เพลิงพิโรธสวรรค์ Fury towards the burning heaven - บทที่ 897 ซากปรักหักพังสลายบาป
- Home
- เพลิงพิโรธสวรรค์ Fury towards the burning heaven
- บทที่ 897 ซากปรักหักพังสลายบาป
ผ่านมาไม่กี่ปี เจียงอี้สังเกตเห็นว่าสหายเก่าเหล่านี้ต่างก้าวหน้าขึ้นเป็นอย่างมาก
เสียเฟยเป็นผู้ที่มีการเปลี่ยนแปลงที่น่าประทับใจที่สุด หลังจากที่เขาล้มเหลวในการไล่ล่าเจียงอี้ เสียเฟยก็เข้าสู่สันโดษอยู่ในเมืองจักรพรรดิแห่งหมู่มารและไม่ข่าวคราวใดเกี่ยวกับเขาเลย นี่เป็นครั้งแรกที่เขาปรากฏตัวต่อหน้าทุกคนหลังจากผ่านมานานและความเร็วในการพัฒนาความแข็งแกร่งของเขาก็ทำให้ทุกคนประหลาดใจ
ในช่วงการล่าสมบัติราชวังจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์ลี้ลับ เจียงอี้อายุสิบแปดปีขณะที่เสียเฟยอายุยี่สิบห้า ในตอนนี้ เจียงอี้อายุได้ยี่สิบสามปีและเสียเฟยอายุสามสิบปีแล้ว ในช่วงห้าปีที่ผ่านมา ชื่อของเจียงอี้ได้ดังก้องไปทั่วขณะที่เสียเฟยเข้าสู่สันโดษและหายหน้าหายตาไปห้าปี และเมื่อเขาปรากฏตัวขึ้นในครั้งนี้ ความแข็งแกร่งของเขาได้มาถึงขอบเขตเทียนจุนขั้นสูงสุดแล้ว!
เจียงอี้ทำให้เสียเฟยเสื่อมเสียชื่อและทำให้เขาได้เรียนรู้บทเรียนจากความล้มเหลวและพ่ายแพ้ เขาจดจ่ออยู่กับการฝึกฝนและค่อยๆทะลวงขอบเขตมาเรื่อยๆ ในขณะเดียวกัน ความแข็งแกร่งของเจี้ยนอู๋อิงก็ดีขึ้นมากเช่นกัน ทายาทของเหล่าเก้าตระกูลจักรพรรดินี้ต่างจากตระกูลปกติอย่างแท้จริง พวกเขามีความภาคภูมิลึกเข้าไปถึงกระดูกและแรงขับเคลื่อนที่ไม่ทำให้พวกเขายอมรับความพ่ายแพ้
ก่อนหน้านี้พวกเขารับความพ่ายแพ้อย่างไม่มีเจตนาปกปิด และพวกเขาเพียงแค่ฝึกฝนอย่างขันแข็งเพื่อสู้และได้รับชื่อเสียงคืนมา นี่คือจิตวิญญาณของเก้าตระกูลจักรพรรดิและมันเป็นหนึ่งในเหตุผลที่ทำให้เก้าตระกูลจักรพรรดิสามารถยืนหยัดได้นานถึงเพียงนี้
แม้ว่าพวกเขาจะเป็นศัตรู ตอนที่เจียงอี้อ่านข้อมูลของพวกเขา เขาก็ยังชื่นชมเสียเฟย, เจี้ยนอู๋อิงและหวู่นี่ ส่วนหยิ่นรั่วปิงและคนอื่นๆก็มีความแข็งแกร่งเพิ่มขึ้นเช่นกัน หยิ่นรั่วปิงอายุพอๆกับเจียงอี้และน่าจะเป็นขอบเขตเทียนจุนขั้นสูงสุดในยามนี้ อายุของอีฉานเองก็น่าจะใกล้เคียงเช่นกันและได้เป็นขอบเขตเทียนจุนขั้นสูงสุดแล้ว ส่วนถูหลง, หลิงชีเจี้ยนและหวู่นี่ต่างก็ขึ้นเป็นขอบเขตเทียนจุนระดับสูงกันแล้ว มีเพียงหลิงชือหย่าเท่านั้นที่ด้อยกว่าเล็กน้อยแต่ก็ยังเป็นขอบเขตเทียนจุนระดับกลาง
ครั้งนี้การที่จักรพรรดิอรหังเปิดซากปรักหักพังสลายบาปนั้นมีจุดประสงค์
อันที่จริงแล้ว มีข้อผิดพลาดของข้อมูลอยู่ เพราะผู้ที่สั่งให้เปิดซากปรักหักพังสลายบาปนั้นคือราชาอรหัง ไม่ใช่จักรพรรรดิซึ่งเป็นบิดาของอีฉานด้วย จักรพรรดิอรหังได้สมรสและมีบุตรในช่วงบั้นปลายชีวิตและในตอนนี้ก็ค่อนข้างมีอายุแล้ว อีกสามเดือนก็จะเป็นวันเกิดครบรอบหนึ่งร้อยปีของจักรพรรดิอรหัง
