมือนว่าข่าวลือนั้นจะเป็นเรื่องจริง ความสามารถเช่นนี้ทำให้ทุกคนพากันตกตะลึง
ตระกูลเหลยนับไม่ถ้วนพากันก้มหน้าลงและรู้สึกละอายใจมาก ผู้อาวุโสตระกูลพวกเขาถูกฉีกหน้าและเรื่องอื้อฉาวของพวกเขาก็ถูกเปิดเผยต่อหน้าทุกคน มันทำให้พวกเขาเสียหน้ามาก ผู้คนที่อยู่ที่นั่นนับไม่ถ้วนเองต่างก็ก้มหน้าก้มตาและไม่เผยอะไรออกมา แต่จริงๆแล้วพวกเขากลับหัวเราะเยาะอยู่ในใจ เหลยกูอายุแปดสิบเจ็ดปีแล้วแต่ยังมากตัณหาอยู่? เขามีภรรยาและนางสนมมากกว่าหกสิบคนอีก? หอกเก่าของเขายังไม่กลายเป็นเข็มอีกหรือ?
ในทางตรงกันข้าม พวกที่มาจากเผ่าปีศาจต่างพากันหัวเราะเยาะ ส่วนองค์หญิงเชียนเชียนก็ก้มหน้าก้มตาและไม่ได้จับแขนเอ๋าหลูอีก ใบหน้าของนางแดงก่ำไปถึงคอและหลังใบหูของนางด้วย “ในเมื่อทุกคนเชื่อมั่นแล้ว เช่นนั้นเรามาพูดถึงเจียงอี้ เด็กนี่กัน!”
เอ๋าหลูเหลือบมองไปที่เจียงอี้ซึ่งทำให้ร่างกายของเขาสั่นเทาราวกับเอ๋าหลูมองเห็นสิ่งที่อยู่ในใจเขา จากนั้นข้อความที่ส่งมาก็สะท้อนอยู่ในดวงจิตของเจียงอี้ “เจ้าหนู อย่ากังวลไปเลย! ข้าแค่มาเสาะหาความลับของเจ้านิดหน่อย ข้าแค่กำลังหาข้อมูลบางอย่างเท่านั้น”
เจียงอี้ถอนใจอย่างโล่งอกเพราะไม่มีใครยินดีที่จะเผยความลับทั้งหมด เอ๋าหลูชำเลืองมองและพูดอย่างเฉยเมย “เจียงอี้อายุยี่สิบสองปี เกิดในตระกูลเล็กๆในทวีปเทียนชิงและเป็นทายาทสืบตระกูล พ่อเขา เจียงเปี๋ยหลีถูกคนของตระกูลหวู่สังหารไปขณะที่เขาทำลายโถงสาขาในทวีปเทียนชิง เขาหนีออกมาจากทวีปเทียนชิงเมื่อห้าปีก่อนเพราะกลัวจะถูกโถงวรยุทธไล่ตาม เขาสังหารนายน้อยตระกูลถู นามถูรุ่ยในทวีปมนุษย์กลายพันธุ์ไป หลังจากที่เขาเข้าไปในราชวังจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์ลี้ลับบนทวีปเฟยหม่า เขาสังหารผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเทียนจุนจากตระกูลเสียหลังจากออกมาจากราชวัง เพราะเขาได้หญ้ามังกรยาจก วิชาหลีกสวรรค์และเกราะเมฆาอัคคีไป เขาจึงถูกตามล่าโดยตระกูลเสีย, ตระกูลเจี้ยน, ตระกูลถูและตระกูลหวู่ก่อนที่เขาจะเข้ามายังเผ่าเทพประทาน!”
สีหน้าของเอ๋าหลูเริ่มมืดมนหลังจากที่เขาพูดจบ เขากวาดตามองทุกคนและตะโกนออกมาอย่างเย็นชาว่า “คนที่พ่อถูกสังหารโดยตระกูลหวู่และถูกไล่ล่าโดยตระกูลมากมายจะเป็นสายลับของทวีปจักรพรรดิบูรพาหรอ? สมองของพวกเจ้าทั้งหมดถูกประตูหนีบหรือยังไง? เจ้าไม่คอยเลี้ยงผู้มีพรสวรรค์ที่ยอดเยี่ยมเช่นนี้และยังใส่ร้ายว่าเขาเป็นสายลับอีก? คนนับหมื่นจากสามตระกูลยังไม่พอที่จะจัดการเขาได้แถมยังต้องระดมผู้เชี่ยวชาญกึ่งเทพมาอีก? หากบรรพบุรุษของพวกเจ้ารู้เรื่องนี้ พวกเขาคงคลานออกมาจากหลุมศพเพื่อมาฟาดพวกเจ้าจนตายแล้วไหม?”
