เพลิงพิโรธสวรรค์ Fury towards the burning heaven - บทที่ 846 ทวีปจิ้งจอกสวรรค์
ครึ่งเดือนผ่านไปเพียงพริบตา เจียงอี้ออกจากสันโดษอย่างตรงเวลาและหลังจากที่ได้สนทนากับเฉียนว่านก้วนแล้ว เขาก็ตัดสินใจออกเดินทาง
เมืองเทพประทานอยู่ในความสงบและสมาคมการค้าก็ได้เริ่มสร้างขึ้นมาใหม่ หลังจากเกิดเหตุการณ์ที่ยอดเขานทีสวรรค์ หลายๆคนก็ไม่กล้ามีปัญหากับกลุ่มเจียงอี้และเฉียนว่านก้วน ปราสาทเจียงกลายเป็นสถานที่ที่ปลอดภัยที่สุดในเผ่าเทพประทาน ดังนั้น เจียงอี้จึงรู้สึกมั่นใจที่จะทิ้งทุกคนไว้ที่นี่
ครั้งนี้ เดิมทีเขาวางแผนที่จะมาคนเดียวเนื่องจากเขาไม่ได้จะมาเที่ยวพักผ่อน แต่เจียงเสี่ยวนู๋ยืนกรานจะออกมาด้วย หลังจากที่พิจารณาจากข้อเท็จจริงที่นางไม่มีศาสตร์ศักดิ์สิทธิ์ขนนกสีหมึกขั้นที่สามและไม่สามารถฝึกฝนได้ เขาก็เลยตกลงให้นางมาด้วย เจียงเสี่ยวนู๋มีบุคลิกที่สันโดษและนอกจากมีสัมพันธ์ที่ดีกับซูรั่วเสวี่ยเล็กน้อยแล้ว นางยังไม่สามารถเข้ากับเฟิ่งหลวน, หยุนเฟยและคนอื่นๆได้ นางไม่มีงานอดิเรกใดๆ และนางจะมีความสุขก็ต่อเมื่อนางติดตามเจียงอี้ แม้ว่าจะไม่มีอะไรให้คุย แต่การได้อยู่ข้างๆเจียงอี้นั้นก็ทำให้นางพอใจแล้ว
การเดินทางไปสู่ใจกลางทะเลลึกไร้สิ้นสุดนั้นเป็นการเดินทางที่ยาวนาน หากไม่ได้เดินทางเร็วอย่างเรือลิขิตสวรรค์ พวกเขาต้องใช้เวลาอยู่หลักเดือน แต่เจียงอี้ไม่จำเป็นต้องคิดเรื่องพวกนี้เลยเพราะเชียนเชียนกล่าวอย่างชัดเจนว่า….เทวาทมิฬพาพวกเขามาได้
เดิมทีเจียงอี้คิดว่าเทวาทมิฬจะแบกพวกเขาแล้วบินไป แต่เขาไม่ได้คาดคิดว่าเมื่อเขามาหาเชียนเชียนที่เรือนรับรองเล็กซือถูและบอกว่าตัวเขาจะออกเดินทางแล้ว เทวาทมิฬก็บินไปบนฟ้าขณะที่ร่างของเขาส่องแสงสีดำและกลายร่างเป็นร่างเดิมซึ่งคือมังกรทมิฬขนาดยักษ์ จากนั้นเขาก็พูดอย่างเย็นชาว่า“ทุกคน ขึ้นมาข้างบน”
ฟรึ่บ!
เชียนเชียนพยักหน้าให้ซือถูอีเนี่ยนก่อนที่นางจะบินขึ้นไปบนหัวของมังกรทมิฬ จากนั้นเจียงอี้และเจียงเสี่ยวนู๋ก็มองหน้ากันอย่างตกตะลึง เทวาทมิฬตนนี้เป็นเจ้าอสูร พวกเขาอาจไม่รู้ความแข็งแกร่งที่แน่ชัดของเขา แต่ก็น่าจะเป็นไปได้สูงที่เขาจะอยู่ขอบเขตกึ่งเทพ แล้วจะให้เขากับเจียงเสี่ยวนู๋เหยียบหัวของเทวาทมิฬได้อย่างไร?
