เพลิงพิโรธสวรรค์ Fury towards the burning heaven - บทที่ 849 ทั่วป๋าหนิง
จักรพรรดิเผ่าพันธุ์จิ้งจอกขาวมาถึงอย่างรวดเร็ว เจียงอี้และคนอื่นๆต่างประหลาดใจเพราะว่าแท้จริงแล้ว จักรพรรดิเป็นหญิงสาวที่ดูดีและโดดเด่นซึ่งอายุเพียงยี่สิบปีเท่านั้น เมื่อคิดถึงความจริงที่ว่าจักรพรรดินีสัตว์อสูรมีอายุกว่าสองพันปีแล้วและยังคงเป็นหญิงทรงเสน่ห์และการที่ได้เห็นว่าผู้คนในเมืองนี้ต่างก็ดูดี เจียงอี้และเจียงเสี่ยวนู๋จึงเข้าใจทุกอย่าง ดูเหมือนว่าเผ่าพันธุ์จิ้งจอกสวรรค์นั้นจะดูอ่อนเยาว์โดยกำเนิดเลย
ข้าผู้นี้มีนามว่า ทั่วป๋าฉิน คารวะท่านใต้เท้าเทวาทมิฬ องค์หญิงเชียนเชียน นายน้อยและคุณหนูทั้งสอง
จักรพรรดินีเผ่าพันธุ์จิ้งจอกขาวยิ้ม นางมีความแข็งแกร่งที่เจียงอี้ไม่สามารถวัดได้และนางก็จำเทวาทมิฬและเชียนเชียนได้ เทวาทมิฬเหลือบมองนางเล็กน้อยและพยักหน้าขณะพูดว่า ข้าเคยเห็นเจ้ามาก่อน ตอนที่มหาจักรพรรดิกลับมา เจ้าไปยังตำหนักซวนหวู่มาก่อนใช่ไหม?
ความทรงจำของท่านใต้เท้าเทวาทมิฬช่างยอดเยี่ยมนัก!
ทั่วป๋าฉินพยักหน้าขณะที่เชียนเชียนเองก็จำนางได้เช่นกัน นางพยักหน้าและพูดว่า อืม ข้าก็ประทับใจเช่นกัน ดูเหมือนจะมีอีกคนไปกับเจ้าใช่ไหม?
ทั่วป๋าฉินตอบว่า ใช่แล้ว องค์หญิงเชียนเชียน จักรพรรดิเผ่าพันธุ์จิ้งจอกฟ้าเองก็ไปด้วย
เอาล่ะ หยุดพูดไร้สาระได้แล้ว เริ่มตามหาคนกัน! เทวาทมิฬพูดด้วยความหงุดหงิดเล็กน้อย
จักรพรรดินีเผ่าจิ้งจอกขาวกวักมือและสั่งทั่วป๋าหลินที่อยู่ข้างหลังนาง ส่งข้อความให้คนทั้งเผ่าออกตามหา น้าหงและทั่วป๋าหลิน เจ้าทั้งสองคอยรับผิดชอบเรื่องนี้อย่างเต็มที่ด้วย พวกเจ้าต้องหาตัวนางให้พบให้เร็วที่สุด! เจ้าค่ะ!
หญิงวัยกลางคนและทั่วป๋าหลินออกไปอย่างรวดเร็วขณะที่หัวหน้าเผ่าและผู้อาวุโสของเผ่าจิ้งจอกขาวหลายร้อยตนกำลังรอคำสั่งอยู่ ด้วยคำสั่งเดียว พวกเขาทั้งหมดกระจายกันออกไปและเปิดใช้ค่ายกลสื่อสารลับ จากนั้นสมาชิกทั้งหมดของเผ่าพันธุ์จิ้งจอกขาวก็ระดมกำลังมาเพื่อตามหาจักรพรรดินีสัตว์อสูรทันที
ข้อมูลเกี่ยวกับจักรพรรดินีน้อยนิดอย่างน่าสังเวช เจียงอี้ได้บอกทุกอย่างที่เขารู้แล้ว แต่มันก็ยังไม่เพียงพอ เผ่าพันธุ์จิ้งจอกขาวมีหลายร้อยเผ่าและทุกเผ่าพันธุ์นั้นมีเป็นพันๆสายเลือด ในขณะที่ทุกสายเลือดนั้นก็มีสายเลือดสาขาของตนเอง หากจักรพรรดินีเผ่าพันธุ์จิ้งจอกขาวไม่ได้อยู่ที่นี่และหากเจียงอี้ต้องตรวจสอบด้วยตัวเอง พวกเขาอาจใช้เวลามากกว่าห้าปีและอาจจะยังหาไม่เจอด้วย
จากนั้นทั่วป๋าฉินก็คอยรับใช้เทวาทมิฬและเชียนเชียน เจียงอี้เองก็รู้ว่ากังวลไปก็ไม่ได้อะไรและทำอะไรไม่ได้นอกจากนั่งเงียบๆ อย่างไรก็ตาม การค้นหานั้นเป็นไปอย่างรวดเร็วขณะที่มีรายงานเข้ามาเรื่อยๆหลังจากผ่านไปสี่ชั่วโมง สายเลือดที่อยู่ใกล้ๆนี้ถูกค้นหาหมดแล้วและมันไม่มีข้อมูลใดเกี่ยวกับจักรพรรดินีสัตว์อสูรเลย
โอ้ใช่แล้ว!
