เพลิงพิโรธสวรรค์ Fury towards the burning heaven - บทที่ 896 ยอดฝีมือรวมตัว
สองวันต่อมา เจียงอี้ได้ขึ้นเรือลิขิตสวรรค์ เขาไม่ได้อำลาเสี่ยวหยีและเสี่ยวเทียนและหูตันนีด้วยขณะที่ออกไปอย่างเงียบๆ เขาไม่ชอบความเศร้าในระหว่างจากลาและทำไมจึงไม่เก็บเป็นความทรงจำไว้แทนความโศกเศร้ากัน?
ในช่วงสองวันมานี้ เจียงอี้มีโอกาสร่วมรักกับหูตันนีมากกว่าสิบครั้งและเขาจะพ่ายไปในเวลาไม่ถึงชั่วโมงในทุกๆครั้ง มันไม่ใช่เพราะเขาทนไม่ได้ อันที่จริงเขาถือเป็นผู้เชี่ยวชาญในด้านนี้และไม่มีปัญหาสำหรับเจียงอี้ที่จะร่วมรักได้นานถึงสองชั่วโมงในทุกๆครั้ง แต่ผีเสื้อร่ายรำนั้นเหลือเชื่อเกินไปและที่เขาสามารถทนได้นานขนาดนี้ก็เพราะร่างกายเขาได้ถูกขัดเกลาโดยหญ้ามังกรยาจก
“ข้าอยากรู้ถึงพลังของดาบวิญญาณที่วิวัฒนาการทั้งสิบสองเล่มนี้จัง?”
เมื่อนั่งอยู่ในห้องโดยสาร หว่างคิ้วของเจียงอี้ก็ส่องสว่างขึ้นมาและดาบวิญญาณสีทองสิบสองเล่มก็เปล่งประกายออกมาและวนเวียนไปรอบตัวเขาช้าๆ เขามองเห็นอักขระเล็กๆนับไม่ถ้วนที่แผ่ไปทั่วดาบวิญญาณอย่างชัดเจนและการชำเลืองมองเพียงครั้งเดียวก็ทำให้ใจของเจียงอี้สั่นไหว
พวกเขาหลับนอนกันเกินกว่าสิบครั้งในช่วงสองวันมานี้เพราะเผ่าพันธุ์นารีผีเสื้อมีร่างกายและทักษะที่ทำให้ผู้ชายบ้าคลั่ง พวกนางมีความสามารถที่ลึกลับถึงเพียงนี้ แต่น่าเสียดายที่เผ่านนารีผีเสื้อต้องใช้เวลานานในการสะสมพลังงานและเจียงอี้ก็เปลี่ยนดาบวิญญาณได้เพียงสิบสองเล่มเท่านั้น
“โอใช่แล้ว!”
มีความคิดผุดขึ้นในใจเขา จากนั้นเขาก็ควบคุมดาบวิญญาณและให้พวกมันบินไปรอบห้องโดยสารด้วยความเร็วสูงสุดและผลที่ได้ก็ทำให้เขาตกตะลึง ความเร็วของดาบวิญญาณทั้งสิบสองเล่มนี้เร็วเป็นสองเท่าของดาบวิญญาณเล่มเก่า หากไม่ใช่เพราะปฏิกิริยาที่รวดเร็วของเขา ดาบวิญญาณพวกนี้คงบินออกจากห้องโดยสารไปแล้ว
“หากความเร็วนั้นเร็วขึ้น พลังก็คงแข็งแกร่งขึ้นเป็นสองเท่าเช่นกัน! ข้าไม่ได้คาดว่าเผ่านารีผีเสื้อจะลึกลับถึงเพียงนี้”
เจียงอี้ถอนหายใจและดวงตาของเขาก็เป็นประกายทันทีขณะที่พึมพำออกมา “เผ่านารีผีเสื้ออยู่อันดับที่ห้าในสิบอันดับเตาหลอมศักดิ์สิทธิ์? เช่นนั้นก็หมายความว่าเผ่าพันธุ์ที่อันดับสูงกว่านี้คงต้องลึกลับกว่านี้ แล้วเผ่านารีเทวาจะขนาดไหนกันนะ?”
