เพลิงพิโรธสวรรค์ Fury towards the burning heaven - บทที่ 868 คำขอของจ้านอู๋ซวง
“นายน้อย!” “เจียงอี้!” “ท่านจอมพล!” “น้องเล็ก!”
คนของเฉียนว่านก้วนไปเรียกเฟิ่งหลวน, จ้านอู๋ซวง, หยุนเฟย และเจ๊ใหญ่กระพรวนกังวานมา และพวกเขาทั้งหมดต่างก็มีสีหน้าที่ยินดี ตำหนักซือถูอาจมีความปลอดภัยอย่างแท้จริง, มีอาหารอันโอชะที่หรูหราและไวน์ พวกเขาจะขออะไรก็ได้และตระกูลซือถูก็จัดหามาให้ทันที แต่วันที่ไร้เจียงอี้มันทำให้ทุกๆคนรู้สึกเหมือนขาดอะไรบางอย่างไปและชีวิตก็น่าเบื่อ
“ทุกคนนั่งเถอะ ข้ากลับมาเงียบๆและข้ามีเรื่องจะบอกพวกเจ้าทุกคน”
เจียงอี้มีความไว้เนื้อเชื่อใจอย่างที่สุดกับคนเหล่านี้และเขาไม่คิดจะปิดบังอะไรจากพวกเขา แต่การเดินทางครั้งนี้หนักเกินไปและเขาอาจพินาศไปในทวีปจักรพรรดิบูรพาได้ การจากลาในครั้งนี้อาจเป็นการจากลาชั่วนิรันดร์
เจียงอี้เล่าทุกอย่างเกี่ยวกับทะเลลึกไร้สิ้นสุดและเรื่องที่เกี่ยวกับจักรพรรดินีสัตว์อสูรและเสี่ยวเฟย แต่เขาปกปิดภารกิจสองอย่างที่เอ๋าหลูร้องขอมา เนื่องจากมันไม่มีประโยชน์อะไรที่พวกเขาจะรู้เรื่องนี้ หนึ่งในนั้นคือเรื่องที่เกี่ยวกับชีวิตของเชียนเชียน ซึ่งเขาไม่อยากพูดมันมากนัก เขาเพียงแค่บอกว่าเขาเข้าถึงวิชาเทพพรางตาและตัดสินใจจะไปยังทวีปจักรพรรดิบูรพาเพื่อช่วยซูรั่วเสวี่ยและตามหาอีเพียวเพียว
“นายน้อย ข้าจะไปกับท่านด้วย!”
ในเวลาเดียวกัน เฟิ่งหลวนและชิงหยีก็พูดออกมาอย่างไม่ลังเล ส่วนจ้านอู๋ซวงและหยุนเฟยก็มองหน้ากันเงียบๆ แต่ดวงตาของพวกเขาเต็มไปด้วยความกังวล และดวงตาของเจ๊ใหญ่กระพรวนกังวานเองก็เต็มไปด้วยความกังวลเช่นกัน
“จะไม่มีการตัดสินใจในเรื่องนี้กัน!”
เจียงอี้มองเฟิ่งหลวนและชิงหยีขณะที่เขาพูดว่า “เจ้าทั้งสองคนมีทางเลือกสองทาง ข้าพาเจ้ากลับไปยังทวีปเฟิ่งหมิงหรือไม่ก็รอข้าที่นี่”
เมื่อเห็นสีหน้าของเจียงอี้ ดวงตาของพวกนางก็มืดหม่นขณะที่ไม่ได้พูดอะไรออกมาอีก
ทั้งสองคนเงียบไปครู่หนึ่ง จนในที่สุดเฟิ่งหลวนก็พูดขึ้นว่า “เราจะรอนายน้อยกลับมา เราจะไม่กลับไปยังทวีปเฟิ่งหมิง เราจะรอการกลับมาที่ยิ่งใหญ่ของนายน้อยเจ้าค่ะ”
“เอาล่ะ!”
