เพลิงพิโรธสวรรค์ Fury towards the burning heaven - บทที่ 857 เหล่าเจ้าอสูร
ม่านพลังที่ส่องประกายด้วยแสงสีขาวเรืองรองครอบเมืองซวนหวู่ บริเวณโดยรอบนั้นมืดสนิท ที่แห่งนี้เป็นสถานที่แห่งเดียวที่มีแสงสว่าง เมื่อมองจากด้านบน เมืองซวนหวู่แห่งนี้ดูเหมือนกับไข่มุกอันเจิดจ้าในทะเลลึก ซึ่งมันงดงามตระการตายิ่งนัก
ราชวังถูกจัดอย่างเป็นระเบียบในเมือง ถนนต่างๆก็กว้างและเป็นเส้นตรง เมืองนี้ดูลึกลับเพราะควันจางๆซึ่งมาจากแห่งหนใดก็ไม่รู้ ลานตำหนักเป็นสีทองพร้อมเสาหยกสีขาวและสีเขียวซึ่งปรากฏอยู่ท่ามกลางป่าอันเขียวชอุ่ม สีทองและสีเขียวได้ให้แสงสว่างและความสวยงามผสมกันและเจียงอี้รู้สึกราวกับว่าเขาอยู่ในฝันและอยู่ในแดนสวรรค์ในเวลาเดียวกัน
มีคนอยู่ที่นั่นและพวกเขาก็เป็นคนในเมือง แต่แน่นอนว่าพวกเขาไม่ใช่มนุษย์แท้ๆ อย่างบางคนนั้นมีเขาอยู่บนศีรษะ บางคนมีเกล็ดที่ดูแปลกตา บางคนมีผิวพรรณหลากสี และบางคนมีดวงตาสี่หรือห้าดวงหรือหลายแขน มีมนุษย์อยู่ทุกประเภทซึ่งมันดูแปลกมาก
คนเหล่านี้อยู่ในลานบ้าน, นั่งอยู่ใต้ต้นไม้เล็กๆริมถนนบ้าง เดินตามถนนอย่างเกียจคร้านบ้าง หรือไม่ก็นั่งรถม้าศึกหรูหราเข้าเมืองไป เจียงอี้และเจียงเสี่ยวนู๋พากันมองรอบๆและเห็นอสูร, ปีศาจอย่างน้อยแสนตน นี่เป็นเพียงมุมเล็กของเมืองเท่านั้นด้วย
บรึฟ!
ร่างของเทวาทมิฬกระพริบและกลายเป็นเทวาทมิฬร่างมนุษย์ เขาชี้ไปที่ราชวังสีทองขนาดยักษ์ที่อยู่ไกลออกไปและพูดว่า ไปเยี่ยมท่านจักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่ก่อน
จี๊! จี๊!
เทวาทมิฬรีบพุ่งลงไปยืนข้างๆม่านพลัง จากนั้นแสงสีดำก็ส่องประกายในมือเขาและรอยกรีดก็ปรากฏบนม่านพลังช้าๆ เชียนเชียนยิ้มและอธิบายว่า เชิญเข้าไปข้างในเถอะ มนุษย์ปกติไม่สามารถเปิดม่านพลังของเมืองซวนหวู่ได้ แม้แต่ผู้เชี่ยวชาญกึ่งเทพก็เข้ามาไม่ได้ ในบรรดาสัตว์อสูรนับหมื่นล้านในทะเลลึกไร้สิ้นสุด มีเพียงผู้ที่มาถึงขอบเขตจักรพรรดิอสูรแล้วเท่านั้นที่จะเข้าไปยังเมืองซวนหวู่ได้
ยอดเยี่ยม!