“นี่เจ้าคิดอะไรอยู่เนี่ย? เจ้ามาที่นี่เพื่อแสวงหาลูกไก่บนทวีปจักรพรรดิบูรพาหรือ เจียงอี้?”
จิตใจของเจียงอี้เต็มไปด้วยความคิดที่วอกแวกและเขาก็ตบหัวตัวเองอย่างรวดเร็วและเตือนตัวเองว่าอย่าทำตัวเช่นนี้ อันที่จริงเขาไม่ควรมีสัมพันธ์กับสตรีมากเกินไปด้วยซ้ำ
อย่างหูตันนีที่เขาไม่ได้เจตนาจะเข้าไปยุ่งกับนาง เขายังปฏิเสธการยั่วยวนของหูตันนีหลายครั้ง ถึงท้ายที่สุดแล้วเขาก็ยังหลับนอนกับนางอยู่ดี หูตันนีอาจไม่ต้องการให้เจียงอี้รับผิดชอบและฉีเทียนเฉินคงจะดูแลนางทุกอย่างแล้ว แต่ใจเขาก็ยังเป็นกังวลอยู่ใช่ไหม?
“ฝึกฝน ฝึกฝนเถอะ!”
เจียงอี้ลุกขึ้นและเดินออกไป มันต้องใช้เวลามากกว่าหกเดือนกว่าจะถึงเมืองจักรพรรดิอรหัง และเขาคงไม่เสียเวลาเปล่า มีบางสิ่งที่ดีเกี่ยวกับการขึ้นเรือลิขิตสวรรค์ของตระกูลถังเพราะเขาสามารถฝึกฝนได้ตลอดทาง
“ห้องฝึกฝนลับความเร็วร้อยเท่า ครึ่งปี!”
หลังจากพบหัวหน้าที่ดูแลห้องลับแล้ว เจียงอี้ก็หยิบศิลาสวรรค์ออกมามากกว่าหมื่นล้านก้อน ฝ่ายหลังเผยท่าทีประจบสอพลอทันทีและหยิบป้ายออกมา “ท่านใต้เท้า เมื่อท่านใช้ศิลาสวรรค์กว่าหมื่นล้านก้อนในคราวเดียว กฎของตระกูลถังระบุว่าเราสามารถมอบป้ายทองคำขาวให้เป็นของขวัญได้ขอรับด้วยป้ายนี้ ทุกการเดินทางด้วยเรือลิขิตสวรรค์ของตระกูลถังจะได้รับส่วนลดครึ่งหนึ่งขณะที่ห้องฝึกฝนลับจะลดลงสองในสิบส่วนขอรับ”
“เยี่ยม”
เจียงอี้พยักหน้าและรับมันไว้ ด้วยป้ายนี้ เขาสามารถประหยัดศิลาสวรรค์ไปได้มากมายเมื่อเขาจะเข้าไปยังห้องฝึกฝนลับพันเท่าของตระกูลถังที่อยู่ในเมืองหลัก เขาจะสามารถวิวัฒนาการตำหนักดาวที่เหลือได้และทำให้แก่นแท้พลังของตัวเองไปถึงขอบเขตกึ่งเทพได้อย่างง่ายดาย
หลังจากเข้าไปในห้องฝึกฝนลับแล้ว เจียงอี้ก็กินยาพลังงานไปไม่กี่ชนิดและเข้าสู่สันโดษ ในขณะที่เขาฝึกฝน เขาก็ยังคงเข้าถึงสวรรค์สยบเพลิงอเวจีขณะที่คิดหาทางเข้าถึงรูปแบบเต๋าวายุที่สามารถหลบเลี่ยงลมดาราด้วย
…..