เจียงอี้เอื้อมมือไปโอบทั้งสองเอาไว้ เขาไม่ได้ให้สัญญาใดๆ เพราะเขารู้ดีว่าที่ทั้งคู่ไม่อยากกลับทวีปไปตอนนี้เพราะพวกนางเป็นห่วงความปลอดภัยของเขา ทวีปเฟิ่งหมิงเต็มไปด้วยสายลับเก้าตระกูลจักรพรรดิ และพวกเขาจะถูกจับจ้องทันทีที่กลับไป และในเมื่อตระกูลของพวกนางยังมีชิ้นส่วนรูปแบบเต๋าวิญญาณอยู่ในขณะที่จะต้องมีจักรพรรดินีคอยปกครองเมืองอยู่ มันก็ไม่มีความหมายอะไรให้พวกนางกลับไป “ลูกพี่ ข้า…”
เฉียนว่านก้วนอยากจะพูดอะไรบางอย่างออกมา แต่สุดท้ายก็ไม่ได้พูด หากเขาไปทวีปจักรพรรดิบูรพาด้วย เขารู้ว่าเขาคงจะเป็นภาระของเจียงอี้เท่านั้น สิ่งที่เขาต้องทำคือการเดินหน้าสมาคมการค้ามังกรโผบินต่อไปและคอยสนับสนุนเจียงอี้ในยามจำเป็น
“เอาล่ะ เรื่องนี้ถูกตัดสินใจแล้ว ข้าจะพักสามวันก่อนจะออกเดินทาง ที่อยู่ของข้าจะต้องไม่รั่วไหลออกไป ว่านก้วน เจ้าอย่าแม้แต่จะบอกอีเนี่ยนด้วย!”
เจียงอี้โบกมือและตัดสินใจครั้งสุดท้าย ด้านเฉียนว่านก้วนเองก็เข้าใจความรุนแรงของสถานการณ์นี้เช่นกันและไม่คิดที่จะบอกอีเนี่ยน ไม่ใช่เพราะเขาไม่ไว้ใจนาง แต่ยิ่งคนรู้เรื่องนี้น้อยเท่าไหร่ เจียงอี้ก็ยิ่งปลอดภัยมากขึ้นเท่านั้น
หลังจากนั้น เฉียนว่านก้วนก็คอยอธิบายเรื่องสถานการณ์ของสมาคมการค้ามังกรโผบินและความสงบของเผ่าเทพประทานให้เจียงอี้ฟัง และเมื่อมีเอ๋าหลูอยู่ใกล้ๆ จะไม่มีผู้ใดกล้าแตะต้องพวกเขา ตระกูลซือถูเองก็กำลังพัฒนาอย่างรวดเร็ว แต่ซือถูอ้าวรู้ดีว่าไม้ที่โดดเด่นนั้นจะถูกลมพัดปลิวได้อย่างง่ายดาย ดังนั้นเขาจึงค่อยๆพัฒนาอย่างมั่นคงและเติบโตอย่างช้าๆและไม่ทำตัวให้เป็นที่จับตามองนัก
สมาคมการค้ามังกรโผบินก็กำลังเป็นไปได้ด้วยดีขณะที่ตระกูลซือถูร่วมมือกับตระกูลอื่นๆเพื่อสร้างกลุ่มลับในการกวาดล้างสายลับจากทวีปจักรพรรดิบูรพาไป และมันก็มีประสิทธิภาพมาก
ในเวลาเดียวกัน ตระกูลซือถูก็ส่งกองกำลังลับของพวกเขาไปควบคุมทวีปเล็กๆที่อยู่ทางตะวันออกเฉียงเหนือของทวีปจักรพรรดิบูรพา และพวกเขาก็คอยบ่มเลี้ยงตระกูลหนึ่งเพื่อทำให้แข็งแกร่งขึ้น พวกเขาจะให้ตระกูลนี้คอยแทรกซึมเข้าไปในทวีปจักรพรรดิบูรพาอย่างช้าๆ เฉียนว่านก้วนเองก็เตรียมการไว้ห้าถึงสิบปีเพื่อควบคุมเขตแดนหนึ่งในทวีปจักรพรรดิบูรพาด้วย เขากำลังจะเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้เขตแดนนั้นช้าๆและค่อยๆกลืนกินส่วนที่เหลือของทวีปจักรพรรดิบูรพา
แผนการนั้นเป็นไปอย่างพิถีพิถันและความคิดก็ดีด้วย
เฉียนว่านก้วนจะใช้เวลาทั้งชีวิตเพื่อมุ่งมั่นกับงานนี้ไม่ว่าจะทำสำเร็จหรือไม่
ด้านเจียงอี้ก็ไม่ค่อยเข้าใจเรื่องพวกนี้ แต่เฉียนว่านก้วนกระตือรือร้นมากๆเมื่อทำเรื่องพวกนี้สำเร็จ เขาไม่ต้องการคำแนะนำของเจียงอี้ และเจียงอี้ก็ไม่สามารถแนะนำเขาได้ในหลายๆด้านเช่นกัน เจียงอี้ตบบ่าของเฉียนว่านก้วนและบอกเฉียนว่านก้วนว่าเขาจะเป็นผู้หนุนหลังที่แข็งแกร่งของเฉียนว่านก้วนตลอดไปและขอให้เฉียนว่านก้วนทำในสิ่งที่ตัวเองต้องการ หากฟ้าจะถล่ม พวกเขาก็จะแบกมันไปด้วยกัน
“เจียงอี้ ข้ามีเรื่องจะพูดกับเจ้า!”
