เพลิงพิโรธสวรรค์ Fury towards the burning heaven - บทที่ 866 การจากลาที่เศร้าโศก
- Home
- เพลิงพิโรธสวรรค์ Fury towards the burning heaven
- บทที่ 866 การจากลาที่เศร้าโศก
“นายน้อย ท่านต้องระวังนะเจ้าคะ เมื่อเสี่ยวนู๋เข้าถึงศาสตร์ศักดิ์สิทธิ์ขนนกสีหมึกขั้นที่สามได้ ข้าจะไปหาท่านอย่างแน่นอน!”
“นายน้อย เมื่อเสี่ยวนู๋ไม่ได้อยู่กับนายน้อย นายน้อยจะต้องดูแลตัวเองนะเจ้าคะ ฮึก ฮึก..”
“นายน้อย ฮึก ฮึก…”
ไม่รู้ว่าเอ๋าหลูให้เชียนเชียนไปคุยอะไรกับเสี่ยวนู๋ แต่เสี่ยวนู๋ตกลงที่จะอยู่ในตำหนักซวนหวู่ต่อ และในตอนที่จะต้องแยกจากกัน ใบหน้าเปื้อนคราบน้ำตาของเสี่ยวนู๋ก็ยังคงทำให้เจียงอี้ปวดใจและเกือบทำให้เขาใจอ่อนพานางไปด้วย
ไม่รู้ว่าการเดินทางไปถึงทวีปจักรพรรดิบูรพาจะไกลขนาดไหน ขอบเขตเทียนจุนปกติแล้วจะต้องใช้เวลาหลายปีกว่าจะไปถึงทวีปจักรพรรดิบูรพาขณะที่ขอบเขตจินกังธรรมดาจะต้องใช้เวลานับสิบๆปี ที่สำคัญคือทวีปจักรพรรดิบูรพากว้างใหญ่ไร้ขอบเขตและเต็มไปด้วยยอดฝีมือ เจียงอี้อาจมีวิชาเทพพลางตาและวิชาหลีกสวรรค์ แต่รากฐานของเก้าตระกูลจักรพรรดิแข็งแกร่งเพียงใดล่ะ? แม้แต่เอ๋าหลูเองก็ไม่รู้
เจียงอี้กำลังจะเข้าถ้ำเสือเพียงลำพัง เขาเข้ามายังเผ่าเทพประทานและมีสัมพันธ์ใกล้ชิดกับเอ๋าหลูซึ่งมันหมายความว่าเขาเป็นศัตรูตัวฉกาจของทวีปจักรพรรดิบูรพา เมื่อตัวตนของเขาถูกเปิดเผย เขาจะถูกยอดฝีมือทั้งหมดในทวีปไล่ล่าและเขาจะเป็นศัตรูกับทุกๆคน
เขาต้องไปยังซากปรักหักพังสลายบาปซึ่งอยู่ใกล้เมืองจักรพรรดิอรหัง เขาจะต้องหาทางที่จะได้ราชวังศักดิ์สิทธิ์จักรพรรดิลี้ลับมาและตกอยู่ใต้สายตาของยอดฝีมือทั้งหมดในทวีปจักรพรรดิบูรพา เขาจะต้องช่วยซูรั่วเสวี่ยจากจักรพรรดิอุดรของตระกูลหวู่ที่ทรงพลัง เขาจะต้องหาที่อยู่ของอีเพียวเพียว เขาจะต้องตามหาหยูเวินและเขาจะต้องทำลายโถงวรยุทธ!