เรือลิขิตสวรรค์ของตระกูลถังปลอดภัยมากและการเดินทางก็เป็นไปอย่างราบรื่น
ตระกูลถังเป็นที่หนึ่งในผู้สร้างสิ่งประดิษฐ์ในทวีป ตระกูลถังยังมีสัมพันธ์ที่ดีกับตระกูลที่ยิ่งใหญ่มากมายเช่นเก้าตระกูลจักรพรรดิ ตระกูลถังเองก็เป็นตระกูลที่ยิ่งใหญ่เช่นกันและด้อยกว่าแค่เก้าตระกูลจักรพรรดิ พวกเขามียอดฝีมือนับไม่ถ้วนและผู้ใดก็ตามที่กล้ารุกรานตระกูลถัง ผู้นั้นจะต้องถูกไล่ล่าจนตายแน่นอน
ไม่กี่เดือนผ่านพ้นไปในพริบตา ขณะที่เจียงอี้ฝึกฝนอยู่ เขารู้สึกเหมือนว่าเพิ่งผ่านไปเพียงเดือนเดียว แต่ผู้บัญชาการส่งข้อความถึงเขาว่าเวลาหมดลงแล้ว
“อืม ตำหนักดาวดวงที่หกของข้าอยู่ที่ระดับห้าแล้วและขอบเขตพลังของข้าน่าจะอยู่ที่ขอบเขตเทียนจุนขั้นที่สาม!”
เจียงอี้ใช้วิสัยทัศน์มองเข้าไปข้างในและพอใจมาก มันยากมากที่จะฝึกฝนหลังจากไปถึงขอบเขตเทียนจุน หากเป็นจอมยุทธจากตระกูลปกติ พวกเขาอาจต้องใช้เวลาหลายสิบปีกว่าจะฝึกฝนจากขั้นแรกมาถึงขั้นที่สามได้ แต่เจียงอี้ใช้เวลาน้อยกว่าหนึ่งปี ซึ่งความเร็วเท่านี้ถือว่าเร็วมากแล้ว
แต่แน่นอนว่ามันเทียบกับนายน้อยจากเก้าตระกูลจักรพรรดิไม่ได้เลย เจี้ยนอู๋อิงอายุเพียงสิบสองถึงสิบสามปี แต่รูปแบบเต๋าและขอบเขตการฝึกฝนของเขาอยู่ขอบเขตเทียนจุนระดับสูงแล้ว เห็นได้ชัดว่าตระกูลใหญ่นั้นมีทรัพยากรมากมายนัก
หลังจากผ่านไปหกเดือน สวรรค์สยบเพลิงอเวจีก็ก้าวหน้าไปอีกขั้น แต่น่าเสียดายที่รูปแบบเต๋าวายุที่เลี่ยงลมดารานั้นไม่คืบหน้าเลย ดาบหนักเหล็กทมิฬ, เกราะเหล็กทมิฬหรือเกราะเมฆาอัคคีของเขาก็ไม่มีความก้าวหน้าในการเชื่อมดวงจิตเลย
เจียงอี้ท้อแท้อย่างสมบูรณ์เมื่อนึกถึงการเชื่อมดวงจิตกับสิ่งประดิษฐ์ มันขึ้นอยู่กับโชคอย่างสมบูรณ์ หากโชคดีมาก พวกเขาจะใช้เวลาเพียงเดือนหรือสองเดือนเพื่อเชื่อมดวงจิต แต่หากโชคร้าย พวกเขาอาจไม่สามารถเชื่อมดวงจิตกับสิ่งประดิษฐ์ได้ตลอดชีวิต
เจียงอี้ถอนหายใจและสลัดความคิดของเขา จากนั้นเขาก็มองผู้บัญชาการและถามว่า “ที่นี่ที่ไหน? อีกนานไหมกว่าจะถึงเมืองเทียมอรหัง?”
“รายงานท่านใต้เท้า!”
ผู้บัญชาการกล่าวอย่างเคารพว่า “ในตอนนี้เราอยู่ภาคกลางของเขตแดนอรหังและห่างจากเมืองเทียมอรหังประมาณสิบวันขอรับ ยังเหลือเวลาอีกประมาณยี่สิบวันก่อนที่จะถึงเมืองจักรพรรดิอรหังขอรับ!”
“อือฮึ!”
เจียงอี้พยักหน้าอละเดินออกจากห้องฝึกฝน ดวงตาของเขาเพ่งทะลุผ่านม่านพลังและมองไปยังทิวเขาหนาทึบด้านล่างซึ่งทำให้ใจสั่นเล็กน้อย ย้อนไปในตอนนั้น เขาคิดว่าอีเพียวเพียวมาจากตระกูลอีและคิดว่าคงต้องใช้เวลาหลายสิบปีก่อนจะบินมาถึงเมืองจักรพรรดิอรหังได้ ตอนนี้เขาไม่คาดคิดว่าเขาจะไปถึงที่นั่นในอีกไม่ช้าและเขากำลังยืนอยู่บนท้องฟ้าของเขตแดนอรหังแล้ว
“แม่นางอีฉาน เจ้าเป็นอย่างไรบ้างนะ?”