คำพูดของเอ๋าหลูชัดเจนมาก เหลยกูเป็นผู้อาวุโสที่ยิ่งใหญ่ของตระกูลเหลยและมีอำนาจสูงสุดในตระกูลเหลย หลังจากที่ถูกชี้เป้าและถูกคนบางคนสาปแช่งแล้ว เขาจะรักษาอำนาจในเมืองเทพประทานต่อได้อย่างไร? ตระกูลเหลยจะยืนหยัดอย่างภาคภูมิได้อย่างไรกัน?
ตระกูลเหลยนับไม่ถ้วนเดือดดาลขึ้นมาในทันที ทะเลลึกไร้สิ้นสุดอาจทรงพลัง แต่พวกเขาเป็นเผ่าพันธุ์ปีศาจ หากปีศาจเฒ่าตบผู้อาวุโสหลักจนตาย เยาวชนรุ่นหลังจากไม่โกรธเคืองได้อย่างไร? หากไม่ใช่เพราะกฎที่เข้มงวดของตระกูลเหลย หลายๆคนคงจะเคลื่อนไหวไปแล้ว
ซือถูอ้าวและคนอื่นๆต่างมองหน้ากันขณะที่สีหน้าของผู้อาวุโสทั้งสิบดูมืดมน หากเอ๋าหลูไม่ไว้หน้าเหลยกู นั่นก็หมายความว่าเขากำลังไม่ไว้หน้าเผ่าเทพประทาน ในฐานะผู้ที่เป็นผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดสิบเอ็ดคนของเผ่าเทพประทาน หากพวกเขาไม่ยืนหยัด พวกเขาคงไม่มีทางเชิดหน้าชูคอต่อหน้าเผ่าปีศาจจากทะเลลึกไร้สิ้นสุดได้ในภายภาคหน้า
ดังนั้น ปรมาจารย์เหลย เหลยป้านเซียนจึงพูดขึ้นมาว่า “ท่านใต้เท้าเอ๋าหลู พันธมิตรระหว่างทะเลลึกไร้สิ้นสุดและเผ่าเทพประทานนั้นมีมานานกว่าเจ็ดแสนปีแล้ว เราไม่จำเป็นต้องทำลายสัมพันธ์ของเราเพื่อคนเพียงคนเดียว เราต้องดูข้อเท็จจริงและหลักฐานเพื่อพิจารณาว่าคนผู้นี้ใช่สายลับหรือไม่”
“พันธมิตร?”
เอ๋าหลูจ้องเหลยป้านเซียนและเย้ยหยัน “หากเจ้าไม่ชอบใจ เช่นนั้นเราก็ทำลายพันธมิตรได้ตามที่เจ้าต้องการ เจ้าจะลองให้เราทั้งหมดพินาศกันที่นี่ก็ได้ ไม่ว่าเจ้าจะมีความสามารถที่จะทำเช่นนั้นหรือไม่ เปิดใช้งานค่ายกลเก้าหนอนของเจ้าสิ หากข้าผู้นี้ไม่สามารถทำลายมันได้ในครั้งเดียว ข้าจะพาคนของข้าออกไปจากที่นี่โดยทันที”
“…..”
ทุกคนตกตะลึงและไม่มีอะไรเลยนอกจากความเงียบสงัดราวป่าช้า
เหลยถิงเวยและคนอื่นๆตกตะลึงและดวงตาของพวกเขาก็แสดงความวิตกออกมา จักรพรรดิแห่งทะเลลึกไร้สิ้นสุดนี่บ้าไปแล้วหรือ? ทำไมเขาถึงต้องการทำลายพันธมิตรเพื่อเจียงอี้เพียงคนเดียว? หากปราศจากเผ่าเทพประทานแล้ว ทะเลลึกไร้สิ้นสุดจะต้องเผชิญหน้ากับเหล่าทวีปจักรพรรดิบูรพาด้วยตัวเอง แล้วเหตุใดเอ๋าหลูจึงหัวแข็งเช่นนี้? เขามีความมั่นใจที่จะเผชิญหน้ากับเก้าตระกูลจักพรรรดิหรือ?