จู่ๆ จ้านอู๋ซวงก็พูดขึ้นเมื่อเขาเห็นว่าเจียงอี้คุยกับว่านก้วนเสร็จแล้ว เจียงอี้มองไปทางจ้านอู๋ซวงด้วยที่ทีงุนงง เนื่องจากที่นี่เป็นเหมือนครอบครัว และคงไม่มีอะไรที่พูดกันไม่ได้หรอกใช่ไหม?
แต่เมื่อจ้านอู๋ซวงเสนอมาแล้ว เจียงอี้ก็พยักหน้าและเดินเข้าไปในห้องพร้อมเปิดอาคมยับยั้ง จากนั้นจ้านอู๋ซวงก็เข้าเรื่องทันที “เจียงอี้ ข้าอยากจะไปทวีปจักรพรรดิบูรพากับเจ้าด้วย”
“เจียงอี้ อย่าเพิ่งรีบร้อนและฟังข้าก่อน!”
เมื่อเห็นว่าเจียงอี้กำลังจะปฏิเสธ จ้านอู๋ซวงก็รีบพูดทันที “ข้าไม่ได้พยายามจะโยนชีวิตตัวเองทิ้งไปที่ทวีปจักรพรรดิบูรพาและข้าเองก็ไม่ใช่เด็กอีกต่อไป และจะไม่ทำตัวโง่เขลาหรือบุ่มบ่าม ที่ข้าอยากไปนั่นเป็นเพราะความปรารถนาของพ่อข้า หรือเรียกได้ว่าเป็นความปรารถนาของเผ่าพันธุ์พวกเราเลยก็ได้!”
“หืม?”
เจียงอี้ขมวดคิ้วและถามอย่างจริงจัง “เรื่องอะไรกัน? เล่าให้ข้าฟังที” จ้านอู๋ซวงนิ่งชั่วขณะก่อนจะอธิบายว่า “อันที่จริงแล้ว เผ่าของเราไม่ได้เกิดและเติบโตในทวีปเทียนชิง ผู้ก่อตั้งตระกูลของเราออกเดินทางจากทวีปจักรพรรดิบูรพามาหลายหมื่นปีและมายังทวีปเทียนชิง เขาไม่ได้บอกว่าเขามาจากตระกูลไหนก่อนที่เขาจะตาย แต่เขาทิ้งคำพูดสุดท้ายเอาไว้ก่อนที่เขาจะตาย เขาบอกว่าหากตระกูลของเรามีทายาทที่ถูกปลุกขึ้นจากสายเลือดตระกูลเทพสงคราม พวกเขาเหล่านั้นสามารถไปตามหาตระกูลต้นกำเนิดในทวีปจักรพรรดิบูรพาได้และกลับไปยังตระกูลต้นกำเนิดได้ เขายังได้ทิ้งป้ายเอาไว้ด้วย”
“ตระกูลจ้านมีลูกหลานมากมายที่เป็นสายเลือดเทพสงคราม แต่ไม่มีผู้ใดมีพลังมากพอที่จะกลับไปยังทวีปจักรพรรดิบูรพาเลยนอกจากข้า ก่อนที่ข้าจะจากมา พ่อข้าขอให้ข้าเดินทางไปยังทวีปจักรพรรดิบูรพาเมื่อข้ามีโอกาสที่จะได้ตามหาต้นตระกูลได้และรวมตัวกับตระกูลนั้น” “ตระกูลจ้าน?”
ดวงตาของเจียงอี้เปล่งประกายไปด้วยความสงสัยขณะที่มองจ้านอู๋ซวง “ต้นตระกูลเจ้าคงไม่ใช่ตระกูลจ้านของเก้าตระกูลจักรพรรดิหรอกใช่ไหม?”
“ไม่น่าใช่ ทักษะการฝึกฝนของเผ่าเทพสงครามนั้นต่างจากตระกูลจ้านของเก้าตระกูลจักรพรรดิ เนื่องจากมันกว้างใหญ่มาก มันคงต้องมีตระกูลจ้านมากกว่าหนึ่งตระกูล….”