เจียงอี้เม้มปากของเขาขณะที่เขานึกถึงสาวผมม่วงผู้นั้น ใจเขาอยากจะพบนางแต่อีกใจเขาก็กลัวที่จะพบนางด้วยเช่นกัน อีฉานเป็นผู้มีพระคุณของเขา แต่เขาไปอยู่ที่เกาะแห่งบาปมาก่อนและมีสัมพันธ์ที่ค่อนข้างลึกซึ้งกับเอ๋าหลู ซึ่งมันหมายความว่าตอนนี้เขาเป็นศัตรูของเก้าตระกูลจักรพรรดิ ดังนั้นเขาจึงไม่รู้ว่าจะทำตัวเช่นไรเมื่อพบนาง
“หากอีฉานรู้ถึงตัวตนข้า นางจะไล่ล่าข้าและสังหารข้าไหม?”
เจียงอี้ไม่รู้เลย เขาถอนหายใจยาวและเข้าไปในห้องโดยสาร เขาจะต้องลงเรือที่เมืองเทียมอรหังเพราะเขาไม่กล้ามุ่งหน้าไปยังเมืองจักรพรรดิอรหังเลย ในตอนนี้จะต้องมีแต่ยอดฝีมือมารวมตัวกันอยู่ที่เมืองและที่นั่นคงจะเต็มไปด้วยนายน้อยที่มีชื่อเสียง เขาอาจถูกเปิดเผยตัวตนได้หากไปที่นั่นเลย
… ฟรึ่บ!
สิบวันผ่านไปเพียงพริบตาและเจียงอี้ก็บินออกจากเรือลิขิตสวรรค์และมุ่งหน้าไปยังเมืองขนาดกลางซึ่งเป็นเมืองเทียมอรหัง ซากปรักหักพังสลายบาปตั้งอยู่ระหว่างเมืองเทียมอรหังกับเมืองจักรพรรดิอรหัง เขาจะต้องหาข้อมูลในเมืองก่อนถึงจะเตรียมตัวเข้าสู่ซากปรักหักพังสลายบาปและหากล้วยไม้เขี้ยวเพลิงมาให้ได้
หลังจากจ่ายศิลาสวรรค์กว่าพันก้อนแล้ว เจียงอี้ก็เข้าไปในเมือง ตอนนี้เขาปลอมเป็นชายกำยำวัยกลางคนและสวมชุดเกราะหนัก ความแข็งแกร่งภายนอกของเขานั้นอยู่ขอบเขตเทียนจุนระดับกลาง
เจียงอี้หาโรงเตี๊ยมไว้พักและเทแก่นแท้พลังเข้าไปในไข่มุกสีเขียวทันทีก่อนที่เขาจะนั่งอยู่ในลานบ้านเงียบๆ
หนึ่งชั่วโมงต่อมา มีเงาผลุบเข้ามาและสนทนากับเจียงอี้ หลังจากที่จับสัญญาณลับของพวกเขาแล้ว คนของจักรพรรดิแห่งเงาก็ส่งข้อมูลให้เจียงอี้และหายลับไปจากโรงเตี๊ยม
เจียงอี้เปิดอาคมยับยั้งภายในลานและเข้าไปข้างในเพื่อดูข้อมูลอย่างละเอียด เขาเผยความเย้ยหยันออกมาหลังจากอ่านเสร็จขณะที่กลิ่นอายสังหารในดวงตาของเขาเพิ่มขึ้นเป็นอย่างมาก เขาพูดกับตัวเองว่า “ซากปรักหักพังสลายบาปจะเปิดในอีกหนึ่งเดือน? คราวนี้สหายเก่าแก่มากันเยอะรึ เหอะ? เสียเฟย เจี้ยนอู๋อิง ถูหลง หยิ่นรั่วปิง หลิงชีเจี้ยน หลิงชือหย่า หวู่นี่ จีทิงยวี่….มาที่นี่กันหมดเลย? ข้าสงสัยจริงๆว่าพวกเขาจะเข้าไปในซากปรักหักพังสลายบาปหรือไม่ หากเป็นเช่นนั้นล่ะก็ งานนี้สนุกแน่!”