ทั้งหมดนี้เป็นงานใหญ่และเขาจะต้องทำมันให้เสร็จด้วยตัวคนเดียว
เจียงอี้ยังอายุไม่ถึงยี่สิบสามปีและเรื่องทั้งหมดนี้ดูไม่น่าเชื่อนัก แต่เขาก็ไม่ได้เศร้าเสียใจอะไร เขาได้รับประสบการณ์มากมายในช่วงหลายปีมานี้ซึ่งคนอื่นๆอาจไม่เคยเจอเรื่องราวเหล่านี้ตลอดชั่วชีวิตของพวกเขา นับเป็นปาฏิหาริย์มากที่เขายังมีชีวิตอยู่มาถึงตอนนี้ ดังนั้นเขาจึงมีความคิดที่สงบนิ่งมาก ใจของเขาเองก็ถูกยกระดับขึ้นมา เขาไม่มีความกลัวใดๆและมีดวงจิตวิญญาณในการต่อสู้แทน
เส้นทางแห่งเต๋านั้นเป็นหนทางที่ยาวไกลและเต็มไปด้วยอุปสรรค!
เจียงอี้เชื่อว่าอุปสรรคทั้งหมดนั้นเป็นการที่สวรรค์กำลังขัดเกลาตัวเขา หากเขาต้องการท้าทายสวรรค์ เขาจะต้องทนผ่านความยากลำบากไปให้ได้
ก่อนที่สวรรค์จะให้ความรับผิดชอบอันยิ่งใหญ่แก่ผู้ใด คนผู้นั้นจะต้องผ่านความทุกข์ทรมานก่อนเพื่อให้ตัวเองมีกำลังที่จะตัดสินใจ คนเราจะต้องทนกับความเหนื่อยล้าได้จึงจะได้มีพละกำลัง และเมื่อผู้ใดอดทนทุกสิ่งนี้ได้ ผู้นั้นก็จะได้ทุกสิ่งที่เป็นประโยชน์แก่ตัวเองอย่างแน่นอน
เจียงอี้มีทัศนคติที่มั่นคงเสมอและไม่เคยตำหนิสวรรค์หรือคนอื่นๆเรื่องความยากลำบากของตัวเอง เพราะนั่นเป็นพฤติกรรมของคนขี้ขลาด ยอดฝีมือที่แท้จริงจะกล้าหาญและผ่านอุปสรรคทั้งหมดด้วยตัวเองแม้จะต้องเผชิญหน้ากับความตายก็ตาม!
…
“เสี่ยวนู๋ ตอนที่เจ้ายังเล็ก เจ้าบอกว่าข้าลงมาจากสวรรค์และถูกลิขิตให้ยืนหยัดอย่างภาคภูมิ เจ้าเห็นแล้วว่าในระหว่างการเดินทาง ไม่มีผู้ใดสังหารนายน้อยได้ ดังนั้น เจ้าไม่ต้องกังวลไป มันควรเป็นผู้คนในทวีปจักรพรรดิบูรพามากกว่าที่ควรต้องกังวล ฮ่าฮ่าฮ่า อย่าร้องไห้ไปเลย….เมื่อข้าเสร็จสิ้นทุกเรื่องของข้า, ตามหาแม่และช่วยซูรั่วเสวี่ยแล้วครอบครัวของเราจะไม่มีวันแยกจากกัน เข้าใจไหม?”
เจียงอี้ค่อยๆเช็ดน้ำตาของเสี่ยวนู๋ขณะที่เขามีท่าทางมั่นใจและดวงตาที่อ่อนโยนซึ่งมันทำให้เชียนเชียนมองจนเกิดความหลงใหล นี่ไม่ใช่การพูดเกินจริงที่นายน้อยต่างๆมักจะพูดกัน ตอนที่เจียงอี้พูดมันออกมา เชียนเชียนมีความรู้สึกที่ไม่สามารถอธิบายได้ว่าเจียงอี้จะทำมันได้ นอกจากนี้ ในอนาคตอันใกล้ แดนเทียนชิงทั้งหมดอาจ…กำลังจะต้องสั่นคลอนแทบเท้าชายผู้นี้
“นายน้อย นายน้อย นายน้อย…..”
