เพลิงพิโรธสวรรค์ Fury towards the burning heaven - บทที่ 867 บันดาลหัวเจ้าน่ะสิ
หลังจากพักผ่อนได้หนึ่งวัน เจียงอี้ก็ออกเดินทางอีกครั้ง ขณะที่เขายังคงใช้ร่างเทวาทมิฬอยู่มันก็ปลอดภัยมาก เขาไม่ได้รีบร้อนอะไรและจะใช้วิชาหลีกสวรรค์เพื่อเดินทางพันล้านกิโลเมตรและพักผ่อนต่ออีกหนึ่งวัน การทำเช่นนี้จะทำให้ร่างกานและดวงจิตฟื้นคืนสู่สภาพปกติ และหากเขาต้องเผชิญอันตรายใดๆ เขาก็ใช้วิชาหลีกสวรรค์เพื่อหลบหนีไปได้ทุกเมื่อ
หลังจากที่ใช้วิชาหลีกสวรรค์มาห้าครั้งและพักไปหกวันแล้ว เจียงอี้ก็มาถึงทวีปจิ้งจอกสวรรค์ เขาไม่ได้กลับเป็นรูปลักษณ์เดิมและยังคงเดินทางเข้าทวีปจิ้งจอกสวรรค์ในฐานะเทวาทมิฬ จากนั้นเขาก็ใช้วิชาหลีกสวรรค์อีกครั้งเพื่อที่จะเข้าไปใกล้ๆเมืองหลวง จากนั้นหัวหน้าเผ่าจิ้งจอกสวรรค์นำทางเขาไปยังเมืองหลวง
เชียนเชียนไม่ได้หลอกลวงเขา ทะเลลึกไร้สิ้นสุดส่งเจ้าอสูรมาห้าตนและทั่วป๋าฉินกำลังรวมทวีปจิ้งจอกสวรรค์อยู่ จักรพรรดินีสัตว์อสูรและเสี่ยวเฟยเองก็อยู่ที่นี่กันอย่างปลอดภัย
“คารวะท่านใต้เท้าเทวาทมิฬ!”
หลังจากที่เข้าสู่เมืองหลวง เจียงอี้ก็เห็นผู้อาวุโสศักดิ์สิทธิ์ที่เป็นเจ้าอสูรสองตนและกลุ่มยอดฝีมือจิ้งจอกสวรรค์มาต้อนรับเขา เจียงอี้รู้แล้วว่าทั่วป๋าฉินไปทางเหนือและเขาก็ไม่แปลกใจกับเรื่องนี้เช่นกัน เขามองไปยังจักรพรรดินีสัตว์อสูรและถามว่า “เสี่ยวเฟยอยู่ที่ไหน?”
จักรพรรดินีสัตว์อสูรแปลกใจเล็กน้อย แต่ก็ยังตอบด้วยความเคารพว่า “ท่านใต้เท้าเทวาทมิฬ เสี่ยวเฟยเข้าสู่สันโดษอยู่และกำลังฝึกฝนวิชาลับของเผ่าจิ้งจอกสวรรค์เจ้าค่ะ”
“โอ้”
เจียงอี้โบกมือและพูดว่า “เข้าไปคุยกันข้างในเถอะ!” หลังจากที่เข้าไปในปราสาท เจียงอี้ก็ให้คนของเผ่าจิ้งจอกสวรรค์ออกไปและส่งข้อความเสียงว่า “จักรพรรดินีสัตว์อสูร ข้าคือเจียงอี้ ข้าใช้วิชาศักดิ์สิทธิ์ปลอมตัวเป็นเทวาทมิฬ ที่อยู่ของข้าจะต้องไม่รั่วไหลออกไป เจ้าอยู่ที่นี่สบายดีไหม?”
“เหอ…”
จักรพรรดินีสัตว์อสูรมองเจียงอี้อย่าสงสัยและไม่เชื่อสายตาของนางเอง คนตรงหน้านางเป็นเหมือนเทวาทิมฬเพราะเขาไม่มีกลิ่นอายของเจียงอี้เลย
เจียงอี้ยิ้มและส่งข้อความต่อ “ฮึฮึ จักรพรรดินีสัตว์อสูร เจ้ายังจำยอดเขาธิดาเทพได้ไหม? แดงน้อย, เมืองเซี่ยยวี่, เมืองเทียนชิง, ตู๋กูฉิว….?”
