เพลิงพิโรธสวรรค์ Fury towards the burning heaven - บทที่ 883 ห้องฝึกฝนลับ
เรือลิขิตสวรรค์ของตระกูลถังนั้นไม่ธรรมดาจริงๆ!
กลุ่มของเจียงอี้มีเพียงหกคนเท่านั้น รวมถึงเด็กๆด้วย แต่พวกเขาได้พักอยู่ในห้องโดยสารขนาดใหญ่ที่หรูหรามาก ภายในนั้นมีห้องมากกว่าสิบห้อง มีห้องสุขา ห้องฝึกฝน และห้องศึกษา ห้องโดยสารทั้งหมดถูกปูด้วยพรมสีขาว เครื่องเรือนเองก็หรูหรามากเช่นกันและไม่มีแรงสั่นสะเทือนในเรือลิขิตสวรรค์เลย
สิ่งที่พิเศษของเรือลิขิตสวรรค์ไม่ได้มีเพียงเท่านี้ ผู้ดูแลเรือคนหนึ่งแนะนำพวกเขาว่ามีร้านอาหารอยู่บนเรือด้วย ซึ่งจะมีอาหารและเครื่องดื่มหลายหมื่นชนิด นอกจากนี้ยังมีโรงพนันและซ่องด้วย จะไม่มีผู้ใดเบื่อหน่ายอยู่บนเรือลำนี้เป็นเวลานับปี
สิ่งที่เจียงอี้สนใจคือห้องฝึกฝนพิเศษบนเรือลิขิตสวรรค์ซึ่งมันเร่งการบ่มเพาะพลังได้ถึง ห้า, สิบ หรือแม้กระทั่งร้อยเท่า! เจียงอี้ตกตะลึงกับเรื่องนี้เป้นอย่างยิ่ง ความเร็วในการฝึกฝนที่เพิ่มขึ้นสิบเท่าบนเกาะเทพประทานนั้นมาจากค่ายกลเก้ามังกรสยบเทพในเผ่าเทพประทาน และเกาะเทพประทานนั้นกลายเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ในเรื่องนี้ ผู้คนจำนวนนับไม่ถ้วนไปยังเกาะเทพประทาน แม้ว่าพวกเขาจะรู้ถึงความเสี่ยงที่ยิ่งใหญ่ อย่างท้ายที่สุดพวกเขาจะกลายเป็นโจรหรือไม่ก็ถูกสังหารไป
แต่ในตอนนี้มีคนบอกเขาว่ามีห้องฝึกฝนบนเรือลิขิตสวรรค์ซึ่งเพิ่มความเร็วในการบ่มเพาะพลังถึงร้อยเท่า และจากร่างที่ขัดเกลาหญ้ามังกรยาจกมาแล้วจะทำให้เขาบ่มเพาะพลังได้ถึงพันเท่า และหากเขาสามารถนำราชวังจักรพรรดิออกมาฝึกฝนที่นั่นได้ ความเร็วในการบ่มเพาะพลังของเขาจะเพิ่มขึ้นหมื่นเท่า!
แน่นอนว่ามันไม่สมจริงนัก ห้องฝึกฝนไม่ใหญ่พอและมีโอกาสสูงที่ความเร็วในการบ่มเพาะพลังจะไม่เพิ่มขึ้นอย่างที่เจียงอี้คิด “ห้องฝึกฝนเพิ่มความเร็วในการบ่มเพาะพลังได้ร้อยเท่าจริงๆหรือ?” หลังจากที่ผู้ดูแลจากไปแล้ว เจียงอี้ก็ยังไม่เชื่อและถามถานไถชี่
ถานไถชี่พยักหน้าและกล่าวว่า “เป็นเรื่องปกติเจ้าค่ะ ตระกูลถังเป็นมือหนึ่งเรื่องการปรับแต่งสิ่งประดิษฐ์ที่ไม่มีผู้ใดโต้แย้ง นี่คือเรือลิขิตสวรรค์ชั้นสูงของตระกูลพวกเขา ดังนั้นมันจึงเป็นปกติที่จะเสริมค่ายกลที่ทรงพลังเอาไว้ด้วย หากท่านใต้เท้ามีโอกาสอยู่ในเมืองหลัก ท่านจะพบว่าตระกูลถังมีห้องฝึกฝนลับขั้นสูง ซึ่งแก่นแท้พลังนั้นจะเร็วขึ้นกว่าภายนอกถึงพันเท่า หากท่านมีเม็ดยาพิเศษ อัตราการบ่มเพาะพลังก็อาจเพิ่มขึ้นอีกหลายพันหรือหลายหมื่นเท่าเจ้าค่ะ”
ฮู่ ฮู่….
