เพลิงพิโรธสวรรค์ Fury towards the burning heaven - บทที่ 882 ตระกูลถัง
จากนั้นสีหน้าของเจียงอี้ก็ดีขึ้น ไม่ใช่ว่าเขาขี้เหนียว แต่เขาก็ควรมีขอบเขตในการช่วยเหลือคนอื่น เขามีศิลาสวรรค์เพียงหมื่นล้านก้อน และหากเขาจ่ายไปกว่าหกพันล้านก้อนในตอนนี้ หากอนาคตเขาต้องใช้มันล่ะ เขาจะต้องกลายเป็นโจรและปล้นคนอื่นไหม?
ถานไถชี่กล่าวต่อ “อันที่จริงมีสมาคมการค้าในตลาดมืดบางแห่งที่คิดราคาต่ำกว่า ซึ่งราคาเพียงคนละสิบล้านไปจนถึงล้านก้อนเจ้าค่ะ แต่แน่นอนว่ามันมาพร้อมกับความเสี่ยงที่มากขึ้นและความเร็วที่ช้าลงมาก”
เจียงอี้ถามอย่างจริงจัง “แล้วทางที่สามล่ะ?”
ถานไถชี่หยุดชั่วขณะก่อนจะตอบกลับ “ทางที่สามเร็วกว่าและปลอดภัยกว่า มันจะใช้เวลาไม่กี่วันเพื่อไปถึงเขตแดนสวรรค์ เราต้องตามหาปรมาจารย์ขบวนทัพศักดิ์สิทธิ์ในสมาคมการค้ารายใหญ่ๆและให้พวกเขาพาเราข้ามทางเดินมิติโบราณไปและผ่านไปครั้งละหลายร้อยล้านกิโลเมตร นอกจากนี้ ปรมาจารย์ขบวนทัพศักดิ์สิทธิ์ไม่สนใจว่าท่านจะเป็นใครตราบใดที่ท่านจ่ายศิลาสวรรค์ พวกเขาก็จะพาไป แต่แน่นอนว่าราคามันเกินไป จะต้องใช้ศิลาสวรรค์หมื่นล้านก้อนในทุกๆครั้งเจ้าค่ะ!”
เจียงอี้กลอกตา ศิลาสวรรค์ทั้งหมดของเขาจะหายไปทันที แล้วอนาคตเขาจะใช้อะไร? เขาเคยเห็นปรมาจารย์ขบวนทัพศักดิ์สิทธิ์มาก่อน ในทะเลราตรีสีเลือด เมื่อตอนที่เขาถูกเสียเฟยและเจี้ยนอู๋อิงไล่ตาม พวกเขาจะพึ่งพานักโหราศาสตร์และปรมาจารย์ขบวนทัพศักดิ์สิทธิ์
“กว่าร้อยล้านกิโลเมตร?”