จักรพรรดินีสัตว์อสูรพยักหน้าอย่างรวดเร็วและมั่นใจว่าเป็นเจียงอี้แน่ๆ นางไม่ได้แสดงความประหลาดใจใดๆและพูดด้วยความเคารพว่า “ข้าต้องขอบคุณท่านใต้เท้าเทวาทมิฬที่เป็นห่วง ข้าน้อยและเสี่ยวเฟยอยู่ที่นี่กันเป็นอย่างดี เสี่ยวเฟยเองก็ก้าวหน้าอย่างรวดเร็วขณะที่ฝึกฝนอยู่ที่แดนลึกลับของเผ่าจิ้งจอกสวรรค์ องค์จักรพรรดินีและผู้อาวุโสทุกท่านเองก็ปฏิบัติต่อเราเป็นอย่างดี เราจึงอยู่ที่นี่กันอย่างสะดวกสบายเจ้าค่ะ”
เจียงอี้โล่งใจขึ้นมาและส่งข้อความต่ออีกว่า “จักรพรรดินี ข้าจำเป็นต้องเดินทางไปยังที่ห่างไกลและอาจไม่ได้เจอเจ้าและเสี่ยวเฟยอีกนาน หากเจ้ามีปัญหาอะไร ให้ส่งข้อความถึงเชียนเชียนได้เลย หากเจ้าอยู่ที่นี่ไม่มีความสุข เจ้าให้เชียนเชียนพาไปตำหนักซวนหวู่ที่ทะเลลึกไร้สิ้นสุดหรือเมืองเทพประทานได้เลย”
“อื้อ!”
จักรพรรดินีสัตว์อสูรพยักหน้าซ้ำแล้วซ้ำอีกและพูดกับเจียงอี้ด้วยความกังวล “ท่านใต้เท้าเทวาทมิฬ โปรดเดินทางปลอดภัย เสี่ยวเฟยคงคิดถึงท่านมากเจ้าค่ะ”
เจียงอี้อยากจะเจอเสี่ยวเฟย แต่น่าเสียดายที่นางเข้าสู่สันโดษอยู่และเนื่องจากนางอยู่ในแดนลึกลับของเผ่าจิ้งจอกสวรรค์เขาจึงไม่สามารถเข้าไปได้ เจียงอี้นั่งพักครู่หนึ่งก่อนที่จะกล่าวอำลา ก่อนที่เขาจะจากไป เขาก็ทิ้งภาพวาดเอาไว้ ซึ่งมันเป็นภาพเหมือนของตัวเขาและเสี่ยวเฟย และทิ้งความทรงจำเอาไว้หลังจากที่เสี่ยวเฟยออกสู่สันโดษ
“ข้าจะไปแล้ว จักรพรรดินีสัตว์อสูร รักษาเนื้อรักษาตัวด้วย”
เมื่อเขาทะยานขึ้นไปบนฟ้าของเมืองหลวง เจียงอี้หันหลังกลับไปและมองจักรพรรดินีสัตว์อสูรที่กำลังคำนับและมองเจียงอี้ จากนั้นนางก็พูดอย่างจริงใจว่า “รักษาตัวด้วยนะเจ้าคะ”
ฟรึ่บ!
เจียงอี้ไม่ได้รอทั่วป๋าฉินกลับมาขณะที่เขาบินออกไปทันที เขาไม่ได้ให้เผ่าจิ้งจอกสวรรค์คุ้มกันเขาขณะที่เขามองหาที่เปลี่ยวและใช้วิชาหลีกสวรรค์ทันที คราวนี้เขากำลังมุ่งหน้าไปยังเมืองเทพประทาน ก่อนที่เขาจะไป เขาจะต้องอำลาเฉียนว่านก้วน, เฟิ่งหลวนและคนอื่นๆก่อน และจะได้เตรียมการบางอย่างไว้ด้วย
….
“ไปแจ้งท่านใต้เท้าเฉียนและบอกว่าเฉียนคุนขอเรียกพบ!”