เจียงอี้หายใจอย่างสยดสยอง ความเร็วในการฝึกฝนหมื่นเท่านั้นน่าอัศจรรย์เพียงใด ไม่น่าแปลกใจที่ผู้คนในทวีปจักรพรรดิบูรพาไม่เคยกลั่นศิลาสวรรค์ เพราะความเร็วในการบ่มเพาะหมื่นเท่านั้นเร็วกว่าการกลั่นศิลาสวรรค์มากนัก
“ฮิฮิ!”
ถานไถชี่ยิ้มเบาๆและอธิบาย “คนทั่วไปไม่สามารถเข้าห้องฝึกฝนลับนั้นได้ ข้าได้ยินมาว่าหนึ่งวันนั้นจะใช้ศิลาสวรรค์ประมาณพันล้านก้อน แม้แต่ห้องฝึกฝนลับบนเรือลิขิตสวรรค์ที่เพิ่มความเร็วหลายร้อยเท่าเองก็ยังใช้ศิลาสวรรค์อย่างน้อยร้อยล้านก้อนต่อวันเลยเจ้าค่ะ”
“อะไรนะ?”
เจียงอี้หรี่ตา นี่ตระกูลถังกำลังปล้นศิลาสวรรค์หรือยังไง?
พันล้านก้อนต่อวัน จะเป็นสามหมื่นล้านก้อนต่อเดือน และสามแสนกว่าล้านก้อนต่อปี! ในการประมูลที่เมืองเทพประทานนั้น ขนาดรถม้าศึกระดับสุดยอดที่จักรพรรดิโลหิตใช้ยังขายได้เพียงแสนล้านก้อนเท่านั้น ผู้คนในทวีปจักรพรรดิบูรพาร่ำรวยถึงเพียงนี้เชียว? แต่เจียงอี้ก็โล่งใจเมื่อนึกถึงเรื่องนี้จากมุมมองอื่นๆ การใช้ค่ายกลเคลื่อนย้ายเพียงครั้งเดียวยังมีค่าใช้จ่ายแสนก้อน การซื้อบ้านที่นี่คงต้องใช้ศิลาสวรรค์มหาศาล ร้านค้าเองก็ต้องเสียภาษี จำนวนศิลาสวรรค์ที่ผู้ปกครองทวีปสร้างขึ้นมาได้นั้นมหาศาลมากนัก ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเก้าตระกูลจักรพรรดิเลย พวกเขาครองทวีปนี้มากว่าเจ็ดแสนปี ครองสี่ภูมิภาคและหลายล้านเมือง รายได้ต่อวันของพวกเขาคงแทบจะนับไม่ได้
ถานไถชี่อธิบายต่อว่า “ท่านใต้เท้า ขอบเขตของแก่นแท้พลังนั้นไม่ใช่เรื่องใหญ่ของตระกูลใหญ่ๆในทวีป ตราบใดที่พวกเขาพัฒนารูปแบบเต๋าได้ ตระกูลของพวกเขาจะใช้ศิลาสวรรค์จำนวนมหาศาลเพื่อช่วยเพิ่มแก่นแท้พลังทันที อย่างนายน้อยตระกูลเจี้ยนซึ่งมีอายุเพียงสิบสามปี เขาได้เพิ่มรูปแบบเต๋าจนถึงขั้นขอบเขตเทียนจุนระดับกลางได้ในช่วงสามปีที่ผ่านมา จากนั้นตระกูลเจี้ยนก็จ่ายศิลาสวรรค์จำนวนมหาศาลเพื่อให้เขาฝึกฝนในห้องฝึกฝนลับที่เร่งการบ่มเพาะพลังพันเท่าและมอบเม็ดยาให้เขาด้วย ในเวลาเพียงครึ่งปี แก่นแท้พลังของเขาก็เพิ่มขึ้นจนมาถึงขอบเขตเทียนจุนระดับกลางและเรื่องนี้ก็ทำให้ทวีปจักรพรรดิบูรพาอยู่ในความโกลาหลทันที”
“นายน้อยตระกูลเจี้ยน?”