เจียงอี้แสยะ วิชาหลีกสวรรค์ของเขาสามารถเดินทางข้ามไปได้กว่าร้อยล้านกิโลเมตรในแต่ละครั้งและเขาสามารถทำมันได้ทุกเวลา หากว่าเขาไม่กลัวว่าคนอื่นจะเห็นเขา เขาคงใช้วิชาหลีกสวรรค์ไปแล้ว ข้อบกพร่องอีกประการของวิชาหลีกสวรรค์ก็คือเขาไม่รู้เลยว่าเขาจะไปโผล่ที่ไหน หากเขาไปปรากฏตัวในเมืองใหญ่ เขาก็จบเห่ทันที
“เหมือนว่าเราคงต้องใช้เรือลิขิตสวรรค์แล้วล่ะ”
เจียงอี้ขมวดคิ้ว เรือลิขิตสวรรค์ของตระกูลถังนั้นปลอดภัย มันใช้เวลาไม่นานด้วยเช่นกันและใช้เวลาเพียงหนึ่งปีถึงจะไปถึงเมืองจักรพรรดิอรหัง ในหนึ่งปีนี้ เจียงอี้สามารถฝึกฝนแก่นแท้พลังและเข้าถึงรูปแบบเต๋าของเขาเพื่อพัฒนาความแข็งแกร่งของตัวเองต่อไปได้
ในไม่ช้า เจียงอี้ก็ตัดสินใจและพูดว่า “บอกให้ซ่งจงติดต่อตระกูลถังและซื้อตั๋วขึ้นเรือลิขิตสวรรค์ อืม…ข้ารับผิดชอบแค่เจ้าและลูกทั้งสองคนของเจ้าเท่านั้น ให้ซ่งจงและกลุ่มของเขากลับแดนสวรรค์กันเองซะ นอกจากนี้ เตือนพวกเขาด้วยว่าอย่าพูดอะไรเกี่ยวกับข้า”
“เจ้าค่ะ ท่านใต้เท้า”
ถานไถชี่พยักหน้าของนาง เจียงอี้กังวลมากเกินไป ซ่งจงและกลุ่มของเขาล้วนเป็นทาสวิญญาณของถานไถชี่ และนางเองก็ออกคำสั่งแล้ว พวกเขาคงยอมตายเสียดีกว่าที่จะไม่เชื่อฟังคำสั่งของนาง
ซ่งจงออกไปด้วยตัวเอง เขาใช้เวลาสี่ชั่วโมงในการหาโถงสาขาของสมาคมการค้าตระกูลถังและจองตั๋วเอาไว้ด้วย เรือลิขิตสวรรค์จะผ่านมาที่นี่ในแปดวัน และพวกเขาจะขึ้นเรือและมุ่งหน้าไปยังเขตแดนสวรรค์ แต่เรือลำนี้จะไม่ผ่านเมืองเพลิงสวรรค์ และจุดหมายของมันก็ไม่ใช่เมืองจักรพรรดิบูรพา แต่เป็นเขตแดนช้างมังกรที่อยู่ทางเหนือไกลออกไป
เจียงอี้ไม่ได้กังวลอะไร ตามที่ถานไถชี่บอกมา ตระกูลถังมีสาขาอยู่ในทุกๆเมือง และเรือลิขิตสวรรค์หลายหมื่นลำก็ไปรอบทวีปจักรพรรดิบูรพา พวกเขาสามารถเปลี่ยนไปเรือลิขิตสวรรค์ลำอื่นในทุกที่ที่พวกเขาต้องการจะไปได้
ซ่งจงและกลุ่มของเขาเองก็จองตั๋วของพวกเขาเองเช่นกัน เรือลิขิตสวรรค์ที่พวกเขาได้นั่งนั้นเป็นเรือของสมาคมการค้าระดับกลาง มันไม่ได้แพงมากนักและใช้ศิลาสวรรค์เพียงยี่สิบล้านก้อนสำหรับพวกเขาทั้งกลุ่มเท่านั้น
เจียงอี้ไม่ได้สนใจอะไรพวกเขาเลย หากเขาไม่สัญญากับเสี่ยวหยีว่าจะพานางกลับไปและหากเด็กทั้งสองนี่ไม่ได้อยู่ในสภาพที่น่าสังเวชเช่นนี้ เขาก็คงไม่พาถานไถชี่ไปด้วย มันไม่ใช่เพราะเปลืองศิลาสวรรค์ แต่นางงดงามเกินไปและจะนำปัญหามาได้ง่ายๆ