หลังจากที่เจียงอี้ฟังรายงานหลายเชื้อสายแล้ว เขาก็ตบหัวของเขาแล้วพูดว่า ข้าสามารถวาดภาพเหมือนของจักรพรรดินีสัตว์อสูรได้ จักรพรรดินีฉิน เจ้าสามารถใช้ภาพวาดนี้ไปสอบถามรอบๆได้
ดีเลย!
ทั่วป๋าฉินได้ยินดังนั้นก็ยิ้มแย้มในทันที ปกติแล้วเผ่าพันธุ์อสูรจะยังคงร่างเดิมหลังจากที่แปลงกายแล้ว พวกเขาทั้งหมดอาจคล้ายคลึงกัน แต่จะมีความต่างเล็กน้อยเมื่อดูอย่างรอบคอบ และมันจะทำให้ทุกอย่างง่ายขึ้นมากเมื่อมีภาพผู้นั้น
แหวนห้วงมิติของเจียงอี้มีกระดาษและพู่กันอยู่ ซึ่งเขาหยิบมันออกมาอย่างรวดเร็วและเริ่มวาดภาพเหมือนของจักรพรรดินีสัตว์อสูรตามความทรงจำของเขาทันที
ฝีมือการวาดภาพของเจียงอี้นั้นไม่ธรรมดาและเหนือกว่าเฟิ่งหลวน เพียงไม่กี่พริบตา หญิงงามก็ถูกวาดลงบนกระดาษ เจียงอี้ไม่ได้วาดอะไรมากมายขณะที่เขาเพียงแค่วาดใบหน้าของนาง จากนั้นดวงตาของเชียนเชียนก็เป็นประกายขณะที่นางรู้สึกเกรงกลัวฝีมือการวาดภาพของเจียงอี้
หนึ่งภาพ, สองภาพ…..ร้อยภาพ!
ความเร็วในการวาดภาพของเจียงอี้ไวมากและเขาก็วาดภาพได้หนึ่งร้อยภาพในเวลาเพียงสองชั่วโมง ทั่วป๋าฉินให้คนของนางส่งมันไปยังเผ่าพันธุ์จิ้งจอกขาวอย่างรวดเร็ว และหลังจากที่คนจดจำมันได้แล้ว พวกเขาก็จะไปตามหาข้อมูลของจักรพรรดินีสัตว์อสูร
เจียงอี้ยังคงวาดภาพต่อทั้งวันและจะหยุดก็ต่อเมื่อเขาวาดภาพเหมือนครบพันภาพแล้วเท่านั้น เชียนเชียน, เทวาทมิฬและคนอื่นๆต่างถอนหายใจและชื่นชมเพราะทุกภาพวาดนั้นแทบจะเหมือนกันหมดและเอกลักษณ์ของจักรพรรดินีสัตว์อสูรถูกวาดไว้อย่างชัดเจน แม้แต่รอยยิ้มเล็กน้อยที่มุมปากเองก็ยังเห็นได้อย่างชัดเจน
รายงาน…
รายงานกลับมาอย่างต่อเนื่องในวันนี้ เนื่องจากทุกตระกูลและทุกสายเลือดนั้นถูกค้นหาแล้ว ด้านเจียงอี้และคนอื่นๆรู้สึกผิดหวังเนื่องจากมันไม่มีข้อมูลใดๆเกี่ยวกับจักรพรรดินีสัตว์อสูรเลย
รายงาน!