จ้านอู๋ซวงส่ายหัวและพูดต่อว่า “ดังนั้นข้าจึงต้องกลับไปยังทวีปจักรพรรดิบูรพา ด้วยป้ายที่บรรพบุรุษข้าได้ทิ้งไว้ มันสามารถนำทางให้ข้าไปพบต้นตระกูลของข้าได้”
เจียงอี้นิ่งเงียบไป เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับตระกูลต้นกำเนิดของจ้านอู๋ซวงและเขาไม่สามารถปฏิเสธได้ การได้รับการยอมรับและการกลับไปยังตระกูลนั้นเป็นความปรารถนาของลูกหลานตระกูลจ้าน เจียงอี้คงต้องไม่ขัดขวางจ้านอู๋ซวงในเรื่องนี้และควรหาทางช่วยเหลือเขาแทน
หลังจากที่ครุ่นคิดมานาน เจียงอี้ก็บอกว่า “เจ้ายังตามข้าไปไม่ได้ ข้าจะไม่หยุดเจ้าหากเจ้าต้องการไปยังทวีปจักรพรรดิบูรพา แต่เจ้าตามข้ามาไม่ได้ พี่อู๋ซวง ฝึกฝนและเสริมกำลังตัวเองต่อในเมืองเทพประทานก่อน เมื่อใดที่ตัวตนของข้าถูกเปิดเผยในทวีปจักรพรรดิบูรพา เก้าตระกูลจักรพรรดิจะไม่สนใจพวกเจ้าทุกคนแน่นอน และเมื่อมันเป็นเช่นนั้น ก็ให้ว่านก้วนแอบส่งเจ้าไปยังทวีปจักรพรรดิบูรพาในตอนนั้น เจ้ายังให้ว่านก้วนช่วยเจ้าตามหาต้นตระกูลได้ด้วยนะ”
“ถูกเปิดเผยตัวตน?”
จ้านอู๋ซวงมีท่าทีกังวล หากตัวตนของเจียงอี้ถูกเปิดเผย เจียงอี้จะดึงดูดความสนใจของเก้าตระกูลจักรพรรดิไปและทำให้จ้านอู๋ซวงปลอดภัยมากขึ้น แต่เมื่อตัวตนของเจียงอี้ถูกเปิดเผย เขาจะรอดไหม? จ้านอู๋ซวงรีบถามอย่างรวดเร็วว่า “เจียงอี้ ไม่ใช่ว่าเจ้ามีวิชาเทพพรางตาหรอ? แล้วตัวตนเจ้าจะถูกเปิดเผยไห้ยังไงล่ะ? หากมันเป็นเพราะข้า เจ้าไม่จำเป็นต้อง….”
“ไม่ใช่เพราะเจ้าหรอก”
เจียงอี้ตบบ่าจ้านอู๋ซวงและยืนขึ้นพร้อมพูดว่า “ข้ามีสิ่งที่ต้องทำในทวีปจักรพรรดิบูรพามากเกินไป…อย่างการช่วยซูรั่วเสวี่ย มันต้องมีการต่อสู้เกิดขึ้นอยู่แล้วใช่ไหมล่ะ? และเมื่อข้าเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับการต่อสู้ ตัวตนของข้าก็จะถูกเปิดเผยอย่างแน่นอน ไม่ต้องกังวลหรอก ข้าใช้วิชาหลีกสวรรค์และเทพพรางตาได้ หรือแม้แต่ข้าถูกเปิดเผยตัวตนแล้ว นอกจากว่าเก้าจักรพรรดิจะลงมือด้วยตัวเอง…ก็ไม่มีผู้ใดสังหารข้าได้หรอก! เมื่อข้าพลิกผืนทวีปจักรพรรดิบูรพาแล้ว เจ้าก็เคลื่อนไหวได้เลย”
“อื้ม!”