ทั้งกลุ่มใช้เวลาแปดวันในการพักอยู่ในโรงเตี๊ยมและไม่ได้ออกไปจากโรงเตี๊ยมเลย เมื่อเวลามาถึง เจียงอี้ก็พาถานไถชี่และลูกทั้งสองไป และเมื่อเด็กๆรู้ว่าสาวใช้ไม่ได้ไปกับพวกเขา พวกเขาก็ร้องไห้ออกมาทันที พวกเขาเติบโตขึ้นมากับสาวใช้เหล่านี้และสาวใช้ทั้งสองก็คอยดูแลพวกเขามาตลอด ความรู้สึกที่พวกเขามีต่อสาวใช้สองคนนี้นั้นไม่ได้น้อยไปกว่าความรู้สึกที่พวกเขามีต่อถานไถชี่เลย เมื่อมองไปยังเด็กๆที่กำลังร้องไห้ เจียงอี้ก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากให้สาวใช้สองคนนี้ตามพวกเขาไปด้วย ศิลาสวรรค์สองร้อยล้านก้อนไม่ได้มีความหมายอะไรกับเขานักและยังดูเหมือนว่าถานไถชี่จะไม่รู้วิธีดูแลเด็กด้วย
จากนั้นเด็กทั้งสองก็หยุดร้องไห้และยิ้มแย้ม เจียงอี้พูดกับซ่งจงว่า “เจ้าเองก็ตามเรามาด้วย และปล่อยให้พวกนี้กลับกันเอง”
“ขอบพระคุณขอรับใต้เท้า”
ซ่งจงคุกเข่าลงที่พื้นอย่างตื่นเต้น ส่วนทหารและสาวใช้คนอื่นๆก็แสดงความอิจฉาออกมา มันปลอดภัยสำหรับพวกเขานักที่จะติดตามเจียงอี้ ปกติแล้ว พวกเขาน่าจะตายระหว่างทางบนเรือลิขิตสวรรค์ธรรมดา
เจียงอี้ไม่ได้สนใจคนอื่นๆเลย เขาพาซ่งจงมาด้วยเพราะมันยากที่เขาจะทำอะไรด้วยตนเอง และซ่งจงก็ทำเรื่องต่างๆได้ดีทีเดียว จากนั้นเจียงอี้ก็โบกมืออย่างเย็นชา ด้านถานไถชี่ก็มองไปที่สาวใช้คนอื่นๆด้วยความรักและจากไปทั้งน้ำตา ส่วนซ่งจงก็บอกบางสิ่งกับขอบเขตเทียนจุนระดับกลางก่อนที่เขาจะรีบตามเจียงอี้ไปอย่างรวดเร็ว
กร็อบ กร็อบ กร็อบ!
พวกเขาอยู่บนรถม้าและมาถึงปราสาทแล้ว ซ่งจงจัดการทุกอย่างเอาไว้แล้ว จากนั้นเจียงอี้ก็นำศิลาสวรรค์ออกมาหกร้อยล้านก้อนและให้ซ่งจงไป และเขาก็รีบเข้าไปในสมาคมการค้าอย่างรวดเร็ว ในไม่ช้าเขาก็ออกมาพร้อมกับป้ายไม่กี่อัน “ท่านใต้เท้า นายหญิง ทุกสิ่งพร้อมแล้วขอรับ เราไปรอที่นอกประตูเมืองทางเหนือกัน เรือลิขิตสวรรค์จะมาถึงในหนึ่งชั่วโมงขอรับ”
รถม้าตรงไปยังประตูเมืองทางเหนือ ที่นั่นมีคนรออยู่หลายร้อยคนแล้ว ดูเหมือนว่าทุกคนจะไปขึ้นเรือลิขิตสวรรค์ของตระกูลถังกัน เจียงอี้เห็นรถม้าศึกหรูหรามากมายด้วย และพวกเขาคงจะเป็นสมาชิกตระกูลขนาดกลางและขนาดเล็กกัน
ฟรึ่บ! ฟรั่บ!
เมื่อผ่านไปหนึ่งชั่วโมงก็มีเสียงดังมาจากทิศตะวันออก ทุกคนมองไปที่นั่นและใจของเจียงอี้ก็สั่นไหวในทันใด เรือลิขิตสวรรค์นี้มีความยาวอย่างน้อยสามกิโลเมตรและมันเป็นสีดำสนิท มันบินมาราวกับสัตว์ร้ายขนาดมหึมาและทำให้ผู้คนรู้สึกหดหู่ใจเป็นอย่างมาก
เรือลิขิตสวรรค์นั้นเร็วมาก ตอนนี้มันอยู่ห่างออกไปหลายกิโลเมตร แต่ในชั่วพริบตา มันก็มาอยู่เหนือหัวพวกเขาแล้วพร้อมกับหยุดอยู่กลางอากาศเงียบๆเหมือนปราสาทที่ลอยอยู่บนอากาศ
บรึฟ!
