เพลิงพิโรธสวรรค์ Fury towards the burning heaven - บทที่ 873 เผ่านารีผีเสื้อ
เรือลิขิตสวรรค์ทะยานผ่านฟ้าไปทางใต้อย่างรวดเร็ว เดิมที มันจะใช้เวลาสามวันเต็มกว่าจะไปถึงหากมุ่งตรงไปทางตะวันออก แต่ในตอนนี้ เจียงอี้ได้สั่งให้บินไปทางตะวันออกเฉียงใต้ ดังนั้นระยะห่างระหว่างพวกเขากับทวีปจักรพรรดิบูรพาจึงเพิ่มขึ้น
ท้องฟ้าค่อยๆมืดลงหลังจากบินไปทางใต้ทั้งวัน เจียงอี้ไม่ได้สั่งให้พวกเขาหันเรือกลับไป มันจึงทำให้ทุกคนเริ่มระส่ำระสายเล็กน้อยเพราะพื้นที่ทางตะวันออกเฉียงใต้เองก็อาจเป็นอันตรายเช่นกัน มีโจรอยู่ในทะเลแห่งบาปมากเกินไป ดังนั้นจึงไม่มีใครมั่นใจได้ว่าพวกเขาจะปลอดภัยหรือไม่
ฟรึ่บ! ฟรั่บ! ฟรึ่บ!
เมื่อพวกเขานึกถึงเรื่องนี้ มันก็มีเรื่องเกิดขึ้นทันที ด้านซ้ายมือของพวกเขา ห่างออกไปหลายสิบกิโลเมตรเป็นเกาะแห่งหนึ่งซึ่งมีขอบเขตเทียนจุนเกือบพันคนทะยานขึ้นมาและพวกเขาก็บินมา สีหน้าของซ่งจงเปลี่ยนไปทันทีเมื่อเขาพบว่ามีขอบเขตเทียนจุนระดับกลางเกือบสามร้อยคนอยู่ในนั้นหลังจากใช้สัมผัสศักดิ์สิทธิ์สำรวจดู
“ไสหัวไปซะ!”
เสียงตะโกนดังก้องออกมาจากเรือและมันก้องกังวานไปรอบๆราวกับเสียงฟ้าร้องขณะที่มันทำให้เด็กหนุ่มตื่นตระหนกหลังจากที่ถูกปลุกจากการหลับใหลในอ้อมกอดของถานไถชี่ จากนั้น กลิ่นอายที่เหมือนภูเขาก็แผ่ซ่านไปทั่วและปกคลุมเหล่ากองโจรที่อยู่ไกลออกไปอย่างรวดเร็ว
“ท่านใต้เท้า ได้โปรดยกโทษให้เราด้วยขอรับ ข้าไม่ได้ตระหนักถึงความยิ่งใหญ่ของท่านและได้ทำให้ท่านขุ่นเคือง!”
หัวหน้าโจรตัวสั่นเทาขณะที่เขาตะโกนออกมาพร้อมรีบป้องกำปั้นและพากองโจรถอยกลับไปอย่างรวดเร็ว
บรึฟ! อาคมยับยั้งในห้องโดยสารของเจียงอี้ถูกเปิดขึ้นมาขณะที่เขาเดินออกมาที่ดาดฟ้าและซ่งจงและคนอื่นที่เหลือก็ตามไป อย่างไรก็ตาม ไม่มีใครพูดอะไรเลยขณะที่พวกเขาได้แต่ยืนอยู่ข้างหลังเจียงอี้
เจียงอี้หรี่ตาลงขณะที่จ้องมองดวงอาทิตย์ที่กำลังตกดินอย่างไม่เร่งรีบ เขานิ่งไปชั่วครู่ก่อนจะโบกมือของเขา “พอแล้วล่ะ หันเรือกลับไปและบินไปทางตะวันออก กองทัพเพลิงทมิฬคงไม่ไล่ตามเราแล้ว”
“ขอรับ!”