เมื่อมองไปยังทีท่าที่มั่นใจของเจียงอี้และคำพูดที่กล้าหาญของเขาแล้ว จ้านอู๋ซวงก็ฝืนเลือดพุ่งพล่านไม่ได้
แต่ดวงตาของจ้านอู๋ซวงก็หรี่ลงอย่างรวดเร็ว ขณะที่เขาพึมพำในใจ “ข้าสงสัยจังว่าข้า จ้านอู๋ซวงผู้นี้จะมีวันที่ข้าจะพลิกผืนทวีปจักรพรรดิบูรพาทั้งหมดได้หรือไม่? หากมีวันนั้น ข้าก็คงตายตาหลับ…”
คนของเฉียนว่านก้วนไปเรียกเฟิ่งหลวน, จ้านอู๋ซวง, หยุนเฟย และเจ๊ใหญ่กระพรวนกังวานมา และพวกเขาทั้งหมดต่างก็มีสีหน้าที่ยินดี ตำหนักซือถูอาจมีความปลอดภัยอย่างแท้จริง, มีอาหารอันโอชะที่หรูหราและไวน์ พวกเขาจะขออะไรก็ได้และตระกูลซือถูก็จัดหามาให้ทันที แต่วันที่ไร้เจียงอี้มันทำให้ทุกๆคนรู้สึกเหมือนขาดอะไรบางอย่างไปและชีวิตก็น่าเบื่อ
“ทุกคนนั่งเถอะ ข้ากลับมาเงียบๆและข้ามีเรื่องจะบอกพวกเจ้าทุกคน”
เจียงอี้มีความไว้เนื้อเชื่อใจอย่างที่สุดกับคนเหล่านี้และเขาไม่คิดจะปิดบังอะไรจากพวกเขา แต่การเดินทางครั้งนี้หนักเกินไปและเขาอาจพินาศไปในทวีปจักรพรรดิบูรพาได้ การจากลาในครั้งนี้อาจเป็นการจากลาชั่วนิรันดร์
เจียงอี้เล่าทุกอย่างเกี่ยวกับทะเลลึกไร้สิ้นสุดและเรื่องที่เกี่ยวกับจักรพรรดินีสัตว์อสูรและเสี่ยวเฟย แต่เขาปกปิดภารกิจสองอย่างที่เอ๋าหลูร้องขอมา เนื่องจากมันไม่มีประโยชน์อะไรที่พวกเขาจะรู้เรื่องนี้ หนึ่งในนั้นคือเรื่องที่เกี่ยวกับชีวิตของเชียนเชียน ซึ่งเขาไม่อยากพูดมันมากนัก เขาเพียงแค่บอกว่าเขาเข้าถึงวิชาเทพพรางตาและตัดสินใจจะไปยังทวีปจักรพรรดิบูรพาเพื่อช่วยซูรั่วเสวี่ยและตามหาอีเพียวเพียว
“นายน้อย ข้าจะไปกับท่านด้วย!”
ในเวลาเดียวกัน เฟิ่งหลวนและชิงหยีก็พูดออกมาอย่างไม่ลังเล ส่วนจ้านอู๋ซวงและหยุนเฟยก็มองหน้ากันเงียบๆ แต่ดวงตาของพวกเขาเต็มไปด้วยความกังวล และดวงตาของเจ๊ใหญ่กระพรวนกังวานเองก็เต็มไปด้วยความกังวลเช่นกัน
“จะไม่มีการตัดสินใจในเรื่องนี้กัน!”
เจียงอี้มองเฟิ่งหลวนและชิงหยีขณะที่เขาพูดว่า “เจ้าทั้งสองคนมีทางเลือกสองทาง ข้าพาเจ้ากลับไปยังทวีปเฟิ่งหมิงหรือไม่ก็รอข้าที่นี่”
เมื่อเห็นสีหน้าของเจียงอี้ ดวงตาของพวกนางก็มืดหม่นขณะที่ไม่ได้พูดอะไรออกมาอีก
ทั้งสองคนเงียบไปครู่หนึ่ง จนในที่สุดเฟิ่งหลวนก็พูดขึ้นว่า “เราจะรอนายน้อยกลับมา เราจะไม่กลับไปยังทวีปเฟิ่งหมิง เราจะรอการกลับมาที่ยิ่งใหญ่ของนายน้อยเจ้าค่ะ”
“เอาล่ะ!”