ปากของเหลยป้านเซียนและคนอื่นๆกระตุกขึ้นมาและชายชราสองคนก็ตัวสั่นเทาด้วยความเดือดดาล เอ๋าหลูพูดจาเช่นนี้ได้อย่างไร? เขาอยู่มากว่าเจ็ดแสนปีแล้ว ทำไมอารมณ์ของเขาจึงยังฉุนเฉียวเช่นนี้? เขาจะไม่เปิดช่องให้เจรจาเลยหรือไง? ทำไมเขาไม่นึกถึงคนรุ่นหลังล่ะ? จะมีประโยชน์อันใดที่ทะเลลึกไร้สิ้นสุดจะทำลายพันธมิตรไป?
อันที่จริงแล้ว เหลยป้านเซียนและคนอื่นๆไม่รู้บางอย่าง มันเป็นเพราะช่วงเวลาเจ็ดแสนปีที่ผ่านมามันทำให้ร่างกายของเอ๋าหลูปกปิดพลังอันร้ายกาจเอาไว้ เขามีอายุขัยเป็นล้านปี แต่สองในสามส่วนของอายุขัยเขาต้องไปติดอยู่ในราชวังจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์ลี้ลับ เขาถูกขังอยู่ในสระน้ำแข็งและมีชีวิตอยู่อย่างไร้แสงแดด มันน่ายกย่องมากพอแล้วที่เขาไม่ได้เสียสติไปก่อน
และในที่สุดเขาก็ได้ออกมาแล้ว เขาต้องการจะระบายความเดือดดาลในใจออกมาอยู่แล้ว เขาไม่สามารถยั่วยุเก้าจักรพรรดิได้เองและไม่สามารถระบายความโกรธด้วยการสังหารผู้คนนับไม่ถ้วนได้ ดังนั้น ผู้อาวุโสจากเผ่าเทพประทานเหล่านี้จึงกลายเป็นเป้าหมายให้เขาระบายความโกรธไปโดยปริยาย
เจียงอี้ได้ช่วยเหลือเขาไว้ และเผ่าปีศาจนั้นไม่ได้เป็นเพียงการช่วยเหลือผิวเผินเหมือนเผ่ามนุษย์ แต่พวกเขาจะตอบแทนการแก้แค้นด้วยการแก้แค้นและตอบแทนบุญคุณด้วยความกตัญญู เขายังมีอายุขัยอีกมากกว่าสองแสนปีและเมื่อมีเขาอยู่ใกล้ๆ ทวีปจักรพรรดิบูรพาจะไม่สามารถบุกเข้ามาในทะเลลึกไร้สิ้นสุดได้ แล้วเขาจะต้องกลัวอะไร?
เมื่อเห็นเหลยป้านเซียนและคนอื่นๆพูดไม่ออก เอ๋าหลูก็ถือวิสาสะพูดว่า “ทำไมไม่พูดล่ะ? เผ่ามนุษย์ของพวกเจ้ามักจะทำตัวขี้ขลาดเสมอและพวกเจ้าคงอยากจะยอมเจอสถานการณ์ยุ่งยากมากกว่าต้องขายขี้หน้า! เมื่อพวกเจ้าบอกว่าเด็กคนนี้เป็นสายลับ และเจ้าบอกว่ามีหลักฐานใช่ไหม? เช่นนั้นเราก็มาคุยเรื่องการเป็นสายลับกัน!”
เมื่อเอ๋าหลูเห็นว่าเหลยกูกำลังจะพูดบางอย่างออกมา เขาก็โบกมือและพูดว่า “พอๆ เจ้าไม่จำเป็นต้องเรียกคนของเจ้ามาเพื่อบอกหลักฐานหรอก หลักฐานของเจ้าทั้งหมดนั้นไม่มีอะไรเลย คำพูดของข้าผู้นี้แหละที่จะเป็นหลักฐาน!” “เจ้าคือเหลยกูใช่ไหม? ส่วนข้างๆเจ้าคือเหลยป้านเซียน และเขาคือปรมาจารย์ตระกูลเจ้าใช่ไหม? เมื่อสองปีก่อนในช่วงเดือนหก เจ้าแต่งกับหญิงผู้เป็นงูมาเป็นสนม และสนมของเจ้าคลอดบุตรชายออกมาและตอนนี้อายุได้สามเดือนแล้วใช่ไหม?”
“เอ่อ…”
ทุกคนตกใจมาก โดยเฉพาะเหลยกูและเหลยป้านเซียน ผู้อาวุโสชราอีกคนจากตระกูลเหลยก็มีดวงตาราวกับว่าเขาเห็นผี พวกเขากำลังจ้องมองเอ๋าหลูอย่างว่างเปล่าและพูดไม่ออก
“เหอะเหอะ!”