ในช่วงสองวันมานี้ เจียงอี้มีโอกาสร่วมรักกับหูตันนีมากกว่าสิบครั้งและเขาจะพ่ายไปในเวลาไม่ถึงชั่วโมงในทุกๆครั้ง มันไม่ใช่เพราะเขาทนไม่ได้ อันที่จริงเขาถือเป็นผู้เชี่ยวชาญในด้านนี้และไม่มีปัญหาสำหรับเจียงอี้ที่จะร่วมรักได้นานถึงสองชั่วโมงในทุกๆครั้ง แต่ผีเสื้อร่ายรำนั้นเหลือเชื่อเกินไปและที่เขาสามารถทนได้นานขนาดนี้ก็เพราะร่างกายเขาได้ถูกขัดเกลาโดยหญ้ามังกรยาจก
“ข้าอยากรู้ถึงพลังของดาบวิญญาณที่วิวัฒนาการทั้งสิบสองเล่มนี้จัง?”
เมื่อนั่งอยู่ในห้องโดยสาร หว่างคิ้วของเจียงอี้ก็ส่องสว่างขึ้นมาและดาบวิญญาณสีทองสิบสองเล่มก็เปล่งประกายออกมาและวนเวียนไปรอบตัวเขาช้าๆ เขามองเห็นอักขระเล็กๆนับไม่ถ้วนที่แผ่ไปทั่วดาบวิญญาณอย่างชัดเจนและการชำเลืองมองเพียงครั้งเดียวก็ทำให้ใจของเจียงอี้สั่นไหว
พวกเขาหลับนอนกันเกินกว่าสิบครั้งในช่วงสองวันมานี้เพราะเผ่าพันธุ์นารีผีเสื้อมีร่างกายและทักษะที่ทำให้ผู้ชายบ้าคลั่ง พวกนางมีความสามารถที่ลึกลับถึงเพียงนี้ แต่น่าเสียดายที่เผ่านนารีผีเสื้อต้องใช้เวลานานในการสะสมพลังงานและเจียงอี้ก็เปลี่ยนดาบวิญญาณได้เพียงสิบสองเล่มเท่านั้น
“โอใช่แล้ว!”
มีความคิดผุดขึ้นในใจเขา จากนั้นเขาก็ควบคุมดาบวิญญาณและให้พวกมันบินไปรอบห้องโดยสารด้วยความเร็วสูงสุดและผลที่ได้ก็ทำให้เขาตกตะลึง ความเร็วของดาบวิญญาณทั้งสิบสองเล่มนี้เร็วเป็นสองเท่าของดาบวิญญาณเล่มเก่า หากไม่ใช่เพราะปฏิกิริยาที่รวดเร็วของเขา ดาบวิญญาณพวกนี้คงบินออกจากห้องโดยสารไปแล้ว
“หากความเร็วนั้นเร็วขึ้น พลังก็คงแข็งแกร่งขึ้นเป็นสองเท่าเช่นกัน! ข้าไม่ได้คาดว่าเผ่านารีผีเสื้อจะลึกลับถึงเพียงนี้”
เจียงอี้ถอนหายใจและดวงตาของเขาก็เป็นประกายทันทีขณะที่พึมพำออกมา “เผ่านารีผีเสื้ออยู่อันดับที่ห้าในสิบอันดับเตาหลอมศักดิ์สิทธิ์? เช่นนั้นก็หมายความว่าเผ่าพันธุ์ที่อันดับสูงกว่านี้คงต้องลึกลับกว่านี้ แล้วเผ่านารีเทวาจะขนาดไหนกันนะ?”
“นี่เจ้าคิดอะไรอยู่เนี่ย? เจ้ามาที่นี่เพื่อแสวงหาลูกไก่บนทวีปจักรพรรดิบูรพาหรือ เจียงอี้?”