ซ่งจงโบกมือของเขาและเรือลิขิตสวรรค์ก็เปลี่ยนทิศอย่างรวดเร็ว เขาไม่รู้ว่าเจียงอี้มั่นใจในเรื่องนี้ได้อย่างไร แต่คำพูดของยอดฝีมือนั้นก็น่าเชื่อถือมาก
บรึฟ!
ห้องโดยสารของถานไถชี่ถูกเปิดออกมาและหญิงสาวตัวน้อยน่ารักที่สวมชุดแดงและถักเปียกำลังเดินออกมา เหมือนว่านางจะไม่กลัวเลยขณะที่ปล่อยมือของถานไถชี่และวิ่งมาข้างๆเจียงอี้ นางเอียงหัวแล้วถามว่า “ท่านอา เราปลอดภัยไหมเจ้าคะ?”
เจียงอี้ก้มหัวลงและมองไปที่ดวงตาที่บริสุทธิ์ของเด็กสาวตัวเล็กๆ จากนั้นเขาก็ยิ้มออกมา “ใช่ ตอนนี้เราปลอดภัยแล้วล่ะ ไม่ต้องกลัวนะ อาจะต้องทำให้สำเร็จตามที่สัญญาไว้แน่นอน”
“ขอบคุณท่านอาเจ้าค่ะ!”
ดวงตาของสาวน้อยหยีเป็นรูปจันทร์เสี้ยวขณะที่นางยิ้มอย่างอ่อนหวาน ต่อมานางก็เอียงหัวถามอีกครั้งว่า “ท่านอาชื่ออะไร ข้าน้อยชื่อถานไถหยี ท่านแม่บอกว่าข้าเกิดในทะเลและมีปลาตัวใหญ่ผ่านมาพอดี เลยตั้งชื่อนี้ให้ข้า หรือท่านอาจะเรียกข้าว่า เสี่ยวหยีก็ได้ อื้อ…น้องชายข้าชื่อถานไถเทียนทุกคนเรียกเขาว่าเสี่ยวเทียนและเราเป็นแฝดต่างเพศกันเจ้าค่ะ”
“แฝดต่างเพศ?”
เจียงอี้เหลือบมองไปที่เด็กน้อยขี้อายที่แอบอยู่ด้านหลังถานไถชี่และยิ้ม จากนั้นเขาก็หันไปนั่งยองๆพร้อมกับคว้ามือ เสี่ยวหยีไว้ “เสี่ยวหยี อาชื่อ….เสวี่ยอี!”
เขาต้องปกปิดตัวตนของเขาขณะที่เขากำลังมุ่งหน้าไปยังทวีปจักรพรรดิบูรพา ตอนแรกเจียงอี้อยากจะใช้ชื่อหมาป่าเดียวดายต่อ แต่เขารู้สึกว่าชื่อนั้นสะเทือนใจมาก ดังนั้นเขาจึงแทนที่ด้วยชื่อใหม่
เสวี่ยอี เสวี่ยนั้นกล่าวถึงซูรั่วเสวี่ย ในขณะที่อีมาจากอีเพียวเพียว มันแสดงถึงความปรารถนาที่ไม่มีวันจบสิ้นสำหรับทั้งสองคน
“ชื่อท่านอาไพเราะเสียจริง”
เด็กสาวปล่อยมือเจียงอี้และวิ่งไปที่ด้านข้างของเรือ นางจับราวจับข้างๆเรือก่อนที่จะกระโดดขึ้นไปนั่งบนนั้น หลังจากนั้นนางก็ยิ้มและพูดว่า “ท่านปู่ของข้าคือเจ้าเมืองแห่งเมืองเพลิงสวรรค์ในอาณาเขตแดนสวรรค์ เมื่อเราไปถึงเมืองเพลิงสวรรค์ ข้าจะให้ท่านปู่ทำให้ท่านเป็นขุนนางเมืองแน่นอน”