ยี่สิบหกวันต่อมา เจียงอี้ก็มาถึงนอกตำหนักซือถู ตอนนี้ร่างของเขาเป็นจอมยุทธวัยกลางคนธรรมดาและอยู่ขอบเขตเทียนจุนขั้นแรกเท่านั้น เขามีรูปลักษณ์ที่ไม่มีใครแลมองหากเขาอยู่ในฝูงผู้คน และตอนนี้เขาก็พูดกับทหารรักษาการณ์ที่นอกตำหนักซือถู
ใต้เท้าเฉียนที่เขากำลังพูดถึงนั้นคือเฉียนว่านก้วนอยู่แล้ว!
ทหารลังเลและมองเจียงอี้ขณะที่เฉียนว่านก้วนเป็นบุตรเขยตระกูลซือถู จะมีใครมาขอพบเขาก็ได้หรอ? แต่ก่อนที่ทหารจะกำจัดเขาไปให้พ้นทาง เจียงอี้ก็พูดอย่างเย็นชาว่า “ไปแจ้งเข้าสิ เจ้าแค่ต้องนำชื่อเฉียนคุนไปบอกเขา แล้วใต้เท้าเฉียนจะมาเจอข้าแน่ๆ หากเขาไม่มาเจอข้า เจ้าสังหารข้าได้เลย!” ทหารมองหน้ากันและยืนยันว่าเจียงอี้ไม่ใช่คนปัญญาอ่อนเพราะไม่มีใครเอาชีวิตตัวเองมาเล่นตลก ทหารคนหนึ่งจึงรีบเดินไปยังปราสาทเฉียนทันที
เจียงอี้ยืนรออย่างเฉยเมย เขาใช้เวลายี่สิบหกวันกว่าจะมาถึงเมืองเทพประทานและเปลี่ยนร่างและปกปิดประวัติของตัวเอง เมืองเทพประทานแห่งนี้มีสายลับของทวีปจักรพรรดิบูรพาแน่ๆ และแม้แต่ตำหนักซือถูเองก็ไม้เว้น ดังนั้นเขาจึงต้องระวังตัวเอาไว้ก่อน
ตามที่ทุกๆคนเห็น เจียงอี้ได้ไปยังทะเลลึกไร้สิ้นสุด หากเขากลับมาเผ่าเทพประทาน เขาก็จะเป็นที่สนใจอย่างมากแน่นอน เจียงอี้ต้องการให้สายลับจากทวีปจักรพรรดิบูรพาเข้าใจว่าเขาไม่เคยกลับมาจากทะเลลึกไร้สิ้นสุดเลย จากนั้นเขาจึงจะแทรกซึมเข้าไปในทวีปจักรพรรดิบูรพาและวางแผนลับๆได้
“ท่านใต้เท้าเฉียนบอกให้ท่านเข้าไปได้”
ทหารออกมาอย่างรวดเร็วและเคารพเขามากขึ้น ทหารทั้งสองพาเจียงอี้ไปที่ตำหนักซือถูและหลังจากที่ผ่านไปหลายเลี้ยว ในที่สุดพวกเขาก็มาถึงปราสาทเฉียน บ้านของเฉียนว่านก้วน
หลังจากที่เข้าไปในปราสาทเฉียนแล้ว เจียงอี้ก็สัมผัสได้ถึงกลิ่นอายที่ทรงพลังทั้งแปดที่เพ่งเล็งมาที่เขา หนึ่งในนั้นอยู่ขอบเขตกึ่งเทพ และหลังจากที่ตรวจสอบอยู่ครู่หนึ่ง พวกนั้นก็หายตัวไป เจียงอี้ก็ได้รับการอนุมัติอย่างเงียบๆซึ่งปราสาทเฉียนนั้นปลอดภัยอย่างแน่นอน
“เจ้าเป็นใคร?”
มีเยาวชนที่น่าเกรงขามผู้หนึ่งเดินออกมาจากห้องโถงใหญ่ หลังจากผ่านไปไม่กี่เดือน เฉียนว่านก้วนก็ผอมลงกว่าเดิมและกลิ่นอายของเขาก็พิเศษมากยิ่งขึ้น ซึ่งคำพูดเดียวจากเขาก็ทำให้เจียงอี้รู้สึกกดดันเล็กน้อยแล้ว
เจียงอี้มองไปที่เฉียนว่านก้วนที่ดูขี้สงสัยและป้องมือว่า “ท่านใต้เท้าเฉียน ข้าน้อยเฉียนคุนจากสำนักจิตอสูร ตอนนั้นข้าโชคดีที่ได้ท่องโลกไปกับท่านใต้เท้าเฉียน อย่างหุบเขาทลายวิญญาณ, สุสานราชันสวรรค, ยอดเขาเทพธิดา, เกาะดาวตก… ใต้เท้าเฉียนยังจำได้ไหมขอรับ?”