เมื่อเชียนเชียนเห็นเจียงอี้ลังเล นางก็หัวเราะและพูดว่า “เจียงอี้ ไม่เป็นไรหรอก เจ้าช่วยท่านบรรพบุรุษออกมาจากราชวังจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์ลี้ลับ และนั่นเป็นความกตัญญูที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของเผ่าปีศาจแห่งทะเลลึกไร้สิ้นสุด ลุงทมิฬไม่คิดมากหรอก”
ดวงตายักษ์ใหญ่ของเทวาทมิฬมองไปที่เจียงอี้และพูดอย่างเฉยเมยว่า “เร็วเข้า ท่านจักรพรรดิกำลังรอเราอยู่”
“ก็ได้!” เจียงอี้ไม่ได้พยายามที่จะโต้เถียงอีกต่อไปขณะที่เขาอุ้มเจียงเสี่ยวนู๋และพุ่งขึ้นไปบนศีรษะของเทวาทมิฬ เทวาทมิฬกวาดตามองไปยังซือถูอ้าวและปรมาจารย์ตระกูลซือถูซึ่งถือเป็นการอำลา ร่างอันใหญ่โตของเขาหมุนเล็กน้อยก่อนที่จะกลายเป็นภาพหลังและบินขึ้นไปบนฟ้าเหนือเมือง
“เอ๊ะ? นั่นท่านใต้เท้าเทวาทมิฬไม่ใช่หรอ?”
“ใต้เท้าเทวาทมิฬกำลังจะกลับ? องค์หญิงเชียนเชียนกำลังจะกลับไปอีกครั้ง…”
“ไม่สิ ทุกคนดูนั่นเร็ว! มีคนสองคนยืนอยู่ข้างองค์หญิงเชียนเชียน!”
“เจียงอี้ นั่นคือเจียงอี้และน้องสาวของเขา!”
“เหอ…เจียงอี้ขึ้นไปยืนบนหัวของใต้เท้าเทวาทมิฬได้จริงๆ นั่นคือเจ้าอสูรเลยนะ….พวกเขาจะไปยังทะเลลึกไร้สิ้นสุดกันหรือ?” เมื่อเทวาทมิฬกำลังโบยบินขึ้นฟ้า เขาก็ได้รับตความสนใจจากจอมยุทธในเมืองนับไม่ถ้วนทันที เมืองนี้มีชีวิตชีวาขึ้นอีกครั้งขณะที่เจียงอี้กลายเป็นผู้เลื่องชื่อในเมืองและทุกคนก็ให้ความสนใจกับทุกๆการเคลื่อนไหวของเขา
ฟรึ่บ!
เทวาทมิฬเมินเฉยต่อเสียงซุบซิบในเมืองอย่างสิ้นเชิงขณะที่เขาบินขึ้นที่สูงไปพร้อมกับกลิ่นอายที่เปล่งประกาย ในไม่ช้าเขาก็พุ่งออกจากม่านพลังของเมืองเทพประทานไปและมุ่งหน้าไปยังทะเลลึกไร้สิ้นสุด
“เร็วอะไรเช่นนี้!”
เจียงอี้และเจียงเสี่ยวนู๋เห็นเมืองเทพประทานหดลงเหลือขนาดเท่ากำปั้นขณะที่ผู้คนนับไม่ถ้วนกลายเป็นเหมือนมด เมืองเทพประทานค่อยๆห่างออกไปเรื่อยๆและในชั่วพริบตา พวกเขาก็มองไม่เห็นเมืองเทพประทานอีกต่อไป ทั้งคู่ต่างตกตะลึงอย่างเงียบๆขณะที่พวกเขามั่นใจแล้วว่าความแข็งแกร่งของเทวาทมิฬนั่นอยู่ขอบเขตกึ่งเทพอย่างแน่นอนเนื่องจากความเร็วของเขาเร็วกว่าขอบเขตเทียนจุนขั้นสูงสุดอย่างน้อยหลายเท่า
เจียงอี้ยืนอยู่บนร่างของเทวาทมิฬโดยไม่รู้สึกถึงกลิ่นอายความแข็งแกร่งใดๆหรือพายุใดๆเลย ร่างของเทวาทมิฬนั้นไม่ได้ส่องแสงม่านพลังใดๆ ทำให้มันดูลึกลับมาก เจียงอี้มองไปรอบๆครู่หนึ่งแล้วถามเชียนเชียนด้วยความสงสัยว่า “องค์หญิงเชียนเชียน ด้วยความเร็วเช่นนี้ เราจะไปถึงตำหนักซวนหวู่เมื่อใดกัน?”
“สิบวัน!”