เด็กชายในชุดคลุมปักลายสีเหลืองพร้อมกับขลุ่ยคล้องวิญญาณปรากฏขึ้นในใจของเจียงอี้ จากนั้นเขาก็ขมวดคิ้วถามว่า “เขาคือเจี้ยนอู๋อิงหรือเปล่า?”
“ท่านใต้เท้าก็ได้ยินเรื่องของเขาด้วย”
ถานไถชี่พยักหน้าและพูดว่า “นายน้อยอู๋อิงนั้นเป็นผู้มีพรสวรรค์ที่หายากในทวีปจักรพรรดิบูรพา พ่อตาของข้าบอกว่าหากนายน้อยอู๋อิงเติบโตขึ้นอย่างแข็งแกร่ง เขาจะได้กลายเป็นราชาเจี้ยนและเป็นจักรพรรดิแห่งศาสตรา!”
“ราชาเจี้ยน?” เจียงอี้เคยได้ยินจักรพรรดิศาสตรามาก่อน แต่ไม่เคยได้ยินราชาเจี้ยนเลย ถานไถชี่ยิ้มและพูดขึ้นว่า “ราชาเจี้ยนนั้นเป็นหัวหน้าครอบครัวตระกูลเจี้ยนเจ้าค่ะ หัวหน้าตระกูลทั้งหมดของเก้าตระกูลจักรพรรดินั้นจะถูกเรียกว่าราชา ส่วนประมุขตระกูลจะถูกเรียกว่าจักรพรรดิ”
“อืม”
เจียงอี้ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะสั่งว่า “เจ้าจงอยู่ที่นี่และห้ามออกจากห้องโดยสาร ไม่เช่นนั้นข้าจะไม่รับผิดชอบต่อสิ่งที่จะเกิดกับเจ้า ข้าจะเข้าไปฝึกฝนในห้องฝึกฝนสักไม่กี่เดือนและจะออกมาเมื่อถึงเวลา”
มันใช้เวลากว่าสามเดือนกว่าจะถึงเขตแดนสวรรค์ เจียงอี้คงไม่รออย่างเกียจคร้านเช่นนี้ มีห้องฝึกฝนลับที่เพิ่มพลังร้อยเท่าอยู่บนเรือ แม้ว่าราคามันจะไร้สาระมากซึ่งจะใช้ศิลาสวรรค์ประมาณสามพันล้านก้อนในหนึ่งเดือน แต่ถึงอย่างนั้น เจียงอี้ก็ตัดสินใจที่จะลองดูก่อน เขาจะหาทางอื่นเมื่อศิลาสวรรค์หมด และความแข็งแกร่งนั้นก็ถือเป็นฐานหลัก
“ท่านใต้เท้ายังต้องฝึกอีกหรือเจ้าคะ?” ถานไถชี่รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย แต่เมื่อนางเห็นแสงเย็นเยียบวาบผ่านดวงตาของเจียงอี้ นางก็รีบก้มหน้าลงอย่างละอาย “ข้าน้อยล่วงล้ำไปแล้ว ได้โปรดลงโทษข้าน้อยเถอะเจ้าค่ะ”
“ลงโทษ….ร้องขอให้ถูกเฆี่ยนหรือ? งี่เง่าจริง!”
เจียงอี้แอบเย้ยหยัน จากนั้นเขาก็ปิดอาคมยับยั้งห้องโดยสารและเดินออกไป เขาโบกมือให้ทหารและพบว่าห้องฝึกฝนลับอยู่ในระวางเรือเลขสาม เขาจึงเดินไปที่นั่น
ฟรึ่บ!
เรือลิขิตสวรรค์นี้บินอยู่บนท้องฟ้าอย่างรวดเร็ว มันรวดเร็วมาก และเจียงอี้ก็เหลือบมองเล็กน้อยและโล่งใจเมื่อเห็นว่ามันปลอดภัยอย่างสมบูรณ์แม้ในยามกลางคืน ด้านนอกระวางเรือหมายเลขสาม ผู้ดูแลคนหนึ่งถามเจียงอี้อย่างสุภาพว่า “ท่านใต้เท้าจะฝึกฝนหรือขอรับ? เรามีห้องฝึกฝนลับ ห้าเท่า, สิบเท่า, ห้าสิบเท่า และร้อยเท่า ซึ่งมีราคาต่างกันไป ท่านใต้เท้าต้องการห้องใดขอรับ?”