เจียงเสี่ยวนู๋โผกอดเจียงอี้แน่นขณะที่นางพึมพำไม่หยุดซึ่งแม้แต่ใจเจียงอี้เองก็แทบใจสลาย
เจียงอี้ไม่ได้พูดอะไรออกมา เขาเอื้อมไปกอดเสี่ยวนู๋และลูบหลังของนาง จากนั้นเขาก็หลับตาและพูดเบาๆว่า “เสี่ยวนู๋ รอนายน้อยคนนี้กลับมานะ”
หลังจากผ่านไปอยู่นาน…! ในที่สุดเจียงเสี่ยวนู๋ก็คลายมือของนางขณะที่เจียงอี้เดินจากไป เขาชำเลืองมองเสี่ยวนู๋ก่อนที่มือของเขาจะสว่างขึ้นด้วยแสงสีขาวขณะที่เขาฉีกห้วงมิติและใช้วิชาหลีกสวรรค์เพื่อจากไป
“นายน้อย….”
เสี่ยวนู๋วิ่งไปและต้องการจะคว้าตัวเจียงอี้ไว้ นางเอื้อมมือออกไปแต่ก็คว้าอะไรไว้ไม่ได้นอกจากอากาศ นางยืนอยู่ตรงนั้นและมีดวงตาที่ว่างเปล่าราวกับว่านางเสียจิตวิญญาณไปแล้วและน้ำตาเริ่มไหลนองจนเสื้อผ้าเปียกโชก
เชียนเชียนค่อยๆเดินเข้ามาและจับมือเจียงเสี่ยวนู๋ไว้และพูดว่า “น้องเสี่ยวนู๋ เชื่อในตัวนายน้อยของเจ้านะ วันหนึ่ง ท้องฟ้าของแดนเทียนชิงจะถูกนายน้อยของเจ้าแหวกทะลุออกมา!”
“เชียนเชียน!”
ดวงตาของเจียงเสี่ยวนู๋ที่มีน้ำตาไหลรินหันไปขณะที่นางพูดอย่างสะอึกสะอื้นว่า “เมื่อนายน้อยกลับมา เขาจะแต่งงานกับข้าจริงๆหรือ?”
“เขาจะแต่ง ข้าขอใช้ชีวิตของข้าเพื่อสัญญากับเจ้าเลย ครั้งหน้าที่เจ้าเจอเขา นายน้อยจะแต่งงานกับเจ้า”
เชียนเชียนพยักหน้าซ้ำๆ เจียงเสี่ยวนู๋เลือกที่จะอยู่เพราะเอ๋าหลูบอกว่าเจียงอี้จะแต่งงานกับนางหลังจากที่เขากลับมา เจียงเสี่ยวนู๋จึงเลือกที่จะเชื่อเอ๋าหลูในขณะที่เขาเป็นผู้ปกครองเผ่าอสูร แน่นอนว่าเอ๋าหลูนั้นจะหาทางทุกทางเพื่อช่วยให้เจียงเสี่ยวนู๋เข้าใจศาสตร์ศักดิ์สิทธิ์ขนนกสีหมึกขั้นที่สามให้ได้ด้วย
เจียงเสี่ยวนู๋นั้นมีจิตใจที่บริสุทธิ์ แต่นางไม่ใช่คนโง่
ระหว่างการต่อสู้ที่ยอดเขานทีสวรรค์ นางรู้ดีว่าตัวเองอ่อนแอเกินไปเมื่อเทียบกับยอดฝีมือที่แท้จริง หากนางจะตามเจียงอี้ไปทวีปจักรพรรดิบูรพา นางจะเป็นภาระให้เจียงอี้เปล่าๆ ดังนั้นนางจึงเลือกที่จะอยู่ที่นี่
แม้ในใจนางจะเข้าใจเหตุผลแล้ว แต่เมื่อเจียงอี้จากไป นางก็ยังรู้สึกราวกับว่าโลกของนางได้สูญเสียสีสันไปหมด นางอาจจะไม่ได้ยืนอยู่คนเดียว แต่เมื่อเชียนเชียน, เทวาทมิฬและเอ๋าหลูมองไปยังนาง พวกเขาก็รู้สึกเหมือนว่าในตอนนี้โลกทอดทิ้งนางแล้ว