ม่านพลังสีดำรอบเรือลิขิตสวรรค์ถูกปิดลง จากนั้นทหารในชุดเกราะสีดำที่มีกลิ่นอายทรงพลังก็ปรากฏขึ้นบนดาดฟ้าเรือ เจียงอี้ตรวจสอบเขาอย่างไม่ได้ตั้งใจและแอบพยักหน้าเงียบๆ
เรือลิขิตสวรรค์ของตระกูลถังนี้ปลอดภัยกว่าอย่างแน่นอน มีทหารอยู่บนเรืออย่างน้อยห้าพันคนซึ่งล้วนแต่เป็นขอบเขตเทียนจุนระดับสูง และมีอย่างน้อยห้าสิบคนที่เป็นขอบเขตเทียนจุนขั้นสูงสุด ดังนั้น ทหารเหล่านี้นั้นแข็งแกร่งพอที่จะทำลายกองทัพโจรกลุ่มใหญ่ได้แล้ว
“แม้แต่ผู้บัญชาการเองยังเป็นขอบเขตเทียนจุนขั้นสูงสุด ผู้เชี่ยวชาญที่เป็นประธานในเรือน่าจะเป็นยอดฝีมือห้าดาว”
ตามที่เอ๋าหลูบอกไว้ เจียงอี้อยู่ที่ผู้เชี่ยวชาญระดับสามดาว หากเขามีสมบัติเชื่อมดวงจิตสองชิ้น ความแข็งแกร่งในการต่อสู้ของเขาจะแข็งแกร่งขึ้นมากและเขาอาจจะไปถึงระดับสี่ดาว หากเขาบ่มเพาะพลังจนไปถึงขอบเขตเทียนจุนขั้นสูงสุดได้ บางทีเขาอาจกลายเป็นผู้เชี่ยวชาญห้าดาวได้ แต่มันคงไปได้ไม่ถึงหกดาว เอ๋าหลูกล่าวว่า ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเทียนจุนขั้นสูงสุดที่ทรงพลังที่สุดนั้นอยู่เพียงห้าดาวเท่านั้น ใครก็ตามที่อยู่สูงกว่านั้นจะเป็นขอบเขตกึ่งเทพ
“อิทธิพล!”
เจียงอี้นึกถึงอิทธิพลที่เอ๋าหลูเคยบอกเขาก่อนหน้านี้ เขาแอบคิดอยู่เงียบๆว่าหากมีโอกาสได้เห็นการต่อสู้ระหว่างขอบเขตเทียนจุนขั้นสูงสุด เขาจะสัมผัสถึงอิทธิพลนั้นดู ในภายภาคหน้า เขายังสามารถลองตัดสินพลังการต่อสู้ที่แท้จริงของคนอื่นด้วยอิทธิพลของเขาก็ได้
ฟรึ่บ! ฟรั่บ! ฟรึ่บ!