เชียนเชียนยิ้มกว้างและตอบอย่างสุภาพว่า “เจียงอี้ เรียกข้าว่าเชียนเชียนก็ได้ เชียนเชียนซาบซึ้งมากที่เจ้าช่วยชีวิตท่านบรรพบุรุษ หากเจ้ายังเรียกข้าว่าองค์หญิงหรืออะไรก็ตาม เชียนเชียนคงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากพูดกับเจ้าในฐานะนายน้อยเจียงอี้”
“อย่าเลย แค่เรียกข้าว่าเจียงอี้เถอะ”
เจียงอี้หัวเราะอย่างขมขื่นและถามด้วยความสงสัยอีกครั้ง “เชียนเชียน เจ้าเป็นสายเลือดเดียวกันกับใต้เท้าเอ๋าหลูหรือ? เจ้าเป็นเผ่าพันธุ์อะไรกัน?”
เชียนเชียนยิ้มแล้วอธิบายว่า “ใช่แล้ว เรามาจากเผ่าพันธุ์เต่าทมิฬ แต่เมื่อเราแปลงร่าง ข้ารู้สึกว่าข้าไม่ได้ต่างจากมนุษย์เลย ข้าเป็นเพียงเชียนเชียน เจียงอี้ เจ้าคงไม่คิดรังเกียจข้าเพียงเพราะข้าเป็นเผ่าพันธุ์ปีศาจหรอกใช่ไหม?”
“ทำไมถึงต้องเป็นเช่นนั้นล่ะ?”
เจียงอี้ตอบอย่างจริงใจว่า “อันที่จริงแล้ว ตอนที่ข้าอายุได้สิบหกปี ข้าได้รู้จักกับจิ้งจอกน้อยตนหนึ่งและกลายเป็นสหายของมัน ส่วนสัตว์อสูรหยาจื้อนั้นอาจเป็นเพียงแค่ราชันอสูรที่ไม่สามารถแปลงกายได้ แต่ข้าปฏิบัติต่อเขาในฐานะสหายเสมอ มังกรวารีสีทองเองก็เช่นกัน ข้ารู้สึกว่าตราบใดที่สัตว์อสูรมีเชาว์ปัญญา พวกเขาก็ไม่ได้ต่างจากมนุษย์เลย และตราบใดที่เผ่าพันธุ์อสูรปีศาจแปลงกาย พวกเขาเองก็จะเป็นร่างมนุษย์และเรามีฐานะเท่าเทียมกันในใจข้านั้น เชียนเชียนเองก็เป็นแม่นางที่น่ารักเสมอมา!”
เชียนเชียนกระพริบตาโตๆของนางและจ้องไปที่เจียงอี้ครู่หนึ่งก่อนที่จะพูดด้วยความกตัญญู “ขอบใจนะเจียงอี้ คำพูดของเจ้าจริงใจนัก เจ้าคือมนุษย์คนแรกที่ปฏิบัติต่อเผ่าพันธุ์ของเราเยี่ยงสหายอย่างแท้จริง!”
“ฮ่าฮ่า!”
เจียงอี้หัวเราะและพูดว่า “สิ่งมีชีวิตทั้งหมดมีจิตวิญญาณ และสิ่งมีชีวิตทั้งหมดล้วนมีทั้งดีและไม่ดี เผ่าพันธุ์มนุษย์เองก็มีคนชั่วมากมายเหมือนกันไม่ใช่หรือ? มันก็หมายความว่าไม่ใช่ว่าทุกเผ่าพันธุ์อสูรปีศาจจะไม่ดีเหมือนกัน อย่างเชียนเชียนเองก็เป็นหญิงที่จิตใจดีมาก ยามที่จิ้งจอกน้อยวิวัฒนาการและแปลงกายเป็นมนุษย์ได้ ข้าว่าพวกเจ้าทั้งสองน่าจะเป็นสหายที่ดีต่อกันอย่างแน่นอน”
“โอ้ ใช่แล้ว!”
เมื่อพูดถึงจิ้งจอกน้อย เจียงอี้ก็นึกบางอย่างได้ขณะที่เขาคิดถึงจักรพรรดินีสัตว์อสูร หวงฝูเทาเทียนและคนอื่นๆไม่รู้จักทวีปจิ้งจอกสวรรค์ แต่เนื่องจากเชียนเชียนเป็นองค์หญิงแห่งทะเลลึกไร้สิ้นสุด นางน่าจะรู้เรื่องนี้ เขาจึงรีบถามว่า “เชียนเชียน เจ้ารู้จักทวีปจิ้งจอกสวรรค์หรือไม่? ทวีปนั้นเต็มไปด้วยเผ่าพันธุ์จิ้งจอกสวรรค์”
“ทวีปจิ้งจอกสวรรค์?”