…
เทวาทมิฬต้องการจะพาเจียงอี้ไปยังทวีปจิ้งจอกสวรรค์ก่อนที่จะกลับไปยังเกาะเทพประทาน แต่เจียงอี้ก็ปฏิเสธ ความเร็วของเทวาทมิฬเร็วมากก็จริง แต่วิชาหลีกสวรรค์ของเจียงอี้เร็วกว่า และเขาก็มีวิชาเทพพลางตาที่ทำให้ทะเลลึกไร้สิ้นสุดนี้เป็นสถานที่ที่ปลอดภัยสำหรับเขา
ดวงจิตของเขาได้พัฒนาและแข็งแกร่งขึ้นหลายเท่าขณะที่ร่างของเขาก็ถูกปฏิรูปโดยหญ้ามังกรยาจก หลังจากที่ฝึกฝนในเมืองเทพประทานมานาน ร่างกายของเขาก็แข็งแกร่งขึ้นมาก ดังนั้นเจียงอี้จึงใช้วิชาหลีกสวรรค์เพื่อเดินทางไปได้ไกลกว่าเดิมซึ่งเดินทางได้อย่างน้อยพันล้านกิโลเมตรในการใช้วิชาหลีกสวรรค์ครั้งเดียว เมื่อเขารู้สึกอึดอัดเล็กน้อย เขาก็บินออกมาจากห้วงอากาศได้
เจียงอี้ไม่ได้ปรากฏตัวใต้ทะเลและอยู่เหนือฟ้าแทนและในตอนนี้เป็นเวลากลางวันที่ท้องฟ้าแจ่มใสเป็นอย่างยิ่ง และพื้นผิวทะเลก็ไม่มีอะไรเลยนอกจากความสงบ จะมีนกน้อยบินมาเป็นครั้งคราวและลมทะเลก็พัดเบาๆซึ่งทำให้รู้สึกดีเป็นพิเศษ
ปัง!
ทันใดนั้น พื้นผิวทะเลก็แตกออกมาขณะที่ราชาปีศาจยักษ์เผยใบหน้าที่น่ากลัวออกมา และก้ามน้ำแข็งทั้งสองก็ตัดผ่านท้องฟ้ามาทางเจียงอี้
“ฮึ่ม!”
ราชาปีศาจไม่มีอันตรายต่อเจียงอี้และเขาสามารถทำลายพวกนั้นได้เพียงแค่ดีดนิ้ว แต่เขาไม่ได้ต้องการสู้เพราะมันอาจดึงดูดจักรพรรดิอสูรหรือแม้แต่เจ้าอสูรที่อยู่ใกล้ๆมาได้ ร่างของเจียงอี้เปล่งแสงสีขาวขณะที่รูปร่างของเขาเปลี่ยนไปช้าๆ ก่อนที่เขาจะกลายเป็นเทวาทมิฬ กลิ่นอายของเขาเหมือนกับเทวาทมิฬเหมือนกัน แม้แต่พลังที่ปล่อยออกมาจากร่างของเขาก็ไม่ได้ด้อยไปกว่าเทวาทมิฬเลย เห็นได้ชัดว่ากลิ่นอายนี้เป็นภาพลวงตา แต่ราชาปีศาจจะแยกแยะความแตกต่างได้อย่างไร? แม้แต่จักรพรรดิอสูรหรือเจ้าอสูรธรรมดาๆก็ไม่สามารถแยกแยะได้ ขณะที่ก้ามน้ำแข็งของราชาปีศาจกำลังคืบคลานมาถึงเจียงอี้ มันก็รีบเก็บก้ามนั้นกลับไปและพุ่งกลับเข้าไปในทะเลด้วยความหวาดกลัวหลังจากที่เจียงอี้เหลือบมองไปที่มันอย่างเย็นชา และมันก็หนีหายไปอย่างไร้ร่องรอย
“วิชาเทพพลางตานี่ท้าทายสวรรค์จริงๆ!”