ดวงตาของเฉียนว่านก้วนเป็นประกายด้วยความหลักแหลมก่อนที่เขาจะเผยรอยยิ้มและพยักหน้า “ข้าจำได้ เข้ามาก่อน แล้วเราค่อยมาคุยกันเถอะ!”
เจียงอี้เลื่อมใสในความฉลาดหลักแหลมของเฉียนว่านก้วนขณะที่เขาเดินตามเข้าไปข้างในทันที และเมื่อเฉียนว่านก้วนเข้ามาข้างใน เขาก็โบกมือทันทีและพูดว่า “ทุกคน ออกไปซะ เปิดใช้อาคมยับยั้ง ข้าจะต้อนรับแขก และวันนี้ข้าจะไม่พบใครทั้งนั้น”
“ลูกพี่ นี่เจ้าหรอ?”
เมื่อเปิดใช้อาคมยับยั้งแล้ว เฉียนว่านก้วนก็กระเด้งตัวทันทีและเต็มไปด้วยความประหลาดใจขณะที่กลิ่นอายที่น่าเกรงขามนั้นหายไปด้วย
เจียงอี้ยิ้มออกมา ร่างกายของเขาค่อยๆเปลี่ยนไปและรัศมีของเขาก็กลับสู่ปกติ เขาพยักหน้าและพูดว่า “ว่านก้วน ไม่ได้เจอกันนานนะ เจ้าคนเสเพลผอมลงไปมากนักนะ เห๊อะ? ตอนนี้เจ้าดูดีกว่าเดิมมากนัก”
“ฮ่าฮ่าฮ่า!”
เฉียนว่านก้วนเดินไปหาเจียงอี้และกอดเขาพร้อมทำท่าทีสะเทือนอารมณ์ ขณะที่ว่านก้วนถามว่า “ลูกพี่ ก่อนหน้านี้เจ้าใช้ความสามารถอะไรกัน? เจ้าเปลี่ยนเป็นคนอื่นได้อย่างสิ้นเชิงเลยหรอ? หากเจ้าไม่พูดเรื่องพวกนั้นมา ข้าคงเดาไม่ได้เลย โอ้ใช่…ลูกพี่ ทำไมปลอมตัวแล้วแอบกลับมาล่ะ? แล้วเสี่ยวนู๋ล่ะ?”
“ฮึฮึ!”
เจียงอี้ถูจมูกและหัวเราะ “นี่คิอวิชาเทพพลางตา อย่าว่าแต่เจ้าเลย ถึงข้าจะยืนอยู่ต่อหน้าพ่อตาเจ้า เขาก็จำข้าไม่ได้หรอก อืม….แม้แต่ตาเฒ่าคร่ำครึเหล่านั้นเองก็คงได้แค่ฝันว่าจะเห็นตัวตนที่แท้จริงข้าหากพวกเขาไม่มีความสามารถพิเศษ! เสี่ยวนู๋อยู่ในตำหนักซวนหวู่น่ะ เอ๋าหลูบอกว่าเขาจะช่วยให้นางเข้าถึงศาสตร์ศักดิ์สิทธิ์ขนนกสีหมึกขั้นที่สาม และที่ข้าปลอมตัวนั้นเป็นเพราะว่า…ข้ากำลังจะไปทวีปจักรพรรดิบูรพา!”
“ทวีปจักรพรรดิบูรพา?”
ดวงตาของเฉียนว่านก้วนหดลงขณะที่เขาเผยความประหลาดใจ เขาตบมือของเขาแล้วพูดขึ้นว่า “ลูกพี่ ข้าจะไปด้วย! ไม่ว่าจะเป็นภูเขาแหลมคมหรือทะเลเพลิง เราพี่น้องจะร่วมผจญภัยไปด้วยกัน เราจะไปบันดาลโทสะทวีปจักรพรรดิบูรพาแล้วพลิกทวีปไปเลย!”