“ร้อยเท่า”
รอยยิ้มบนใบหน้าของผู้ดูแลสดใสขึ้น เขาพยักหน้าและกล่าวว่า “ห้องฝึกฝนลับร้อยเท่ามีราคาศิลาสวรรค์ร้อยล้านก้อนต่อวัน ท่านใต้เท้าต้องการใช้กี่วันขอรับ?”
“หนึ่งเดือน”
เจียงอี้หยิบศิลาสวรรค์สามพันล้านก้อนออกมาและส่งให้ผู้ดูแลซึ่งรีบพาเขาไปยังระวางเรืออย่างรวดเร็ว มันเป็นห้องโดยสารที่ใหญ่กว่ามากและมีกว่าร้อยห้อง ผู้ดูแลชี้ไปที่ห้องหนึ่งแล้วพูดว่า “ท่านใต้เท้าเชิญขอรับ ข้าจะเตือนท่านในอีกหนึ่งเดือนนะขอรับ”
เจียงอี้พยักหน้าอย่างเฉยเมยและเข้าไปในห้อง และเป็นอย่างที่คาดไว้ ห้องไม่ใหญ่มากพอสำหรับราชวังจักรพรรดิ
มีไข่มุกเรืองแสงอยู่ในนั้นที่ส่องประกายด้วยแสงอ่อนๆ เจียงอี้เปิดอาคมยับยั้งและนั่งขัดสมาธิอยู่ในห้อง จากนั้นไม่นาน กำแพงก็สว่างขึ้นก่อนที่พลังฟ้าดินมหาศาลจะมารวมตัวกันที่ห้อง เจียงอี้แอบพยักหน้าเงียบๆ พลังฟ้าดินนี้หนาแน่นกว่าภายนอกร้อยเท่าจริงๆ
หลังจากที่ฝึกฝนได้ระยะหนึ่ง เจียงอี้ก็รู้สึกว่าแก่นแท้พลังของเขาพุ่งทะยานเข้าสู่ตำหนักดาวในตันเทียนของเขาราวกับน้ำทะเล หากเขาสามารถไปยังห้องฝึกฝนลับพันเท่าได้และอยู่ที่นั่นไม่กี่ปี ตำหนักดาวทั้งเก้าดวงของเขาอาจปฏิรูปไปหมดได้!
กลุ่มของเจียงอี้มีเพียงหกคนเท่านั้น รวมถึงเด็กๆด้วย แต่พวกเขาได้พักอยู่ในห้องโดยสารขนาดใหญ่ที่หรูหรามาก ภายในนั้นมีห้องมากกว่าสิบห้อง มีห้องสุขา ห้องฝึกฝน และห้องศึกษา ห้องโดยสารทั้งหมดถูกปูด้วยพรมสีขาว เครื่องเรือนเองก็หรูหรามากเช่นกันและไม่มีแรงสั่นสะเทือนในเรือลิขิตสวรรค์เลย
สิ่งที่พิเศษของเรือลิขิตสวรรค์ไม่ได้มีเพียงเท่านี้ ผู้ดูแลเรือคนหนึ่งแนะนำพวกเขาว่ามีร้านอาหารอยู่บนเรือด้วย ซึ่งจะมีอาหารและเครื่องดื่มหลายหมื่นชนิด นอกจากนี้ยังมีโรงพนันและซ่องด้วย จะไม่มีผู้ใดเบื่อหน่ายอยู่บนเรือลำนี้เป็นเวลานับปี
สิ่งที่เจียงอี้สนใจคือห้องฝึกฝนพิเศษบนเรือลิขิตสวรรค์ซึ่งมันเร่งการบ่มเพาะพลังได้ถึง ห้า, สิบ หรือแม้กระทั่งร้อยเท่า! เจียงอี้ตกตะลึงกับเรื่องนี้เป้นอย่างยิ่ง ความเร็วในการฝึกฝนที่เพิ่มขึ้นสิบเท่าบนเกาะเทพประทานนั้นมาจากค่ายกลเก้ามังกรสยบเทพในเผ่าเทพประทาน และเกาะเทพประทานนั้นกลายเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ในเรื่องนี้ ผู้คนจำนวนนับไม่ถ้วนไปยังเกาะเทพประทาน แม้ว่าพวกเขาจะรู้ถึงความเสี่ยงที่ยิ่งใหญ่ อย่างท้ายที่สุดพวกเขาจะกลายเป็นโจรหรือไม่ก็ถูกสังหารไป
แต่ในตอนนี้มีคนบอกเขาว่ามีห้องฝึกฝนบนเรือลิขิตสวรรค์ซึ่งเพิ่มความเร็วในการบ่มเพาะพลังถึงร้อยเท่า และจากร่างที่ขัดเกลาหญ้ามังกรยาจกมาแล้วจะทำให้เขาบ่มเพาะพลังได้ถึงพันเท่า และหากเขาสามารถนำราชวังจักรพรรดิออกมาฝึกฝนที่นั่นได้ ความเร็วในการบ่มเพาะพลังของเขาจะเพิ่มขึ้นหมื่นเท่า!