เจียงอี้ถอนหายใจอย่างปลื้มปริ่มและบินต่อไป สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของเขาพบเกาะเล็กๆซึ่งเป็นที่ที่เขาสามารถพักผ่อนและพักฟื้นได้ หลังจากที่ร่างกายของเจียงอี้ฟื้นตัวอย่างสมบูรณ์แล้ว เขาก็จะออกเดินทางไปยังทวีปจิ้งจอกสวรรค์ต่อ
“นายน้อย เมื่อเสี่ยวนู๋ไม่ได้อยู่กับนายน้อย นายน้อยจะต้องดูแลตัวเองนะเจ้าคะ ฮึก ฮึก..”
“นายน้อย ฮึก ฮึก…”
ไม่รู้ว่าเอ๋าหลูให้เชียนเชียนไปคุยอะไรกับเสี่ยวนู๋ แต่เสี่ยวนู๋ตกลงที่จะอยู่ในตำหนักซวนหวู่ต่อ และในตอนที่จะต้องแยกจากกัน ใบหน้าเปื้อนคราบน้ำตาของเสี่ยวนู๋ก็ยังคงทำให้เจียงอี้ปวดใจและเกือบทำให้เขาใจอ่อนพานางไปด้วย
ไม่รู้ว่าการเดินทางไปถึงทวีปจักรพรรดิบูรพาจะไกลขนาดไหน ขอบเขตเทียนจุนปกติแล้วจะต้องใช้เวลาหลายปีกว่าจะไปถึงทวีปจักรพรรดิบูรพาขณะที่ขอบเขตจินกังธรรมดาจะต้องใช้เวลานับสิบๆปี ที่สำคัญคือทวีปจักรพรรดิบูรพากว้างใหญ่ไร้ขอบเขตและเต็มไปด้วยยอดฝีมือ เจียงอี้อาจมีวิชาเทพพลางตาและวิชาหลีกสวรรค์ แต่รากฐานของเก้าตระกูลจักรพรรดิแข็งแกร่งเพียงใดล่ะ? แม้แต่เอ๋าหลูเองก็ไม่รู้
เจียงอี้กำลังจะเข้าถ้ำเสือเพียงลำพัง เขาเข้ามายังเผ่าเทพประทานและมีสัมพันธ์ใกล้ชิดกับเอ๋าหลูซึ่งมันหมายความว่าเขาเป็นศัตรูตัวฉกาจของทวีปจักรพรรดิบูรพา เมื่อตัวตนของเขาถูกเปิดเผย เขาจะถูกยอดฝีมือทั้งหมดในทวีปไล่ล่าและเขาจะเป็นศัตรูกับทุกๆคน
เขาต้องไปยังซากปรักหักพังสลายบาปซึ่งอยู่ใกล้เมืองจักรพรรดิอรหัง เขาจะต้องหาทางที่จะได้ราชวังศักดิ์สิทธิ์จักรพรรดิลี้ลับมาและตกอยู่ใต้สายตาของยอดฝีมือทั้งหมดในทวีปจักรพรรดิบูรพา เขาจะต้องช่วยซูรั่วเสวี่ยจากจักรพรรดิอุดรของตระกูลหวู่ที่ทรงพลัง เขาจะต้องหาที่อยู่ของอีเพียวเพียว เขาจะต้องตามหาหยูเวินและเขาจะต้องทำลายโถงวรยุทธ!
ทั้งหมดนี้เป็นงานใหญ่และเขาจะต้องทำมันให้เสร็จด้วยตัวคนเดียว
เจียงอี้ยังอายุไม่ถึงยี่สิบสามปีและเรื่องทั้งหมดนี้ดูไม่น่าเชื่อนัก แต่เขาก็ไม่ได้เศร้าเสียใจอะไร เขาได้รับประสบการณ์มากมายในช่วงหลายปีมานี้ซึ่งคนอื่นๆอาจไม่เคยเจอเรื่องราวเหล่านี้ตลอดชั่วชีวิตของพวกเขา นับเป็นปาฏิหาริย์มากที่เขายังมีชีวิตอยู่มาถึงตอนนี้ ดังนั้นเขาจึงมีความคิดที่สงบนิ่งมาก ใจของเขาเองก็ถูกยกระดับขึ้นมา เขาไม่มีความกลัวใดๆและมีดวงจิตวิญญาณในการต่อสู้แทน
เส้นทางแห่งเต๋านั้นเป็นหนทางที่ยาวไกลและเต็มไปด้วยอุปสรรค!