“เขตแดนสวรรค์?” เจียงอี้มีความประทับใจบางอย่างที่นั่น เขาเคยเห็นแผนที่ทวีปจักรพรรดิบูรพามาก่อน มันเป็นพื้นที่ที่อยู่ใกล้กับทะเลทางตะวันตกเฉียงเหนือและดูเหมือนจะถูกเผ่าพันธุ์พิเศษที่น่าเกรงขามครอบครองอยู่ และไม่คาดคิดเลยว่าถานไถชี่ผู้นี้จะค่อนข้างมีชื่อเสียง
เจียงอี้เข้ามาในเรือนี้เพราะเดิมทีอยากจะถามถึงสถานการณ์ในทวีปจักรพรรดิบูรพา นอกจากนี้ อีกไม่กี่วันพวกเขาก็จะไปถึงทวีปแล้ว ดังนั้นเขาจึงไม่ได้คิดจะฝึกฝน และเขาจะเดินไปพูดคุยกับเสี่ยวหยีสักหน่อย
“เสี่ยวหยี ท้องฟ้ามืดแล้ว เข้าไปในห้องแล้วกินข้าวเถอะ”
ถานไถชี่ที่อยู่ห่างไกลออกไป จู่ๆก็กวักมือเรียก เสี่ยวหยีให้กลับเข้ามา ซึ่งเจียงอี้ก็พูดเรื่องนี้มากไม่ได้และทำได้แค่เดินไปลูบหัวเสี่ยวหยี ฝ่ายหลังก็ทำหน้าตาน่าขันก่อนที่จะวิ่งตามสาวใช้เข้าไปในห้อง
ถานไถชี่เปลี่ยนเป็นชุดสีดำเพื่อทำให้ผิวของนางผ่องขึ้น ผ้าไหมสีดำที่คาดไว้ที่เอวของนางเองก็ทำให้เอวของนางดูเรียวบาง
นางเดินไปคำนับเจียงอี้อย่างนอบน้อม “ท่านใต้เท้า ข้าน้อยนำอาหารพิเศษมาจากทวีปประภาคารอัคคีอยู่บ้างและอยากจะเชิญท่านใต้เท้ามาทานอาหารเย็นด้วยกันเพื่อที่ข้าน้อยจะได้ตอบแทนความกตัญญูบ้างเจ้าค่ะ”
เจียงอี้เหลือบมองถานไถชี่อย่างเฉยเมยก่อนจะพึมพำกับตัวเองก่อนครู่หนึ่งและพยักหน้าเล็กน้อย เขาเดินตามถานไถชี่เข้าไปในห้องโดยสาร
ห้องโดยสารนั้นไม่ได้ใหญ่มากและมีเพียงโต๊ะอาหารอยู่ในห้องนั้น ไข่มุกราตรีทั้งสี่ถูกแขวนไว้ที่มุมห้องและมีผลไม้และอาหารอันเป็นเอกลักษณ์มากมายวางอยู่บนโต๊ะขณะที่สาวใช้ยืนอยู่ข้างๆและคอยบริการทุกคนอย่างเคารพ
เจียงอี้เดินไปนั่งอีกฝั่งหนึ่งและนั่งลงอย่างสบายใจขณะที่ถานไถชี่นั่งตรงข้ามเขา สาวใช้รินน้ำผลไม้สีเขียวอ่อนเพื่อสร้างบรรยากาศให้ทั้งสอง ด้านเจียงอี้ก็ดื่มมันลงไปอึกใหญ่ก่อนที่จะหยิบเนื้อส่วนไหล่ขึ้นมาและเริ่มเคี้ยวมัน
“เอ่อ….”