แน่นอนว่ามันไม่สมจริงนัก ห้องฝึกฝนไม่ใหญ่พอและมีโอกาสสูงที่ความเร็วในการบ่มเพาะพลังจะไม่เพิ่มขึ้นอย่างที่เจียงอี้คิด “ห้องฝึกฝนเพิ่มความเร็วในการบ่มเพาะพลังได้ร้อยเท่าจริงๆหรือ?” หลังจากที่ผู้ดูแลจากไปแล้ว เจียงอี้ก็ยังไม่เชื่อและถามถานไถชี่
ถานไถชี่พยักหน้าและกล่าวว่า “เป็นเรื่องปกติเจ้าค่ะ ตระกูลถังเป็นมือหนึ่งเรื่องการปรับแต่งสิ่งประดิษฐ์ที่ไม่มีผู้ใดโต้แย้ง นี่คือเรือลิขิตสวรรค์ชั้นสูงของตระกูลพวกเขา ดังนั้นมันจึงเป็นปกติที่จะเสริมค่ายกลที่ทรงพลังเอาไว้ด้วย หากท่านใต้เท้ามีโอกาสอยู่ในเมืองหลัก ท่านจะพบว่าตระกูลถังมีห้องฝึกฝนลับขั้นสูง ซึ่งแก่นแท้พลังนั้นจะเร็วขึ้นกว่าภายนอกถึงพันเท่า หากท่านมีเม็ดยาพิเศษ อัตราการบ่มเพาะพลังก็อาจเพิ่มขึ้นอีกหลายพันหรือหลายหมื่นเท่าเจ้าค่ะ”
ฮู่ ฮู่….
เจียงอี้หายใจอย่างสยดสยอง ความเร็วในการฝึกฝนหมื่นเท่านั้นน่าอัศจรรย์เพียงใด ไม่น่าแปลกใจที่ผู้คนในทวีปจักรพรรดิบูรพาไม่เคยกลั่นศิลาสวรรค์ เพราะความเร็วในการบ่มเพาะหมื่นเท่านั้นเร็วกว่าการกลั่นศิลาสวรรค์มากนัก
“ฮิฮิ!”
ถานไถชี่ยิ้มเบาๆและอธิบาย “คนทั่วไปไม่สามารถเข้าห้องฝึกฝนลับนั้นได้ ข้าได้ยินมาว่าหนึ่งวันนั้นจะใช้ศิลาสวรรค์ประมาณพันล้านก้อน แม้แต่ห้องฝึกฝนลับบนเรือลิขิตสวรรค์ที่เพิ่มความเร็วหลายร้อยเท่าเองก็ยังใช้ศิลาสวรรค์อย่างน้อยร้อยล้านก้อนต่อวันเลยเจ้าค่ะ”
“อะไรนะ?”
เจียงอี้หรี่ตา นี่ตระกูลถังกำลังปล้นศิลาสวรรค์หรือยังไง?