ครึ่งวันต่อมา ผู้อาวุโสผู้หนึ่งเดินเข้ามาอย่างเร่งรีบและพูดด้วยน้ำเสียงจริงจังว่า เราพบข่าวแล้ว ผู้อาวุโสหลงเพิ่งส่งข้อความมาบอกว่ามีกลุ่มคนที่เคยเห็นจักรพรรดินีสัตว์อสูรมาก่อนและพบเชื้อสายของนางด้วย อย่างไรก็ตาม เชื้อสายของนางถูกเชื้อสายอื่นกำจัดไปและพวกเขาก็ยังหาจักรพรรดินีสัตว์อสูรไม่พบ หืม?
ดวงตาของเจียงอี้เปล่งประกายด้วยความเย็นชาขณะที่เทวาทมิฬเองก็เหลือบมองทั่วป๋าฉินอย่างเย็นชา ฝ่ายหลังจึงรีบลุกขึ้นและพูดว่า ไปเมืองหลงกันและให้ตัวหลงจับเชื้อสายที่กำจัดเชื้อสายนาง เราจะสอบปากคำพวกเขา หากข้อมูลไม่ครบถ้วนก็ให้ตัวหลงไปรับโทษตามกฎ
ทั่วป๋าฉินพูดมาเช่นนี้แล้ว มันก็คงจะไม่ดีที่เทวาทมิฬจะโกรธเคือง ทุกๆคนทะยานขึ้นไปบนฟ้านอกเมืองทันที พวกเขาพากันบินไปยังเมืองหลงโดยมีทั่วป๋าฉินเป็นผู้นำทางไป
ทั่วป๋าฉินพาผู้อาวุโสมาด้วยสิบคน ขณะที่เจียงอี้นำเสี่ยวนู๋เข้าไปในราชวังจักรพรรดิและเทวาทมิฬก็อุ้มเจียงอี้ไป ส่วนเชียนเชียนไม่ได้ถูกอุ้มในครั้งนี้ รองเท้าของนางเปล่งประกายเจิดจ้าทำให้ความเร็วของนางเพิ่มขึ้นมากและทำให้นางบินด้วยความเร็วที่เท่ากับผู้อาวุโสขอบเขตเทียนจุนขั้นสูงสุดของเผ่าพันธุ์จิ้งจอกขาวเลย ทั่วป๋าฉินน่าจะเป็นเจ้าอสูรเนื่องจากนางว่องไวมากและเห็นได้ชัดว่ายังไม่ได้ใช้ความเร็วเต็มกำลัง ไม่เช่นนั้นผู้อาวุโสทั้งสิบที่อยู่เบื้องหลังนางอาจจะตามนางไม่ทันได้
อันที่จริงแล้วความเร็วของเจียงอี้อาจเร็วกว่าด้วยซ้ำ เขาเร็วจนเทวาทมิฬและทั่วป๋าฉินทำได้เพียงแค่ถอนหายใจ นั่นคือการใช้วิชาหลีกสวรรค์ อย่างไรก็ตาม เขาเป็นคนเดียวที่ใช้วิชาหลีกสวรรค์ได้และเขาไม่สามารถพาใครไปด้วยได้ เว้นแต่เทวาทมิฬ, เชียนเชียนและคนอื่นๆจะเต็มใจเข้าไปในราชวังจักรพรรดิ แล้วเทวาทมิฬจะเต็มใจเข้าไปไหม? เห็นได้ชัดว่าไม่ ดังนั้นเจียงอี้จึงไม่พูดเรื่องนี้และให้เทวาทมิฬอุ้มเขาบินไปดีกว่า
เมืองหลงนั้นอยู่ไกลจากที่นี่และทุกคนใช้เวลาบินไปแปดชั่วโมงและผ่านเมืองมามากมายและมีเผ่าเล็กๆซึ่งเต็มไปด้วยบ้านต้นไม้ไปหมด จิ้งจอกน้อยๆบางตนยังมองขึ้นมาบนฟ้าด้วยความสงสัย และตอนที่พวกเขาเห็นทั่วป๋าฉินและคนอื่นๆบนฟ้า พวกเขาก็คุกเข่าคำนับอย่างจริงใจ
เมืองหลงเป็นเมืองเล็กๆและมีขอบเขตเทียนจุนน้อยกว่าสามร้อนตนอยู่ในเมือง และยังมีจิ้งจอกวิญญาณสี่หางอีกมากมายที่ยังไม่ได้แปลงเป็นมนุษย์ด้วย หัวหน้าเผ่าเชื้อสายนี้, ทั่วป๋าตัวหลงมารอพร้อมกับกลุ่มขอบเขตเทียนจุนอยู่แล้ว และเมื่อพวกเขาเห็นเจียงอี้และคนอื่นๆ พวกเขาก็คุกเข่าลงข้างหนึ่งและทักทายทันที
ลุกขึ้น!