“บันดาลหัวเจ้าน่ะสิ!”
เจียงอี้ตบที่หลังหัวเฉียนว่านก้วนและหัวเราะขณะที่ตำหนิเขาไปด้วย “พาทุกคนมาที่นี่ ข้าต้องเตรียมการบางอย่างและข้าจะไปจากที่นี่หลังจากที่พักอยู่ที่นี่อีกสักหน่อย”
หลังจากที่ใช้วิชาหลีกสวรรค์มาห้าครั้งและพักไปหกวันแล้ว เจียงอี้ก็มาถึงทวีปจิ้งจอกสวรรค์ เขาไม่ได้กลับเป็นรูปลักษณ์เดิมและยังคงเดินทางเข้าทวีปจิ้งจอกสวรรค์ในฐานะเทวาทมิฬ จากนั้นเขาก็ใช้วิชาหลีกสวรรค์อีกครั้งเพื่อที่จะเข้าไปใกล้ๆเมืองหลวง จากนั้นหัวหน้าเผ่าจิ้งจอกสวรรค์นำทางเขาไปยังเมืองหลวง
เชียนเชียนไม่ได้หลอกลวงเขา ทะเลลึกไร้สิ้นสุดส่งเจ้าอสูรมาห้าตนและทั่วป๋าฉินกำลังรวมทวีปจิ้งจอกสวรรค์อยู่ จักรพรรดินีสัตว์อสูรและเสี่ยวเฟยเองก็อยู่ที่นี่กันอย่างปลอดภัย
“คารวะท่านใต้เท้าเทวาทมิฬ!”
หลังจากที่เข้าสู่เมืองหลวง เจียงอี้ก็เห็นผู้อาวุโสศักดิ์สิทธิ์ที่เป็นเจ้าอสูรสองตนและกลุ่มยอดฝีมือจิ้งจอกสวรรค์มาต้อนรับเขา เจียงอี้รู้แล้วว่าทั่วป๋าฉินไปทางเหนือและเขาก็ไม่แปลกใจกับเรื่องนี้เช่นกัน เขามองไปยังจักรพรรดินีสัตว์อสูรและถามว่า “เสี่ยวเฟยอยู่ที่ไหน?”
จักรพรรดินีสัตว์อสูรแปลกใจเล็กน้อย แต่ก็ยังตอบด้วยความเคารพว่า “ท่านใต้เท้าเทวาทมิฬ เสี่ยวเฟยเข้าสู่สันโดษอยู่และกำลังฝึกฝนวิชาลับของเผ่าจิ้งจอกสวรรค์เจ้าค่ะ”
“โอ้”
เจียงอี้โบกมือและพูดว่า “เข้าไปคุยกันข้างในเถอะ!” หลังจากที่เข้าไปในปราสาท เจียงอี้ก็ให้คนของเผ่าจิ้งจอกสวรรค์ออกไปและส่งข้อความเสียงว่า “จักรพรรดินีสัตว์อสูร ข้าคือเจียงอี้ ข้าใช้วิชาศักดิ์สิทธิ์ปลอมตัวเป็นเทวาทมิฬ ที่อยู่ของข้าจะต้องไม่รั่วไหลออกไป เจ้าอยู่ที่นี่สบายดีไหม?”
“เหอ…”
จักรพรรดินีสัตว์อสูรมองเจียงอี้อย่าสงสัยและไม่เชื่อสายตาของนางเอง คนตรงหน้านางเป็นเหมือนเทวาทิมฬเพราะเขาไม่มีกลิ่นอายของเจียงอี้เลย
เจียงอี้ยิ้มและส่งข้อความต่อ “ฮึฮึ จักรพรรดินีสัตว์อสูร เจ้ายังจำยอดเขาธิดาเทพได้ไหม? แดงน้อย, เมืองเซี่ยยวี่, เมืองเทียนชิง, ตู๋กูฉิว….?”