พันล้านก้อนต่อวัน จะเป็นสามหมื่นล้านก้อนต่อเดือน และสามแสนกว่าล้านก้อนต่อปี! ในการประมูลที่เมืองเทพประทานนั้น ขนาดรถม้าศึกระดับสุดยอดที่จักรพรรดิโลหิตใช้ยังขายได้เพียงแสนล้านก้อนเท่านั้น ผู้คนในทวีปจักรพรรดิบูรพาร่ำรวยถึงเพียงนี้เชียว? แต่เจียงอี้ก็โล่งใจเมื่อนึกถึงเรื่องนี้จากมุมมองอื่นๆ การใช้ค่ายกลเคลื่อนย้ายเพียงครั้งเดียวยังมีค่าใช้จ่ายแสนก้อน การซื้อบ้านที่นี่คงต้องใช้ศิลาสวรรค์มหาศาล ร้านค้าเองก็ต้องเสียภาษี จำนวนศิลาสวรรค์ที่ผู้ปกครองทวีปสร้างขึ้นมาได้นั้นมหาศาลมากนัก ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเก้าตระกูลจักรพรรดิเลย พวกเขาครองทวีปนี้มากว่าเจ็ดแสนปี ครองสี่ภูมิภาคและหลายล้านเมือง รายได้ต่อวันของพวกเขาคงแทบจะนับไม่ได้
ถานไถชี่อธิบายต่อว่า “ท่านใต้เท้า ขอบเขตของแก่นแท้พลังนั้นไม่ใช่เรื่องใหญ่ของตระกูลใหญ่ๆในทวีป ตราบใดที่พวกเขาพัฒนารูปแบบเต๋าได้ ตระกูลของพวกเขาจะใช้ศิลาสวรรค์จำนวนมหาศาลเพื่อช่วยเพิ่มแก่นแท้พลังทันที อย่างนายน้อยตระกูลเจี้ยนซึ่งมีอายุเพียงสิบสามปี เขาได้เพิ่มรูปแบบเต๋าจนถึงขั้นขอบเขตเทียนจุนระดับกลางได้ในช่วงสามปีที่ผ่านมา จากนั้นตระกูลเจี้ยนก็จ่ายศิลาสวรรค์จำนวนมหาศาลเพื่อให้เขาฝึกฝนในห้องฝึกฝนลับที่เร่งการบ่มเพาะพลังพันเท่าและมอบเม็ดยาให้เขาด้วย ในเวลาเพียงครึ่งปี แก่นแท้พลังของเขาก็เพิ่มขึ้นจนมาถึงขอบเขตเทียนจุนระดับกลางและเรื่องนี้ก็ทำให้ทวีปจักรพรรดิบูรพาอยู่ในความโกลาหลทันที”
“นายน้อยตระกูลเจี้ยน?”
เด็กชายในชุดคลุมปักลายสีเหลืองพร้อมกับขลุ่ยคล้องวิญญาณปรากฏขึ้นในใจของเจียงอี้ จากนั้นเขาก็ขมวดคิ้วถามว่า “เขาคือเจี้ยนอู๋อิงหรือเปล่า?”
“ท่านใต้เท้าก็ได้ยินเรื่องของเขาด้วย”
ถานไถชี่พยักหน้าและพูดว่า “นายน้อยอู๋อิงนั้นเป็นผู้มีพรสวรรค์ที่หายากในทวีปจักรพรรดิบูรพา พ่อตาของข้าบอกว่าหากนายน้อยอู๋อิงเติบโตขึ้นอย่างแข็งแกร่ง เขาจะได้กลายเป็นราชาเจี้ยนและเป็นจักรพรรดิแห่งศาสตรา!”
“ราชาเจี้ยน?” เจียงอี้เคยได้ยินจักรพรรดิศาสตรามาก่อน แต่ไม่เคยได้ยินราชาเจี้ยนเลย ถานไถชี่ยิ้มและพูดขึ้นว่า “ราชาเจี้ยนนั้นเป็นหัวหน้าครอบครัวตระกูลเจี้ยนเจ้าค่ะ หัวหน้าตระกูลทั้งหมดของเก้าตระกูลจักรพรรดินั้นจะถูกเรียกว่าราชา ส่วนประมุขตระกูลจะถูกเรียกว่าจักรพรรดิ”
“อืม”
เจียงอี้ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะสั่งว่า “เจ้าจงอยู่ที่นี่และห้ามออกจากห้องโดยสาร ไม่เช่นนั้นข้าจะไม่รับผิดชอบต่อสิ่งที่จะเกิดกับเจ้า ข้าจะเข้าไปฝึกฝนในห้องฝึกฝนสักไม่กี่เดือนและจะออกมาเมื่อถึงเวลา”
มันใช้เวลากว่าสามเดือนกว่าจะถึงเขตแดนสวรรค์ เจียงอี้คงไม่รออย่างเกียจคร้านเช่นนี้ มีห้องฝึกฝนลับที่เพิ่มพลังร้อยเท่าอยู่บนเรือ แม้ว่าราคามันจะไร้สาระมากซึ่งจะใช้ศิลาสวรรค์ประมาณสามพันล้านก้อนในหนึ่งเดือน แต่ถึงอย่างนั้น เจียงอี้ก็ตัดสินใจที่จะลองดูก่อน เขาจะหาทางอื่นเมื่อศิลาสวรรค์หมด และความแข็งแกร่งนั้นก็ถือเป็นฐานหลัก
“ท่านใต้เท้ายังต้องฝึกอีกหรือเจ้าคะ?” ถานไถชี่รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย แต่เมื่อนางเห็นแสงเย็นเยียบวาบผ่านดวงตาของเจียงอี้ นางก็รีบก้มหน้าลงอย่างละอาย “ข้าน้อยล่วงล้ำไปแล้ว ได้โปรดลงโทษข้าน้อยเถอะเจ้าค่ะ”
“ลงโทษ….ร้องขอให้ถูกเฆี่ยนหรือ? งี่เง่าจริง!”