เชียนเชียนขมวดคิ้วแล้วครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะส่ายหัวและตอบว่า “ข้าต้องกลับไปตรวจสอบข้อมูลก่อน”
“ไม่ต้องไปตรวจหรอก”
มังกรทมิฬเบื้องล่างยิ้มและพูดอย่างเฉยเมย “ทวีปจิ้งจอกสวรรค์อยู่ทางเหนือของทะเลลึกไร้สิ้นสุดและมันเป็นทวีปเล็กๆ เชียนเชียน เจ้าอาจไม่รู้ แต่ข้าเคยไปที่นั่นมาแล้วครั้งหนึ่ง”
“หืม?”
ดวงตาของเจียงอี้และเจียงเสี่ยวนู๋เป็นประกาย จักรพรรดินีสัตว์อสูรปฏิบัติต่อพวกเขาอย่างดีและนางบอกว่านางกำลังจะกลับไปแก้แค้น เจียงอี้ต้องการค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับนางและดูว่าเขาจะช่วยนางได้บ้างหรือไม่
ในอดีต ความแข็งแกร่งของเขานั้นอ่อนแอและเขาไม่สามารถช่วยได้แม้ว่าเขาจะรู้อะไรก็ตาม แต่ตอนนี้ เจียงอี้และเจียงเสี่ยวนู๋อยู่ที่ขอบเขตเทียนจุนแล้ว และมันเป็นเรื่องธรรมดาที่พวกเขาอยากจะหาทางช่วยจักรพรรดินีเนื่องจากเสี่ยวเฟยจะได้ไม่ต้องสูญเสียแม่ของนางไป
เจียงอี้ถามด้วยน้ำเสียงจริงจังว่า “ท่านใต้เท้าเทวาทมิฬ ทวีปจิ้งจอกสวรรค์อยู่ไกลจากที่นี่หรือไม่ เราสามารถจะไปที่นั่นก่อนไปที่ตำหนักซวนหวู่ได้ไหม?”
“ฮึ่ม?”
เทวาทมิฬเปล่งเสียงไม่พอใจเล็กน้อยและไม่ได้ตอบสนองใดๆขณะที่เชียนเชียนขมวดคิ้วขึ้น เนื่องจากเอ๋าหลูอยากให้เจียงอี้เร่งรีบไปที่นั่นภายในหนึ่งเดือน มันจึงต้องมีบางสิ่งที่สำคัญ หากพวกเขาไปยังทวีปจิ้งจอกสวรรค์ พวกเขาก็ยังต้องใช้เวลาครึ่งเดือนแม้ว่าจะเป็นความเร็วของเทวาทมิฬก็ตาม ซึ่งนั่นหมายความมันจะล่าช้าได้
เมื่อเห็นใบหน้าที่มีหวังของเจียงอี้ เชียนเชียนก็กัดริมฝีปากของนางและพูดว่า “ข้าจะลองส่งข้อความถึงท่านบรรพบุรุษก่อน หากท่านบรรพบุรุษตกลง เราจะเดินทางไปยังทวีปจิ้งจอกสวรรค์”
เชียนเชียนหยิบป้ายสีน้ำเงินออกมาซึ่งมันต่างจากป้ายที่เฉียนว่านก้วนใช้ มันไม่มีอักขระใดๆและเป็นเพียงแสงสีฟ้าที่ส่องสว่าง เมื่อผ่านไปครู่หนึ่งก็มีแสงสีฟ้าสว่างขึ้นมาอีกครั้ง จากนั้นเชียนเชียนก็เหลือบมองและพยักหน้า “ท่านบรรพบุรุษบอกว่าให้เรารีบไปและรีบกลับมา! ลุงทมิฬ เปลี่ยนทิศทางเลย!”
“โอ้!”