ราชาอรหังจึงสั่งให้เปิดซากปรักหักพังสลายบาปเพื่อให้เยาวชนขอบเขตเทียนจุนทุกคนสามารถเข้าไปได้ ประการแรกนั้นเป็นการฉลองให้แก่จักรพรรดิอรหัง ประการที่สอง เขาต้องการใช้โอกาสนี้รับคนที่มีความแข็งแกร่งเข้าตระกูลอี เพราะผู้ที่เดินออกจากซากปรักหักพังสลายบาปได้แบบเป็นๆนั้นคือเยาวชนที่มีความสามารถ ส่วนประการที่สามคือการเลือกสามีให้แก่อีฉาน
อีฉานเป็นหลานสาวที่โปรดปรานของจักรพรรดิอรหัง และราชาอรหังก็อยากให้อีฉานเลือกสามีได้ซึ่งมันจะทำให้จักรพรรดิอรหังมีความสุขในวันครบรอบร้อยปีของเขา อีฉานเป็นหญิงสาวที่หยิ่งผยองมาโดยตลอดและโดยพื้นฐานแล้วนางไม่ได้หลงใหลในตัวนายน้อยจากเก้าตระกูลจักรพรรดิ หลังจากที่ศึกษาพุทธศาสนากับจักรพรรดิอรหังมาหลายปี ดูเหมือนว่านางจะมองเห็นเรื่องทางโลกแล้ว มันทำให้ราชาอรหังค่อนข้างกังวล เขาจึงสั่งให้เปิดซากปรักหักพังสลายบาปและจัดงานใหญ่เช่นนี้
ชื่อเรียกซากปรักหักพังสลายบาปนั้นก็บ่งบอกไว้อยู่แล้ว ซึ่งมันเป็นซากปรักหักพังที่น่าสยดสยองมาก
มีข่าวลือว่ามันเป็นสถานที่พำนักของเผ่าพันธุ์ที่ยิ่งใหญ่ในสมัยโบราณ เผ่าพันธุ์ที่ยิ่งใหญ่นี้มียอดฝีมือนับไม่ถ้วนและมีความสามารถมากมาย พวกเขาเป็นหนึ่งในตระกูลหลักที่ปะทะกับเหล่าอสูรที่ยิ่งใหญ่
แต่เผ่าพันธุ์ที่ยิ่งใหญ่นี้ถูกดับสลายไปอย่างไม่ทราบสาเหตุและที่พำนักของเผ่าพันธุ์ที่ยิ่งใหญ่แห่งนี้ก็ได้กลายเป็นซากปรักหักพังไป เผ่าพันธุ์นี้มีเมืองอยู่หลายร้อยเมืองและยาวไกลออกไปกว่าล้านกิโลเมตร จากนั้นซากปรักหักพังนี้ก็จมลงไปใต้ดินขณะที่ส่วนบนของซากปรักหักพังสลายบาปนี้เต็มไปด้วยลมดาราอันน่าสยดสยองมานานนับหลายปี ความหนาแน่นของลมดารานี้เทียบได้กับความหนาแน่นที่ระดับสูงนับล้านกิโลเมตรซึ่งแม้แต่จักรพรรดิอรหังก็ยังไม่กล้าพุง่ตรงเข้าไปเลย
ทางเข้าเดียวของซากปรักหักพังสลายบาปอยู่ที่หุบเขาลึก หลังจากที่ตระกูลอีได้รับขนานนามว่าเป็นตระกูลจักรพรรดิโดยจักรพรรดิลี้ลับ พวกเขาก็ยึดครองพื้นที่ใกล้เคียง ดังนั้นซากปรักหักพังจึงตกอยู่ใต้การดูแลของพวกเขาโดยธรรมชาติและในวันธรรมดาจะไม่มีผู้ได้รับอนุญาตให้เข้าไป
แต่แน่นอนว่าตระกูลอีก็เปิดซากปรักหักพังสลายบาปเป็นครั้งคราวเพื่อให้บุคคลภายนอกเข้ามาเอาสมบัติในนั้นได้ ตระกูลอีจะไม่ปล้นสิ่งที่พวกเขาค้นพบและสมบัติทั้งหมดจะเป็นของผู้ที่เสี่ยงภัยในซากปรักหักพัง สิ่งนี้มันจะดึงดูดจอมยุทธจำนวนนับไม่ถ้วนให้เข้ามาค้นหาสมบัติในนี้ได้ และตระกูลอีจะรับพวกเขาเข้าตระกูลเป็นจำนวนมากขณะที่ได้เสริมกำลังให้ตระกูลของพวกเขาเองด้วย
ซากปรักหักพังสลายบาปนั้นอันตรายเพียงใด? สถานการณ์ในนั้นเป็นยังไง? แล้วเหตุใดถึงมีสมบัติมากมายอยู่ในนั้น?