ถานไถชี่ประหลาดใจเล็กน้อย ในตอนแรกนางคิดว่าเจียงอี้จะตรวจสอบอาหารก่อนเพื่อดูว่ามันมีพิษหรือไม่ แต่ดูเหมือนว่าเจียงอี้จะไม่ได้กังวลอะไรเลย แต่นางไม่รู้ว่าเจียงอี้ขัดเกลาหญ้ามังกรยาจก แทบจะไม่มีพิษใดที่จะทำร้ายเขาได้ ดังนั้นเขาจึงไม่จำเป็นต้องกังวลเลย
ถานไถชี่น่าจะมาจากตระกูลใหญ่ เพราะวิธีที่นางกินนั้นเรียบร้อยมาก ดวงตาคู่สวยของนางจะเหลือบมองเจียงอี้เป็นครั้งคราวขณะที่นางยิ้มจางๆ ทำให้แสงไฟภายในห้องนั้นดูสว่างขึ้นมาเล็กน้อย
หลังจากที่กินอิ่มแล้ว เจียงอี้ก็ดื่มน้ำผลไม้ถ้วยหนึ่งก่อนที่จะหยิบผ้ามาเช็ดมือของเขา ส่วนถานไถชี่ก็กินเสร็จนานแล้วขณะที่นางรอให้เจียงอี้กินเสร็จก่อนที่จะอ้าปากพูดออกมา “ท่านใต้เท้า ข้าต้องขออภัยในความอวดดีของข้าด้วย ท่านเป็นคนทวีปจักรพรรดิบูรพาหรือไม่เจ้าคะ?”
“ไม่!”
เจียงอี้รอให้ถานไถชี่เริ่มพูดเพื่อที่เขาจะได้หาข้อมูลได้บ้าง เขาตอบอย่างเฉยเมยว่า “ข้ามาจากทวีปกูซู นี่เป็นครั้งแรกที่ข้ามุ่งหน้าไปยังทวีปจักรพรรดิบูรพาและข้ากำลังเตรียมจะออกไปผจญภัย”
“ทวีปกูซู?”
ถานไถชี่เหมือนจะไม่มีข้อสงสัยในเจียงอี้เลยขณะที่ดวงตาของนางสว่างขึ้นแทน ทวีปกูซูอยู่ทางตะวันตกเฉียงเหนือของทวีปจักรพรรดิบูรพาเหมือนกัน มีทวีปเล็กๆหลายสิบแห่งอยู่ที่นั่น ถานไถชี่คงจะเคยได้ยินเรื่องนี้มาก่อนอยู่แล้วเนื่องจากนางเองก็มาจากทวีปประภาคารอัคคีที่อยู่ใกล้ๆกันเช่นกัน
นางพึมพำกับตัวเองก่อนจะตอบอย่างเคร่งขรึมว่า “ข้าจะไม่ปิดบังใต้เท้า ตระกูลของสามีข้าเป็นเผด็จการของเมืองเพลิงสวรรค์ ในอาณาเขตแดนสวรรค์ที่ตั้งอยู่ในทวีปจักรพรรดิบูรพา พ่อตาของข้าคือเจ้าเมืองของเมืองเพลิงสวรรค์ หากท่านใต้เท้ายินดีจะเข้าร่วมตระกูลเรา ข้ารับประกันได้เลยว่าตระกูลของข้าจะสนองทุกสิ่งที่ท่านต้องการให้ทั้งหมด”
“ฮ่าฮ่า!”
เจียงอี้หัวเราะเยาะ “เจ้าใช้อะไรเป็นหลักประกัน? เจ้าเป็นหัวหน้าตระกูลถานไถหรือ? แล้วก็นะ….ตระกูลถานไถของเจ้าคงไม่มีขอบเขตเทียนจุนขั้นสูงสุดใช่ไหม?”
เจียงอี้ไม่เคยได้ยินเรื่องของเมืองเพลิวงสวรรค์มาก่อน มีสิบเมืองที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในอาณาเขตแดนสวรรค์และพวกมันถูกควบคุมโดยเผ่าพันธุ์พิเศษ และในเมื่อเมืองเพลิงสวรรค์ไม่ใช่หนึ่งในเมืองนั้น มันก็แปลว่านี่เป็นเพียงเมืองเล็กๆ เจียงอี้ไม่เคยนึกถึงตระกูลของเมืองเล็กๆเลย และถึงเขาจะนึกถึง แต่เขาเองก็จะไม่ร่วมตระกูลใดเช่นกัน
ถานไถชี่หน้าแดงเพราะการเยาะเย้ยของเจียงอี้ นางก้มหน้าลงและหยุดครู่หนึ่งก่อนจะเงยหน้าขึ้นและตอบขณะที่กัดปากตัวเอง “ท่านใต้เท้า ท่าน…ไม่เคยได้ยินเกี่ยวกับเผ่าพันธุ์นารีผีเสื้อเลยหรือเจ้าคะ?”