เจียงอี้ถอนใจด้วยความเกรงกลัวและแอบสงสัยว่ามีจักรพรรดิสัตว์อสูรอยู่ในเมืองนี้กี่ตน? ล้านตน? หรือสิบล้านตน? หรือพันล้านตน? ภาพการต่อสู้ของมนุษย์และปีศาจนับพันล้านปรากฏขึ้นในใจของเจียงอี้ เขาอดไม่ได้ที่จะคิดถึงภาพสงครามนั้น
หลังจากที่เข้าไปในม่านพลังแล้ว เทวาทมิฬก็พาเขาตรงไปยังราชวังที่สูงที่สุดในเมือง เจียงอี้พาเจียงเสี่ยวนู๋บินตามเขาไปด้วย กลิ่นอายของมนุษย์นั้นทำให้เหล่าปีศาจ, อสูรจำนวนมากตกใจเช่นกัน เมื่อพวกเขาเห็นเทวาทมิฬและเชียนเชียน พวกนั้นต่างคุกเข่าเคารพกัน ขณะที่เจียงอี้และเสี่ยวนู๋ตามเทวาทมิฬและเชียนเชียนไป ก็ไม่มีผู้ใดกล้ายั่วยุพวกเขา แต่แน่นอนว่า….มีหลายคนที่มองพวกเขาเป็นศัตรูและเกิดกระหายเลือดขึ้นมา
เจียงอี้รู้ได้ว่าเสี่ยวนู๋หวาดกลัวเล็กน้อย เขาจึงจับมือนางแน่นขึ้น จากนั้นเสี่ยวนู๋ก็ยิ้มหวานออกมาและสงบลงอย่างรวดเร็ว
เอ๊ะ? เชียนเชียน เมืองซวนหวู่มีพลังฟ้าดินหนาแน่นมาก มันมากกว่าข้างนอกอย่างน้อยห้าถึงหกเท่าเลย?!
เมื่อเจียงอี้เข้ามาในเมือง เขาก็รู้สึกสบายมากและตรวจพบสภาพแวดล้อมโดยไม่ได้ตั้งใจ ที่นี่คล้ายเผ่าเทพประทานที่มีพลังงานฟ้าดินที่หนาแน่นอย่างน่าสะพรึง
ฮึฮึ!
เชียนเชียนยิ้มจางๆและชี้ไปที่ราชวังด้านล่างและพูดว่า ราชวังทั้งหมดนี้สร้างด้วยศิลาสวรรค์ จะไม่ให้พลังฟ้าดินมากระจุกอยู่ที่นี่ได้อย่างไร? นอกจากนี้ยังมีสายแร่ศักดิ์สิทธิ์ขนาดใหญ่อยู่ใต้เมืองซวนหวู่ด้วย เมื่อเจ้าไปถึงตำหนักซวนหวู่ เจ้าจะพบว่าพลังฟ้าดินแข็งแกร่งกว่าที่นี่มากซึ่งมันไม่ต่างจากเมืองเทพประทานเลย
ศิลาสวรรค์…
เจียงอี้กลอกตาของเขา ไม่น่าแปลกใจเลยที่เชียนเชียนไม่ลังเลแม้แต่น้อยที่มาประมูลรูปภาพของเขาด้วยศิลาสวรรค์แสนล้านก้อน ศิลาสวรรค์นั้นไม่ใช่สิ่งที่ยิ่งใหญ่สำหรับพวกเขา แม้ว่าเหล่าปีศาจและอสูรจะพึ่งพาพลังงานฟ้าดินเพื่อฝึกฝน แต่พวกเขาก็ไม่เคยขัดเกลาศิลาสวรรค์เลย ทะเลลึกไร้สิ้นสุดนั้นใหญ่มากจนพวกเขาเพลิดเพลินไปกับศิลาสวรรค์ที่ไม่มีที่สิ้นสุด
เอ๊ะ? มีทะเลสาบอยู่ตรงนั้นด้วยรึ?
หลังจากที่บินมาได้สักพักก็มีทะเลสาบปรากฏขึ้นด้านหน้าลางๆ เจียงอี้และเสี่ยวนู๋ต่างก็ประหลาดใจกับทะเลสาบในทะเลลึกไร้สิ้นสุด เชียนเชียนจึงอธิบายด้วยรอยยิ้มว่า นั่นคือทะเลสาบศักดิ์สิทธิ์ที่ท่านบรรพบุรุษสร้างขึ้นมา ปีศาจและอสูรทั้งหมดสามารถไปที่นั่นเพื่อหล่อเลี้ยงแก่นพลังของพวกมันได้ การอยู่ในทะเลสาบนั้นสิบปีจะทำให้ร่างกายแข็งแกร่งขึ้นถึงสองเท่า
ผู้อาวุโสเอ๋าหลูยอดเยี่ยมนัก!
เจียงอี้ยกนิ้วให้ เมื่อเทียบกับมนุษย์แล้ว ปีศาจให้ความสนใจกับร่างกายของพวกมันมากกว่า ท้ายที่สุดแล้ว ปีศาจก็มีสมบัติน้อยกว่าและต้องพึ่งพาเนื้อหนังอันทรงพลังและวิชาอสูรลึกลับ
เหอ นั่นมันอะไรกัน?