เทวาทมิฬตอบด้วยน้ำเสียงไม่พอใจเล็กน้อยในขณะที่เขาหันหลังและบินไปทางตะวันออกเฉียงเหนือและเพิ่มความเร็วของเขา ด้านเจียงอี้และเจียงเสี่ยวนู๋ก็มีความสุขมาก ด้วยบุคคลทั้งสองที่น่าทึ่งของเผ่าพันธุ์ปีศาจ มันคงไม่เป็นปัญหาที่จะทำลายทวีปจิ้งจอกสวรรค์ให้ราบเป็นหน้ากลอง อย่างไรก็ตาม พวกเขาไม่รู้ว่า…จักรพรรดินีสัตว์อสูรยังมีชีวิตอยู่หรือไม่
เมืองเทพประทานอยู่ในความสงบและสมาคมการค้าก็ได้เริ่มสร้างขึ้นมาใหม่ หลังจากเกิดเหตุการณ์ที่ยอดเขานทีสวรรค์ หลายๆคนก็ไม่กล้ามีปัญหากับกลุ่มเจียงอี้และเฉียนว่านก้วน ปราสาทเจียงกลายเป็นสถานที่ที่ปลอดภัยที่สุดในเผ่าเทพประทาน ดังนั้น เจียงอี้จึงรู้สึกมั่นใจที่จะทิ้งทุกคนไว้ที่นี่
ครั้งนี้ เดิมทีเขาวางแผนที่จะมาคนเดียวเนื่องจากเขาไม่ได้จะมาเที่ยวพักผ่อน แต่เจียงเสี่ยวนู๋ยืนกรานจะออกมาด้วย หลังจากที่พิจารณาจากข้อเท็จจริงที่นางไม่มีศาสตร์ศักดิ์สิทธิ์ขนนกสีหมึกขั้นที่สามและไม่สามารถฝึกฝนได้ เขาก็เลยตกลงให้นางมาด้วย เจียงเสี่ยวนู๋มีบุคลิกที่สันโดษและนอกจากมีสัมพันธ์ที่ดีกับซูรั่วเสวี่ยเล็กน้อยแล้ว นางยังไม่สามารถเข้ากับเฟิ่งหลวน, หยุนเฟยและคนอื่นๆได้ นางไม่มีงานอดิเรกใดๆ และนางจะมีความสุขก็ต่อเมื่อนางติดตามเจียงอี้ แม้ว่าจะไม่มีอะไรให้คุย แต่การได้อยู่ข้างๆเจียงอี้นั้นก็ทำให้นางพอใจแล้ว
การเดินทางไปสู่ใจกลางทะเลลึกไร้สิ้นสุดนั้นเป็นการเดินทางที่ยาวนาน หากไม่ได้เดินทางเร็วอย่างเรือลิขิตสวรรค์ พวกเขาต้องใช้เวลาอยู่หลักเดือน แต่เจียงอี้ไม่จำเป็นต้องคิดเรื่องพวกนี้เลยเพราะเชียนเชียนกล่าวอย่างชัดเจนว่า….เทวาทมิฬพาพวกเขามาได้
เดิมทีเจียงอี้คิดว่าเทวาทมิฬจะแบกพวกเขาแล้วบินไป แต่เขาไม่ได้คาดคิดว่าเมื่อเขามาหาเชียนเชียนที่เรือนรับรองเล็กซือถูและบอกว่าตัวเขาจะออกเดินทางแล้ว เทวาทมิฬก็บินไปบนฟ้าขณะที่ร่างของเขาส่องแสงสีดำและกลายร่างเป็นร่างเดิมซึ่งคือมังกรทมิฬขนาดยักษ์ จากนั้นเขาก็พูดอย่างเย็นชาว่า“ทุกคน ขึ้นมาข้างบน”
ฟรึ่บ!
เชียนเชียนพยักหน้าให้ซือถูอีเนี่ยนก่อนที่นางจะบินขึ้นไปบนหัวของมังกรทมิฬ จากนั้นเจียงอี้และเจียงเสี่ยวนู๋ก็มองหน้ากันอย่างตกตะลึง เทวาทมิฬตนนี้เป็นเจ้าอสูร พวกเขาอาจไม่รู้ความแข็งแกร่งที่แน่ชัดของเขา แต่ก็น่าจะเป็นไปได้สูงที่เขาจะอยู่ขอบเขตกึ่งเทพ แล้วจะให้เขากับเจียงเสี่ยวนู๋เหยียบหัวของเทวาทมิฬได้อย่างไร?