ใบหน้าย่นๆของเหลยกูสั่นเล็กน้อย ก่อนเอ๋าหลูจะพูดต่อว่า “เหลยกู ความสามารถที่แข็งแกร่งที่สุดของเจ้าคือรูปแบบเต๋าหกดาว วิชาทลายมิติใช่ไหม? เจ้ามีรูปแบบเต๋าห้าดาวอีกรูปแบบที่เรียกว่าสว่านมังกรวายุ และเจ้าเพิ่งผสานมันได้เมื่อสองเดือนก่อนใช่ไหม? เจ้ามีสนมทั้งหมดหกสิบเจ็ดคนและสี่คนที่เป็นคนโปรดปรานของเจ้าคือ ฝูหรง, เหลิ่งเย่, เหอลี่ และหลิงเยี่ยน เจ้าเพิ่งจะไปพักที่ตำหนักของหลิงเยี่ยนมาเมื่อคืนใช่ไหม? เจ้าอยากให้ข้าบอกท่วงท่าที่เจ้าใช้เมื่อคืนไหมล่ะ?”
“ท่านใต้เท้า เหลยกู….เชื่อท่านแล้ว!”
หน้าผากของเหลยกูมีเหงื่ออันเย็นเยียบผุดออกมาอย่างล้นหลามขณะที่ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความอับอาย ใบหน้าชราของเขาแดงเป็นก้นลิงและเขาแทบอยากจะขุดหลุมฝังตัวเองอยู่บนยอดเขานทีสวรรค์ไปเลย เขาหวาดกลัวเอ๋าหลูอย่างสุดหัวใจ
เอ๋าหลูมองเหลยป้านเซียนและพูดว่า “เหลยป้านเซียน เจ้าต้องการให้ข้าบอกทุกคนไหมล่ะว่าเที่ยงคืนก่อนนั้นเจ้าทำอะไรอยู่?”
“ไม่ ไม่จำเป็นเลยขอรับ!”
เหลยป้านเซียนคำนับอย่างรวดเร็วและป้องกำปั้นพร้อมพูดว่า “ท่านใต้เท้าเอ๋าหลูมากสามารถนัก ป้านเซียนเชื่อท่านแล้ว”
ทุกคนเกิดความโกลาหลขึ้น หากเอ๋าหลูรู้แค่ทักษะสูงสุดอันเลื่องชื่อของเหลยกู คงไม่มีใครคิดมากในเรื่องนี้เพราะสายลับของเผ่าปีศาจจากทะเลลึกไร้สิ้นสุดที่ซ่อนอยู่ในเกาะเทพประทานคงมีข้อมูลเรื่องนี้
แต่เอ๋าหลูยังรู้แม้กระทั่งว่าเหลยกูมีสนมกี่คนและแม้แต่ชื่อของคนโปรดปรานของเขา เขายังรู้ด้วยซ้ำว่าเมื่อคืนเหลยกูไปนอนที่ไหนและรู้ว่าเหลยป้านเซียนทำอะไรในตอนกลางคืน นี่คือสิ่งที่สายลับไม่สามารถเสาะหาได้ หากความแข็งแกร่งกึ่งเทพของเหลยป้านเซียนและเหลยกูถูกสายลับสอดแนมอย่างทะลุปรุโปร่งเช่นนี้ พวกเขาคงไม่สามารถเบ่งอำนาจต่อไปได้
มันมีเพียงคำอธิบายเดียวเท่านั้น
นั่นคือเอ๋าหลูมีความสามารถอันทรงพลังที่ทำให้เขามองทะลุดวงจิตวิญญาณ อย่างทักษะวิชาการอ่านใจอันทรงพลัง
ผู้อาวุโสตระกูลซือถู, ตระกูลหวงฝูและคนอื่นๆเองก็มองหน้ากันและตกตะลึงเงียบๆ พวกเขาได้ยินมาว่าความแข็งแกร่งของเอ๋าหลูนั้นมาถึงจุดสูงสุดของกึ่งเทพแล้วและด้อยกว่าจักรพรรดิลี้ลับในอดีตเท่านั้น ดูเหมือนว่าข่าวลือนั้นจะเป็นเรื่องจริง ความสามารถเช่นนี้ทำให้ทุกคนพากันตกตะลึง
ตระกูลเหลยนับไม่ถ้วนพากันก้มหน้าลงและรู้สึกละอายใจมาก ผู้อาวุโสตระกูลพวกเขาถูกฉีกหน้าและเรื่องอื้อฉาวของพวกเขาก็ถูกเปิดเผยต่อหน้าทุกคน มันทำให้พวกเขาเสียหน้ามาก ผู้คนที่อยู่ที่นั่นนับไม่ถ้วนเองต่างก็ก้มหน้าก้มตาและไม่เผยอะไรออกมา แต่จริงๆแล้วพวกเขากลับหัวเราะเยาะอยู่ในใจ เหลยกูอายุแปดสิบเจ็ดปีแล้วแต่ยังมากตัณหาอยู่? เขามีภรรยาและนางสนมมากกว่าหกสิบคนอีก? หอกเก่าของเขายังไม่กลายเป็นเข็มอีกหรือ?