เจียงอี้เอื้อมมือไปโอบทั้งสองเอาไว้ เขาไม่ได้ให้สัญญาใดๆ เพราะเขารู้ดีว่าที่ทั้งคู่ไม่อยากกลับทวีปไปตอนนี้เพราะพวกนางเป็นห่วงความปลอดภัยของเขา ทวีปเฟิ่งหมิงเต็มไปด้วยสายลับเก้าตระกูลจักรพรรดิ และพวกเขาจะถูกจับจ้องทันทีที่กลับไป และในเมื่อตระกูลของพวกนางยังมีชิ้นส่วนรูปแบบเต๋าวิญญาณอยู่ในขณะที่จะต้องมีจักรพรรดินีคอยปกครองเมืองอยู่ มันก็ไม่มีความหมายอะไรให้พวกนางกลับไป “ลูกพี่ ข้า…”
เฉียนว่านก้วนอยากจะพูดอะไรบางอย่างออกมา แต่สุดท้ายก็ไม่ได้พูด หากเขาไปทวีปจักรพรรดิบูรพาด้วย เขารู้ว่าเขาคงจะเป็นภาระของเจียงอี้เท่านั้น สิ่งที่เขาต้องทำคือการเดินหน้าสมาคมการค้ามังกรโผบินต่อไปและคอยสนับสนุนเจียงอี้ในยามจำเป็น
“เอาล่ะ เรื่องนี้ถูกตัดสินใจแล้ว ข้าจะพักสามวันก่อนจะออกเดินทาง ที่อยู่ของข้าจะต้องไม่รั่วไหลออกไป ว่านก้วน เจ้าอย่าแม้แต่จะบอกอีเนี่ยนด้วย!”
เจียงอี้โบกมือและตัดสินใจครั้งสุดท้าย ด้านเฉียนว่านก้วนเองก็เข้าใจความรุนแรงของสถานการณ์นี้เช่นกันและไม่คิดที่จะบอกอีเนี่ยน ไม่ใช่เพราะเขาไม่ไว้ใจนาง แต่ยิ่งคนรู้เรื่องนี้น้อยเท่าไหร่ เจียงอี้ก็ยิ่งปลอดภัยมากขึ้นเท่านั้น
หลังจากนั้น เฉียนว่านก้วนก็คอยอธิบายเรื่องสถานการณ์ของสมาคมการค้ามังกรโผบินและความสงบของเผ่าเทพประทานให้เจียงอี้ฟัง และเมื่อมีเอ๋าหลูอยู่ใกล้ๆ จะไม่มีผู้ใดกล้าแตะต้องพวกเขา ตระกูลซือถูเองก็กำลังพัฒนาอย่างรวดเร็ว แต่ซือถูอ้าวรู้ดีว่าไม้ที่โดดเด่นนั้นจะถูกลมพัดปลิวได้อย่างง่ายดาย ดังนั้นเขาจึงค่อยๆพัฒนาอย่างมั่นคงและเติบโตอย่างช้าๆและไม่ทำตัวให้เป็นที่จับตามองนัก
สมาคมการค้ามังกรโผบินก็กำลังเป็นไปได้ด้วยดีขณะที่ตระกูลซือถูร่วมมือกับตระกูลอื่นๆเพื่อสร้างกลุ่มลับในการกวาดล้างสายลับจากทวีปจักรพรรดิบูรพาไป และมันก็มีประสิทธิภาพมาก
ในเวลาเดียวกัน ตระกูลซือถูก็ส่งกองกำลังลับของพวกเขาไปควบคุมทวีปเล็กๆที่อยู่ทางตะวันออกเฉียงเหนือของทวีปจักรพรรดิบูรพา และพวกเขาก็คอยบ่มเลี้ยงตระกูลหนึ่งเพื่อทำให้แข็งแกร่งขึ้น พวกเขาจะให้ตระกูลนี้คอยแทรกซึมเข้าไปในทวีปจักรพรรดิบูรพาอย่างช้าๆ เฉียนว่านก้วนเองก็เตรียมการไว้ห้าถึงสิบปีเพื่อควบคุมเขตแดนหนึ่งในทวีปจักรพรรดิบูรพาด้วย เขากำลังจะเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้เขตแดนนั้นช้าๆและค่อยๆกลืนกินส่วนที่เหลือของทวีปจักรพรรดิบูรพา
แผนการนั้นเป็นไปอย่างพิถีพิถันและความคิดก็ดีด้วย
เฉียนว่านก้วนจะใช้เวลาทั้งชีวิตเพื่อมุ่งมั่นกับงานนี้ไม่ว่าจะทำสำเร็จหรือไม่
ด้านเจียงอี้ก็ไม่ค่อยเข้าใจเรื่องพวกนี้ แต่เฉียนว่านก้วนกระตือรือร้นมากๆเมื่อทำเรื่องพวกนี้สำเร็จ เขาไม่ต้องการคำแนะนำของเจียงอี้ และเจียงอี้ก็ไม่สามารถแนะนำเขาได้ในหลายๆด้านเช่นกัน เจียงอี้ตบบ่าของเฉียนว่านก้วนและบอกเฉียนว่านก้วนว่าเขาจะเป็นผู้หนุนหลังที่แข็งแกร่งของเฉียนว่านก้วนตลอดไปและขอให้เฉียนว่านก้วนทำในสิ่งที่ตัวเองต้องการ หากฟ้าจะถล่ม พวกเขาก็จะแบกมันไปด้วยกัน
“เจียงอี้ ข้ามีเรื่องจะพูดกับเจ้า!”