เมื่อเชียนเชียนเห็นเจียงอี้ลังเล นางก็หัวเราะและพูดว่า “เจียงอี้ ไม่เป็นไรหรอก เจ้าช่วยท่านบรรพบุรุษออกมาจากราชวังจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์ลี้ลับ และนั่นเป็นความกตัญญูที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของเผ่าปีศาจแห่งทะเลลึกไร้สิ้นสุด ลุงทมิฬไม่คิดมากหรอก”
ดวงตายักษ์ใหญ่ของเทวาทมิฬมองไปที่เจียงอี้และพูดอย่างเฉยเมยว่า “เร็วเข้า ท่านจักรพรรดิกำลังรอเราอยู่”
“ก็ได้!” เจียงอี้ไม่ได้พยายามที่จะโต้เถียงอีกต่อไปขณะที่เขาอุ้มเจียงเสี่ยวนู๋และพุ่งขึ้นไปบนศีรษะของเทวาทมิฬ เทวาทมิฬกวาดตามองไปยังซือถูอ้าวและปรมาจารย์ตระกูลซือถูซึ่งถือเป็นการอำลา ร่างอันใหญ่โตของเขาหมุนเล็กน้อยก่อนที่จะกลายเป็นภาพหลังและบินขึ้นไปบนฟ้าเหนือเมือง
“เอ๊ะ? นั่นท่านใต้เท้าเทวาทมิฬไม่ใช่หรอ?”
“ใต้เท้าเทวาทมิฬกำลังจะกลับ? องค์หญิงเชียนเชียนกำลังจะกลับไปอีกครั้ง…”
“ไม่สิ ทุกคนดูนั่นเร็ว! มีคนสองคนยืนอยู่ข้างองค์หญิงเชียนเชียน!”
“เจียงอี้ นั่นคือเจียงอี้และน้องสาวของเขา!”
“เหอ…เจียงอี้ขึ้นไปยืนบนหัวของใต้เท้าเทวาทมิฬได้จริงๆ นั่นคือเจ้าอสูรเลยนะ….พวกเขาจะไปยังทะเลลึกไร้สิ้นสุดกันหรือ?” เมื่อเทวาทมิฬกำลังโบยบินขึ้นฟ้า เขาก็ได้รับตความสนใจจากจอมยุทธในเมืองนับไม่ถ้วนทันที เมืองนี้มีชีวิตชีวาขึ้นอีกครั้งขณะที่เจียงอี้กลายเป็นผู้เลื่องชื่อในเมืองและทุกคนก็ให้ความสนใจกับทุกๆการเคลื่อนไหวของเขา
ฟรึ่บ!
เทวาทมิฬเมินเฉยต่อเสียงซุบซิบในเมืองอย่างสิ้นเชิงขณะที่เขาบินขึ้นที่สูงไปพร้อมกับกลิ่นอายที่เปล่งประกาย ในไม่ช้าเขาก็พุ่งออกจากม่านพลังของเมืองเทพประทานไปและมุ่งหน้าไปยังทะเลลึกไร้สิ้นสุด
“เร็วอะไรเช่นนี้!”
เจียงอี้และเจียงเสี่ยวนู๋เห็นเมืองเทพประทานหดลงเหลือขนาดเท่ากำปั้นขณะที่ผู้คนนับไม่ถ้วนกลายเป็นเหมือนมด เมืองเทพประทานค่อยๆห่างออกไปเรื่อยๆและในชั่วพริบตา พวกเขาก็มองไม่เห็นเมืองเทพประทานอีกต่อไป ทั้งคู่ต่างตกตะลึงอย่างเงียบๆขณะที่พวกเขามั่นใจแล้วว่าความแข็งแกร่งของเทวาทมิฬนั่นอยู่ขอบเขตกึ่งเทพอย่างแน่นอนเนื่องจากความเร็วของเขาเร็วกว่าขอบเขตเทียนจุนขั้นสูงสุดอย่างน้อยหลายเท่า
เจียงอี้ยืนอยู่บนร่างของเทวาทมิฬโดยไม่รู้สึกถึงกลิ่นอายความแข็งแกร่งใดๆหรือพายุใดๆเลย ร่างของเทวาทมิฬนั้นไม่ได้ส่องแสงม่านพลังใดๆ ทำให้มันดูลึกลับมาก เจียงอี้มองไปรอบๆครู่หนึ่งแล้วถามเชียนเชียนด้วยความสงสัยว่า “องค์หญิงเชียนเชียน ด้วยความเร็วเช่นนี้ เราจะไปถึงตำหนักซวนหวู่เมื่อใดกัน?”
“สิบวัน!”