หลังจากที่ไปข้างหน้าได้ไกลพอควร เจียงอี้ก็เห็นโคลนที่มีสีสันอยู่ด้านหน้า มีปีศาจมากมายขลุกอยู่ในนั้น และผิวของพวกมันก็เปลี่ยนสีซึ่งดูไม่น่าอภิรมย์นัก
เชียนเชียนเองก็แสดงทีท่ารังเกียจเช่นกัน นางเบือนหน้าหนีและพูดว่า นี่คือโคลนพิษและมันจะทำให้ร่างกายเป็นพิษ พิษนี่ยังกัดกร่อนความแข็งแกร่งและแก่นแท้พลัง, และยังทำลายโล่ศักดิ์สิทธิ์ได้อย่างง่ายดาย นี่เป็นอีกสิ่งที่บรรพบุรุษสร้างขึ้นมาเช่นกัน…..
ระหว่างทาง เจียงอี้ยังเห็นทะเลสาบวิญญาณซึ่งมันสามารถหล่อเลี้ยงดวงจิตและสิ่งแปลกตาอย่างอื่นด้วย เอ๋าหลูอยู่ในราชวังจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์ลี้ลับมานานกว่าเจ็ดแสนปี เขาฝึกฝนและเข้าใจสิ่งแปลกๆทุกประเภทซึ่งมันมีประโยชน์ต่อเผ่าพันธุ์เขาเป็นอย่างมาก
ในไม่ช้าพวกเขาก็มาถึงตำหนักซวนหวู่
เมื่อมองไปยังราชวังที่งดงามด้านหน้าและสัมผัสได้ถึงความเก่าแก่ เจียงอี้ก็รู้สึกว่าเขาเห็นฉากอันน่าสะพรึงที่ปีศาจนับไม่ถ้วนร่วมงานกันสร้างราชวังศักดิ์สิทธิ์เมื่อเจ็ดแสนปีก่อนขึ้นมา
เข้ามา!
เชียนเชียนลงไปยังใจกลางประตูราชวังอย่างนุ่มนวล ผมสีเขียวของนางปลิวไสวไปตามสายลมและนางงดงามมากจนผู้คนไม่กล้าสบตากับนาง เจียงอี้ก็บินลงมาพร้อมกับเสี่ยวนู๋และอดภาคภูมิใจไม่ได้เมื่อเห็นทหารแถวหนึ่งที่อยู่ในชุดเกราะสีดำที่มีกลิ่นอายปีศาจอันยิ่งใหญ่อยู่และมีรูปลักษณ์ที่เย็นชา เขาและเสี่ยวนู๋อาจเป็นมนุษย์เพียงกลุ่มเดียวที่สามารถมายืนอยู่ที่นี่ได้ตั้งแต่เริ่มก่อสร้างที่นี่ขึ้น
เจียงอี้ไม่ได้ต้องการและไม่สามารถแก้ไขความแค้นระหว่างมนุษย์และปีศาจได้ เขาทำในสิ่งที่ทำได้เท่านั้น
เขาไม่รู้สึกละอายที่ปล่อยจักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่แห่งเผ่าพันธุ์อสูรปีศาจออกมา แม้แต่จักรพรรดิลี้ลับเองก็ยังกล้าปล่อยเอ๋าหลูได้ แล้วเจียงอี้จะกลัวอะไร?
เจ้าหนู ทำไมเจ้าถึงได้ชักช้านัก? เข้ามาเดี๋ยวนี้!
เจียงอี้ตื่นจากภวังค์ด้วยเสียงชรา เขารีบยิ้มอย่างขมขื่นและพาเสี่ยวนู๋เดินตามเชียนเชียนและเทวาทมิฬไป เมื่อเขาเข้าไปข้างใน เขาก็เห็นห้องโถงกลางขนาดมหึมาอยู่
ห้องโถงนี้ไม่มีอะไรเลยนอกจากเสากว่าร้อยต้น มีสัตว์อสูรทรงพลังหนึ่งตนถูกแกะสลักอยู่ที่เสาแต่ละต้น อย่างอสูรซวนหนีที่เป็นบุตรมังกรในตำนาน นี่คือสัตว์อสูรทั้งหลายในสมัยโบราณที่ตกตายในการต่อสู้สมัยนั้น พวกเขาทั้งหมดเป็นเจ้าอสูรขั้นสูงสุดทั้งนั้น
เชียนเชียนอธิบายก่อนที่จะพาเจียงอี้ไปยังทางเดินข้างๆ เจียงอี้รู้สึกประหลาดใจมาก เจียงอี้รู้สึกประหลาดใจนัก เจ้าอสูรเหล่านั้นน่าจะอยู่ระดับเดียวกับเอ๋าหลู ที่นี่น่าจะมีเสาอย่างน้อยหลายพันต้น ซึ่งหมายความว่ามีเจ้าอสูรขั้นสูงสุดกว่าสองสามพันตน! ในสมัยโบราณ เผ่าพันธุ์พวกเขามีพลังมากนัก แต่อย่างไรก็ตาม เจ้าอสูรเหล่านี้ถูกจักรพรรดิลี้ลับสังหารไปหมด แล้วจักรพรรดิลี้ลับจะแข็งแกร่งเพียงใดกัน?