ผู้คนจำนวนมากบินไปยังเรือลิขิตสวรรค์พร้อมกับป้ายในมือ ผู้ที่ไม่มีป้ายก็ไม่กล้าขึ้นไปเช่นกัน เจียงอี้และกลุ่มของเขาไม่ได้รีบร้อนอะไร อย่างไรก็ตาม ทุกคนจะมีระวางเรือแยกกันต่างหากอีกทีอยู่แล้ว เรือลิขิตสวรรค์นั้นใหญ่มากและน่าจะมีห้องอย่างน้อยหลักหมื่นห้อง
“ไปดูกันดีกว่าว่าจะมีอะไรพิเศษในเรือลิขิตสวรรค์ของตระกูลถังบ้าง”
หลังจากที่รอให้คนส่วนใหญ่ด้านล่างบินขึ้นไปแล้ว เจียงอี้ก็โบกมือและทั้งกลุ่มก็บินขึ้นไปยังเรือลิขิตสวรรค์ทันที
ถานไถชี่กล่าวต่อ “อันที่จริงมีสมาคมการค้าในตลาดมืดบางแห่งที่คิดราคาต่ำกว่า ซึ่งราคาเพียงคนละสิบล้านไปจนถึงล้านก้อนเจ้าค่ะ แต่แน่นอนว่ามันมาพร้อมกับความเสี่ยงที่มากขึ้นและความเร็วที่ช้าลงมาก”
เจียงอี้ถามอย่างจริงจัง “แล้วทางที่สามล่ะ?”
ถานไถชี่หยุดชั่วขณะก่อนจะตอบกลับ “ทางที่สามเร็วกว่าและปลอดภัยกว่า มันจะใช้เวลาไม่กี่วันเพื่อไปถึงเขตแดนสวรรค์ เราต้องตามหาปรมาจารย์ขบวนทัพศักดิ์สิทธิ์ในสมาคมการค้ารายใหญ่ๆและให้พวกเขาพาเราข้ามทางเดินมิติโบราณไปและผ่านไปครั้งละหลายร้อยล้านกิโลเมตร นอกจากนี้ ปรมาจารย์ขบวนทัพศักดิ์สิทธิ์ไม่สนใจว่าท่านจะเป็นใครตราบใดที่ท่านจ่ายศิลาสวรรค์ พวกเขาก็จะพาไป แต่แน่นอนว่าราคามันเกินไป จะต้องใช้ศิลาสวรรค์หมื่นล้านก้อนในทุกๆครั้งเจ้าค่ะ!”
เจียงอี้กลอกตา ศิลาสวรรค์ทั้งหมดของเขาจะหายไปทันที แล้วอนาคตเขาจะใช้อะไร? เขาเคยเห็นปรมาจารย์ขบวนทัพศักดิ์สิทธิ์มาก่อน ในทะเลราตรีสีเลือด เมื่อตอนที่เขาถูกเสียเฟยและเจี้ยนอู๋อิงไล่ตาม พวกเขาจะพึ่งพานักโหราศาสตร์และปรมาจารย์ขบวนทัพศักดิ์สิทธิ์
“กว่าร้อยล้านกิโลเมตร?”
เจียงอี้แสยะ วิชาหลีกสวรรค์ของเขาสามารถเดินทางข้ามไปได้กว่าร้อยล้านกิโลเมตรในแต่ละครั้งและเขาสามารถทำมันได้ทุกเวลา หากว่าเขาไม่กลัวว่าคนอื่นจะเห็นเขา เขาคงใช้วิชาหลีกสวรรค์ไปแล้ว ข้อบกพร่องอีกประการของวิชาหลีกสวรรค์ก็คือเขาไม่รู้เลยว่าเขาจะไปโผล่ที่ไหน หากเขาไปปรากฏตัวในเมืองใหญ่ เขาก็จบเห่ทันที
“เหมือนว่าเราคงต้องใช้เรือลิขิตสวรรค์แล้วล่ะ”
เจียงอี้ขมวดคิ้ว เรือลิขิตสวรรค์ของตระกูลถังนั้นปลอดภัย มันใช้เวลาไม่นานด้วยเช่นกันและใช้เวลาเพียงหนึ่งปีถึงจะไปถึงเมืองจักรพรรดิอรหัง ในหนึ่งปีนี้ เจียงอี้สามารถฝึกฝนแก่นแท้พลังและเข้าถึงรูปแบบเต๋าของเขาเพื่อพัฒนาความแข็งแกร่งของตัวเองต่อไปได้