จักรพรรดินีสัตว์อสูรพยักหน้าอย่างรวดเร็วและมั่นใจว่าเป็นเจียงอี้แน่ๆ นางไม่ได้แสดงความประหลาดใจใดๆและพูดด้วยความเคารพว่า “ข้าต้องขอบคุณท่านใต้เท้าเทวาทมิฬที่เป็นห่วง ข้าน้อยและเสี่ยวเฟยอยู่ที่นี่กันเป็นอย่างดี เสี่ยวเฟยเองก็ก้าวหน้าอย่างรวดเร็วขณะที่ฝึกฝนอยู่ที่แดนลึกลับของเผ่าจิ้งจอกสวรรค์ องค์จักรพรรดินีและผู้อาวุโสทุกท่านเองก็ปฏิบัติต่อเราเป็นอย่างดี เราจึงอยู่ที่นี่กันอย่างสะดวกสบายเจ้าค่ะ”
เจียงอี้โล่งใจขึ้นมาและส่งข้อความต่ออีกว่า “จักรพรรดินี ข้าจำเป็นต้องเดินทางไปยังที่ห่างไกลและอาจไม่ได้เจอเจ้าและเสี่ยวเฟยอีกนาน หากเจ้ามีปัญหาอะไร ให้ส่งข้อความถึงเชียนเชียนได้เลย หากเจ้าอยู่ที่นี่ไม่มีความสุข เจ้าให้เชียนเชียนพาไปตำหนักซวนหวู่ที่ทะเลลึกไร้สิ้นสุดหรือเมืองเทพประทานได้เลย”
“อื้อ!”
จักรพรรดินีสัตว์อสูรพยักหน้าซ้ำแล้วซ้ำอีกและพูดกับเจียงอี้ด้วยความกังวล “ท่านใต้เท้าเทวาทมิฬ โปรดเดินทางปลอดภัย เสี่ยวเฟยคงคิดถึงท่านมากเจ้าค่ะ”
เจียงอี้อยากจะเจอเสี่ยวเฟย แต่น่าเสียดายที่นางเข้าสู่สันโดษอยู่และเนื่องจากนางอยู่ในแดนลึกลับของเผ่าจิ้งจอกสวรรค์เขาจึงไม่สามารถเข้าไปได้ เจียงอี้นั่งพักครู่หนึ่งก่อนที่จะกล่าวอำลา ก่อนที่เขาจะจากไป เขาก็ทิ้งภาพวาดเอาไว้ ซึ่งมันเป็นภาพเหมือนของตัวเขาและเสี่ยวเฟย และทิ้งความทรงจำเอาไว้หลังจากที่เสี่ยวเฟยออกสู่สันโดษ
“ข้าจะไปแล้ว จักรพรรดินีสัตว์อสูร รักษาเนื้อรักษาตัวด้วย”
เมื่อเขาทะยานขึ้นไปบนฟ้าของเมืองหลวง เจียงอี้หันหลังกลับไปและมองจักรพรรดินีสัตว์อสูรที่กำลังคำนับและมองเจียงอี้ จากนั้นนางก็พูดอย่างจริงใจว่า “รักษาตัวด้วยนะเจ้าคะ”
ฟรึ่บ!
เจียงอี้ไม่ได้รอทั่วป๋าฉินกลับมาขณะที่เขาบินออกไปทันที เขาไม่ได้ให้เผ่าจิ้งจอกสวรรค์คุ้มกันเขาขณะที่เขามองหาที่เปลี่ยวและใช้วิชาหลีกสวรรค์ทันที คราวนี้เขากำลังมุ่งหน้าไปยังเมืองเทพประทาน ก่อนที่เขาจะไป เขาจะต้องอำลาเฉียนว่านก้วน, เฟิ่งหลวนและคนอื่นๆก่อน และจะได้เตรียมการบางอย่างไว้ด้วย
….
“ไปแจ้งท่านใต้เท้าเฉียนและบอกว่าเฉียนคุนขอเรียกพบ!”
ยี่สิบหกวันต่อมา เจียงอี้ก็มาถึงนอกตำหนักซือถู ตอนนี้ร่างของเขาเป็นจอมยุทธวัยกลางคนธรรมดาและอยู่ขอบเขตเทียนจุนขั้นแรกเท่านั้น เขามีรูปลักษณ์ที่ไม่มีใครแลมองหากเขาอยู่ในฝูงผู้คน และตอนนี้เขาก็พูดกับทหารรักษาการณ์ที่นอกตำหนักซือถู
ใต้เท้าเฉียนที่เขากำลังพูดถึงนั้นคือเฉียนว่านก้วนอยู่แล้ว!