จู่ๆ จ้านอู๋ซวงก็พูดขึ้นเมื่อเขาเห็นว่าเจียงอี้คุยกับว่านก้วนเสร็จแล้ว เจียงอี้มองไปทางจ้านอู๋ซวงด้วยที่ทีงุนงง เนื่องจากที่นี่เป็นเหมือนครอบครัว และคงไม่มีอะไรที่พูดกันไม่ได้หรอกใช่ไหม?
แต่เมื่อจ้านอู๋ซวงเสนอมาแล้ว เจียงอี้ก็พยักหน้าและเดินเข้าไปในห้องพร้อมเปิดอาคมยับยั้ง จากนั้นจ้านอู๋ซวงก็เข้าเรื่องทันที “เจียงอี้ ข้าอยากจะไปทวีปจักรพรรดิบูรพากับเจ้าด้วย”
“เจียงอี้ อย่าเพิ่งรีบร้อนและฟังข้าก่อน!”
เมื่อเห็นว่าเจียงอี้กำลังจะปฏิเสธ จ้านอู๋ซวงก็รีบพูดทันที “ข้าไม่ได้พยายามจะโยนชีวิตตัวเองทิ้งไปที่ทวีปจักรพรรดิบูรพาและข้าเองก็ไม่ใช่เด็กอีกต่อไป และจะไม่ทำตัวโง่เขลาหรือบุ่มบ่าม ที่ข้าอยากไปนั่นเป็นเพราะความปรารถนาของพ่อข้า หรือเรียกได้ว่าเป็นความปรารถนาของเผ่าพันธุ์พวกเราเลยก็ได้!”
“หืม?”
เจียงอี้ขมวดคิ้วและถามอย่างจริงจัง “เรื่องอะไรกัน? เล่าให้ข้าฟังที” จ้านอู๋ซวงนิ่งชั่วขณะก่อนจะอธิบายว่า “อันที่จริงแล้ว เผ่าของเราไม่ได้เกิดและเติบโตในทวีปเทียนชิง ผู้ก่อตั้งตระกูลของเราออกเดินทางจากทวีปจักรพรรดิบูรพามาหลายหมื่นปีและมายังทวีปเทียนชิง เขาไม่ได้บอกว่าเขามาจากตระกูลไหนก่อนที่เขาจะตาย แต่เขาทิ้งคำพูดสุดท้ายเอาไว้ก่อนที่เขาจะตาย เขาบอกว่าหากตระกูลของเรามีทายาทที่ถูกปลุกขึ้นจากสายเลือดตระกูลเทพสงคราม พวกเขาเหล่านั้นสามารถไปตามหาตระกูลต้นกำเนิดในทวีปจักรพรรดิบูรพาได้และกลับไปยังตระกูลต้นกำเนิดได้ เขายังได้ทิ้งป้ายเอาไว้ด้วย”
“ตระกูลจ้านมีลูกหลานมากมายที่เป็นสายเลือดเทพสงคราม แต่ไม่มีผู้ใดมีพลังมากพอที่จะกลับไปยังทวีปจักรพรรดิบูรพาเลยนอกจากข้า ก่อนที่ข้าจะจากมา พ่อข้าขอให้ข้าเดินทางไปยังทวีปจักรพรรดิบูรพาเมื่อข้ามีโอกาสที่จะได้ตามหาต้นตระกูลได้และรวมตัวกับตระกูลนั้น” “ตระกูลจ้าน?”
ดวงตาของเจียงอี้เปล่งประกายไปด้วยความสงสัยขณะที่มองจ้านอู๋ซวง “ต้นตระกูลเจ้าคงไม่ใช่ตระกูลจ้านของเก้าตระกูลจักรพรรดิหรอกใช่ไหม?”
“ไม่น่าใช่ ทักษะการฝึกฝนของเผ่าเทพสงครามนั้นต่างจากตระกูลจ้านของเก้าตระกูลจักรพรรดิ เนื่องจากมันกว้างใหญ่มาก มันคงต้องมีตระกูลจ้านมากกว่าหนึ่งตระกูล….”