ในไม่ช้า เจียงอี้ก็ตัดสินใจและพูดว่า “บอกให้ซ่งจงติดต่อตระกูลถังและซื้อตั๋วขึ้นเรือลิขิตสวรรค์ อืม…ข้ารับผิดชอบแค่เจ้าและลูกทั้งสองคนของเจ้าเท่านั้น ให้ซ่งจงและกลุ่มของเขากลับแดนสวรรค์กันเองซะ นอกจากนี้ เตือนพวกเขาด้วยว่าอย่าพูดอะไรเกี่ยวกับข้า”
“เจ้าค่ะ ท่านใต้เท้า”
ถานไถชี่พยักหน้าของนาง เจียงอี้กังวลมากเกินไป ซ่งจงและกลุ่มของเขาล้วนเป็นทาสวิญญาณของถานไถชี่ และนางเองก็ออกคำสั่งแล้ว พวกเขาคงยอมตายเสียดีกว่าที่จะไม่เชื่อฟังคำสั่งของนาง
ซ่งจงออกไปด้วยตัวเอง เขาใช้เวลาสี่ชั่วโมงในการหาโถงสาขาของสมาคมการค้าตระกูลถังและจองตั๋วเอาไว้ด้วย เรือลิขิตสวรรค์จะผ่านมาที่นี่ในแปดวัน และพวกเขาจะขึ้นเรือและมุ่งหน้าไปยังเขตแดนสวรรค์ แต่เรือลำนี้จะไม่ผ่านเมืองเพลิงสวรรค์ และจุดหมายของมันก็ไม่ใช่เมืองจักรพรรดิบูรพา แต่เป็นเขตแดนช้างมังกรที่อยู่ทางเหนือไกลออกไป
เจียงอี้ไม่ได้กังวลอะไร ตามที่ถานไถชี่บอกมา ตระกูลถังมีสาขาอยู่ในทุกๆเมือง และเรือลิขิตสวรรค์หลายหมื่นลำก็ไปรอบทวีปจักรพรรดิบูรพา พวกเขาสามารถเปลี่ยนไปเรือลิขิตสวรรค์ลำอื่นในทุกที่ที่พวกเขาต้องการจะไปได้
ซ่งจงและกลุ่มของเขาเองก็จองตั๋วของพวกเขาเองเช่นกัน เรือลิขิตสวรรค์ที่พวกเขาได้นั่งนั้นเป็นเรือของสมาคมการค้าระดับกลาง มันไม่ได้แพงมากนักและใช้ศิลาสวรรค์เพียงยี่สิบล้านก้อนสำหรับพวกเขาทั้งกลุ่มเท่านั้น
เจียงอี้ไม่ได้สนใจอะไรพวกเขาเลย หากเขาไม่สัญญากับเสี่ยวหยีว่าจะพานางกลับไปและหากเด็กทั้งสองนี่ไม่ได้อยู่ในสภาพที่น่าสังเวชเช่นนี้ เขาก็คงไม่พาถานไถชี่ไปด้วย มันไม่ใช่เพราะเปลืองศิลาสวรรค์ แต่นางงดงามเกินไปและจะนำปัญหามาได้ง่ายๆ
ทั้งกลุ่มใช้เวลาแปดวันในการพักอยู่ในโรงเตี๊ยมและไม่ได้ออกไปจากโรงเตี๊ยมเลย เมื่อเวลามาถึง เจียงอี้ก็พาถานไถชี่และลูกทั้งสองไป และเมื่อเด็กๆรู้ว่าสาวใช้ไม่ได้ไปกับพวกเขา พวกเขาก็ร้องไห้ออกมาทันที พวกเขาเติบโตขึ้นมากับสาวใช้เหล่านี้และสาวใช้ทั้งสองก็คอยดูแลพวกเขามาตลอด ความรู้สึกที่พวกเขามีต่อสาวใช้สองคนนี้นั้นไม่ได้น้อยไปกว่าความรู้สึกที่พวกเขามีต่อถานไถชี่เลย เมื่อมองไปยังเด็กๆที่กำลังร้องไห้ เจียงอี้ก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากให้สาวใช้สองคนนี้ตามพวกเขาไปด้วย ศิลาสวรรค์สองร้อยล้านก้อนไม่ได้มีความหมายอะไรกับเขานักและยังดูเหมือนว่าถานไถชี่จะไม่รู้วิธีดูแลเด็กด้วย