ทหารลังเลและมองเจียงอี้ขณะที่เฉียนว่านก้วนเป็นบุตรเขยตระกูลซือถู จะมีใครมาขอพบเขาก็ได้หรอ? แต่ก่อนที่ทหารจะกำจัดเขาไปให้พ้นทาง เจียงอี้ก็พูดอย่างเย็นชาว่า “ไปแจ้งเข้าสิ เจ้าแค่ต้องนำชื่อเฉียนคุนไปบอกเขา แล้วใต้เท้าเฉียนจะมาเจอข้าแน่ๆ หากเขาไม่มาเจอข้า เจ้าสังหารข้าได้เลย!” ทหารมองหน้ากันและยืนยันว่าเจียงอี้ไม่ใช่คนปัญญาอ่อนเพราะไม่มีใครเอาชีวิตตัวเองมาเล่นตลก ทหารคนหนึ่งจึงรีบเดินไปยังปราสาทเฉียนทันที
เจียงอี้ยืนรออย่างเฉยเมย เขาใช้เวลายี่สิบหกวันกว่าจะมาถึงเมืองเทพประทานและเปลี่ยนร่างและปกปิดประวัติของตัวเอง เมืองเทพประทานแห่งนี้มีสายลับของทวีปจักรพรรดิบูรพาแน่ๆ และแม้แต่ตำหนักซือถูเองก็ไม้เว้น ดังนั้นเขาจึงต้องระวังตัวเอาไว้ก่อน
ตามที่ทุกๆคนเห็น เจียงอี้ได้ไปยังทะเลลึกไร้สิ้นสุด หากเขากลับมาเผ่าเทพประทาน เขาก็จะเป็นที่สนใจอย่างมากแน่นอน เจียงอี้ต้องการให้สายลับจากทวีปจักรพรรดิบูรพาเข้าใจว่าเขาไม่เคยกลับมาจากทะเลลึกไร้สิ้นสุดเลย จากนั้นเขาจึงจะแทรกซึมเข้าไปในทวีปจักรพรรดิบูรพาและวางแผนลับๆได้
“ท่านใต้เท้าเฉียนบอกให้ท่านเข้าไปได้”
ทหารออกมาอย่างรวดเร็วและเคารพเขามากขึ้น ทหารทั้งสองพาเจียงอี้ไปที่ตำหนักซือถูและหลังจากที่ผ่านไปหลายเลี้ยว ในที่สุดพวกเขาก็มาถึงปราสาทเฉียน บ้านของเฉียนว่านก้วน
หลังจากที่เข้าไปในปราสาทเฉียนแล้ว เจียงอี้ก็สัมผัสได้ถึงกลิ่นอายที่ทรงพลังทั้งแปดที่เพ่งเล็งมาที่เขา หนึ่งในนั้นอยู่ขอบเขตกึ่งเทพ และหลังจากที่ตรวจสอบอยู่ครู่หนึ่ง พวกนั้นก็หายตัวไป เจียงอี้ก็ได้รับการอนุมัติอย่างเงียบๆซึ่งปราสาทเฉียนนั้นปลอดภัยอย่างแน่นอน
“เจ้าเป็นใคร?”
มีเยาวชนที่น่าเกรงขามผู้หนึ่งเดินออกมาจากห้องโถงใหญ่ หลังจากผ่านไปไม่กี่เดือน เฉียนว่านก้วนก็ผอมลงกว่าเดิมและกลิ่นอายของเขาก็พิเศษมากยิ่งขึ้น ซึ่งคำพูดเดียวจากเขาก็ทำให้เจียงอี้รู้สึกกดดันเล็กน้อยแล้ว
เจียงอี้มองไปที่เฉียนว่านก้วนที่ดูขี้สงสัยและป้องมือว่า “ท่านใต้เท้าเฉียน ข้าน้อยเฉียนคุนจากสำนักจิตอสูร ตอนนั้นข้าโชคดีที่ได้ท่องโลกไปกับท่านใต้เท้าเฉียน อย่างหุบเขาทลายวิญญาณ, สุสานราชันสวรรค, ยอดเขาเทพธิดา, เกาะดาวตก… ใต้เท้าเฉียนยังจำได้ไหมขอรับ?”