เจียงอี้เชื่อว่าอุปสรรคทั้งหมดนั้นเป็นการที่สวรรค์กำลังขัดเกลาตัวเขา หากเขาต้องการท้าทายสวรรค์ เขาจะต้องทนผ่านความยากลำบากไปให้ได้
ก่อนที่สวรรค์จะให้ความรับผิดชอบอันยิ่งใหญ่แก่ผู้ใด คนผู้นั้นจะต้องผ่านความทุกข์ทรมานก่อนเพื่อให้ตัวเองมีกำลังที่จะตัดสินใจ คนเราจะต้องทนกับความเหนื่อยล้าได้จึงจะได้มีพละกำลัง และเมื่อผู้ใดอดทนทุกสิ่งนี้ได้ ผู้นั้นก็จะได้ทุกสิ่งที่เป็นประโยชน์แก่ตัวเองอย่างแน่นอน
เจียงอี้มีทัศนคติที่มั่นคงเสมอและไม่เคยตำหนิสวรรค์หรือคนอื่นๆเรื่องความยากลำบากของตัวเอง เพราะนั่นเป็นพฤติกรรมของคนขี้ขลาด ยอดฝีมือที่แท้จริงจะกล้าหาญและผ่านอุปสรรคทั้งหมดด้วยตัวเองแม้จะต้องเผชิญหน้ากับความตายก็ตาม!
…
“เสี่ยวนู๋ ตอนที่เจ้ายังเล็ก เจ้าบอกว่าข้าลงมาจากสวรรค์และถูกลิขิตให้ยืนหยัดอย่างภาคภูมิ เจ้าเห็นแล้วว่าในระหว่างการเดินทาง ไม่มีผู้ใดสังหารนายน้อยได้ ดังนั้น เจ้าไม่ต้องกังวลไป มันควรเป็นผู้คนในทวีปจักรพรรดิบูรพามากกว่าที่ควรต้องกังวล ฮ่าฮ่าฮ่า อย่าร้องไห้ไปเลย….เมื่อข้าเสร็จสิ้นทุกเรื่องของข้า, ตามหาแม่และช่วยซูรั่วเสวี่ยแล้วครอบครัวของเราจะไม่มีวันแยกจากกัน เข้าใจไหม?”
เจียงอี้ค่อยๆเช็ดน้ำตาของเสี่ยวนู๋ขณะที่เขามีท่าทางมั่นใจและดวงตาที่อ่อนโยนซึ่งมันทำให้เชียนเชียนมองจนเกิดความหลงใหล นี่ไม่ใช่การพูดเกินจริงที่นายน้อยต่างๆมักจะพูดกัน ตอนที่เจียงอี้พูดมันออกมา เชียนเชียนมีความรู้สึกที่ไม่สามารถอธิบายได้ว่าเจียงอี้จะทำมันได้ นอกจากนี้ ในอนาคตอันใกล้ แดนเทียนชิงทั้งหมดอาจ…กำลังจะต้องสั่นคลอนแทบเท้าชายผู้นี้
“นายน้อย นายน้อย นายน้อย…..”
เจียงเสี่ยวนู๋โผกอดเจียงอี้แน่นขณะที่นางพึมพำไม่หยุดซึ่งแม้แต่ใจเจียงอี้เองก็แทบใจสลาย
เจียงอี้ไม่ได้พูดอะไรออกมา เขาเอื้อมไปกอดเสี่ยวนู๋และลูบหลังของนาง จากนั้นเขาก็หลับตาและพูดเบาๆว่า “เสี่ยวนู๋ รอนายน้อยคนนี้กลับมานะ”
หลังจากผ่านไปอยู่นาน…! ในที่สุดเจียงเสี่ยวนู๋ก็คลายมือของนางขณะที่เจียงอี้เดินจากไป เขาชำเลืองมองเสี่ยวนู๋ก่อนที่มือของเขาจะสว่างขึ้นด้วยแสงสีขาวขณะที่เขาฉีกห้วงมิติและใช้วิชาหลีกสวรรค์เพื่อจากไป
“นายน้อย….”