ท้องฟ้าค่อยๆมืดลงหลังจากบินไปทางใต้ทั้งวัน เจียงอี้ไม่ได้สั่งให้พวกเขาหันเรือกลับไป มันจึงทำให้ทุกคนเริ่มระส่ำระสายเล็กน้อยเพราะพื้นที่ทางตะวันออกเฉียงใต้เองก็อาจเป็นอันตรายเช่นกัน มีโจรอยู่ในทะเลแห่งบาปมากเกินไป ดังนั้นจึงไม่มีใครมั่นใจได้ว่าพวกเขาจะปลอดภัยหรือไม่
ฟรึ่บ! ฟรั่บ! ฟรึ่บ!
เมื่อพวกเขานึกถึงเรื่องนี้ มันก็มีเรื่องเกิดขึ้นทันที ด้านซ้ายมือของพวกเขา ห่างออกไปหลายสิบกิโลเมตรเป็นเกาะแห่งหนึ่งซึ่งมีขอบเขตเทียนจุนเกือบพันคนทะยานขึ้นมาและพวกเขาก็บินมา สีหน้าของซ่งจงเปลี่ยนไปทันทีเมื่อเขาพบว่ามีขอบเขตเทียนจุนระดับกลางเกือบสามร้อยคนอยู่ในนั้นหลังจากใช้สัมผัสศักดิ์สิทธิ์สำรวจดู
“ไสหัวไปซะ!”
เสียงตะโกนดังก้องออกมาจากเรือและมันก้องกังวานไปรอบๆราวกับเสียงฟ้าร้องขณะที่มันทำให้เด็กหนุ่มตื่นตระหนกหลังจากที่ถูกปลุกจากการหลับใหลในอ้อมกอดของถานไถชี่ จากนั้น กลิ่นอายที่เหมือนภูเขาก็แผ่ซ่านไปทั่วและปกคลุมเหล่ากองโจรที่อยู่ไกลออกไปอย่างรวดเร็ว
“ท่านใต้เท้า ได้โปรดยกโทษให้เราด้วยขอรับ ข้าไม่ได้ตระหนักถึงความยิ่งใหญ่ของท่านและได้ทำให้ท่านขุ่นเคือง!”
หัวหน้าโจรตัวสั่นเทาขณะที่เขาตะโกนออกมาพร้อมรีบป้องกำปั้นและพากองโจรถอยกลับไปอย่างรวดเร็ว
บรึฟ! อาคมยับยั้งในห้องโดยสารของเจียงอี้ถูกเปิดขึ้นมาขณะที่เขาเดินออกมาที่ดาดฟ้าและซ่งจงและคนอื่นที่เหลือก็ตามไป อย่างไรก็ตาม ไม่มีใครพูดอะไรเลยขณะที่พวกเขาได้แต่ยืนอยู่ข้างหลังเจียงอี้
เจียงอี้หรี่ตาลงขณะที่จ้องมองดวงอาทิตย์ที่กำลังตกดินอย่างไม่เร่งรีบ เขานิ่งไปชั่วครู่ก่อนจะโบกมือของเขา “พอแล้วล่ะ หันเรือกลับไปและบินไปทางตะวันออก กองทัพเพลิงทมิฬคงไม่ไล่ตามเราแล้ว”
“ขอรับ!”
ซ่งจงโบกมือของเขาและเรือลิขิตสวรรค์ก็เปลี่ยนทิศอย่างรวดเร็ว เขาไม่รู้ว่าเจียงอี้มั่นใจในเรื่องนี้ได้อย่างไร แต่คำพูดของยอดฝีมือนั้นก็น่าเชื่อถือมาก
บรึฟ!