ไม่มีผู้ใดรู้เรื่องนี้เพราะ….ทุกคนที่ออกมาจากซากปรักหักพังสลายบาปจะไม่มีความทรงจำเกี่ยวกับการผจญภัยของพวกเขา ดูเหมือนซากปรักหักพังสลายบาปนี้จะมีความพิเศษที่สามารถลบล้างความทรงจำของผู้ที่ออกมาจากซากปรักหักพังสลายบาปได้
ทุกคนรู้สึกว่าซากปรักหักพังสลายบาปนี้อันตรายมาก เพราะมีเพียงหนึ่งหรือสองในสิบคนที่เข้าไปข้างในเท่านั้นที่จะรอดกลับออกมาได้ แต่ผู้ที่รอดออกมาได้จะเพิ่มความแข็งแกร่ง หรือความแข็งแกร่งของดวงจิตหรือการเข้าถึงรูปแบบเต๋าพิเศษหรือได้รับสมบัติลึกลับ ซึ่งมันจะเกิดขึ้นกับหกหรือเจ็ดในสิบคนที่รอดออกมาได้
ดังนั้นซากปรักหักพังสลายบาปจึงเป็นหนึ่งในขุมทรัพย์ที่ยอดเยี่ยมของทวีปและยังเป็นสถานที่แห่งทรราชในทวีปอีกด้วย
มีสิ่งประหลาดอีกอย่างเกี่ยวกับซากปรักหักพังสลายบาปคือผู้ที่มีอายุเกินสามสิบปีนั้นไม่สามารถเข้าไปในนั้นได้ เว้นแต่ว่าพวกเขาจะหาทางเข้าจากด้านบนได้ และยอดที่ด้านบนนั้นเต็มไปด้วยลมดาราและผู้ใดก็ตามที่ไปทางนั้นจะดับสลายไป เป็นสถานที่ที่ลึกลับอะไรเช่นนี้!
เจียงอี้รู้สึกกระอักกระอ่วนไปหมดเมื่อเขาอ่านข้อมูลจบและเขาก็ตั้งตารอซากปรักหักพังนี้ เขาไม่รู้ว่าตัวเองจะตกตายไปหรือไม่หากเขาเข้าไปข้างในแล้ว แต่เขาไม่เคยคิดถึงมันมาก่อนเพราะเขาสัญญากับเอ๋าหลูแล้วว่าเขาจะทำทุกทางเพื่อให้ได้กล้วยไม้เขี้ยวเพลิงมา คำสัญญาของคนนั้นหนักราวทองเป็นพันตันและเขาจะไม่มีวันเสียใจกับสิ่งที่ได้สัญญาไปแล้ว
หนึ่งเดือน!
