เพลิงพิโรธสวรรค์ Fury towards the burning heaven - บทที่ 901 ข้าไม่สนใจผู้หญิง
คารวะราชาอรหัง!
ไม่เพียงแต่เหล่าจอมยุทธของตระกูลอีเท่านั้น แต่ยังมียอดฝีมือนับไม่ถ้วนที่พากันเดินออกมาจากกระโจมเพื่อไปคารวะราชาอรหัง แม้แต่เสียเฟยและกลุ่มของเขาเองก็ด้วย
ราชาอรหังผ่านขอบเขตกึ่งเทพได้เมื่ออายุสามสิบเก้าปี เขาถือเป็นอัจฉริยะ สิ่งที่สำคัญที่สุดคือเขาเข้าถึงรูปแบบเต๋าอันยิ่งใหญ่ที่ไม่มีผู้ใดเคยเห็นมาก่อนในประวัติศาสตร์ ความแข็งแกร่งของเขาต่ำกว่าเหล่าเก้าจักรพรรดิ แต่เขาจะต้องไปถึงจุดสูงสุดในไม่ช้าอย่างแน่นอน
เจียงอี้เองก็เดินออกไปเช่นกัน หากเขายังคงซ่อนตัวอยู่ในเวลานี้ ผู้คนคงพากันสงสัย ทหารทั้งสิบที่อยู่ข้างๆเขาก็แสดงความเคารพด้วย แต่เจียงอี้ไม่ได้ทำเช่นนั้น มีผู้คนมากมายที่ไม่ได้แสดงความเคารพ ดังนั้นเขาจึงไม่เป็นจุดเด่นมากนัก
นี่คือเกียรติที่ถูกเรียกว่ายอดฝีมือระดับสูงสุดของศาสตร์แห่งเต๋าหรือ?
เจียงอี้มองไปรอบๆและเห็นว่ามีผู้คนอย่างน้อยหลายร้อยคนที่คุกเข่า ที่เหลือทั้งหมดก็โค้งคำนับเล็กน้อย ซึ่งมันเป็นภาพที่น่าเกรงขามและยิ่งใหญ่มาก ทำให้ดวงตาของเจียงอี้เป็นประกายขึ้นโดยไม่รู้ตัว
ราชาอรหังนั้นดูสงบนิ่งมาก เขาโบกมือและพูดขึ้นว่า ลุกขึ้นเถอะ!
ทุกคนต่างพากันลุกขึ้นด้วยความเคารพและรอให้ราชาอรหังพูดอยู่เงียบๆ ราชาอรหังมองไปรอบๆและทุกคนรู้สึกราวกับว่าพวกเขามองเข้าไปในดวงตาของเขา เขายิ้มอย่างอ่อนโยนและพูดว่า ซากปรักหักพังแห่งนี้เป็นสถานที่ที่ดี เมื่อข้ายังเยาว์วัย ข้าได้เข้าไปที่นั่นสามครั้งและได้ของมามากมาย ซากปรักหักพังนี้มีมนต์บางอย่างและทำให้ผู้คนลืมสิ่งที่เกิดขึ้นภายในนั้น แต่รูปแบบเต๋าที่พวกเจ้าเข้าใจจะถูกจารึกไว้ในความทรงจำของพวกเจ้า ซากปรักหักพังกำลังจะเปิดขึ้นแล้ว ข้ามีสิ่งที่อยากจะบอกพวกเจ้าทุกคน คืออย่าได้โลภไป อันที่จริงแล้ว สิ่งที่เจ้าจะเข้าใจภายในนั้นมันมีค่ามากกว่าสมบัติล้ำค่ามากนัก
ราชาอรหังหยุดและโบกมือไปยังกระโจมด้านล่าง จากนั้นอีฉานก็บินขึ้นไปช้าๆและยืนข้างๆราชาอรหังที่กำลังมองนางอย่างเอ็นดูพร้อมกับพูดว่า ข้ามีบุตรสาวผู้หนึ่งที่มีความคาดหวังที่สูงเสียดฟ้าและดูถูกชายทุกคนบนโลกนี้ นางเคยกล่าวไว้ว่า หากไม่มีชายที่นางยอมรับว่าแข็งแกร่งกว่านาง นางจะขอใช้ชีวิตลำพังดีกว่า ในวันนี้ นายน้อยจำนวนมากมายจากตระกูลต่างๆในทวีปจักรพรรดิบูรพาและชายหนุ่มที่มีพรสวรรค์ต่างอยู่ที่นี่ ข้ามีเรื่องอยากถามพวกเจ้าหน่อย พวกเจ้าเต็มใจที่จะถูกสตรีดูถูกไหม? พวกเจ้าเป็นชายที่ไม่มีผู้ใดเทียบเทียมที่ฉานเอ๋อร์น้อยของข้ารอมายี่สิบสามปีหรือไม่? หากใช่ เช่นนั้นก็จงออกมาจากซากปรักหักพังเป็นๆซะ!