จิตใจของเจียงอี้เต็มไปด้วยความคิดที่วอกแวกและเขาก็ตบหัวตัวเองอย่างรวดเร็วและเตือนตัวเองว่าอย่าทำตัวเช่นนี้ อันที่จริงเขาไม่ควรมีสัมพันธ์กับสตรีมากเกินไปด้วยซ้ำ
อย่างหูตันนีที่เขาไม่ได้เจตนาจะเข้าไปยุ่งกับนาง เขายังปฏิเสธการยั่วยวนของหูตันนีหลายครั้ง ถึงท้ายที่สุดแล้วเขาก็ยังหลับนอนกับนางอยู่ดี หูตันนีอาจไม่ต้องการให้เจียงอี้รับผิดชอบและฉีเทียนเฉินคงจะดูแลนางทุกอย่างแล้ว แต่ใจเขาก็ยังเป็นกังวลอยู่ใช่ไหม?
“ฝึกฝน ฝึกฝนเถอะ!”
เจียงอี้ลุกขึ้นและเดินออกไป มันต้องใช้เวลามากกว่าหกเดือนกว่าจะถึงเมืองจักรพรรดิอรหัง และเขาคงไม่เสียเวลาเปล่า มีบางสิ่งที่ดีเกี่ยวกับการขึ้นเรือลิขิตสวรรค์ของตระกูลถังเพราะเขาสามารถฝึกฝนได้ตลอดทาง
“ห้องฝึกฝนลับความเร็วร้อยเท่า ครึ่งปี!”
หลังจากพบหัวหน้าที่ดูแลห้องลับแล้ว เจียงอี้ก็หยิบศิลาสวรรค์ออกมามากกว่าหมื่นล้านก้อน ฝ่ายหลังเผยท่าทีประจบสอพลอทันทีและหยิบป้ายออกมา “ท่านใต้เท้า เมื่อท่านใช้ศิลาสวรรค์กว่าหมื่นล้านก้อนในคราวเดียว กฎของตระกูลถังระบุว่าเราสามารถมอบป้ายทองคำขาวให้เป็นของขวัญได้ขอรับด้วยป้ายนี้ ทุกการเดินทางด้วยเรือลิขิตสวรรค์ของตระกูลถังจะได้รับส่วนลดครึ่งหนึ่งขณะที่ห้องฝึกฝนลับจะลดลงสองในสิบส่วนขอรับ”
“เยี่ยม”
เจียงอี้พยักหน้าและรับมันไว้ ด้วยป้ายนี้ เขาสามารถประหยัดศิลาสวรรค์ไปได้มากมายเมื่อเขาจะเข้าไปยังห้องฝึกฝนลับพันเท่าของตระกูลถังที่อยู่ในเมืองหลัก เขาจะสามารถวิวัฒนาการตำหนักดาวที่เหลือได้และทำให้แก่นแท้พลังของตัวเองไปถึงขอบเขตกึ่งเทพได้อย่างง่ายดาย
หลังจากเข้าไปในห้องฝึกฝนลับแล้ว เจียงอี้ก็กินยาพลังงานไปไม่กี่ชนิดและเข้าสู่สันโดษ ในขณะที่เขาฝึกฝน เขาก็ยังคงเข้าถึงสวรรค์สยบเพลิงอเวจีขณะที่คิดหาทางเข้าถึงรูปแบบเต๋าวายุที่สามารถหลบเลี่ยงลมดาราด้วย
…..
เรือลิขิตสวรรค์ของตระกูลถังปลอดภัยมากและการเดินทางก็เป็นไปอย่างราบรื่น
ตระกูลถังเป็นที่หนึ่งในผู้สร้างสิ่งประดิษฐ์ในทวีป ตระกูลถังยังมีสัมพันธ์ที่ดีกับตระกูลที่ยิ่งใหญ่มากมายเช่นเก้าตระกูลจักรพรรดิ ตระกูลถังเองก็เป็นตระกูลที่ยิ่งใหญ่เช่นกันและด้อยกว่าแค่เก้าตระกูลจักรพรรดิ พวกเขามียอดฝีมือนับไม่ถ้วนและผู้ใดก็ตามที่กล้ารุกรานตระกูลถัง ผู้นั้นจะต้องถูกไล่ล่าจนตายแน่นอน
ไม่กี่เดือนผ่านพ้นไปในพริบตา ขณะที่เจียงอี้ฝึกฝนอยู่ เขารู้สึกเหมือนว่าเพิ่งผ่านไปเพียงเดือนเดียว แต่ผู้บัญชาการส่งข้อความถึงเขาว่าเวลาหมดลงแล้ว
“อืม ตำหนักดาวดวงที่หกของข้าอยู่ที่ระดับห้าแล้วและขอบเขตพลังของข้าน่าจะอยู่ที่ขอบเขตเทียนจุนขั้นที่สาม!”