เสี่ยวนู๋วิ่งไปและต้องการจะคว้าตัวเจียงอี้ไว้ นางเอื้อมมือออกไปแต่ก็คว้าอะไรไว้ไม่ได้นอกจากอากาศ นางยืนอยู่ตรงนั้นและมีดวงตาที่ว่างเปล่าราวกับว่านางเสียจิตวิญญาณไปแล้วและน้ำตาเริ่มไหลนองจนเสื้อผ้าเปียกโชก
เชียนเชียนค่อยๆเดินเข้ามาและจับมือเจียงเสี่ยวนู๋ไว้และพูดว่า “น้องเสี่ยวนู๋ เชื่อในตัวนายน้อยของเจ้านะ วันหนึ่ง ท้องฟ้าของแดนเทียนชิงจะถูกนายน้อยของเจ้าแหวกทะลุออกมา!”
“เชียนเชียน!”
ดวงตาของเจียงเสี่ยวนู๋ที่มีน้ำตาไหลรินหันไปขณะที่นางพูดอย่างสะอึกสะอื้นว่า “เมื่อนายน้อยกลับมา เขาจะแต่งงานกับข้าจริงๆหรือ?”
“เขาจะแต่ง ข้าขอใช้ชีวิตของข้าเพื่อสัญญากับเจ้าเลย ครั้งหน้าที่เจ้าเจอเขา นายน้อยจะแต่งงานกับเจ้า”
เชียนเชียนพยักหน้าซ้ำๆ เจียงเสี่ยวนู๋เลือกที่จะอยู่เพราะเอ๋าหลูบอกว่าเจียงอี้จะแต่งงานกับนางหลังจากที่เขากลับมา เจียงเสี่ยวนู๋จึงเลือกที่จะเชื่อเอ๋าหลูในขณะที่เขาเป็นผู้ปกครองเผ่าอสูร แน่นอนว่าเอ๋าหลูนั้นจะหาทางทุกทางเพื่อช่วยให้เจียงเสี่ยวนู๋เข้าใจศาสตร์ศักดิ์สิทธิ์ขนนกสีหมึกขั้นที่สามให้ได้ด้วย
เจียงเสี่ยวนู๋นั้นมีจิตใจที่บริสุทธิ์ แต่นางไม่ใช่คนโง่
ระหว่างการต่อสู้ที่ยอดเขานทีสวรรค์ นางรู้ดีว่าตัวเองอ่อนแอเกินไปเมื่อเทียบกับยอดฝีมือที่แท้จริง หากนางจะตามเจียงอี้ไปทวีปจักรพรรดิบูรพา นางจะเป็นภาระให้เจียงอี้เปล่าๆ ดังนั้นนางจึงเลือกที่จะอยู่ที่นี่
แม้ในใจนางจะเข้าใจเหตุผลแล้ว แต่เมื่อเจียงอี้จากไป นางก็ยังรู้สึกราวกับว่าโลกของนางได้สูญเสียสีสันไปหมด นางอาจจะไม่ได้ยืนอยู่คนเดียว แต่เมื่อเชียนเชียน, เทวาทมิฬและเอ๋าหลูมองไปยังนาง พวกเขาก็รู้สึกเหมือนว่าในตอนนี้โลกทอดทิ้งนางแล้ว
…
เทวาทมิฬต้องการจะพาเจียงอี้ไปยังทวีปจิ้งจอกสวรรค์ก่อนที่จะกลับไปยังเกาะเทพประทาน แต่เจียงอี้ก็ปฏิเสธ ความเร็วของเทวาทมิฬเร็วมากก็จริง แต่วิชาหลีกสวรรค์ของเจียงอี้เร็วกว่า และเขาก็มีวิชาเทพพลางตาที่ทำให้ทะเลลึกไร้สิ้นสุดนี้เป็นสถานที่ที่ปลอดภัยสำหรับเขา