ห้องโดยสารของถานไถชี่ถูกเปิดออกมาและหญิงสาวตัวน้อยน่ารักที่สวมชุดแดงและถักเปียกำลังเดินออกมา เหมือนว่านางจะไม่กลัวเลยขณะที่ปล่อยมือของถานไถชี่และวิ่งมาข้างๆเจียงอี้ นางเอียงหัวแล้วถามว่า “ท่านอา เราปลอดภัยไหมเจ้าคะ?”
เจียงอี้ก้มหัวลงและมองไปที่ดวงตาที่บริสุทธิ์ของเด็กสาวตัวเล็กๆ จากนั้นเขาก็ยิ้มออกมา “ใช่ ตอนนี้เราปลอดภัยแล้วล่ะ ไม่ต้องกลัวนะ อาจะต้องทำให้สำเร็จตามที่สัญญาไว้แน่นอน”
“ขอบคุณท่านอาเจ้าค่ะ!”
ดวงตาของสาวน้อยหยีเป็นรูปจันทร์เสี้ยวขณะที่นางยิ้มอย่างอ่อนหวาน ต่อมานางก็เอียงหัวถามอีกครั้งว่า “ท่านอาชื่ออะไร ข้าน้อยชื่อถานไถหยี ท่านแม่บอกว่าข้าเกิดในทะเลและมีปลาตัวใหญ่ผ่านมาพอดี เลยตั้งชื่อนี้ให้ข้า หรือท่านอาจะเรียกข้าว่า เสี่ยวหยีก็ได้ อื้อ…น้องชายข้าชื่อถานไถเทียนทุกคนเรียกเขาว่าเสี่ยวเทียนและเราเป็นแฝดต่างเพศกันเจ้าค่ะ”
“แฝดต่างเพศ?”
เจียงอี้เหลือบมองไปที่เด็กน้อยขี้อายที่แอบอยู่ด้านหลังถานไถชี่และยิ้ม จากนั้นเขาก็หันไปนั่งยองๆพร้อมกับคว้ามือ เสี่ยวหยีไว้ “เสี่ยวหยี อาชื่อ….เสวี่ยอี!”
เขาต้องปกปิดตัวตนของเขาขณะที่เขากำลังมุ่งหน้าไปยังทวีปจักรพรรดิบูรพา ตอนแรกเจียงอี้อยากจะใช้ชื่อหมาป่าเดียวดายต่อ แต่เขารู้สึกว่าชื่อนั้นสะเทือนใจมาก ดังนั้นเขาจึงแทนที่ด้วยชื่อใหม่
เสวี่ยอี เสวี่ยนั้นกล่าวถึงซูรั่วเสวี่ย ในขณะที่อีมาจากอีเพียวเพียว มันแสดงถึงความปรารถนาที่ไม่มีวันจบสิ้นสำหรับทั้งสองคน
“ชื่อท่านอาไพเราะเสียจริง”
เด็กสาวปล่อยมือเจียงอี้และวิ่งไปที่ด้านข้างของเรือ นางจับราวจับข้างๆเรือก่อนที่จะกระโดดขึ้นไปนั่งบนนั้น หลังจากนั้นนางก็ยิ้มและพูดว่า “ท่านปู่ของข้าคือเจ้าเมืองแห่งเมืองเพลิงสวรรค์ในอาณาเขตแดนสวรรค์ เมื่อเราไปถึงเมืองเพลิงสวรรค์ ข้าจะให้ท่านปู่ทำให้ท่านเป็นขุนนางเมืองแน่นอน”
“เขตแดนสวรรค์?” เจียงอี้มีความประทับใจบางอย่างที่นั่น เขาเคยเห็นแผนที่ทวีปจักรพรรดิบูรพามาก่อน มันเป็นพื้นที่ที่อยู่ใกล้กับทะเลทางตะวันตกเฉียงเหนือและดูเหมือนจะถูกเผ่าพันธุ์พิเศษที่น่าเกรงขามครอบครองอยู่ และไม่คาดคิดเลยว่าถานไถชี่ผู้นี้จะค่อนข้างมีชื่อเสียง
เจียงอี้เข้ามาในเรือนี้เพราะเดิมทีอยากจะถามถึงสถานการณ์ในทวีปจักรพรรดิบูรพา นอกจากนี้ อีกไม่กี่วันพวกเขาก็จะไปถึงทวีปแล้ว ดังนั้นเขาจึงไม่ได้คิดจะฝึกฝน และเขาจะเดินไปพูดคุยกับเสี่ยวหยีสักหน่อย