เจียงอี้แอบเย้ยหยัน จากนั้นเขาก็ปิดอาคมยับยั้งห้องโดยสารและเดินออกไป เขาโบกมือให้ทหารและพบว่าห้องฝึกฝนลับอยู่ในระวางเรือเลขสาม เขาจึงเดินไปที่นั่น
ฟรึ่บ!
เรือลิขิตสวรรค์นี้บินอยู่บนท้องฟ้าอย่างรวดเร็ว มันรวดเร็วมาก และเจียงอี้ก็เหลือบมองเล็กน้อยและโล่งใจเมื่อเห็นว่ามันปลอดภัยอย่างสมบูรณ์แม้ในยามกลางคืน ด้านนอกระวางเรือหมายเลขสาม ผู้ดูแลคนหนึ่งถามเจียงอี้อย่างสุภาพว่า “ท่านใต้เท้าจะฝึกฝนหรือขอรับ? เรามีห้องฝึกฝนลับ ห้าเท่า, สิบเท่า, ห้าสิบเท่า และร้อยเท่า ซึ่งมีราคาต่างกันไป ท่านใต้เท้าต้องการห้องใดขอรับ?”
“ร้อยเท่า”
รอยยิ้มบนใบหน้าของผู้ดูแลสดใสขึ้น เขาพยักหน้าและกล่าวว่า “ห้องฝึกฝนลับร้อยเท่ามีราคาศิลาสวรรค์ร้อยล้านก้อนต่อวัน ท่านใต้เท้าต้องการใช้กี่วันขอรับ?”
“หนึ่งเดือน”
เจียงอี้หยิบศิลาสวรรค์สามพันล้านก้อนออกมาและส่งให้ผู้ดูแลซึ่งรีบพาเขาไปยังระวางเรืออย่างรวดเร็ว มันเป็นห้องโดยสารที่ใหญ่กว่ามากและมีกว่าร้อยห้อง ผู้ดูแลชี้ไปที่ห้องหนึ่งแล้วพูดว่า “ท่านใต้เท้าเชิญขอรับ ข้าจะเตือนท่านในอีกหนึ่งเดือนนะขอรับ”
เจียงอี้พยักหน้าอย่างเฉยเมยและเข้าไปในห้อง และเป็นอย่างที่คาดไว้ ห้องไม่ใหญ่มากพอสำหรับราชวังจักรพรรดิ
มีไข่มุกเรืองแสงอยู่ในนั้นที่ส่องประกายด้วยแสงอ่อนๆ เจียงอี้เปิดอาคมยับยั้งและนั่งขัดสมาธิอยู่ในห้อง จากนั้นไม่นาน กำแพงก็สว่างขึ้นก่อนที่พลังฟ้าดินมหาศาลจะมารวมตัวกันที่ห้อง เจียงอี้แอบพยักหน้าเงียบๆ พลังฟ้าดินนี้หนาแน่นกว่าภายนอกร้อยเท่าจริงๆ
หลังจากที่ฝึกฝนได้ระยะหนึ่ง เจียงอี้ก็รู้สึกว่าแก่นแท้พลังของเขาพุ่งทะยานเข้าสู่ตำหนักดาวในตันเทียนของเขาราวกับน้ำทะเล หากเขาสามารถไปยังห้องฝึกฝนลับพันเท่าได้และอยู่ที่นั่นไม่กี่ปี ตำหนักดาวทั้งเก้าดวงของเขาอาจปฏิรูปไปหมดได้!