จากนั้นเด็กทั้งสองก็หยุดร้องไห้และยิ้มแย้ม เจียงอี้พูดกับซ่งจงว่า “เจ้าเองก็ตามเรามาด้วย และปล่อยให้พวกนี้กลับกันเอง”
“ขอบพระคุณขอรับใต้เท้า”
ซ่งจงคุกเข่าลงที่พื้นอย่างตื่นเต้น ส่วนทหารและสาวใช้คนอื่นๆก็แสดงความอิจฉาออกมา มันปลอดภัยสำหรับพวกเขานักที่จะติดตามเจียงอี้ ปกติแล้ว พวกเขาน่าจะตายระหว่างทางบนเรือลิขิตสวรรค์ธรรมดา
เจียงอี้ไม่ได้สนใจคนอื่นๆเลย เขาพาซ่งจงมาด้วยเพราะมันยากที่เขาจะทำอะไรด้วยตนเอง และซ่งจงก็ทำเรื่องต่างๆได้ดีทีเดียว จากนั้นเจียงอี้ก็โบกมืออย่างเย็นชา ด้านถานไถชี่ก็มองไปที่สาวใช้คนอื่นๆด้วยความรักและจากไปทั้งน้ำตา ส่วนซ่งจงก็บอกบางสิ่งกับขอบเขตเทียนจุนระดับกลางก่อนที่เขาจะรีบตามเจียงอี้ไปอย่างรวดเร็ว
กร็อบ กร็อบ กร็อบ!
พวกเขาอยู่บนรถม้าและมาถึงปราสาทแล้ว ซ่งจงจัดการทุกอย่างเอาไว้แล้ว จากนั้นเจียงอี้ก็นำศิลาสวรรค์ออกมาหกร้อยล้านก้อนและให้ซ่งจงไป และเขาก็รีบเข้าไปในสมาคมการค้าอย่างรวดเร็ว ในไม่ช้าเขาก็ออกมาพร้อมกับป้ายไม่กี่อัน “ท่านใต้เท้า นายหญิง ทุกสิ่งพร้อมแล้วขอรับ เราไปรอที่นอกประตูเมืองทางเหนือกัน เรือลิขิตสวรรค์จะมาถึงในหนึ่งชั่วโมงขอรับ”
รถม้าตรงไปยังประตูเมืองทางเหนือ ที่นั่นมีคนรออยู่หลายร้อยคนแล้ว ดูเหมือนว่าทุกคนจะไปขึ้นเรือลิขิตสวรรค์ของตระกูลถังกัน เจียงอี้เห็นรถม้าศึกหรูหรามากมายด้วย และพวกเขาคงจะเป็นสมาชิกตระกูลขนาดกลางและขนาดเล็กกัน
ฟรึ่บ! ฟรั่บ!
เมื่อผ่านไปหนึ่งชั่วโมงก็มีเสียงดังมาจากทิศตะวันออก ทุกคนมองไปที่นั่นและใจของเจียงอี้ก็สั่นไหวในทันใด เรือลิขิตสวรรค์นี้มีความยาวอย่างน้อยสามกิโลเมตรและมันเป็นสีดำสนิท มันบินมาราวกับสัตว์ร้ายขนาดมหึมาและทำให้ผู้คนรู้สึกหดหู่ใจเป็นอย่างมาก
เรือลิขิตสวรรค์นั้นเร็วมาก ตอนนี้มันอยู่ห่างออกไปหลายกิโลเมตร แต่ในชั่วพริบตา มันก็มาอยู่เหนือหัวพวกเขาแล้วพร้อมกับหยุดอยู่กลางอากาศเงียบๆเหมือนปราสาทที่ลอยอยู่บนอากาศ
บรึฟ!