เชียนเชียนยิ้มกว้างและตอบอย่างสุภาพว่า “เจียงอี้ เรียกข้าว่าเชียนเชียนก็ได้ เชียนเชียนซาบซึ้งมากที่เจ้าช่วยชีวิตท่านบรรพบุรุษ หากเจ้ายังเรียกข้าว่าองค์หญิงหรืออะไรก็ตาม เชียนเชียนคงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากพูดกับเจ้าในฐานะนายน้อยเจียงอี้”
“อย่าเลย แค่เรียกข้าว่าเจียงอี้เถอะ”
เจียงอี้หัวเราะอย่างขมขื่นและถามด้วยความสงสัยอีกครั้ง “เชียนเชียน เจ้าเป็นสายเลือดเดียวกันกับใต้เท้าเอ๋าหลูหรือ? เจ้าเป็นเผ่าพันธุ์อะไรกัน?”
เชียนเชียนยิ้มแล้วอธิบายว่า “ใช่แล้ว เรามาจากเผ่าพันธุ์เต่าทมิฬ แต่เมื่อเราแปลงร่าง ข้ารู้สึกว่าข้าไม่ได้ต่างจากมนุษย์เลย ข้าเป็นเพียงเชียนเชียน เจียงอี้ เจ้าคงไม่คิดรังเกียจข้าเพียงเพราะข้าเป็นเผ่าพันธุ์ปีศาจหรอกใช่ไหม?”
“ทำไมถึงต้องเป็นเช่นนั้นล่ะ?”
เจียงอี้ตอบอย่างจริงใจว่า “อันที่จริงแล้ว ตอนที่ข้าอายุได้สิบหกปี ข้าได้รู้จักกับจิ้งจอกน้อยตนหนึ่งและกลายเป็นสหายของมัน ส่วนสัตว์อสูรหยาจื้อนั้นอาจเป็นเพียงแค่ราชันอสูรที่ไม่สามารถแปลงกายได้ แต่ข้าปฏิบัติต่อเขาในฐานะสหายเสมอ มังกรวารีสีทองเองก็เช่นกัน ข้ารู้สึกว่าตราบใดที่สัตว์อสูรมีเชาว์ปัญญา พวกเขาก็ไม่ได้ต่างจากมนุษย์เลย และตราบใดที่เผ่าพันธุ์อสูรปีศาจแปลงกาย พวกเขาเองก็จะเป็นร่างมนุษย์และเรามีฐานะเท่าเทียมกันในใจข้านั้น เชียนเชียนเองก็เป็นแม่นางที่น่ารักเสมอมา!”
เชียนเชียนกระพริบตาโตๆของนางและจ้องไปที่เจียงอี้ครู่หนึ่งก่อนที่จะพูดด้วยความกตัญญู “ขอบใจนะเจียงอี้ คำพูดของเจ้าจริงใจนัก เจ้าคือมนุษย์คนแรกที่ปฏิบัติต่อเผ่าพันธุ์ของเราเยี่ยงสหายอย่างแท้จริง!”
“ฮ่าฮ่า!”
เจียงอี้หัวเราะและพูดว่า “สิ่งมีชีวิตทั้งหมดมีจิตวิญญาณ และสิ่งมีชีวิตทั้งหมดล้วนมีทั้งดีและไม่ดี เผ่าพันธุ์มนุษย์เองก็มีคนชั่วมากมายเหมือนกันไม่ใช่หรือ? มันก็หมายความว่าไม่ใช่ว่าทุกเผ่าพันธุ์อสูรปีศาจจะไม่ดีเหมือนกัน อย่างเชียนเชียนเองก็เป็นหญิงที่จิตใจดีมาก ยามที่จิ้งจอกน้อยวิวัฒนาการและแปลงกายเป็นมนุษย์ได้ ข้าว่าพวกเจ้าทั้งสองน่าจะเป็นสหายที่ดีต่อกันอย่างแน่นอน”
“โอ้ ใช่แล้ว!”
เมื่อพูดถึงจิ้งจอกน้อย เจียงอี้ก็นึกบางอย่างได้ขณะที่เขาคิดถึงจักรพรรดินีสัตว์อสูร หวงฝูเทาเทียนและคนอื่นๆไม่รู้จักทวีปจิ้งจอกสวรรค์ แต่เนื่องจากเชียนเชียนเป็นองค์หญิงแห่งทะเลลึกไร้สิ้นสุด นางน่าจะรู้เรื่องนี้ เขาจึงรีบถามว่า “เชียนเชียน เจ้ารู้จักทวีปจิ้งจอกสวรรค์หรือไม่? ทวีปนั้นเต็มไปด้วยเผ่าพันธุ์จิ้งจอกสวรรค์”
“ทวีปจิ้งจอกสวรรค์?”