ทั่วป๋าฉินขัดจังหวะการทักทายของพวกเขาทันทีและพูดว่า เจอจักรพรรดินีสัตว์อสูรหรือไม่?
ตัวหลงส่ายหัวด้วยความเจ็บปวดและพูดว่า ท่านใต้เท้ากำลังมองหาผู้ที่มีนามว่าทั่วป๋าหนิงอยู่ และนางเป็นสมาชิกตระกูลของข้า เชื้อสายนั้นถูกตระกูลอื่นกำจัดไปเมื่อสามปีก่อน ย้อนไปในตอนนั้น ทั่วป๋าหนิงยังเป็นเพียงราชันอสูรที่เคยถูกไล่ล่ามาก่อน แต่นางโชคดีที่หนีออกจากทวีปได้ เมื่อห้าปีก่อน นางกลับมาเพื่อล้างแค้นและได้พัฒนาร่างเป็นจักรพรรดินีสัตว์อสูรแล้ว หลังจากที่นางสังหารสมาชิกเชื้อสายนั้นไปไม่กี่ร้อยคน นางก็หนีออกไปหลังจากที่บาดเจ็บสาหัส ตอนนี้ก็ไม่มีผู้ใดรู้ว่านางรอดชีวิตไปได้หรือไม่ และไม่มีสมาชิกคนอื่นเห็นนางในช่วงห้าปีที่ผ่านมาเลย
ข้อมูลนี้ถูกต้องหรือไม่?
สีหน้าของเจียงอี้เปลี่ยนไป ดูเหมือนว่าอายุขัยของจักรพรรดินีสัตว์อสูรจะเหลือไม่มากนักขณะที่นางต้องการกลับมาแก้แค้นอย่างเร่งรีบ นางจะไม่ซ่อนตัวเป็นเวลาห้าปีอย่างแน่นอน และแม้ว่าความแข็งแกร่งของนางจะไม่เพียงพอ แต่นางก็จะค่อยๆต่อสู้และสังหารศัตรู มีเพียงคำอธิบายเดียวคือ….นางอาจตายไปหลังจากที่นางบาดเจ็บสาหัส!
อื้ม!
ตัวหลงพยักหน้าและชี้ไปทางเหนือของเมือง ท่านใต้เท้า สมาชิกเชื้อสายที่กำจัดเชื้อสายของทั่วป๋าหนิงนั้นถูกจับไว้หมดแล้ว หากไม่เชื่อ ท่านสามารถไปสอบปากคำพวกเขาได้เลย
สอบปากคำอะไรล่ะ? ฆ่าพวกมันซะ! เทวาทมิฬกวักมือของเขาและพูดอย่างเย็นชา
ไม่!
เจียงอี้ส่ายมือของเขาและถามทั่วป๋าฉินว่า ท่านจักรพรรดิ มีทางใดที่จะหาทั่วป๋าหนิงได้ไหม? หากมี จะให้นางสังหารคนเหล่านี้ด้วยตัวเองทั้งหมดได้หรือไม่?
ไม่มีปัญหา!
เชื้อสายเล็กๆนั้นไม่ได้มีความสำคัญอะไรกับทั่วป๋าฉินเลย เนื่องจากประชากรของพวกเขามีจำนวนมากและทวีปจิ้งจอกสวรรค์ก็ป่าเถื่อนมาก เพื่อที่จะต่อสู้เพื่อแย่งสรวงสวรรค์และสถานที่ไว้เพาะปลูก การกำจัดเผ่าทั้งเผ่าจึงเกิดขึ้นบ่อยๆ
แน่นอนว่าหากเทวาทมิฬและองค์หญิงเชียนเชียนไม่อยู่ที่นี่ในวันนี้และหากเจียงอี้สังหารคนของเผ่าพันธุ์จิ้งจอกขาวไป นางก็คงใช้ฝ่ามือเดียวทุบเจียงอี้จนตายเลยด้วยซ้ำ
นางพึมพำอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดว่า ด้วยสถานการณ์ในตอนนี้ ข้าต้องเปิดใช้งานค่ายกลของบรรพบุรุษและใช้เลือดของลูกสาวทั่วป๋าหนิงเพื่อค้นหานาง แขกผู้มีเกียรติโปรดตามข้ามายังเมืองหลวงได้หรือไม่ ข้าจะเปิดใช้งานมันด้วยตัวเอง และต้องแล้วแต่สวรรค์แล้วว่านางจะยังมีชีวิตอยู่หรือไม่