จ้านอู๋ซวงส่ายหัวและพูดต่อว่า “ดังนั้นข้าจึงต้องกลับไปยังทวีปจักรพรรดิบูรพา ด้วยป้ายที่บรรพบุรุษข้าได้ทิ้งไว้ มันสามารถนำทางให้ข้าไปพบต้นตระกูลของข้าได้”
เจียงอี้นิ่งเงียบไป เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับตระกูลต้นกำเนิดของจ้านอู๋ซวงและเขาไม่สามารถปฏิเสธได้ การได้รับการยอมรับและการกลับไปยังตระกูลนั้นเป็นความปรารถนาของลูกหลานตระกูลจ้าน เจียงอี้คงต้องไม่ขัดขวางจ้านอู๋ซวงในเรื่องนี้และควรหาทางช่วยเหลือเขาแทน
หลังจากที่ครุ่นคิดมานาน เจียงอี้ก็บอกว่า “เจ้ายังตามข้าไปไม่ได้ ข้าจะไม่หยุดเจ้าหากเจ้าต้องการไปยังทวีปจักรพรรดิบูรพา แต่เจ้าตามข้ามาไม่ได้ พี่อู๋ซวง ฝึกฝนและเสริมกำลังตัวเองต่อในเมืองเทพประทานก่อน เมื่อใดที่ตัวตนของข้าถูกเปิดเผยในทวีปจักรพรรดิบูรพา เก้าตระกูลจักรพรรดิจะไม่สนใจพวกเจ้าทุกคนแน่นอน และเมื่อมันเป็นเช่นนั้น ก็ให้ว่านก้วนแอบส่งเจ้าไปยังทวีปจักรพรรดิบูรพาในตอนนั้น เจ้ายังให้ว่านก้วนช่วยเจ้าตามหาต้นตระกูลได้ด้วยนะ”
“ถูกเปิดเผยตัวตน?”
จ้านอู๋ซวงมีท่าทีกังวล หากตัวตนของเจียงอี้ถูกเปิดเผย เจียงอี้จะดึงดูดความสนใจของเก้าตระกูลจักรพรรดิไปและทำให้จ้านอู๋ซวงปลอดภัยมากขึ้น แต่เมื่อตัวตนของเจียงอี้ถูกเปิดเผย เขาจะรอดไหม? จ้านอู๋ซวงรีบถามอย่างรวดเร็วว่า “เจียงอี้ ไม่ใช่ว่าเจ้ามีวิชาเทพพรางตาหรอ? แล้วตัวตนเจ้าจะถูกเปิดเผยไห้ยังไงล่ะ? หากมันเป็นเพราะข้า เจ้าไม่จำเป็นต้อง….”
“ไม่ใช่เพราะเจ้าหรอก”
เจียงอี้ตบบ่าจ้านอู๋ซวงและยืนขึ้นพร้อมพูดว่า “ข้ามีสิ่งที่ต้องทำในทวีปจักรพรรดิบูรพามากเกินไป…อย่างการช่วยซูรั่วเสวี่ย มันต้องมีการต่อสู้เกิดขึ้นอยู่แล้วใช่ไหมล่ะ? และเมื่อข้าเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับการต่อสู้ ตัวตนของข้าก็จะถูกเปิดเผยอย่างแน่นอน ไม่ต้องกังวลหรอก ข้าใช้วิชาหลีกสวรรค์และเทพพรางตาได้ หรือแม้แต่ข้าถูกเปิดเผยตัวตนแล้ว นอกจากว่าเก้าจักรพรรดิจะลงมือด้วยตัวเอง…ก็ไม่มีผู้ใดสังหารข้าได้หรอก! เมื่อข้าพลิกผืนทวีปจักรพรรดิบูรพาแล้ว เจ้าก็เคลื่อนไหวได้เลย”
“อื้ม!”
เมื่อมองไปยังทีท่าที่มั่นใจของเจียงอี้และคำพูดที่กล้าหาญของเขาแล้ว จ้านอู๋ซวงก็ฝืนเลือดพุ่งพล่านไม่ได้
แต่ดวงตาของจ้านอู๋ซวงก็หรี่ลงอย่างรวดเร็ว ขณะที่เขาพึมพำในใจ “ข้าสงสัยจังว่าข้า จ้านอู๋ซวงผู้นี้จะมีวันที่ข้าจะพลิกผืนทวีปจักรพรรดิบูรพาทั้งหมดได้หรือไม่? หากมีวันนั้น ข้าก็คงตายตาหลับ…”