“เสี่ยวหยี ท้องฟ้ามืดแล้ว เข้าไปในห้องแล้วกินข้าวเถอะ”
ถานไถชี่ที่อยู่ห่างไกลออกไป จู่ๆก็กวักมือเรียก เสี่ยวหยีให้กลับเข้ามา ซึ่งเจียงอี้ก็พูดเรื่องนี้มากไม่ได้และทำได้แค่เดินไปลูบหัวเสี่ยวหยี ฝ่ายหลังก็ทำหน้าตาน่าขันก่อนที่จะวิ่งตามสาวใช้เข้าไปในห้อง
ถานไถชี่เปลี่ยนเป็นชุดสีดำเพื่อทำให้ผิวของนางผ่องขึ้น ผ้าไหมสีดำที่คาดไว้ที่เอวของนางเองก็ทำให้เอวของนางดูเรียวบาง
นางเดินไปคำนับเจียงอี้อย่างนอบน้อม “ท่านใต้เท้า ข้าน้อยนำอาหารพิเศษมาจากทวีปประภาคารอัคคีอยู่บ้างและอยากจะเชิญท่านใต้เท้ามาทานอาหารเย็นด้วยกันเพื่อที่ข้าน้อยจะได้ตอบแทนความกตัญญูบ้างเจ้าค่ะ”
เจียงอี้เหลือบมองถานไถชี่อย่างเฉยเมยก่อนจะพึมพำกับตัวเองก่อนครู่หนึ่งและพยักหน้าเล็กน้อย เขาเดินตามถานไถชี่เข้าไปในห้องโดยสาร
ห้องโดยสารนั้นไม่ได้ใหญ่มากและมีเพียงโต๊ะอาหารอยู่ในห้องนั้น ไข่มุกราตรีทั้งสี่ถูกแขวนไว้ที่มุมห้องและมีผลไม้และอาหารอันเป็นเอกลักษณ์มากมายวางอยู่บนโต๊ะขณะที่สาวใช้ยืนอยู่ข้างๆและคอยบริการทุกคนอย่างเคารพ
เจียงอี้เดินไปนั่งอีกฝั่งหนึ่งและนั่งลงอย่างสบายใจขณะที่ถานไถชี่นั่งตรงข้ามเขา สาวใช้รินน้ำผลไม้สีเขียวอ่อนเพื่อสร้างบรรยากาศให้ทั้งสอง ด้านเจียงอี้ก็ดื่มมันลงไปอึกใหญ่ก่อนที่จะหยิบเนื้อส่วนไหล่ขึ้นมาและเริ่มเคี้ยวมัน
“เอ่อ….”
ถานไถชี่ประหลาดใจเล็กน้อย ในตอนแรกนางคิดว่าเจียงอี้จะตรวจสอบอาหารก่อนเพื่อดูว่ามันมีพิษหรือไม่ แต่ดูเหมือนว่าเจียงอี้จะไม่ได้กังวลอะไรเลย แต่นางไม่รู้ว่าเจียงอี้ขัดเกลาหญ้ามังกรยาจก แทบจะไม่มีพิษใดที่จะทำร้ายเขาได้ ดังนั้นเขาจึงไม่จำเป็นต้องกังวลเลย
ถานไถชี่น่าจะมาจากตระกูลใหญ่ เพราะวิธีที่นางกินนั้นเรียบร้อยมาก ดวงตาคู่สวยของนางจะเหลือบมองเจียงอี้เป็นครั้งคราวขณะที่นางยิ้มจางๆ ทำให้แสงไฟภายในห้องนั้นดูสว่างขึ้นมาเล็กน้อย
หลังจากที่กินอิ่มแล้ว เจียงอี้ก็ดื่มน้ำผลไม้ถ้วยหนึ่งก่อนที่จะหยิบผ้ามาเช็ดมือของเขา ส่วนถานไถชี่ก็กินเสร็จนานแล้วขณะที่นางรอให้เจียงอี้กินเสร็จก่อนที่จะอ้าปากพูดออกมา “ท่านใต้เท้า ข้าต้องขออภัยในความอวดดีของข้าด้วย ท่านเป็นคนทวีปจักรพรรดิบูรพาหรือไม่เจ้าคะ?”