ดวงจิตของเขาได้พัฒนาและแข็งแกร่งขึ้นหลายเท่าขณะที่ร่างของเขาก็ถูกปฏิรูปโดยหญ้ามังกรยาจก หลังจากที่ฝึกฝนในเมืองเทพประทานมานาน ร่างกายของเขาก็แข็งแกร่งขึ้นมาก ดังนั้นเจียงอี้จึงใช้วิชาหลีกสวรรค์เพื่อเดินทางไปได้ไกลกว่าเดิมซึ่งเดินทางได้อย่างน้อยพันล้านกิโลเมตรในการใช้วิชาหลีกสวรรค์ครั้งเดียว เมื่อเขารู้สึกอึดอัดเล็กน้อย เขาก็บินออกมาจากห้วงอากาศได้
เจียงอี้ไม่ได้ปรากฏตัวใต้ทะเลและอยู่เหนือฟ้าแทนและในตอนนี้เป็นเวลากลางวันที่ท้องฟ้าแจ่มใสเป็นอย่างยิ่ง และพื้นผิวทะเลก็ไม่มีอะไรเลยนอกจากความสงบ จะมีนกน้อยบินมาเป็นครั้งคราวและลมทะเลก็พัดเบาๆซึ่งทำให้รู้สึกดีเป็นพิเศษ
ปัง!
ทันใดนั้น พื้นผิวทะเลก็แตกออกมาขณะที่ราชาปีศาจยักษ์เผยใบหน้าที่น่ากลัวออกมา และก้ามน้ำแข็งทั้งสองก็ตัดผ่านท้องฟ้ามาทางเจียงอี้
“ฮึ่ม!”
ราชาปีศาจไม่มีอันตรายต่อเจียงอี้และเขาสามารถทำลายพวกนั้นได้เพียงแค่ดีดนิ้ว แต่เขาไม่ได้ต้องการสู้เพราะมันอาจดึงดูดจักรพรรดิอสูรหรือแม้แต่เจ้าอสูรที่อยู่ใกล้ๆมาได้ ร่างของเจียงอี้เปล่งแสงสีขาวขณะที่รูปร่างของเขาเปลี่ยนไปช้าๆ ก่อนที่เขาจะกลายเป็นเทวาทมิฬ กลิ่นอายของเขาเหมือนกับเทวาทมิฬเหมือนกัน แม้แต่พลังที่ปล่อยออกมาจากร่างของเขาก็ไม่ได้ด้อยไปกว่าเทวาทมิฬเลย เห็นได้ชัดว่ากลิ่นอายนี้เป็นภาพลวงตา แต่ราชาปีศาจจะแยกแยะความแตกต่างได้อย่างไร? แม้แต่จักรพรรดิอสูรหรือเจ้าอสูรธรรมดาๆก็ไม่สามารถแยกแยะได้ ขณะที่ก้ามน้ำแข็งของราชาปีศาจกำลังคืบคลานมาถึงเจียงอี้ มันก็รีบเก็บก้ามนั้นกลับไปและพุ่งกลับเข้าไปในทะเลด้วยความหวาดกลัวหลังจากที่เจียงอี้เหลือบมองไปที่มันอย่างเย็นชา และมันก็หนีหายไปอย่างไร้ร่องรอย
“วิชาเทพพลางตานี่ท้าทายสวรรค์จริงๆ!”
เจียงอี้ถอนหายใจอย่างปลื้มปริ่มและบินต่อไป สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของเขาพบเกาะเล็กๆซึ่งเป็นที่ที่เขาสามารถพักผ่อนและพักฟื้นได้ หลังจากที่ร่างกายของเจียงอี้ฟื้นตัวอย่างสมบูรณ์แล้ว เขาก็จะออกเดินทางไปยังทวีปจิ้งจอกสวรรค์ต่อ