เจียงอี้หยิบแผนที่ที่มีรายละเอียดออกมาและเหลือบมองเล็กน้อย เขาเห็นว่าเมืองเทียมอรหังค่อนข้างอยู่ไกลจากซากปรักหักพังสลายบาปและด้วยความเร็วของเขา เขาจะต้องใช้เวลาอย่างน้อยครึ่งเดือนเพื่อไปถึงที่นั่น
เจียงอี้ไม่กล้าที่จะลีลาขณะที่เขายืนขึ้นมาและใช้วิชาเทพพลางตาเปลี่ยนร่างดวงจิตและรูปลักษณ์ของเขาทันที เขากลายเป็นหนุ่มที่ดูสะอาดสะอ้านและหล่อเหลา เขาถอดชุดเกราะต่อสู้ออกและเปลี่ยนเป็นเสื้อคลุมสีขาวปักลายขณะที่ถือพัดในมือ เขากลายเป็นนายน้อยที่หล่อเหลาและเดินออกจากโรงเตี๊ยมไป
หลังจากที่กลายเป็นนายน้อยที่สง่างามแล้ว เขาก็ได้รับความสนใจมากกว่าแต่ก่อน แต่แน่นอนว่าคนเหล่านั้นเพียงแค่เหลือบมองเท่านั้นและไม่ได้มีสิ่งใดเกินไปกว่านี้ ขณะที่การเปิดซากปรักหักพังสลายบาปเริ่มใกล้เข้ามา ก็มีนายน้อยรุ่นเยาว์มากมายอยู่ในเมืองใกล้ๆซึ่งทำให้เจียงอี้นั้นปลอดภัยยิ่งขึ้น
หลังจากที่ถามทางแล้ว เจียงอี้ก็พบสมาคมการค้ารายใหญ่แห่งหนึ่งและเขาใช้ศิลาสวรรค์พันล้านก้อนเพื่อจ้างผู้คุ้มกันขอบเขตเทียนจุนระดับกลางสิบคน เขาขอให้คนเหล่านั้นพาเขาไปยังซากปรักหักพังสลายบาป นายน้อยนั้นจะไม่มีทหารคุ้มกันได้อย่างไร? หากไปคนเดียว มันคงจะสะดุดตาเกินไป เจียงอี้ซื้อเรือลิขิตสวรรค์ระดับต่ำสุดจากสมาคมการค้าซึ่งมันยาวเพียงสามสิบเมตรและสูงสามเมตรและมีห้องโดยสารกว่าสิบห้อง ม่านพลังนั้นไม่สามารถต้านทานการโจมตีจากขอบเขตเทียนจุนขั้นสูงสุดได้แม้แต่ครั้งเดียว จากนั้นเจียงอี้ก็เดินออกจากประตูเมืองทางเหนือไปพร้อมกับคนสิบคนและนั่งเรือลิขิตสวรรค์ไปยังซากปรักหักพังสลายบาป
ความเร็วของเรือลิขิตสวรรค์ค่อนข้างช้าและมีความเร็วพอๆกับเจียงอี้ มันน่าจะใช้เวลาราวๆสองสัปดาห์ในการเดินทางจากที่นี่ไปยังซากปรักหักพังสลายบาป เจียงอี้ไม่มีทางเลือกอื่นอีกเพราะไม่มีเรือลิขิตสวรรค์ขนาดใหญ่ที่จะไปซากปรักหักพังสลายบาปเลย ที่นั่นมีลมดาราทั้งกลางวันและกลางคืนและแม้แต่เรือลิขิตสวรรค์ขนาดใหญ่ก็ต้านทานไม่ได้
โชคดีที่เนื่องจากว่าซากปรักหักพังสลายบาปใกล้เปิดแล้ว ราชาอรหังจึงออกคำสั่งลงมาว่า หากมีกองโจรใดกล้าสกัดกั้นและสังหารจอมยุทธที่จะมุ่งหน้าไปยังซากปรักหักพังสลายบาป ตระกูลอีจะส่งกองทัพมากำจัดพวกเขา และตอนนี้กองทัพของตระกูลอีมากมายต่างพากันลาดตระเวนรอบๆซากปรักหักพังสลายบาปและการเดินทางที่นั่นค่อนข้างปลอดภัย
ครึ่งเดือน!
เจียงอี้นั่งอยู่ในห้องโดยสารและไม่สนใจเรื่องภายนอกขณะที่ทหารสิบคนที่ถูกจ้างมาได้จัดการทุกอย่างแล้ว คนเหล่านี้มาจากสมาคมการค้าอันดับต้นๆในเขตแดนอรหังและมีอิทธิพลมากพอในเขตแดนอรหัง เจียงอี้นั่งหลับตาและฝึกฝนขณะที่อดทนรอวันที่จะถึงซากปรักหักพังสลายบาป