เจียงอี้ใช้วิสัยทัศน์มองเข้าไปข้างในและพอใจมาก มันยากมากที่จะฝึกฝนหลังจากไปถึงขอบเขตเทียนจุน หากเป็นจอมยุทธจากตระกูลปกติ พวกเขาอาจต้องใช้เวลาหลายสิบปีกว่าจะฝึกฝนจากขั้นแรกมาถึงขั้นที่สามได้ แต่เจียงอี้ใช้เวลาน้อยกว่าหนึ่งปี ซึ่งความเร็วเท่านี้ถือว่าเร็วมากแล้ว
แต่แน่นอนว่ามันเทียบกับนายน้อยจากเก้าตระกูลจักรพรรดิไม่ได้เลย เจี้ยนอู๋อิงอายุเพียงสิบสองถึงสิบสามปี แต่รูปแบบเต๋าและขอบเขตการฝึกฝนของเขาอยู่ขอบเขตเทียนจุนระดับสูงแล้ว เห็นได้ชัดว่าตระกูลใหญ่นั้นมีทรัพยากรมากมายนัก
หลังจากผ่านไปหกเดือน สวรรค์สยบเพลิงอเวจีก็ก้าวหน้าไปอีกขั้น แต่น่าเสียดายที่รูปแบบเต๋าวายุที่เลี่ยงลมดารานั้นไม่คืบหน้าเลย ดาบหนักเหล็กทมิฬ, เกราะเหล็กทมิฬหรือเกราะเมฆาอัคคีของเขาก็ไม่มีความก้าวหน้าในการเชื่อมดวงจิตเลย
เจียงอี้ท้อแท้อย่างสมบูรณ์เมื่อนึกถึงการเชื่อมดวงจิตกับสิ่งประดิษฐ์ มันขึ้นอยู่กับโชคอย่างสมบูรณ์ หากโชคดีมาก พวกเขาจะใช้เวลาเพียงเดือนหรือสองเดือนเพื่อเชื่อมดวงจิต แต่หากโชคร้าย พวกเขาอาจไม่สามารถเชื่อมดวงจิตกับสิ่งประดิษฐ์ได้ตลอดชีวิต
เจียงอี้ถอนหายใจและสลัดความคิดของเขา จากนั้นเขาก็มองผู้บัญชาการและถามว่า “ที่นี่ที่ไหน? อีกนานไหมกว่าจะถึงเมืองเทียมอรหัง?”
“รายงานท่านใต้เท้า!”
ผู้บัญชาการกล่าวอย่างเคารพว่า “ในตอนนี้เราอยู่ภาคกลางของเขตแดนอรหังและห่างจากเมืองเทียมอรหังประมาณสิบวันขอรับ ยังเหลือเวลาอีกประมาณยี่สิบวันก่อนที่จะถึงเมืองจักรพรรดิอรหังขอรับ!”
“อือฮึ!”
เจียงอี้พยักหน้าอละเดินออกจากห้องฝึกฝน ดวงตาของเขาเพ่งทะลุผ่านม่านพลังและมองไปยังทิวเขาหนาทึบด้านล่างซึ่งทำให้ใจสั่นเล็กน้อย ย้อนไปในตอนนั้น เขาคิดว่าอีเพียวเพียวมาจากตระกูลอีและคิดว่าคงต้องใช้เวลาหลายสิบปีก่อนจะบินมาถึงเมืองจักรพรรดิอรหังได้ ตอนนี้เขาไม่คาดคิดว่าเขาจะไปถึงที่นั่นในอีกไม่ช้าและเขากำลังยืนอยู่บนท้องฟ้าของเขตแดนอรหังแล้ว
“แม่นางอีฉาน เจ้าเป็นอย่างไรบ้างนะ?”