เชียนเชียนขมวดคิ้วแล้วครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะส่ายหัวและตอบว่า “ข้าต้องกลับไปตรวจสอบข้อมูลก่อน”
“ไม่ต้องไปตรวจหรอก”
มังกรทมิฬเบื้องล่างยิ้มและพูดอย่างเฉยเมย “ทวีปจิ้งจอกสวรรค์อยู่ทางเหนือของทะเลลึกไร้สิ้นสุดและมันเป็นทวีปเล็กๆ เชียนเชียน เจ้าอาจไม่รู้ แต่ข้าเคยไปที่นั่นมาแล้วครั้งหนึ่ง”
“หืม?”
ดวงตาของเจียงอี้และเจียงเสี่ยวนู๋เป็นประกาย จักรพรรดินีสัตว์อสูรปฏิบัติต่อพวกเขาอย่างดีและนางบอกว่านางกำลังจะกลับไปแก้แค้น เจียงอี้ต้องการค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับนางและดูว่าเขาจะช่วยนางได้บ้างหรือไม่
ในอดีต ความแข็งแกร่งของเขานั้นอ่อนแอและเขาไม่สามารถช่วยได้แม้ว่าเขาจะรู้อะไรก็ตาม แต่ตอนนี้ เจียงอี้และเจียงเสี่ยวนู๋อยู่ที่ขอบเขตเทียนจุนแล้ว และมันเป็นเรื่องธรรมดาที่พวกเขาอยากจะหาทางช่วยจักรพรรดินีเนื่องจากเสี่ยวเฟยจะได้ไม่ต้องสูญเสียแม่ของนางไป
เจียงอี้ถามด้วยน้ำเสียงจริงจังว่า “ท่านใต้เท้าเทวาทมิฬ ทวีปจิ้งจอกสวรรค์อยู่ไกลจากที่นี่หรือไม่ เราสามารถจะไปที่นั่นก่อนไปที่ตำหนักซวนหวู่ได้ไหม?”
“ฮึ่ม?”
เทวาทมิฬเปล่งเสียงไม่พอใจเล็กน้อยและไม่ได้ตอบสนองใดๆขณะที่เชียนเชียนขมวดคิ้วขึ้น เนื่องจากเอ๋าหลูอยากให้เจียงอี้เร่งรีบไปที่นั่นภายในหนึ่งเดือน มันจึงต้องมีบางสิ่งที่สำคัญ หากพวกเขาไปยังทวีปจิ้งจอกสวรรค์ พวกเขาก็ยังต้องใช้เวลาครึ่งเดือนแม้ว่าจะเป็นความเร็วของเทวาทมิฬก็ตาม ซึ่งนั่นหมายความมันจะล่าช้าได้
เมื่อเห็นใบหน้าที่มีหวังของเจียงอี้ เชียนเชียนก็กัดริมฝีปากของนางและพูดว่า “ข้าจะลองส่งข้อความถึงท่านบรรพบุรุษก่อน หากท่านบรรพบุรุษตกลง เราจะเดินทางไปยังทวีปจิ้งจอกสวรรค์”
เชียนเชียนหยิบป้ายสีน้ำเงินออกมาซึ่งมันต่างจากป้ายที่เฉียนว่านก้วนใช้ มันไม่มีอักขระใดๆและเป็นเพียงแสงสีฟ้าที่ส่องสว่าง เมื่อผ่านไปครู่หนึ่งก็มีแสงสีฟ้าสว่างขึ้นมาอีกครั้ง จากนั้นเชียนเชียนก็เหลือบมองและพยักหน้า “ท่านบรรพบุรุษบอกว่าให้เรารีบไปและรีบกลับมา! ลุงทมิฬ เปลี่ยนทิศทางเลย!”
“โอ้!”
เทวาทมิฬตอบด้วยน้ำเสียงไม่พอใจเล็กน้อยในขณะที่เขาหันหลังและบินไปทางตะวันออกเฉียงเหนือและเพิ่มความเร็วของเขา ด้านเจียงอี้และเจียงเสี่ยวนู๋ก็มีความสุขมาก ด้วยบุคคลทั้งสองที่น่าทึ่งของเผ่าพันธุ์ปีศาจ มันคงไม่เป็นปัญหาที่จะทำลายทวีปจิ้งจอกสวรรค์ให้ราบเป็นหน้ากลอง อย่างไรก็ตาม พวกเขาไม่รู้ว่า…จักรพรรดินีสัตว์อสูรยังมีชีวิตอยู่หรือไม่