ในทางตรงกันข้าม พวกที่มาจากเผ่าปีศาจต่างพากันหัวเราะเยาะ ส่วนองค์หญิงเชียนเชียนก็ก้มหน้าก้มตาและไม่ได้จับแขนเอ๋าหลูอีก ใบหน้าของนางแดงก่ำไปถึงคอและหลังใบหูของนางด้วย “ในเมื่อทุกคนเชื่อมั่นแล้ว เช่นนั้นเรามาพูดถึงเจียงอี้ เด็กนี่กัน!”
เอ๋าหลูเหลือบมองไปที่เจียงอี้ซึ่งทำให้ร่างกายของเขาสั่นเทาราวกับเอ๋าหลูมองเห็นสิ่งที่อยู่ในใจเขา จากนั้นข้อความที่ส่งมาก็สะท้อนอยู่ในดวงจิตของเจียงอี้ “เจ้าหนู อย่ากังวลไปเลย! ข้าแค่มาเสาะหาความลับของเจ้านิดหน่อย ข้าแค่กำลังหาข้อมูลบางอย่างเท่านั้น”
เจียงอี้ถอนใจอย่างโล่งอกเพราะไม่มีใครยินดีที่จะเผยความลับทั้งหมด เอ๋าหลูชำเลืองมองและพูดอย่างเฉยเมย “เจียงอี้อายุยี่สิบสองปี เกิดในตระกูลเล็กๆในทวีปเทียนชิงและเป็นทายาทสืบตระกูล พ่อเขา เจียงเปี๋ยหลีถูกคนของตระกูลหวู่สังหารไปขณะที่เขาทำลายโถงสาขาในทวีปเทียนชิง เขาหนีออกมาจากทวีปเทียนชิงเมื่อห้าปีก่อนเพราะกลัวจะถูกโถงวรยุทธไล่ตาม เขาสังหารนายน้อยตระกูลถู นามถูรุ่ยในทวีปมนุษย์กลายพันธุ์ไป หลังจากที่เขาเข้าไปในราชวังจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์ลี้ลับบนทวีปเฟยหม่า เขาสังหารผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเทียนจุนจากตระกูลเสียหลังจากออกมาจากราชวัง เพราะเขาได้หญ้ามังกรยาจก วิชาหลีกสวรรค์และเกราะเมฆาอัคคีไป เขาจึงถูกตามล่าโดยตระกูลเสีย, ตระกูลเจี้ยน, ตระกูลถูและตระกูลหวู่ก่อนที่เขาจะเข้ามายังเผ่าเทพประทาน!”
สีหน้าของเอ๋าหลูเริ่มมืดมนหลังจากที่เขาพูดจบ เขากวาดตามองทุกคนและตะโกนออกมาอย่างเย็นชาว่า “คนที่พ่อถูกสังหารโดยตระกูลหวู่และถูกไล่ล่าโดยตระกูลมากมายจะเป็นสายลับของทวีปจักรพรรดิบูรพาหรอ? สมองของพวกเจ้าทั้งหมดถูกประตูหนีบหรือยังไง? เจ้าไม่คอยเลี้ยงผู้มีพรสวรรค์ที่ยอดเยี่ยมเช่นนี้และยังใส่ร้ายว่าเขาเป็นสายลับอีก? คนนับหมื่นจากสามตระกูลยังไม่พอที่จะจัดการเขาได้แถมยังต้องระดมผู้เชี่ยวชาญกึ่งเทพมาอีก? หากบรรพบุรุษของพวกเจ้ารู้เรื่องนี้ พวกเขาคงคลานออกมาจากหลุมศพเพื่อมาฟาดพวกเจ้าจนตายแล้วไหม?”