ม่านพลังสีดำรอบเรือลิขิตสวรรค์ถูกปิดลง จากนั้นทหารในชุดเกราะสีดำที่มีกลิ่นอายทรงพลังก็ปรากฏขึ้นบนดาดฟ้าเรือ เจียงอี้ตรวจสอบเขาอย่างไม่ได้ตั้งใจและแอบพยักหน้าเงียบๆ
เรือลิขิตสวรรค์ของตระกูลถังนี้ปลอดภัยกว่าอย่างแน่นอน มีทหารอยู่บนเรืออย่างน้อยห้าพันคนซึ่งล้วนแต่เป็นขอบเขตเทียนจุนระดับสูง และมีอย่างน้อยห้าสิบคนที่เป็นขอบเขตเทียนจุนขั้นสูงสุด ดังนั้น ทหารเหล่านี้นั้นแข็งแกร่งพอที่จะทำลายกองทัพโจรกลุ่มใหญ่ได้แล้ว
“แม้แต่ผู้บัญชาการเองยังเป็นขอบเขตเทียนจุนขั้นสูงสุด ผู้เชี่ยวชาญที่เป็นประธานในเรือน่าจะเป็นยอดฝีมือห้าดาว”
ตามที่เอ๋าหลูบอกไว้ เจียงอี้อยู่ที่ผู้เชี่ยวชาญระดับสามดาว หากเขามีสมบัติเชื่อมดวงจิตสองชิ้น ความแข็งแกร่งในการต่อสู้ของเขาจะแข็งแกร่งขึ้นมากและเขาอาจจะไปถึงระดับสี่ดาว หากเขาบ่มเพาะพลังจนไปถึงขอบเขตเทียนจุนขั้นสูงสุดได้ บางทีเขาอาจกลายเป็นผู้เชี่ยวชาญห้าดาวได้ แต่มันคงไปได้ไม่ถึงหกดาว เอ๋าหลูกล่าวว่า ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเทียนจุนขั้นสูงสุดที่ทรงพลังที่สุดนั้นอยู่เพียงห้าดาวเท่านั้น ใครก็ตามที่อยู่สูงกว่านั้นจะเป็นขอบเขตกึ่งเทพ
“อิทธิพล!”
เจียงอี้นึกถึงอิทธิพลที่เอ๋าหลูเคยบอกเขาก่อนหน้านี้ เขาแอบคิดอยู่เงียบๆว่าหากมีโอกาสได้เห็นการต่อสู้ระหว่างขอบเขตเทียนจุนขั้นสูงสุด เขาจะสัมผัสถึงอิทธิพลนั้นดู ในภายภาคหน้า เขายังสามารถลองตัดสินพลังการต่อสู้ที่แท้จริงของคนอื่นด้วยอิทธิพลของเขาก็ได้
ฟรึ่บ! ฟรั่บ! ฟรึ่บ!
ผู้คนจำนวนมากบินไปยังเรือลิขิตสวรรค์พร้อมกับป้ายในมือ ผู้ที่ไม่มีป้ายก็ไม่กล้าขึ้นไปเช่นกัน เจียงอี้และกลุ่มของเขาไม่ได้รีบร้อนอะไร อย่างไรก็ตาม ทุกคนจะมีระวางเรือแยกกันต่างหากอีกทีอยู่แล้ว เรือลิขิตสวรรค์นั้นใหญ่มากและน่าจะมีห้องอย่างน้อยหลักหมื่นห้อง
“ไปดูกันดีกว่าว่าจะมีอะไรพิเศษในเรือลิขิตสวรรค์ของตระกูลถังบ้าง”
หลังจากที่รอให้คนส่วนใหญ่ด้านล่างบินขึ้นไปแล้ว เจียงอี้ก็โบกมือและทั้งกลุ่มก็บินขึ้นไปยังเรือลิขิตสวรรค์ทันที