ดวงตาของเฉียนว่านก้วนเป็นประกายด้วยความหลักแหลมก่อนที่เขาจะเผยรอยยิ้มและพยักหน้า “ข้าจำได้ เข้ามาก่อน แล้วเราค่อยมาคุยกันเถอะ!”
เจียงอี้เลื่อมใสในความฉลาดหลักแหลมของเฉียนว่านก้วนขณะที่เขาเดินตามเข้าไปข้างในทันที และเมื่อเฉียนว่านก้วนเข้ามาข้างใน เขาก็โบกมือทันทีและพูดว่า “ทุกคน ออกไปซะ เปิดใช้อาคมยับยั้ง ข้าจะต้อนรับแขก และวันนี้ข้าจะไม่พบใครทั้งนั้น”
“ลูกพี่ นี่เจ้าหรอ?”
เมื่อเปิดใช้อาคมยับยั้งแล้ว เฉียนว่านก้วนก็กระเด้งตัวทันทีและเต็มไปด้วยความประหลาดใจขณะที่กลิ่นอายที่น่าเกรงขามนั้นหายไปด้วย
เจียงอี้ยิ้มออกมา ร่างกายของเขาค่อยๆเปลี่ยนไปและรัศมีของเขาก็กลับสู่ปกติ เขาพยักหน้าและพูดว่า “ว่านก้วน ไม่ได้เจอกันนานนะ เจ้าคนเสเพลผอมลงไปมากนักนะ เห๊อะ? ตอนนี้เจ้าดูดีกว่าเดิมมากนัก”
“ฮ่าฮ่าฮ่า!”
เฉียนว่านก้วนเดินไปหาเจียงอี้และกอดเขาพร้อมทำท่าทีสะเทือนอารมณ์ ขณะที่ว่านก้วนถามว่า “ลูกพี่ ก่อนหน้านี้เจ้าใช้ความสามารถอะไรกัน? เจ้าเปลี่ยนเป็นคนอื่นได้อย่างสิ้นเชิงเลยหรอ? หากเจ้าไม่พูดเรื่องพวกนั้นมา ข้าคงเดาไม่ได้เลย โอ้ใช่…ลูกพี่ ทำไมปลอมตัวแล้วแอบกลับมาล่ะ? แล้วเสี่ยวนู๋ล่ะ?”
“ฮึฮึ!”
เจียงอี้ถูจมูกและหัวเราะ “นี่คิอวิชาเทพพลางตา อย่าว่าแต่เจ้าเลย ถึงข้าจะยืนอยู่ต่อหน้าพ่อตาเจ้า เขาก็จำข้าไม่ได้หรอก อืม….แม้แต่ตาเฒ่าคร่ำครึเหล่านั้นเองก็คงได้แค่ฝันว่าจะเห็นตัวตนที่แท้จริงข้าหากพวกเขาไม่มีความสามารถพิเศษ! เสี่ยวนู๋อยู่ในตำหนักซวนหวู่น่ะ เอ๋าหลูบอกว่าเขาจะช่วยให้นางเข้าถึงศาสตร์ศักดิ์สิทธิ์ขนนกสีหมึกขั้นที่สาม และที่ข้าปลอมตัวนั้นเป็นเพราะว่า…ข้ากำลังจะไปทวีปจักรพรรดิบูรพา!”
“ทวีปจักรพรรดิบูรพา?”
ดวงตาของเฉียนว่านก้วนหดลงขณะที่เขาเผยความประหลาดใจ เขาตบมือของเขาแล้วพูดขึ้นว่า “ลูกพี่ ข้าจะไปด้วย! ไม่ว่าจะเป็นภูเขาแหลมคมหรือทะเลเพลิง เราพี่น้องจะร่วมผจญภัยไปด้วยกัน เราจะไปบันดาลโทสะทวีปจักรพรรดิบูรพาแล้วพลิกทวีปไปเลย!”
“บันดาลหัวเจ้าน่ะสิ!”
เจียงอี้ตบที่หลังหัวเฉียนว่านก้วนและหัวเราะขณะที่ตำหนิเขาไปด้วย “พาทุกคนมาที่นี่ ข้าต้องเตรียมการบางอย่างและข้าจะไปจากที่นี่หลังจากที่พักอยู่ที่นี่อีกสักหน่อย”