ทันทีที่ราชาอรหังพูดจบ เหล่าขอบเขตเทียนจุนมากมายของตระกูลอีก็ยิงแก่นแท้พลังไปที่หุบเขาพร้อมกัน หุบเขานั้นไม่ได้ถล่มแต่หินบนผากลับส่องประกาย จากนั้น เมื่อไฟป่าถูกจุดขึ้น ภูเขาทางตอนเหนือก็ค่อยๆสว่างขึ้นเรื่อยๆและแผ่ขยายออกไปไกล
จนท้ายที่สุด ท้องฟ้าก็สว่างไสวจนหมด ทุกคนต่างมองไม่เห็นเพราะแสงจ้านั้น และใจของทุกคนก็สั่นสะท้านไปด้วยความประหลาดใจราวกับประตูไปสู่อีกโลกถูกเปิดออก
บรึฟ!
บานประตูถูกเปิดออกอย่างแท้จริง แสงบนภูเขาค่อยๆจางลง แต่หุบเขายังสว่างอยู่และหุบเขาลึกก็ได้ปรากฏในสายตาของทุกคน ตรงจุดที่ไกลที่สุดของหุบเขานั้นกลายเป็นอุโมงค์ที่ขยายไปถึงส่วนลึกที่สุดของภูเขา
ผู้อาวุโสตระกูลอีตะโกนขึ้นว่า ทุกคนฟังทางนี้ จอมยุทธที่มีอายุมากกว่าสามสิบปีจะเข้าไปไม่ได้ ไม่เช่นนั้นเจ้าจะถูกอาคมภายในนั้นสังหารทันที อย่าพยายามทะเลาะกันภายในนั้นและเป็นมิตรต่อกัน พวกเจ้าสามารถอยู่ในนั้นได้หนึ่งเดือนในแต่ละครั้ง และจะถูกย้ายออกมาหลังจากผ่านไปหนึ่งเดือน หากพวกเจ้าพบเจออันตรายใดๆและไม่กล้าเดินหน้าต่อไป พวกเจ้าสามารถมองหาที่ซ่อนและรอให้ถึงเส้นตายหนึ่งเดือนได้ ตระกูลอีไม่มีสิทธิ์ขโมยสมบัติใดๆที่พวกเจ้าได้มาจากในนั้น แต่แน่นอนว่า…พวกเจ้าสามารถขายมันให้แก่ตระกูลอีได้เช่นกันและเราจะเสนอราคาที่พึงพอใจและจะพาพวกเจ้ากลับไปที่เมืองด้วย บรรดาผู้ที่ประสงค์จะเข้าไปในนั้นสามารถเข้าไปได้แล้วในตอนนี้
ฟรึ่บ! ฟรั่บ! ฟรึ่บ!
หลังจากผู้อาวุโสพูดจบ เสียเฟยและกลุ่มของเขาก็บินตรงไปและหายไปในหุบเขาอย่างรวดเร็ว และดวงตาของเจียงอี้ก็สว่างไสวขึ้น
เป็นเพราะว่าทั้งหวู่นี่และจีทิงยวี่นั้นไปพร้อมกับผู้ติดตามเพียงร้อยคนที่เป็นรุ่นเยาว์ทั้งหมด ส่วนยอดฝีมือที่เป็นผู้อาวุโสนั้นไม่ได้เข้าไปกับพวกเขาด้วย!
สวรรค์ประทาน!
เจียงอี้หายใจเข้าลึกๆและเก็บอาการสั่นเทาของตัวเองไว้ เขาไม่ได้รีบร้อนเข้าไปข้างในนั้นอย่างประมาท ข้างในนั้นอันตรายมาก และการเข้าไปก่อนก็ไม่ได้ต่างอะไรเลย
กล้วยไม้เขี้ยวเพลิงจะอยู่ที่ไหนได้นะ?
เจียงอี้ลืมตาขึ้นมา ทันใดนั้นเขาก็ตบขาตัวเองและพึมพำอย่างสงสัย ไม่สิ ในเมื่อทุกคนสูญเสียความทรงจำหลังจากออกมาจากซากปรักหักพัง แล้วทำไมเอ๋าหลูถึงรู้ว่ากล้วยไม้เขี้ยวเพลิงอยู่ในนั้นกัน? หรือเขาจะมีทักษะศักดิ์สิทธิ์ที่ทรงพลังหรือเปล่านะ?