“ไม่!”
เจียงอี้รอให้ถานไถชี่เริ่มพูดเพื่อที่เขาจะได้หาข้อมูลได้บ้าง เขาตอบอย่างเฉยเมยว่า “ข้ามาจากทวีปกูซู นี่เป็นครั้งแรกที่ข้ามุ่งหน้าไปยังทวีปจักรพรรดิบูรพาและข้ากำลังเตรียมจะออกไปผจญภัย”
“ทวีปกูซู?”
ถานไถชี่เหมือนจะไม่มีข้อสงสัยในเจียงอี้เลยขณะที่ดวงตาของนางสว่างขึ้นแทน ทวีปกูซูอยู่ทางตะวันตกเฉียงเหนือของทวีปจักรพรรดิบูรพาเหมือนกัน มีทวีปเล็กๆหลายสิบแห่งอยู่ที่นั่น ถานไถชี่คงจะเคยได้ยินเรื่องนี้มาก่อนอยู่แล้วเนื่องจากนางเองก็มาจากทวีปประภาคารอัคคีที่อยู่ใกล้ๆกันเช่นกัน
นางพึมพำกับตัวเองก่อนจะตอบอย่างเคร่งขรึมว่า “ข้าจะไม่ปิดบังใต้เท้า ตระกูลของสามีข้าเป็นเผด็จการของเมืองเพลิงสวรรค์ ในอาณาเขตแดนสวรรค์ที่ตั้งอยู่ในทวีปจักรพรรดิบูรพา พ่อตาของข้าคือเจ้าเมืองของเมืองเพลิงสวรรค์ หากท่านใต้เท้ายินดีจะเข้าร่วมตระกูลเรา ข้ารับประกันได้เลยว่าตระกูลของข้าจะสนองทุกสิ่งที่ท่านต้องการให้ทั้งหมด”
“ฮ่าฮ่า!”
เจียงอี้หัวเราะเยาะ “เจ้าใช้อะไรเป็นหลักประกัน? เจ้าเป็นหัวหน้าตระกูลถานไถหรือ? แล้วก็นะ….ตระกูลถานไถของเจ้าคงไม่มีขอบเขตเทียนจุนขั้นสูงสุดใช่ไหม?”
เจียงอี้ไม่เคยได้ยินเรื่องของเมืองเพลิวงสวรรค์มาก่อน มีสิบเมืองที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในอาณาเขตแดนสวรรค์และพวกมันถูกควบคุมโดยเผ่าพันธุ์พิเศษ และในเมื่อเมืองเพลิงสวรรค์ไม่ใช่หนึ่งในเมืองนั้น มันก็แปลว่านี่เป็นเพียงเมืองเล็กๆ เจียงอี้ไม่เคยนึกถึงตระกูลของเมืองเล็กๆเลย และถึงเขาจะนึกถึง แต่เขาเองก็จะไม่ร่วมตระกูลใดเช่นกัน
ถานไถชี่หน้าแดงเพราะการเยาะเย้ยของเจียงอี้ นางก้มหน้าลงและหยุดครู่หนึ่งก่อนจะเงยหน้าขึ้นและตอบขณะที่กัดปากตัวเอง “ท่านใต้เท้า ท่าน…ไม่เคยได้ยินเกี่ยวกับเผ่าพันธุ์นารีผีเสื้อเลยหรือเจ้าคะ?”