พวกเขาเดินไปตามทางเดินห้านาทีก่อนที่จะถึงห้องโถงกลางที่งดงาม บางคนได้นั่งอยู่ที่นั่นแล้ว และเมื่อมองรอบเดียว มีผู้คนกว่าสามสิบคนและเอ๋าหลูก็นั่งอยู่บนบัลลังก์น้ำแข็งด้านบน เจียงอี้มองพวกเขาเหล่านี้โดยไม่ได้ตั้งใจและตะลึงงันในทันใด กลิ่นอายของพวกเขาเทียบได้กับเทวาทมิฬและพวกเขา นี่คือสัตว์อสูรทั้งหลายในสมัยโบราณที่ตกตายในการต่อสู้สมัยนั้น พวกเขาทั้งหมดเป็นเจ้าอสูรขั้นสูงสุดทั้งนั้น
เชียนเชียนอธิบายก่อนที่จะพาเจียงอี้ไปยังทางเดินข้างๆ เจียงอี้รู้สึกประหลาดใจมาก เจียงอี้รู้สึกประหลาดใจนัก เจ้าอสูรเหล่านั้นน่าจะอยู่ระดับเดียวกับเอ๋าหลู ที่นี่น่าจะมีเสาอย่างน้อยหลายพันต้น ซึ่งหมายความว่ามีเจ้าอสูรขั้นสูงสุดกว่าสองสามพันตน! ในสมัยโบราณ เผ่าพันธุ์พวกเขามีพลังมากนัก แต่อย่างไรก็ตาม เจ้าอสูรเหล่านี้ถูกจักรพรรดิลี้ลับสังหารไปหมด แล้วจักรพรรดิลี้ลับจะแข็งแกร่งเพียงใดกัน?
พวกเขาเดินไปตามทางเดินห้านาทีก่อนที่จะถึงห้องโถงกลางที่งดงาม บางคนได้นั่งอยู่ที่นั่นแล้ว และเมื่อมองรอบเดียว มีผู้คนกว่าสามสิบคนและเอ๋าหลูก็นั่งอยู่บนบัลลังก์น้ำแข็งด้านบน เจียงอี้มองพวกเขาเหล่านี้โดยไม่ได้ตั้งใจและตะลึงงันในทันใด กลิ่นอายของพวกเขาเทียบได้กับเทวาทมิฬและพวกเขา นี่คือสัตว์อสูรทั้งหลายในสมัยโบราณที่ตกตายในการต่อสู้สมัยนั้น พวกเขาทั้งหมดเป็นเจ้าอสูรขั้นสูงสุดทั้งนั้น
เชียนเชียนอธิบายก่อนที่จะพาเจียงอี้ไปยังทางเดินข้างๆ เจียงอี้รู้สึกประหลาดใจมาก เจียงอี้รู้สึกประหลาดใจนัก เจ้าอสูรเหล่านั้นน่าจะอยู่ระดับเดียวกับเอ๋าหลู ที่นี่น่าจะมีเสาอย่างน้อยหลายพันต้น ซึ่งหมายความว่ามีเจ้าอสูรขั้นสูงสุดกว่าสองสามพันตน! ในสมัยโบราณ เผ่าพันธุ์พวกเขามีพลังมากนัก แต่อย่างไรก็ตาม เจ้าอสูรเหล่านี้ถูกจักรพรรดิลี้ลับสังหารไปหมด แล้วจักรพรรดิลี้ลับจะแข็งแกร่งเพียงใดกัน?
พวกเขาเดินไปตามทางเดินห้านาทีก่อนที่จะถึงห้องโถงกลางที่งดงาม บางคนได้นั่งอยู่ที่นั่นแล้ว และเมื่อมองรอบเดียว มีผู้คนกว่าสามสิบคนและเอ๋าหลูก็นั่งอยู่บนบัลลังก์น้ำแข็งด้านบน เจียงอี้มองพวกเขาเหล่านี้โดยไม่ได้ตั้งใจและตะลึงงันในทันใด กลิ่นอายของพวกเขาเทียบได้กับเทวาทมิฬและพวกเขา