หลังจากครุ่นคิดอยู่พักหนึ่ง เจียงอี้ก็คิดไม่ออก เขาจะต้องถามเอ๋าหลูอีกครั้งเมื่อเขากลับไปยังทะเลลึกไร้สิ้นสุด ผู้คนมากมายนับแสนรีบตรงไปยังซากปรักหักพังในเวลาเพียงสองนาที ส่วนใหญ่นั้นจะเป็นชายหนุ่ม แน่นอนว่ามีสตรีเข้าไปที่นั่นด้วย หลิงชือหย่าที่เป็นน้องสาวของหลิงชีเจี้ยนเองก็เข้าไปนานแล้วและหยิ่นรั่วปิงก็เข้าไปเช่นกัน เจียงอี้เคารพพวกเขามากในเรื่องนี้เพราะทายาทเก้าตระกูลจักรพรรดินั้นไม่กลัวความตาย
สิ่งที่ทำให้เขาฉงนใจคืออีฉานยังอยู่ข้างราชาอรหังและมองกลุ่มคนเข้าไปยังซากปรักหักพัง ดูเหมือนว่านางจะไม่เข้าไปในนั้น
ฟรึ่บ! ฟรั่บ!
สองนาทีต่อมา ชายอีกหลายหมื่นคนก็พุ่งเข้าไปในนั้นด้วยและตอนนี้คนเริ่มน้อยลงแล้ว ท้ายที่สุดแล้วที่นี่ก็กำหนดอายุ ไม่มีผู้ใดรู้ว่ามันเป็นเพราะอาคมยับยั้งหรือตระกูลอีจงใจสร้างมันขึ้นมาเพื่อฝึกฝนรุ่นเยาว์
พวกเจ้ารอที่นี่ หากอีกหนึ่งเดือนข้ายังไม่ออกมาก็จงกลับไปซะ!
เจียงอี้จัดการพูดคุยกับทหารรับจ้างสิบคนก่อนที่จะวิ่งไปด้านหน้าเงียบๆ เขาไม่ได้เร็วมากและคอยปกปิดตัวเองเพราะกลัวว่าจะทำให้พวกคนด้านบนรับรู้ได้ ราชาอรหังเองก็อยู่บนนั้นด้วย หืม?
เมื่อเจียงอี้กำลังจะเข้าไปในหุบเขา เจียงอี้ก็พบว่าอีฉานมองลงมาที่เขาลางๆและบินลงมาอย่างสง่างามเช่นกัน นางอยู่ไม่ไกลจากเขาและบินไปยังหุบเขาลึกนั้น
เกิดอะไรขึ้น? นางจำข้าได้หรือ?
ในขณะนั้นเอง ดวงจิตของเจียงอี้ก็สั่นสะท้าน แต่เขาก็ยังดูเฉยเมยและไม่หันกลับมามองอีฉาน ในทางตรงข้าม เหล่านายน้อยมากกว่าสิบคนที่อยู่ข้างๆเขานั้นพากันหันกลับไปมองด้วยความตื่นเต้น
สามสิบสามกิโลเมตร, สามกิโลเมตร สามร้อยเมตร…
เจียงอี้ถอนหายใจอย่างโล่งอกเมื่อเห็นประตูเคลื่อนย้ายที่ส่องแสงสีขาวอยู่ด้านหน้า อีฉานไม่ได้ทำอะไรแปลกๆ นางเพียงแค่ตามเขามาเงียบๆ ส่วนราชาอรหังและคนอื่นๆก็ไม่ได้ปล่อยสัมผัสศักดิ์สิทธิ์มาที่เขาเช่นกัน
ณ ซากปรักหักพังสลายบาป จู่ๆเจียงอี้ก็หยุดลงและหับกลับมามองหน้ากากราชาภูติผีและพูดอย่างเย็นชาว่า แม่นางอี เจ้าตามข้ามาทำไม?
เอ่อ…
นายน้อยหลายคนแถวนั้นต่างก็ตกใจ มีผู้ใดกล้าคุยกับอีฉานเช่นนี้ด้วยหรือ? เขาคิดว่าตัวเองเป็นใครกัน? นี่เขามีศักดิ์ศรีหรือเปล่า?
อีฉานเองก็ตกตะลึงเช่นกันก่อนที่นางจะพูดว่า นายน้อยผู้นี้ เราเคยเจอกันที่ไหนมาก่อนหรือไม่? ทำไม…ข้าถึงรู้สึกว่าเจ้าดูคุ้นเคย?
ฮิฮิ!
เจียงอี้หัวเราะอย่างเย็นชาและพูดว่า แม่นางอีฉาน คำพูดของเจ้ามันค่อนข้างเป็นถ้อยคำที่น่าเบื่อหูนัก ข้าต้องขออภัยด้วย…แต่ข้าไม่ได้สนใจผู้หญิง
หลังจากพูดเช่นนั้น เจียงอี้ก็หันกลับไปและรีบไปยังประตูเคลื่อนย้าย ซึ่งปล่อยให้นายน้อยกว่าสิบคนรู้สึกราวกับฟ้าผ่าและอีฉานก็รู้สึกละอายมากจนนางแทบอยากจะมุดหลุมและซ่อนอยู่ในนั้นแล้ว