เจียงอี้เม้มปากของเขาขณะที่เขานึกถึงสาวผมม่วงผู้นั้น ใจเขาอยากจะพบนางแต่อีกใจเขาก็กลัวที่จะพบนางด้วยเช่นกัน อีฉานเป็นผู้มีพระคุณของเขา แต่เขาไปอยู่ที่เกาะแห่งบาปมาก่อนและมีสัมพันธ์ที่ค่อนข้างลึกซึ้งกับเอ๋าหลู ซึ่งมันหมายความว่าตอนนี้เขาเป็นศัตรูของเก้าตระกูลจักรพรรดิ ดังนั้นเขาจึงไม่รู้ว่าจะทำตัวเช่นไรเมื่อพบนาง
“หากอีฉานรู้ถึงตัวตนข้า นางจะไล่ล่าข้าและสังหารข้าไหม?”
เจียงอี้ไม่รู้เลย เขาถอนหายใจยาวและเข้าไปในห้องโดยสาร เขาจะต้องลงเรือที่เมืองเทียมอรหังเพราะเขาไม่กล้ามุ่งหน้าไปยังเมืองจักรพรรดิอรหังเลย ในตอนนี้จะต้องมีแต่ยอดฝีมือมารวมตัวกันอยู่ที่เมืองและที่นั่นคงจะเต็มไปด้วยนายน้อยที่มีชื่อเสียง เขาอาจถูกเปิดเผยตัวตนได้หากไปที่นั่นเลย
… ฟรึ่บ!
สิบวันผ่านไปเพียงพริบตาและเจียงอี้ก็บินออกจากเรือลิขิตสวรรค์และมุ่งหน้าไปยังเมืองขนาดกลางซึ่งเป็นเมืองเทียมอรหัง ซากปรักหักพังสลายบาปตั้งอยู่ระหว่างเมืองเทียมอรหังกับเมืองจักรพรรดิอรหัง เขาจะต้องหาข้อมูลในเมืองก่อนถึงจะเตรียมตัวเข้าสู่ซากปรักหักพังสลายบาปและหากล้วยไม้เขี้ยวเพลิงมาให้ได้
หลังจากจ่ายศิลาสวรรค์กว่าพันก้อนแล้ว เจียงอี้ก็เข้าไปในเมือง ตอนนี้เขาปลอมเป็นชายกำยำวัยกลางคนและสวมชุดเกราะหนัก ความแข็งแกร่งภายนอกของเขานั้นอยู่ขอบเขตเทียนจุนระดับกลาง
เจียงอี้หาโรงเตี๊ยมไว้พักและเทแก่นแท้พลังเข้าไปในไข่มุกสีเขียวทันทีก่อนที่เขาจะนั่งอยู่ในลานบ้านเงียบๆ
หนึ่งชั่วโมงต่อมา มีเงาผลุบเข้ามาและสนทนากับเจียงอี้ หลังจากที่จับสัญญาณลับของพวกเขาแล้ว คนของจักรพรรดิแห่งเงาก็ส่งข้อมูลให้เจียงอี้และหายลับไปจากโรงเตี๊ยม
เจียงอี้เปิดอาคมยับยั้งภายในลานและเข้าไปข้างในเพื่อดูข้อมูลอย่างละเอียด เขาเผยความเย้ยหยันออกมาหลังจากอ่านเสร็จขณะที่กลิ่นอายสังหารในดวงตาของเขาเพิ่มขึ้นเป็นอย่างมาก เขาพูดกับตัวเองว่า “ซากปรักหักพังสลายบาปจะเปิดในอีกหนึ่งเดือน? คราวนี้สหายเก่าแก่มากันเยอะรึ เหอะ? เสียเฟย เจี้ยนอู๋อิง ถูหลง หยิ่นรั่วปิง หลิงชีเจี้ยน หลิงชือหย่า หวู่นี่ จีทิงยวี่….มาที่นี่กันหมดเลย? ข้าสงสัยจริงๆว่าพวกเขาจะเข้าไปในซากปรักหักพังสลายบาปหรือไม่ หากเป็นเช่นนั้นล่ะก็ งานนี้สนุกแน่!”